PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

คุณได้สังเกตว่าตัวเองนั้นชอบส่งข้อความ ท่องอินเทอร์เน็ต ส่งอีเมล ใช้แอปพลิเคชัน และเล่นเกมในมือถืออยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า? ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้เวลาและพลังงานไปกับสิ่งเหล่านั้นมากแค่ไหน ซึ่งคุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือที่มากเกินไปก็ได้ และการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปนั้นสามารถทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของคุณถดถอยลง และทำให้การพัฒนาตัวเองและการผลิตผลงานออกมาในแต่ละวันของคุณมีความบกพร่องได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ควบคุมการใช้มือถือ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีงานวิจัยงานหนึ่งได้บอกไว้ว่า นักศึกษาในมหาวิทยาลัยอาจใช้เวลา 8-10 ชั่วโมงต่อวันบนมือถือของพวกเขา [1] ดังนั้น การคอยสังเกตการใช้มือถือของตัวเองเช่น การเช็คว่าคุณเช็คมือถือกี่ครั้งต่อชั่วโมงนั้น สามารถเพิ่มความตระหนักต่อปัญหาการใช้มือถือให้กับตัวคุณเองได้ [2] หากคุณตระหนักถึงขอบเขตของปัญหานี้ คุณสามารถเริ่มกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองและหาทางออกสำหรับปัญหานี้ได้
    • ลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ใช้ติดตามการใช้มือถือของคุณเช่น แอปพลิเคชัน Checky [3] ซึ่งคุณสามารถใช้ข้อมูลที่ได้จากแอปพลิเคชันนี้ มาใช้ในการตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงว่าคุณอนุญาตให้ตัวเองเช็คมือถือต่อชั่วโมงหรือต่อวันได้กี่ครั้ง
  2. จำกัดการใช้มือถือสักช่วงเวลาหนึ่งต่อวัน โดยคุณสามารถตั้งเสียงเตือนบนมือถือเพื่อไว้เตือนคุณเมื่อคุณเล่นครบตามเวลาที่กำหนดไว้ได้ ตัวอย่างเช่น คุณอนุญาตให้ตัวเองใช้มือถือได้แค่ตอน 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม และนอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดเวลาไม่ใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้อีก เช่น ในขณะที่คุณอยู่ที่ทำงานหรือโรงเรียน [4]
    • เขียนแผนและเป้าหมายลงกระดาษ เพื่อทำให้สิ่งเหล่านั้นดูเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยให้คุณคอยบันทึกเป้าหมายที่คุณทำสำเร็จแล้ว รวมถึงเป้าหมายที่คุณกำลังพยายามทำให้สำเร็จอยู่ลงไปด้วย
  3. ให้รางวัลกับตัวเองสำหรับการใช้เวลาบนมือถือที่น้อยลง. คอนเซปต์นี้เรียกว่า การเสริมแรงบวกให้ตัวเอง และสิ่งนี้ถูกใช้ในการบำบัดเพื่อสอนให้ทำพฤติกรรมในทางที่ดี ด้วยการใช้การให้รางวัล [5] ตัวอย่างเช่น หากคุณบรรลุเป้าหมายการใช้โทรศัพท์ตามที่ได้กำหนดไว้ต่อหนึ่งวันได้ คุณอาจจะให้รางวัลตัวเองด้วยการทานของโปรด ซื้อของชิ้นใหม่ที่อยากได้ หรือทำกิจกรรมที่ชอบก็ได้
  4. แทนที่คุณจะหักดิบแล้วหยุดการใช้โทรศัพท์มือถือไปเลย (ซึ่งจะไปกระตุ้นให้คุณเกิดความกระวนกระวาย) ให้คุณค่อยๆ เริ่มลดเวลาการใช้โทรศัพท์ของคุณไปที่ละนิด [6] ตัวอย่างเช่น เริ่มต้นด้วยการจำกัดเวลาเช็คโทรศัพท์ 1 ครั้งต่อ 30 นาที จากนั้นก็เป็น 1 ครั้งต่อ 2 ชั่วโมง แล้วก็ค่อยๆ ทำต่อไปเรื่อยๆ
    • นับด้วยว่าในหนึ่งชั่วโมง คุณเช็คโทรศัพท์ไปกี่ครั้ง
    • ใช้โทรศัพท์แค่เฉพาะการติดต่อที่จำเป็น หรือมีเรื่องฉุกเฉิน
  5. วางโทรศัพท์ของคุณให้ห่างจากตัว ในที่ๆ ไม่อยู่ในสายตาคุณ เปิดโหมดเงียบเมื่อคุณกำลังทำงาน เรียน หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม เพื่อที่มันจะได้ไม่ทำให้คุณวอกแวก [7]
  6. ตัดโทรศัพท์มือถือออกไปจากชีวิตคุณในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ [8]
    • ไปทริปหรือไปแคมปิ้งในที่ๆ ไม่มีสัญญาณให้เล่น เพราะนี่จะบีบให้คุณอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไปอย่างไม่มีข้อแม้
    • คุณสามารถบอกให้เพื่อนๆ หรือคนรักรู้ก่อนก็ได้ว่า คุณจะไปอยู่เงียบๆ ที่ไหนสักแห่งในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการบอกกับพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย
  7. ในโทรศัพท์จะตั้งค่าการแจ้งเตือนทุกครั้งที่คุณได้รับอีเมล หรือมีการแจ้งเตือนใน Facebook ดูให้แน่ใจว่าคุณปิดการแจ้งเตือนพวกนั้นแล้ว! นี่จะลดจำนวนการสั่นแจ้งเตือนจากโทรศัพท์คุณได้ และด้วยวิธีนี้คุณจะไม่ได้ยินการแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีบางสิ่งเกิดขึ้น [9]
    • สิ่งที่ไว้ใช้เป็นตัวเลือกสุดท้ายคือ เปลี่ยนไปใช้ซิมแบบเติมเงิน (ซึ่งก็คล้ายๆ กับการโทรตู้หรือใช้บัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศนั่นเอง) เพื่อที่คุณจะได้ใช้ในจำนวนนาทีที่จำกัดตามจำนวนเงินที่คุณได้เติมไว้ เพราะมันจะปิดการใช้งานโทรศัพท์คุณ หากคุณใช้จนหมดเงินในโทรศัพท์แล้ว
  8. การเปลี่ยนความคิดอาจจะช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์และพฤติกรรมของคุณได้ [10] พูดได้อีกนัยหนึ่งว่า หากคุณเปลี่ยนความคิดที่มีต่อโทรศัพท์ของคุณ คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นและใช้โทรศัพท์น้อยลงได้
    • เตือนตัวเองว่า ไม่ว่าคุณอยากจะเช็คอะไรก็ตามบนโทรศัพท์ มันไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรขนาดนั้น และสามารถรอได้ [11]
    • คราวต่อไปถ้าคุณรู้สึกว่าอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค ให้คุณหยุดก่อนแล้วคิดว่า “มันจำเป็นที่เราจะต้องโทร/ส่งข้อความหาคนๆ นี้ เดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่า หรือว่าเดี๋ยวค่อยติดต่อไปทีหลังก็ได้?”
  9. การมีสติ คือการที่ตัวเองมีความตระหนักอยู่ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณมีสมาธิและลดแรงกระตุ้นให้กลับไปเช็คโทรศัพท์ได้ [12] พยายามอยู่กับปัจจุบัน ด้วยการโฟกัสในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งก็รวมไปถึงความคิดและปฏิกิริยาโต้ตอบต่างๆ ของตัวเองด้วย [13]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พิจารณาทางเลือกในการใช้โทรศัพท์มือถือ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งกระตุ้นนั้นหมายถึง ความรู้สึกและความคิดเกี่ยวกับสถานการณ์หนึ่งที่ดึงให้คุณทำบางพฤติกรรม (ใช้โทรศัพท์) และด้วยการเข้าใจว่าทำไมคุณถึงถูกกระตุ้นให้ใช้โทรศัพท์ จะสามารถช่วยคุณพัฒนาทางเลือกอื่นให้กับตัวเองได้ [14]
    • คุณใช้เวลาอยู่บนโทรศัพท์เพราะว่าคุณมีความต้องการอย่างมากที่จะอยู่ในสังคมหรือสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น คุณสามารถเติมเต็มความต้องการของตัวเองได้ด้วยวิธีการที่ยั่งยืนกว่าเช่น การเจอกันแบบต่อหน้า
    • คุณแค่รู้สึกเบื่อเฉยๆ หรือเปล่า? ความเบื่อหน่ายเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมการเสพติดบางอย่าง หากคุณเป็นคนชอบเบื่อ มันอาจจะถึงเวลาสำหรับคุณแล้ว ที่จะเริ่มหางานอดิเรกหรือกิจกรรมอื่นที่ช่วยทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น
  2. มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยในการพัฒนาอารมณ์. การใช้โทรศัพท์นั้นมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอารมณ์ ซึ่งเป็นแรงเสริมในเชิงบวก [15] แต่แทนที่คุณจะใช้โทรศัพท์เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ให้คุณหากิจกรรมอื่นทำ เช่น ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเช่น การเขียนหรือวาดรูป
  3. หากคุณมีแผนการเฉพาะในแต่ละวัน และคุณกำลังโฟกัสอยู่กับสิ่งที่คุณต้องทำอยู่นั้น เวลาว่างที่เหลือให้คุณใช้โทรศัพท์ก็จะมีน้อยลง และโบนัสที่ได้ก็คือ คุณจะใช้เวลาโฟกัสอยู่กับเป้าหมายของคุณ และพัฒนาตัวเองหรือผลิตผลงานออกมาได้มากขึ้น
    • หากคุณว่างงานอยู่ คุณอาจจะสมัครงาน หรือเป็นอาสาสมัครที่องค์กรท้องถิ่นก็ได้
    • หางานอดิเรกทำ เช่น ถักนิตติ้ง เย็บผ้า หรือเล่นเครื่องดนตรีสักชิ้น
    • ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน หรือพ่อแม่ของคุณที่กำลังต้องการวันครอบครัวหรือใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
  4. เปลี่ยนความสนใจด้วยการทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์. ลองทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นประโยชน์แทนในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกถูกกระตุ้นให้ใช้โทรศัพท์ โฟกัสไปที่เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของตัวเองในวันนั้น และทำลิสต์ของงานต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้โทรศัพท์ และเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกถึงแรงกระตุ้นให้เช็คโทรศัพท์ ให้คุณหยุดและค่อยๆ ดึงความสนใจของตัวเองกลับไปยังสิ่งที่ต้องทำ [16]
  5. ส่วนมากความต้องการในการใช้โทรศัพท์มักจะมาจากธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์และวิวัฒนาการของการเป็นสัตว์สังคม อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกอื่นในการอยู่ในสังคมอยู่หลายทางเลือกที่อาจจะมีประโยชน์และน่าพึงพอใจในระยะยาวมากกว่า [17]
    • แทนที่คุณจะมัวแต่ส่งข้อความ ให้คุณเขียนจดหมาย หรือนัดเจอกับเพื่อน แล้วไปนั่งจิบกาแฟหรือทานข้าวก็ได้
    • แทนที่คุณจะมัวแต่ลงรูปใน Instagram ให้คุณชวนคนในครอบครัวมา และพูดคุยกันเรื่องความทรงจำที่คุณมีกับพวกเขาแทนการลงรูป ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ด้วยวิธีนี้ อาจจะช่วยทำให้พวกคุณมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น
  6. ลองหาเหตุผลที่คุณใช้โทรศัพท์มือถือ (เหตุผลที่ทำให้เล่นเกม ส่งข้อความ หรือโทรหาคนอื่น) ซึ่งบางส่วนของนิสัยเหล่านี้ อาจจะจำเป็นต่องานและชีวิตประจำวันของคุณ (บางทีอาจจะเป็นอีเมลเรื่องงาน ฯลฯ) เพราะคนอื่นอาจจะมีผลกระทบต่อชีวิตคุณ หากพวกเขาอยู่ห่างจากการมีปฏิสัมพันธ์ที่ปกติคุณเคยมีกับพวกเขา รวมถึงภาระหน้าที่ๆ มีร่วมกัน ดังนั้น พยายามเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีอันนี้ให้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และยังเกี่ยวข้องกับสังคมอยู่ และเปลี่ยนให้เป็นประสบการณ์ที่ดีแก่คุณ
    • หากปัญหาหนึ่งของคุณคือ การเล่นเกมบนโทรศัพท์เยอะเกินไป ลองคิดหาทางเลือกอื่นเช่น ชวนเพื่อนมาเล่นบอร์ดเกมที่บ้าน
    • หากคุณใช้เวลากับการดูโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียมากเกินไป ให้คุณลองไปหาเพื่อนหรือคนในครอบครัวแล้วถามสารทุกข์สุกดิบพวกเขา (แทนที่จะอ่านจากในโซเชียลมีเดีย)
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

หาการสนับสนุน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสนับสนุนทางสังคมเป็นส่วนสำคัญต่อจิตใจเป็นอย่างมาก [18] การมีเครือข่ายสังคมในเชิงบวกจะช่วยทำให้รู้สึกปลอดภัยและเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งการสนับสนุนทางสังคมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคุณพิจารณาถึงการจำกัดการใช้โทรศัพท์ของตัวเอง เพราะการใช้โทรศัพท์ของคุณนั้น ส่วนมากจะใช้เพราะต้องการให้มีการเชื่อมโยงกันทางสังคม (เช่น ส่งข้อความ ใช้แอปพลิเคชันที่เป็นโซเชียลมีเดีย) ในขณะที่การใช้โทรศัพท์อาจจะดูเป็นผลดี แต่มันก็สามารถทำให้เราห่างเหินกับคนใกล้ชิดของเราได้
    • แค่บอกกับครอบครัวและเพื่อนของคุณไปว่า คุณคิดว่าคุณใช้โทรศัพท์มากเกินไป และคุณกำลังพยายามที่จะเลิกนิสัยนั้น คุณสามารถบอกกับพวกเขาได้ว่าคุณจะดีใจมาก หากพวกเขาให้กำลังใจคุณในการทำสิ่งนี้ นอกจากนี้ คุณอาจจะเสนอแนะบางสิ่งแก่พวกเขาและทำให้พวกเขาเข้ามามีส่วนในแผนของคุณ ตัวอย่างเช่น ขอร้องให้พวกเขาส่งข้อความหาคุณแค่ในเวลาที่คุณขอเท่านั้น
    • ขอคำแนะนำจากพวกเขา เพราะคนในครอบครัวของคุณจะรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง และพวกเขาอาจจะช่วยคุณวางแผนที่เฉพาะเจาะจงในการงดใช้โทรศัพท์ให้คุณได้
  2. บอกให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ของคุณรู้ว่า คุณอาจจะไม่ส่งข้อความ โทร หรือส่งอีเมลตอบกลับหาพวกเขาได้ในทันที เพราะคุณกำลังพยายามจะงดการใช้โทรศัพท์อยู่ หากพวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้จริงๆ พวกเขาจะเข้าใจคุณและไม่อารมณ์เสียใส่คุณ
  3. แทนที่คุณจะขอกำลังใจผ่านทางโทรศัพท์ มันสำคัญกว่าถ้าคุณจะพบกับพวกเขาในระดับที่ดูเป็นส่วนตัวและใกล้ชิด ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำได้แค่ตอนที่พบกันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น [19]
    • วางแผนทำกิจกรรมกับครอบครัวและเพื่อนๆ โดยใช้เวลาบนโทรศัพท์มือถือของคุณที่มีอยู่อย่างจำกัด ศึกษาและวางแผนสำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ด้วยวิธีนี้พลังงานที่คุณใช้ไปกับโทรศัพท์ก็จะถูกใช้ไปในทางที่มีประโยชน์และมีความหมาย
  4. นี่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในระหว่างช่วงเวลาที่คุณรู้สึกอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมากๆ ทั้งตอนหลังเลิกเรียน หลังอาหารเย็น และระหว่างช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
  5. ในขณะที่การวินิจฉัยการเสพติดโทรศัพท์มือถือยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางนั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้ก็มีศูนย์รักษาและให้คำปรึกษาที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาประเภทนี้อยู่ [20] หากปัญหาการใช้โทรศัพท์ของคุณนั้นรุนแรง และเข้ามามีผลต่อชีวิตประจำวันและการทำงาน การขอคำปรึกษาหรือการรักษาสุขภาพจิตอาจจะมีประโยชน์สำหรับคุณมากๆ ก็ได้
    • สัญญาณที่จะบ่งบอกว่าคุณต้องได้รับการช่วยเหลือคือ เมื่อคุณไม่สามารถทำภาระหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จได้ (ที่ทำงาน ที่โรงเรียน และที่บ้าน) หรือเมื่อความสัมพันธ์ส่วนตัวของคุณมีผลกระทบในด้านลบเพราะการใช้โทรศัพท์ของคุณ
    • ความคิดและพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT) คือประเภทของการบำบัดรักษาที่ใช้ในการรักษาอาการเสพติดสิ่งต่างๆ ซึ่งการบำบัดประเภทนี้จะโฟกัสไปในเรื่องการเปลี่ยนความคิดคุณ เพื่อที่คุณจะได้เปลี่ยนความรู้สึกและพฤติกรรมของตัวเองได้ ซึ่งการบำบัดประเภทนี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่เป็นประโยชน์ หากคุณเลือกที่จะรับการบำบัด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้โทรศัพท์แบบธรรมดา หรือเข้าเว็บในคอมพิวเตอร์เอา
  • โฟกัสในหน้าที่ๆ ตัวเองต้องรับผิดชอบ
  • ปิด WiFi บนโทรศัพท์ไปสักพัก
  • เอาหนังสือไปกับคุณทุกที่! ตั้งการเตือนความจำในโทรศัพท์คุณ เพื่อเตือนให้คุณอ่านหนังสือแทนการใช้โทรศัพท์มือถือบ้าง
  • พยายามอย่าคิดถึงโทรศัพท์ ออกไปข้างนอกและวางโทรศัพท์ไว้ในบ้าน และปิด WiFi ด้วย
  • อย่าใช้แพ็คเกจอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์ ให้ใช้แค่ WiFi อย่างเดียว เพราะนี่จะช่วยคุณจำกัดการใช้โทรศัพท์เมื่อตัวคุณเองเผลอไปยุ่งอยู่กับกิจกรรมต่างๆ ในโลกออนไลน์
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณคิดว่าปัญหาการใช้โทรศัพท์มือถือของคุณมันรุนแรง การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอาจจะเป็นผลดีสำหรับคุณ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 71,602 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา