ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การอ้างอิงข้อความในรายงานเป็นวิธีช่วยสนับสนุนความคิดของคุณด้วยหลักฐานที่ชัดเจนและช่วยให้ข้ออภิปรายของคุณดูน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนหัวข้อหรือประเด็นหลักของคุณได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการให้รายงานของคุณดูเป็นมืออาชีพ คุณต้องรู้วิธีอ้างอิงที่ถูกต้องไม่ว่าคุณจะเขียนในรูปแบบเอพีเอ (APA) หรือเอ็มแอลเอ (MLA) ก็ตาม และจำไว้ว่า ถ้าคุณอ้างอิงข้อความพูดโดยไม่เขียนอ้างอิงเจ้าของข้อความ คุณจะถูกพิจารณาว่าเจตนาลอกเลียนวรรณกรรม (Plagiarism) นอกจากนี้คุณต้องเขียนบรรณานุกรม (Reference) ไว้บริเวณตอนท้ายของรายงานในกรณีที่คุณอ้างอิงบทความต่างๆ ถ้าคุณอยากจะรู้วิธีอ้างอิงในรายงาน ให้เริ่มอ่านที่ขั้นตอนแรกได้เลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การอ้างอิงข้อความแบบเอ็มแอลเอ (MLA)

ดาวน์โหลดบทความ

รูปแบบการเขียนเอ็มแอลเอ (Modern Language Association; MLA) ต้องอ้างอิงด้วยการแนบชื่อของผู้เขียนและหมายเลขหน้าของแหล่งของมูลที่คุณทำมา ถ้าคุณต้องการอ้างอิงบทกวี (Poetry) ให้ใส่หมายเลขบรรทัดแทนหมายเลขหน้า คุณไม่จำเป็นต้องเขียนวันที่ตีพิมพ์ของแหล่งข้อมูลแนบลงไปเนื้อรายงานเหมือนกับการเขียนในรูปแบบเอพีเอ (APA) แต่คุณจะต้องเขียนวันที่ลงในบรรณานุกรมที่อยู่ส่วนท้ายของรายงานเสมอ

  1. ในการเขียนรูปแบบเอ็มแอลเอ ประโยคสั้นๆ หมายถึงข้อความร้อยแก้วที่มีความยาวต่ำกว่า 4 บรรทัด หรือข้อความร้อยกรองที่มีความยาวน้อยกว่า 3 บรรทัด ถ้าประโยคที่คุณต้องการอ้างอิงมีความยาวประมาณดังกล่าว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ 1) ล้อมข้อความด้วยเครื่องหมายคำพูด (Quotation marks; “…”) 2) เขียนนามสกุลของเจ้าของข้อความ และ 3) เขียนหมายเลขหน้าของแหล่งข้อมูล คุณอาจจะเขียนชื่อเจ้าของข้อความก่อนหน้าบทอ้างอิงหรือเขียนไว้หลังบทอ้างอิงก็ได้ นอกจากนี้คุณอาจจะเขียนหมายเลขหน้าอย่างเดียวตอนท้ายของบทอ้างอิงโดยไม่เขียนสัญลักษณ์ “p.” หรือคำอื่นๆ ที่บอกหมายเลขหน้าก็ได้ [1]
    • จำไว้ว่าคุณอ้างอิงข้อความโดยการใช้ข้อความเพียงส่วนเดียวจากแหล่งข้อมูลทั้งหมดเท่านั้น อย่าเขียนบทอ้างอิงโดยไม่กล่าวล่วงหน้า เพราะผู้อ่านจะไม่รู้ ให้เขียนเกริ่นนำเล็กน้อยว่าต่อไปจะมีการอ้างอิง จากนั้นเริ่มเขียนบทอ้างอิงด้วยเครื่องหมายคำพูด แล้วแนบนามสกุลเจ้าของบทอ้างอิงและหมายเลขหน้าในวงเล็บแล้วเว้นวรรค (หรือใช้สัญลักษณ์เชื่อมอื่นๆ) ในตอนท้ายของประโยค เช่น:
      • According to some critics, literary fiction, "is all but dead in the 21st century"(Smith 200). [2]
    • คุณสามารถแนบชื่อของเจ้าของบทอ้างอิงในตัวรายงานแทนที่จะใส่วงเล็บไว้ตอนท้าย โดยเขียนตามตัวอย่างต่อไปนี้:
      • Jones states that, "People who read literary fiction are proven to be able to sympathize with others more easily"(85).
    • คุณยังสามารถกล่าวถึงบทอ้างอิง แนบชื่อและหมายเลขหน้า แล้วแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้:
      • Many people believe that "Sports has no meaning whatsoever,"(Lane 50), while others disagree completely.
    • ถ้ามีเครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation mark) ในแหล่งข้อมูลดั้งเดิม ให้เขียนในบทอ้างอิงของคุณด้วย ดังนี้่:
      • Harry Harrison, the protagonist, always starts his day by saying, "What a beautiful morning!"(Granger 12).
    • ถ้าคุณต้องการอ้างอิงบทกวี ให้คุณเขียนอ้างอิงโดยระบุบรรทัดของบทกวีที่คุณใช้ และใช้สัญลักษณ์ "/" ในการแยกบรรทัด เช่น
      • As Miller states, "There is nothing cuter/than a cat sneezing" (11-12), and many cat lovers would attest to this fact.
  2. ในการเขียนรูปแบบเอ็มแอลเอ ข้อความที่ยาวหมายถึงข้อความร้อยแก้วที่มีความยาวมากกว่า 4 บรรทัด หรือข้อความร้อยกรองที่มีความยาวมากกว่า 3 บรรทัด ถ้าคุณต้องอ้างอิงในลักษณะนี้ คุณต้องเขียนบทอ้างอิงแยกออกมาจากเนื้อหาในรายงาน และไม่ใช้เครื่องหมายคำพูด คุณอาจจะเกริ่นก่อนกล่าวถึงบทอ้างอิงได้ 1 บรรทัด จากนั้นแสดงเครื่องหมายโคลอน (:) แล้วเขียนบทอ้างอิงโดยเว้นย่อหน้า 1 นิ้วจากขอบกระดาษทางซ้าย และเว้นระยะห่างระหว่างบรรทัด 2 เท่า (Double space) คุณสามารถจบการอ้างอิงด้วยการใช้เครื่องหมายวรรคตอน “จากนั้น” เขียนนามสกุลของเจ้าของแหล่งข้อมูลพร้อมหมายเลขหน้าในวงเล็บในตอนท้าย [3]
    • ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของการกล่าวนำบทอ้างอิงที่มีความยาวประมาณ 1 ย่อหน้า:
      • The short story, "The Things They Carried," lists the items carried by soldiers in the Vietnam war to both characterize them and burden the readers with the weight they are carrying:
        The things they carried were largely determined by necessity. Among the necessities or near-necessities were P-38 can openers, pocket knives, heat tabs, wristwatches, dog tags, mosquito repellent, chewing gum, candy cigarettes, salt tablets, packets of Kool-Aid, lighters, matches, sewing kits, Military Payment Certificates, C rations, and two or three canteens of water. (O'Brien, 2)
    • เมื่อคุณต้องการอ้างอิงข้อความที่มีความยาว 2 ย่อหน้าหรือมากกว่า คุณจะต้องใช้กล่องอ้างอิงข้อความแม้ว่าเนื้อหาแต่ละส่วนในย่อหน้านั้นจะมีความยาวน้อยกว่า 4 บรรทัดก็ตาม คุณควรจะย่อหน้าบทอ้างอิงบรรทัดแรกทุกๆ ย่อหน้าให้มากกว่าเดิมประมาณ ¼ นิ้ว แล้วให้ใช้เครื่องหมายละความ (...) บริเวณตอนท้ายของย่อหน้าเพื่อเชื่อมความไปยังเนื้อหารายงานถัดไปได้
  3. ถ้าคุณต้องการอ้างอิงบทกวี หรือส่วนหนึ่งของบทกวี คุณควรจะรักษารูปแบบของบรรทัดเดิมเอาไว้เพื่อคงความหมายของบทกวี ตัวอย่างดังต่อไปนี้คือวิธีอ้างอิงบทกวี: [4] [5]
    • Howard Nemerov describes his longing for a lost love in his poem, "Storm Windows":
      This lonely afternoon of memories
      And missed desires, while the wintry rain
      (Unspeakable, the distance in the mind!)
      Runs on the standing windows and away. (14-18)
  4. วิธีนี้เป็นประโยชน์อย่างมากถ้าคุณต้องการเปลี่ยนความหมายของบทอ้างอิงเล็กน้อยเพื่อช่วยเสริมเนื้อหาในรายงาน หรือคุณต้องการตัดข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่คุณต้องการเขียน ตัวอย่างดังต่อไปนี้คือวิธีอ้างอิงโดยการเพิ่มหรือลดคำ:
    • ใช้เครื่องหมายวงเล็บปีกกา ([...]) ในการ “เติม” ข้อมูลที่ช่วยผู้อ่านในการอ่านบทอ้างอิงได้
      • Mary Hodges, a twentieth-century realist writer of short stories, once wrote, "Many women [who write stories] feel like they are somehow inferior to novelists, but that should not be the case"(88).
    • ใช้เครื่องหมายละความ (...) ในการตัดบางส่วนของบทอ้างอิงที่ไม่จำเป็นออกไป ยกตัวอย่างเช่น
      • Smith believes that many Ivy League students "feel that teaching isn't as ambitious a profession…as banking"(90).
  5. ถ้าคุณต้องการอ้างอิงข้อความที่มีผู้เขียนมากกว่า 1 คน คุณจะต้องแยกชื่อของทุกคนด้วยเครื่องหมายจุลภาคย์ (,) และคำว่า “and” กับคนสุดท้าย ตัวอย่างเช่น :
    • Many studies find that MFA programs "are the single biggest factor for helping first-time writers publish their work"(Clarke, Owen, and Kamoe 56).
  6. การอ้างอิงข้อความจากอินเทอร์เน็ตอาจจะดูเป็นการเล่นแง่เล็กน้อย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องเขียนหมายเลขหน้าแนบในรายงาน อย่างไรก็ตาม คุณควรจะพยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ชื่อผู้เขียน ปีที่เขียน หรือชื่อหัวข้อ ยกตัวอย่างเช่น:
    • One online film critic said that Trust was "the single-most embarrassing film produced in Canada within the last decade"(Jenkins, "Blame Canada!").
    • Wedding guru Rachel Seaton stated in her well-regarded blog that "Every woman is a bridezilla at heart"(2012, "Godzilla in a Tux.").
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

การอ้างอิงข้อความในการเขียนรูปแบบเอพีเอ (APA)

ดาวน์โหลดบทความ

ในการเขียนรูปแบบเอพีเอ (American Psychological Association; APA) แม้คุณจะต้องเขียนนามสกุลของผู้เขียนพร้อมหมายเลขหน้าเหมือนกับที่เขียนแบบเอ็มแอลเอ แต่คุณต้องเขียนปีตีพิมพ์เพิ่มเติมด้วย ในการเขียนรูปแบบเอพีเอนั้น คุณจะต้องใช้คำว่า “p.” ก่อนหมายเลขหน้าในการอ้างอิง

  1. การอ้างอิงข้อความสั้นๆ (น้อยกว่า 40 คำ) คุณต้องแนบนามสกุลของผู้เขียน ปีที่เขียน และหมายเลขหน้า (พร้อมทั้งสัญลักษณ์ “p.” เพื่อแสดงหมายเลขหน้า) ไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งของบทอ้างอิง ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นวิธีการอ้างอิงข้อความสั้นๆ : [6]
    • According to McKinney (2012), "Yoga is the best method of stress relief for Americans over twenty today" (p.54).
    • McKinney found that, "100 adults who did yoga at least three times a week were found to have lower blood pressure, better sleeping patterns, and fewer everyday frustrations" (2012, p.55).
    • She also said, "Yoga is far superior to running or biking, in terms of stress relief"(McKinney, 2012, p.60).
  2. คุณจะต้องแยกข้อความอ้างอิงออกจากเนื้อหาในรายงาน เริ่มต้นข้อความด้วยการขึ้นบรรทัดใหม่และย่อหน้า ½ นิ้ว จากนั้น พิมพ์ข้อความที่ต้องการอ้างอิงทั้งหมดด้วยย่อหน้าลักษณะนี้ ถ้าข้อความที่จะใช้อ้างอิงมีหลายย่อหน้า ให้ย่อหน้าข้อความบรรทัดแรกของทุกย่อหน้าเพิ่มจากเดิม 1 2 inch (1.3 cm) จากย่อหน้าเก่า และเว้นระยะห่างระหว่างบรรทัดไว้ที่ 2.0 นอกจากนี้ ให้เขียนอ้างอิงในวงเล็บหลังเครื่องหมายวรรคตอนอันสุดท้าย กฎการเขียนอ้างอิงยังเหมือนเดิม คือให้เขียนถึงนามสกุลของผู้เขียน ปีที่เขียน และหมายเลขหน้า แม้ว่าคุณจะกล่าวถึงไปแล้วหรือเขียนไว้ในเนื้อหารายงานแล้วก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น : [7]
    • McKinney's study (2011) found the following:
      High school English teachers who practiced 100 minutes of yoga per week over the course of a month were able to build better relationships with their students, feel more empathy towards their students and coworkers, feel less stress about grading and other daily tasks, and to even find new meaning in the same novels they had been teaching for many years. (57-59).
  3. ถ้าคุณเขียนข้อความอ้างอิงใหม่ (Paraphrasing) ในการเขียนรูปแบบเอพีเอ คุณจะต้องกล่าวถึงผู้เขียน ปีที่ตีพิมพ์ และหมายเลขหน้าของข้อความที่คุณเขียนขึ้นมาใหม่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น :
    • McKinney believes that yoga is a form of therapy, both physical and mental (2012, p.99).
    • According to McKinney, yoga should be mandatory in all public schools (2012, p.55).
  4. ถ้าคุณต้องการอ้างอิงข้อความที่มีผู้เขียนหลายคนในการเขียนรูปแบบเอพีเอ คุณจะต้องใช้สัญลักษณ์แอมเพอร์แซน (Ampersand; สัญลักษณ์ “&”) ในการเชื่อมชื่อของผู้เขียนสองคน (เรียงตามลำดับตัวอักษร) ดังตัวอย่างต่อไปนี้ : [8]
    • In the end, it was found that "Students who watch television instead of reading develop much smaller vocabularies"(Hoffer & Grace, 2008, p.50).
  5. เมื่อคุณต้องการอ้างอิงข้อความที่มาจากอินเทอร์เน็ต คุณจะต้องหาชื่อผู้เขียน วันที่พิมพ์ และหมายเลขย่อหน้าของเนื้อความ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ : [9]
    • In her article, Smith wrote that "The world does not need another blog"(2012, para.3) .
    • ถ้าคุณไม่สามารถหาชื่อผู้เขียนได้ ให้ใช้ชื่อบทความแทน ถ้าไม่มีวันที่ตีพิมพ์ ให้เขียนว่า "n.d." แทน เช่น:
      • Another study found that extra help after school was invaluable in student success ("Students and Tutoring," n.d.).
    โฆษณา

คำเตือน

  • อ้างอิงให้ถูกต้องอยู่เสมอ ถ้าทำผิดอาจจะถูกพิจารณาว่าเจตนาลอกเลียนวรรณกรรมได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 29,856 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา