ไม่ว่าจะทำการบ้าน รายงาน หรือร่างบทความใน Microsoft Word ถ้ารู้จำนวนคำทั้งหมดในเอกสารก็น่าจะเป็นประโยชน์อยู่ โชคดีที่ Word มี tool สำหรับนับ word count ได้ทันทีติดมากับโปรแกรมเลย ทั้งเวอร์ชั่นคอม มือถือ/แท็บเล็ต และออนไลน์ เริ่มจากเลือกเมนูที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเวอร์ชั่น จากนั้นแตะหรือคลิก word count เท่านี้ก็ได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว
ขั้นตอน
-
เปิด Microsoft Word. โดยดับเบิลคลิกไอคอน Word ในหน้า desktop ใน Taskbar (Windows) หรือ Dock (Mac) ถ้าไม่เจอไอคอนนี้ ให้คลิกเมนู "Start" ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าจอ PC คลิก "All Programs" ให้ขยายลงมา แล้วเลือก Microsoft Word
- ถ้าใช้ Mac ให้คลิกไอคอน Launchpad (จรวดสีเทา) ใน dock แล้วพิมพ์ 'Word' ในแถบค้นหาที่ด้านบนของหน้าจอ
-
ไปยังเอกสารที่มี. เวลาจะเปิดเอกสาร ให้ไปที่เมนู File แล้วคลิก Open จะมี dialog box โผล่มาพร้อมรายชื่อเอกสารที่มี
-
เลือกเอกสาร. ใน dialog box ให้ไปยังเอกสารที่จะเปิดแล้วเลือกเอกสารนั้น พอเอกสารถูกเลือกแล้ว ให้คลิก Open ที่ด้านขวาล่างของ dialog box
-
เลือก Tools. พอเปิดเอกสารแล้ว ให้เลือกเมนู Tools ตรงกลางด้านบนของหน้าต่าง
-
เลื่อนไปที่ Word Count. ในเมนู Tools ที่ขยายลงมา ให้คลิก "Word Count"
-
เช็ค word count. จะมีกรอบโผล่มาพร้อมจำนวนคำ จำนวนอักขระ ย่อหน้า บรรทัด และหน้าของเอกสาร
- word count ของหลายเอกสารจะขึ้นอยู่ตลอด ตรงกลางแถบด้านล่างของหน้าต่างเอกสารนั้น ให้คลิก word count นั้นถ้าอยากอ่านข้อมูลเพิ่มเติม เช่น จำนวนหน้าและอักขระ เป็นต้น
โฆษณา
-
คลิกเคอร์เซอร์ที่หน้าข้อความที่จะนับ word count. คลิกต้นประโยค ย่อหน้า หรือส่วนของเนื้อหาที่จะเช็ค word count
-
เลือกส่วนของเนื้อหาที่ต้องการ. ลากเคอร์เซอร์ไปจนสุดเนื้อหาที่ต้องการจะเช็ค word count เท่านี้เนื้อหาทั้งหมดที่เลือกไว้จะถูกเน้นด้วยสีฟ้า
-
คลิกเมนู Tools. เลือกเมนู Tools ที่ตรงกลางด้านบนของหน้าต่างเอกสาร
-
คลิก Word Count. เลือก Word Count ในเมนู Tools ที่ขยายลงมา แล้วจะมีกรอบแสดงจำนวนคำ อักขระ บรรทัด หน้า และย่อหน้าโผล่มาในหน้าจอ
- word count ของเนื้อหาส่วนที่เลือกไว้ ปกติจะขึ้นที่แถบด้านล่างของเอกสาร
โฆษณา
-
เปิดแอพ Microsoft Word ในมือถือหรือแท็บเล็ต. ถ้าใช้ Word ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ให้แตะไอคอนเพื่อเปิดแอพ Word
-
เปิดเอกสาร. ปกติแอพจะเปิดเอกสารที่คุณทำงานค้างไว้ล่าสุดขึ้นมา แต่ถ้าไม่ ก็จะเป็นรายชื่อไฟล์ที่คุณเคยเปิดเมื่อเร็วๆ นี้ ให้แตะเลือกไฟล์ที่จะใช้งาน
-
แตะเมนู Edit. พอเปิดเอกสารแล้ว ให้แตะเมนู Edit (ไอคอนเป็นตัว "A" ใหญ่ มีรูปดินสอ) ทางด้านบนของหน้าจอ เมนู Edit จะเปิดมาในครึ่งล่างของหน้าจอ
- ถ้าใช้ Word ใน iPad ให้แตะเมนู "Review" ตรงกลางด้านบนของหน้าจอแท็บเล็ต
-
แตะ "Home". ทางซ้ายของแถบเมนู Edit แล้วเมนู pop-up จะโผล่มา
-
แตะ "Review". ที่เป็นเมนูทางด้านล่างของเมนู Edit ที่โผล่มา
-
แตะ "Word Count". Word Count จะอยู่ทางด้านล่างของเมนู Review แตะแล้วจำนวนคำ อักขระ และหน้าในเอกสารนั้นจะโผล่มา
- ถ้าใช้ Word ใน iPad ไอคอน word count จะเป็นเส้นบรรทัดหลายๆ บรรทัด พร้อมเลข "123" ที่ด้านซ้ายบน ปกติอยู่ในแถบเมนูหลัก ในเมนู Review อีกที
- เลือกส่วนของเนื้อหาที่ต้องการโดยใช้นิ้วแตะ พอข้อความถูกเน้นแล้วให้แตะ Word Count เพื่อดูจำนวนคำของเนื้อหาในเอกสารส่วนที่เลือกไว้
โฆษณา
-
เปิด Word ในเว็บ. ให้ไปที่เว็บ office.live.com แล้วล็อกอินด้วย Microsoft ID กับรหัสผ่าน หรือจะใช้เวอร์ชั่นฟรีก็ได้
-
เปิดเอกสาร. ทางซ้ายของหน้าจอ ให้เลือกเอกสารที่เปิดล่าสุด
- ถ้าไม่เจอเอกสารที่จะแก้ไข ให้เลือก Open from One Drive หรือ Open from Dropbox ที่มุมซ้ายล่างของหน้าต่าง
-
เช็ค word count. พอเปิดเอกสารแล้ว ให้สังเกตด้านซ้ายล่างของเอกสาร จะมี word count โผล่มาอัตโนมัติในแถบเลื่อนด้านล่างโฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าอยากให้ word count ขึ้นในเอกสารตลอด ให้เลือก View ในเมนู Preferences ที่มุมซ้ายบนของ Mac หรือ PC จากนั้นติ๊กช่องทางซ้ายของ "Live Word Count"
- ถ้าใช้ Word ใน PC/Mac ก็ต้องขยายหน้าต่าง Microsoft Word ให้เต็มซะก่อน ไม่งั้นหน้าต่างจะไม่เต็มจอ ขยับไปมาแล้วเห็นแค่บางส่วน ทำให้คุณไม่เห็น Word Count ที่ด้านล่างของเอกสาร
โฆษณา
โฆษณา