ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พัฒนาการด้านควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะอย่างยาวนานตลอดทั้งคืนอาจไม่เป็นไปตามตารางเวลาที่กำหนด และมีเด็กจำนวนมากที่อาจใช้เวลานานกว่าเพื่อนๆ เพี่อเลิกปัสสาวะรดที่นอน กุญแจไขปัญหานี้คือต้องล่อหลอกเด็กให้ทำได้สำเร็จ เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะปัสสาวะรดที่นอน (Bedwetting ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Sleep enuresis หรือ Nocturnal enuresis ด้วย) อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ทีปัญหาปัสสาวะรดที่นอน ไม่ว่าคุณจะกำลังพยายามช่วยเหลือลูกหรือช่วยเหลือตัวคุณเอง คุณสามารถควบคุมการปัสสาวะรดที่นอนโดยใช้ความอดทนและการอุทิศตนเล็กๆ น้อยๆ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

หยุดการปัสสาวะรดที่นอนในเด็กๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เกือบ 15% ของเด็กๆ ยังคงปัสสาวะรดที่นอนอยู่ในตอนอายุครบห้าขวบ [1] แม้จำนวนนี้จะค่อยๆ ลดน้อยลง แต่โดยทั่วไป คุณไม่สมควรวิตกเรื่องปัสสาวะรดที่นอนจนกว่าเด็กจะอายุเจ็ดขวบ [2] เพราะก่อนหน้านั้น กระเพาะปัสสาวะกับการควบคุมกระเพาะปัสสาวะของเด็กอาจจะยังกำลังพัฒนาอยู่
  2. ในช่วงหลายชั่วโมงก่อนเข้านอน จงพยายามลดปริมาณน้ำที่ลูกของคุณจะดื่ม [3] จงสังเกตว่าไม่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณการดื่มน้ำตลอดทั้งวัน ในทางตรงกันข้าม การสนับสนุนให้ลูกดื่มน้ำในตอนเช้า และตอนบ่ายต้นๆ อาจช่วยลดอาการกระหายน้ำในตอนเย็นให้ลดลงได้ [4] หากลูกของคุณกระหายน้ำในตอนเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาร่วมเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมทางกายภาพอื่นๆ “จง” เสนอน้ำให้พวกเขาดื่ม
  3. คาเฟอีนเป็นยาขับปัสสาวะชนิดหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าสามารถทำให้คุณจำเป็นต้องปัสสาวะ [6] ขณะที่โดยทั่วไปนั้น คุณสมควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กๆ ดื่มคาเฟอีนอยู่แล้ว และยิ่งต้องทำเป็นพิเศษ ในตอนที่คุณกำลังพยายามหยุดการปัสสาวะรดที่นอน [7]
  4. จงตัดทิ้งซึ่งสิ่งที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคือง. นอกเหนือจากคาเฟอีน คุณสมควรพยายามตัดทิ้งสิ่งอื่นๆ ทุกสิ่ง ที่อาจสร้างความระคายเคืองให้กับกระเพาะปัสสาวะในตอนเย็น จนทำให้ปัสสาวะรดที่นอนได้เช่น น้ำผลไม้ตระกูลส้ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำผลไม้ที่ใส่สีย้อมสีแดง) น้ำตาลเทียม และสารให้กลิ่นรสสังเคราะห์ [8]
  5. ในช่วงบ่ายแก่ๆ ไปจนถึงช่วงเย็น จงสนับสนุนให้ลูกเข้าห้องน้ำประมาณทุกๆ สองชั่วโมง [9] การทำเช่นนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงภาวะปวดปัสสาวะฉับพลันในตอนเย็น
  6. เด็กจำนวนมากเข้าห้องน้ำในช่วงต้นของเวลานอนตามกิจวัตรประจำวัน ในตอนที่พร้อมเปลี่ยนเป็นชุดนอน แปรงฟัน ฯลฯ “การปัสสาวะซ้ำ”หมายความว่า ลูกของคุณได้เข้าห้องน้ำในตอนนั้น แล้วหลังจากนั้นก็เข้าห้องน้ำเป็นรอบที่สองโดยตรง ก่อนจะเข้านอนจริงๆ [10]
  7. แรงกดดันตรงทวารหนักที่เกิดจากท้องผูก สามารถทำให้ลูกปัสสาวะรดที่นอนได้ และเพื่อทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น เด็กๆ มักรู้สึกกระดากอายเกินกว่าจะแจ้งเรื่องท้องผูก แต่ปัญหาง่ายๆ นี้มีจำนวนมากถึงหนึ่งในสามของกรณีปัสสาวะรดที่นอนทั้งหมดในเด็ก ผู้ซึ่งหากไม่ใช่ปัญหานี้ จะควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ [11]
    • หากคุณยืนยันได้ว่าเขาหรือเธอท้องผูก จงทดลองกินอาหารที่อุดมด้วยกากใยนานหลายวัน หากทำเช่นนี้แล้วไม่เกิดความแตกต่าง จงไปพบกุมารแพทย์ มีทางเลือกดีๆ มากมายที่จะใช้ช่วยเหลือเด็กที่ท้องผูก
  8. แม้กระบวนการนี้จะทำให้หมดความอดทน คุณไม่สมควรเลยที่จะหันไปลงโทษลูกที่ปัสสาวะรดที่นอน [12] ลูกของคุณน่าจะรู้สึกกระดากอายเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว กับต้องการจะเลิกปัสสาวะรดที่นอนมากพอๆ กับที่คุณต้องการให้ลูกหยุดทำ แทนที่จะลงโทษที่ลูกล้มเหลว จงทดลองให้รางวัลต่อความสำเร็จในค่ำคืนใดๆ ที่ลูกของคุณไม่ปัสสาวะรดที่นอน [13]
    • คุณสามารถให้รางวัลแก่ลูกได้ทุกอย่าง มีตั้งแต่เล่นเกม ให้สติกเกอร์ ให้อาหารจานโปรดเป็นมื้อค่ำ จงให้สิ่งที่คุณรู้ว่าเขาหรือเธอจะพึงพอใจ
  9. หากจำเป็น จงทดลองใช้สัญญาณเตือนการปัสสาวะรดที่นอน. การปลุกลูกให้ตื่นไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่คุณจะเข้านอน จะส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กผู้ท้อแท้และได้พักผ่อนไม่เพียงพอ [14] คุณเองไม่ต้องการจะปลุกลูกในกรณีที่ยกตัวอย่างมานี้ แทนที่จะทำเช่นนั้น จงทดลองใช้สัญญาณเตือนการปัสสาวะรดที่นอน ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ติดกับชุดชั้นใน หรือกับเบาะบนที่นอน มันจะส่งสัญญาณเตือนบิ๊บๆ ในทันทีที่ตรวจพบความชื้น ช่วยให้ลูกของคุณสามารถลุกขึ้นและออกไปปัสสาวะ เฉพาะเมื่อกำลังจะเกิดเหตุปัสสาวะรดที่นอนเต็มทีแล้ว [15]
  10. การปัสสาวะรดที่นอนในเด็กๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่าแม้ว่าจะมีเป็นส่วนน้อย แต่เพื่อความปลอดภัย จงไปพบกุมารแพทย์ เพื่อจะได้ทดสอบลูกของคุณเพื่อหาโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้ [16]
    • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea)
    • การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ (A urinary tract infection)
    • โรคเบาหวาน (Diabetes)
    • ความผิดปกติต่างๆ ของท่อทางเดินปัสสาวะ หรือระบบประสาท (Abnormalities of the urinary tract or nervous system)
  11. เพราะตามปกตินั้น เป็นธรรมดาที่เด็กๆ จะเติบโตจนเลิกปัสสาวะรดที่นอนได้เอง กุมารแพทย์ส่วนใหญ่จึงไม่แนะนำให้ใช้ยา [17] อย่างไรก็ตาม มียาบางขนานที่สามารถใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย ทางเลือกเหล่านี้ได้แก่ [18]
    • ยาเดรสโมเพรสซิน (Desmopressin หรือ DDAVP) ซึ่งเพิ่มฮอร์โมนที่ต่อต้านการขับปัสสาวะตามธรรมชาติ เพื่อให้มีปัสสาวะน้อยลงในตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้มีผลข้างเคียง สามารถส่งผลกระทบได้เช่นกันต่อปริมาณโซเดียม และคุณจะต้องคอยตรวจดูการดื่มของเหลวของลูกขณะใช้ยาขนานนี้ด้วย
    • ยาออกซีบิวไทนิน (Oxybutynin หรือ Ditropan XL) ซึ่งสามารถช่วยตัดลดการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะ และช่วยเพิ่มความสามารถของกระเพาะปัสสาวะให้มากขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

หยุดการปัสสาวะรดที่นอนในวัยรุ่นและคนวัยผู้ใหญ่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณจำกัดปริมาณของเหลวที่ดื่มในช่วงสองสามชั่วโมงก่อนหน้าเวลานอน หลังจากนั้น ร่างกายของคุณจะผลิตปัสสาวะน้อยลงในตอนกลางคืน ทำให้คุณมีความน่าจะเป็นน้อยลงที่จะปัสสาวะรดที่นอน [19]
    • การทำเช่นนี้ไม่ได้หมายถึงการตัดลดปริมาณการดื่มของเหลวโดยรวม คุณยังคงสมควรดื่มน้ำประมาณแปดแก้วในแต่ละวัน เพียงแค่พยายามดื่มน้ำเหล่านี้ในตอนเช้าและตอนบ่าย การทำให้ร่างกายอิ่มน้ำมีความสำคัญพอๆ กัน เพราะการขาดน้ำอาจทำให้เกิดการปัสสาวะรดที่นอนในผู้ใหญ่ได้เช่นเดียวกัน [20]
  2. หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป. ทั้งคาเฟอีนและแอลกอฮอล์เป็นยาขับปัสสาวะ ซึ่งหมายความว่าทำให้ร่างกายผลิตปัสสาวะมากขึ้น แอลกอฮอล์ยังสามารถลดความสามารถของร่างกายที่จะปลุกให้คุณตื่นในตอนกลางคืนเพื่อปัสสาวะเมื่อคุณมีความจำเป็นด้วย นำไปสู่กรณีต่างๆ ของการปัสสาวะรดที่นอน [21] จงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปในตอนกลางคืน
  3. อาการท้องผูกสามารถสร้างแรงกดดันที่กระเพาะปัสสาวะ และลดการควบคุมของคุณในตอนกลางคืน [22] หากรณีปัสสาวะรดที่นอนของคุณเกิดขึ้นพร้อมกับอาการท้องผูก คุณสมควรพยายามเพิ่มกากใยมากขึ้นในอาหาร โดยสามารถหาได้จากผักใบเขียว ถั่วฝักยาว และแหล่งจากพืชอื่นๆ
    • คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการรักษาอาการท้องผูก โดยอ่านวิธีการควบคุมการขับถ่ายอุจจาระของคุณ
  4. สัญญาณเตือนการปัสสาวะรดที่นอน.สามารถช่วยให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่ผู้จำเป็นต้องฝึกฝนร่างกายให้มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อความจำเป็นที่จะปัสสาวะ สัญญาณเตือนที่ติดกับชุดชั้นในหรือเบาะบนที่นอน จะส่งเสียงดังบิ๊บหรือเสียงกริ่งในวินาทีที่สัมผัสได้ถึงความชื้น ช่วยให้คุณสามารถลุกขึ้นไปถ่ายปัสสาวะก่อนที่เกิดเหตุปัสสาวะรดที่นอนอย่างเต็มที่ขึ้น [23]
  5. มียาหลายขนานที่แสดงให้เห็นว่าทำให้มีอาการปัสสาวะรดที่นอนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา จงตรวจสอบเพื่อดูว่า อาจจะเป็นผลจากวิธีรักษาด้วยการกินยาหรือไม่ แต่จงปรึกษาแพทย์ก่อนจะเปลี่ยนแปลงกำหนดการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์เสมอ ยาบางขนานที่อาจทำให้ปัสสาวะรดที่นอน ได้แก่ [24]
    • ยาโคลซาปิน (Clozapine)
    • ยาริสเพอริโดน (Risperidone)
    • ยาโอแลนซาปีน (Olanzapine)
    • ยาควิไทอะปีน (Quetiapine)
  6. หากคุณกรนเสียงดัง และตื่นนอนในตอนเช้าพร้อมกับอาการเจ็บหน้าอก ปวดศีรษะ และเจ็บคอด้วย คุณอาจทุกข์ทรมานจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ [25] การปัสสาวะรดที่นอนเป็นอีกอาการหนึ่งของโรคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนวัยผู้ใหญ่ ผู้ซึ่งหากไม่ใช่ปัญหานี้ ไม่เคยมีปัญหามาก่อนที่จะควบคุมกระเพาะปัสสาวะของพวกเขา
    • หากคุณเชื่อว่าคุณเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สมควรไปพบแพทย์เพื่อทางเลือกต่างๆ ในการวินิจฉัยโรคและรักษา
  7. หากกรณีปัสสาวะรดที่นอนไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสอดคล้องกับการดื่มมากเกินไป หรืออาการท้องผูก คุณสมควรไปพบแพทย์ ตามปกตินั้น ภาวะการปัสสาวะรดที่นอนแบบทุติยภูมิ หรือ Secondary enuresis (การปัสสาวะรดที่นอนในผู้ที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงการควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ในระยะยาว) เป็นอาการหนึ่งของปัญหาอื่น แพทย์จะต้องการทำการทดสอบเพื่อตัดทิ้งว่าไม่ใช่ปัญหาอื่นๆ อีกหลากหลาย ได้แก่ [26]
    • โรคเบาหวาน (Diabetes)
    • โรคทางระบบประสาท (Neurological disorder)
    • โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ( Urinary tract infection)
    • โรคนิ่วทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract stones)
    • โรคต่อมลูกหมากโต/มะเร็ง (Prostate Enlargement /cancer)
    • มะเร็งของระบบทางเดินปัสสาวะ (Bladder cancer)
    • โรควิตกกังวล หรือความบกพร่องทางอารมณ์ (Anxiety or emotional disorders)
  8. ถามเรื่องการใช้ยา.คุณสามารถมองดูหลายๆ ทางเลือกทางการแพทย์ เพื่อช่วยควบคุมการปัสสาวะรดที่นอนในผู้ใหญ่ สอบถามแพทย์ในระหว่างการปรึกษาหารือว่าทางเลือกไหนจะดีที่สุดสำหรับกรณีเฉพาะของคุณ ยาสำหรับทางเลือกต่างๆ ได้แก่: [27]
    • ยาเดสโมเพรสซิน (Desmopressin) ซึ่งทำให้ไตผลิตปัสสาวะน้อยลง
    • ยาอิมิพรามีน (Imipramine) ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลมากถึงประมาณ 40 %ของผู้ป่วย
    • การใช้ยาลดอาการข้างเคียงของยาทางจิตเวช (Anticholinergic medications) ซึ่งใช้รักษาการทำงานมากเกินไปของกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งรวมทั้งยาดาริเฟนาซิน (Darifenacin) ยาออกซีบิวไทนิน (Oxybutynin) และยาโทรสเปียม คลอไรด์ (Trospium chloride)
  9. ทางเลือกต่างๆ เหล่านี้สงวนไว้สำหรับกรณีกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะของคุณทำงานมากจนเกินไปอย่างรุนแรง และน่าจะใช้ก็ต่อเมื่อคุณมีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ทั้งในตอนกลางวันและปัสสาวะรดที่นอนด้วย ทางเลือกด้านการผ่าตัดเป็นหนึ่งในหนทางสุดท้าย แพทย์ของคุณอาจจะพิจารณาการผ่าตัดดังต่อไปนี้: [28]
    • การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะแบบแคลม (Clam cystoplasty)—การผ่าตัดแบบนี้ขยายขีดความสามารถของกระเพาะปัสสาวะ โดยวางแผ่นเสริมที่เป็นลำไส้ลงในรอยผ่าเพื่อขยายกระเพาะปัสสาวะ
    • การผ่าตัดเอากล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะออก (Detrusor myectomy )—เป็นการตัดเอาบางส่วนของกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะออก กับช่วยเสริมความแข็งแกร่งและ ลดจำนวนการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะ
    • การใช้ไฟฟ้ากระตุ้นที่เส้นประสาทบริเวณก้นกบ (Sacral nerve stimulation)—เป็นการผ่าตัดเพื่อลดความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะ โดยปรับเปลี่ยนความเคลื่อนไหวของประสาทที่ควบคุมมัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • นอนตามตารางเวลาที่กำหนด หากคุณเข้านอนตอนหนึ่งทุ่มครึ่งในคืนหนึ่ง และเข้านอนตอนตีหนึ่งของคืนถัดมา ระบบทั้งหมดของร่างกายจะสับสน (รวมทั้งกระเพาะปัสสาวะของคุณด้วย)
  • จงนอนโดยใช้ผ้าคลุม หรือแผ่นรองกันที่นอนเปื้อนชนิดกันน้ำ หรือที่เป็นพลาสติก ปูบนเตียงนอน จะช่วยปกป้องที่นอนของคุณได้
  • ทำตามตารางการเข้าห้องน้ำที่กำหนดไว้ พยายามเข้าห้องน้ำทุกครั้งก่อนจะเข้านอน
  • อย่าบังคับให้ลูกสวมผ้าอ้อมหากเขาไม่ต้องการจริงๆ ผู้คนคิดว่าการทำเช่นนี้จะช่วยได้ (มันช่วยได้หากว่าลูกของคุณไม่ว่าอะไรที่จะสวมผ้าอ้อม) แต่อันที่จริงจะยิ่งทำให้ลูกเครียด และยิ่งทำให้ปัญหาเลวร้ายลงไปอีก
  • หากคุณกำลังพยายามช่วยให้ลูกเลิกปัสสาวะรดที่นอน จงสังเกตเวลาที่ให้ลูกเข้านอนด้วย (จะช่วยได้ในเวลาต่อมา หากมีเหตุผลทางกายภาพหรือทางการแพทย์) คุณอาจเฝ้าอยู่กับลูก หรือไม่ก็นอนหลับอยู่ใกล้ๆ ใน เวลาที่ลูกปัสสาวะรดที่นอนนั้น อย่างน้อยเด็กน่าจะย้ายตำแหน่งจากตรงที่เปียก และอย่างมากก็คือลุกออกจากเตียงไปหาที่นอนสบายและแห้งกว่า นี่คือตอนที่คุณบันทึกเวลาเกิดเหตุ หลังจากนั้น ให้ค่อยๆปลุกแกให้ตื่น ก่อนจะทำความสะอาดเหตุที่เกิดขึ้นด้วยกันอย่างสงบ (ให้ลูกช่วยงานอย่างมากที่สุดที่จะทำได้โดยขึ้นอยู่กับวัย) เมื่อทำเสร็จให้เริ่มทำทุกอย่างก่อนนอนใหม่อีกรอบหนึ่ง แล้วกลับไปนอน อาจเกิดเหตุแบบนี้มากกว่าคืนละหนึ่งครั้ง ดังนั้น จงอย่าปล่อยลูกทิ้งไว้โดยไม่คอยดูแลอยู่ด้วย! หลังจากผ่านมาสี่ห้าคืนแล้ว คุณอาจทิ้งแกไว้ตามลำพังได้ เด็กจะตื่นขึ้นมาได้ด้วยตัวเองหลังเกิดเหตุ และเข้ามาขอให้คุณช่วยทำความสะอาด กับปลุกตัวเองให้ตื่นได้ก่อนจะเกิดเหตุซ้ำอีก ซึ่งได้เวลาฉลองแล้ว! จงทำอย่างคงเส้นคงวา แล้วคุณจะได้รอยยิ้มใหม่ๆ บนใบหน้าของลูกในทุกเช้า เพราะเป็นคืนที่ดี!
  • บริษัท กูดไนท์ส์ (Goodnites) ได้คิดค้นแผ่นรองกันเปื้อนซึ่งเป็นที่นิยมมาก เพราะใช้มาตรการป้องกันแบบใหม่ที่ช่วยให้เตียงไม่เปียก จงใช้อย่างสม่ำเสมอ และคอยเปลี่ยนด้วย
  • ในกรณีที่ผู้ปัสสาวะรดที่นอนเป็นผู้ใหญ่ หรือหากเพียงเป็นเพราะผ้าอ้อมไม่พอดีกับผู้สวมใส่ มีผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าอ้อมผ้า และกางเกงขาสั้นที่ตัวใหญ่กว่าหลากหลายไตล์ให้เลือก ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้สวมใส่เรียนรู้และช่วยป้องกันไม่ให้ปัสสาวะรดที่นอนได้
โฆษณา

คำเตือน

  • จงไปพบแพทย์ในทันทีหากว่าการปัสสาวะรดที่นอนมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะเป็นสีแดง หรือมีการเปลี่ยนแปลงของสีในแบบอื่นใด รู้สึกเจ็บตอนปัสสาวะ มีไข้ อาเจียน ปวดท้อง และอุจจาระโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • หากลูกมีผื่นขึ้นเพราะนอนแช่ปัสสาวะ จงทาครีมป้องกันผื่นจากผ้าอ้อม หรือครีมต้านแบคทีเรีย ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป หากผื่นไม่หายไปภายในสี่ห้าวัน จงไปหาแพทย์ [29]


โฆษณา
  1. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bed-wetting/basics/lifestyle-home-remedies/con-20015089
  2. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  3. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  4. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  5. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  6. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  7. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  8. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  9. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bed-wetting/basics/treatment/con-20015089
  10. http://www.nafc.org/adult-bedwetting/
  11. http://www.bladderbowel.gov.au/assets/doc/brochures/10BedwettingInYoungAdults.html
  12. http://www.bladderbowel.gov.au/assets/doc/brochures/10BedwettingInYoungAdults.html
  13. http://health.clevelandclinic.org/2014/05/how-to-help-your-child-stop-wetting-the-bed-2/
  14. http://www.nafc.org/adult-bedwetting/
  15. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22215862
  16. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/obstructive-sleep-apnea/basics/symptoms/con-20027941
  17. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/urinary-incontinence/expert-answers/adult-bed-wetting/faq-20058456
  18. http://www.nafc.org/adult-bedwetting/
  19. http://www.nafc.org/adult-bedwetting/
  20. https://www.kidney.org/patients/bw/BWrash

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 43,066 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา