ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ขั้นตอนง่ายๆ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นง่ายกว่าที่คิด เพียงแค่เริ่มจากการเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตประจำวัน และการจะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้นั้น ทำได้ง่ายๆ โดยลดการใช้พลังงานและลดการใช้ทรัพยากรน้ำ ปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหาร การใช้ยานพาหนะเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งปรับสภาพบ้านและสวนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากคุณเริ่มจากการใช้ชีวิตประจำวันให้มีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมได้แล้ว ต่อไปก็จะขยับขึ้นไปเป็นการเข้าไปมีบทบาทต่อสังคมโดยการแนะนำผู้อื่นให้ทำตามได้อีกด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 7:

เปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตประจำวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปิดสวิตซ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อไม่ได้ใช้งาน. หากไม่ได้ใช้งานให้ปิดให้เรียบร้อย เช่น หลอดไฟ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ และอื่นๆ
    • กำหนดเวลาในการเปิดปิดไฟให้ตรงกันในแต่ละวัน หรืออาจเลือกซื้ออุปกรณ์ตั้งเวลาจากร้านค้าอุปกรณ์มาติดตั้ง เพื่อควบคุมการเปิด-ปิดไฟ
    • คุณอาจจะเลือกซื้อเครื่องทำความร้อนและพัดลมที่มีตัวตั้งเวลาเปิดปิด เพื่อในเวลากลางคืนหากร้อน หรือเย็น ก็จะปิดได้เองอัตโนมัติ ซึ่งตัวตั้งเวลามักจะตั้งเวลาได้ในหน่วยชั่วโมงแล้วจะทำการปิดอัตโนมัติ
  2. การเสียบปลั๊กสำหรับอุปกรณ์บางตัว เช่น ตัวชาร์จแล็ปท็อป หรือเครื่องปิ้งขนมปัง จะทำให้เปลืองไฟโดยใช่เหตุ แม้จะปิดสวิตซ์แต่ไม่ถอดปลั๊กก็ยังกินไฟอยู่ดี [1] เพราะฉะนั้นจึงควรถอดปลั๊กหากคิดว่าจะไม่ได้ใช้อีกใน 36 ชั่วโมงข้างหน้า (หรือมากกว่านั้น)
    • ใช้ปลั๊กพ่วง เพื่อที่จะปิดสวิตซ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้นได้ในครั้งเดียว โดยคุณสามารถถอดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดได้เพียงครั้งเดียว เช่น ใช้ปลั๊กพ่วงกับคอมพิวเตอร์ หากต้องการเลิกใช้คอมพิวเตอร์ก็เพียงแค่ปิดสวิตซ์ปลั๊กพ่วงเพียงปุ่มเดียว
    • หมั่นตรวจสอบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณใช้ไฟเหมาะสมหรือไม่ โดยการสังเกตหรือใช้อุปกรณ์ทดสอบการกินไฟ โดยเสียบอุปกรณ์ตัวนี้เข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ เพื่อวัดว่าใช้ไฟไปเท่าไร และใช้วัดหลังจากถอดปลั๊กว่ายังกินไฟอยู่หรือไม่
  3. ไม่ต้องใช้เครื่องอบผ้า แต่ให้นำมาตากกับราวแทน. การใช้ลมและแดดจากธรรมชาติจะช่วยให้กลิ่นกับหายไปโดยไม่ต้องเปลืองพลังงานเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเครื่องเป่าลมด้วยไฟฟ้าจะใช้พลังงานมากรองจากตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ หากจำเป็นต้องใช้เครื่องเป่าลมด้วยไฟฟ้า ต้องเช็คให้ดีว่าไม่มีอะไรอุดตันช่องลมหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานของเครื่อง
    • หากจะใช้เครื่องซักผ้า ควรใส่ผ้าลงไปซักทีละจำนวนมาก อย่าใส่ทีละน้อยๆ ตัว เพราะจะทำให้เปลืองน้ำ เพราะฉะนั้นให้ใส่เสื้อผ้าที่ต้องการจะซักลงไปในเครื่องให้เต็มจำนวนเพื่อประหยัดน้ำและไฟฟ้า
    • หากมีผ้าไม่กี่ตัว อาจใช้การซักมือแทน หรือเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่ประหยัดน้ำมาใช้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้น้ำเยอะในการซักแต่ละครั้ง
  4. เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ควรเปลี่ยนมารับลมจากธรรมชาติหรือใช้พัดลมเพื่อ คงความเย็น แทน ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • หากต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ ให้ตั้งอุณหภูมิที่ต่ำกว่าภายนอกอาคาร แต่การตั้งอุณหภูมิต่ำเกินไป ก็ยิ่งทำให้เปลืองไฟ จึงไม่จำเป็นต้องตั้งให้ต่ำมากเพื่อต้องการให้เย็นเร็วๆ
  5. ปิดเครื่องทำความร้อนและปิดช่องลมแอร์ภายในบ้าน. ปิดอุปกรณ์ดังกล่าวในห้องที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ รวมทั้งปิดประตูห้องไว้ด้วย ก็จะช่วยให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้น้อยลง ลดการสิ้นเปลืองพลังงานจากการเปิดเครื่องทำความร้อนหรือเครื่องทำความเย็นภายในตัวบ้าน
  6. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องออกกำลังกายที่ต้องเสียบไฟ. เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์อื่นในการออกกำลังกายอย่างเช่น จักรยานทั่วไป (หรือจักรยานในร่ม) หรือเดินเล่นนอกบ้านแทน รวมถึงอาจจะใช้การออกกำลังกายเบาๆ อย่างวิดพื้น หรือออกกำลังแบบใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้านแทนก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
  7. จะช่วยรักษาให้อุณหภูมิร่างกายให้ปกติยิ่งขึ้น เพื่อลดการใช้ไฟจากเครื่องทำความร้อน และควรตั้งอุณหภูมิในตัวบ้านให้อยู่ที่ 20°C แต่อย่างไรก็ตามในตอนกลางคืนอุณหภูมิอาจจะยิ่งลดต่ำลงอีก อาจจะทำให้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6-8 % เพื่อช่วยในการเพิ่มอุณหภูมิ 1 องศา [2]
  8. ใช้น้ำอย่างประหยัด . โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวของชาวอเมริกันที่มีสมาชิก 4 คนจะใช้น้ำประมาณ 1,514 ลิตรต่อวัน [3] จึงมีนโยบายในการประหยัดน้ำ ดังนี้
    • อย่าเปิดฝักบัวอาบน้ำนาน หรือเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำเพียง ¼ หรือ 1/3 ของอ่าง
    • ปิดก๊อกน้ำระหว่างแปรงฟัน
    • ติดตั้งหัวฉีดที่แรงดันน้ำต่ำ (ก๊อกน้ำ) ฝักบัวที่น้ำไหลไม่แรง และโถส้วมชนิดประหยัดน้ำ
    • ล้างจานเมื่อมีจานที่ต้องล้างปริมาณมากๆ
    • ซักผ้าเมื่อมีผ้าจำนวนมาก และเลือกใช้เครื่องซักผ้าชนิดฝาหน้าถ้าเป็นไปได้
    • หากต้องการล้างรถเอง ให้ไปจอดรถไว้ที่สนามหญ้าแล้วใช้ถังน้ำและฟองน้ำช่วยขัด ใช้สายยางฉีดน้ำเพื่อล้าง และปิดน้ำขณะเช็ดรถด้วย ไม่ควรเลือกใช้สบู่หรือน้ำยาล้างรถที่ทำจากสารเคมี เนื่องจากเมื่อล้างออกก็จะไหลไปตามลมพายุ (หากบริเวณนั้นมีพายุ) และเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้
    • หากมีสระว่ายน้ำในบ้าน ควรมีหลังคาบังแดดไว้ ป้องกันการระเหยของน้ำจากความร้อนของแสงอาทิตย์ที่จะทำให้น้ำในสระแห้งลงไป
    • ปลูกพืชทนแล้งหรือทำสวนพืชทนแล้ง เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมรอบบ้าน และช่วยประหยัดน้ำจากการไม่ต้องรดน้ำโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
  9. หากมีถังแยกขยะให้นำมาใช้ โดยแยกขยะประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน เช่น แก้ว เหล็ก กระดาษ และอื่นๆ
    • หากไม่มีถังขยะสำหรับแยก อาจนำขยะไปที่ศูนย์สำหรับแยกขยะโดยตรง เพื่อให้ทางศูนย์ช่วยแยกขยะ หรือนำขยะนั้นกลับมาแปรรูปใช้ใหม่เองเลย หากทางศูนย์ไม่รับวัสดุดังกล่าว
  10. หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง. สิ่งของที่ใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งแล้วต้องทิ้งนั้นจะเป็นต้นเหตุทำให้ขยะล้นเมืองกว่าร้อยปีจึงจะกำจัดได้หมด
    • พกแก้วน้ำ ขวดน้ำ ภาชนะใส่อาหาร และถุงผ้าไว้ติดตัวเมื่อไปที่ต่างๆ รวมทั้งพกกล่องอาหารกลางวันไปรับประทานด้วย
    • ใช้แบตเตอรี่ที่ชาร์จซ้ำได้แทนแบบที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เนื่องจากแบตเตอรี่เก่าเป็นขยะที่ไม่สามารถเผาทำลายได้ และเป็นตัวการที่ทำให้สารพิษรั่วลงดิน
    • ทิ้งขยะอันตรายให้เป็นที่เป็นทาง เช่น แบตเตอรี่, หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์, ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น แบตเตอรี่หรือปลั๊กไฟ), ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, ยารักษาโรค, ยาฆ่าแมลง, น้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์และสี ไม่ควรทิ้งแบบฝังกลบ ทิ้งลงท่อระบายน้ำเสีย หรือท่อระบายน้ำฝน ควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อมากำจัดขยะดังกล่าวแทน
  11. อย่าดึงกระดาษชำระมาใช้มากหากต้องการเช็ดเพียงเล็กน้อย ให้ใช้เท่าที่สมเหตุสมผลหรือจำเป็นเท่านั้น หรือไม่อาจจะเปลี่ยนไปใช้ผ้าที่ซักใหม่ได้ หรือฟองน้ำหากต้องการทำความสะอาดห้องครัว
    • เลือกกระดาษชำระที่มีส่วนผสมมาจากกระดาษรีไซเคิลประมาณ 80-100 % โดยเฉพาะสำหรับร้านอาหารที่ต้องรองรับลูกค้าจำนวนมาก
    • เลือกใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้งในการทำความสะอาดบ้าน เนื่องจากราคาไม่แพง สามารถดูดซับสิ่งสกปรกได้มากและซักใหม่มาใช้ซ้ำได้อีกหลายครั้ง
  12. เลือกชนิดที่ทำจากผ้าซึ่งจะมาพร้อมเข็มกลัดกับที่คลุมพลาสติก ซึ่งช่วยให้ประหยัดเงิน (โดยเฉพาะถ้ามีเด็กทารกมากกว่า 1 คน) นอกจากจะช่วยป้องกันสารเคมีที่จะทำร้ายผิวนุ่มๆ ของทารกแล้วยังช่วยลดขยะให้โลกอีกด้วย
  13. หากคุณสมัครสมาชิกแคตตาล็อกไว้หลายชิ้น ควรเลือกตัดอันที่ไม่จำเป็นแล้วติดต่อไปทางบริษัทให้หยุดส่งมา
    • ติดต่อกับบริษัทเพื่อให้ทางบริษัทหยุดส่งเอกสารเกี่ยวกับบัตรเครดิตต่างๆ ทุกๆ 5 ปี หรือหยุดถาวร
  14. ให้หยุดถามตัวเองก่อนว่าสิ่งของที่จะซื้อนั้นมีผลกระทบต่อผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมหรือไม่
    • อย่าซื้อสิ่งของที่ไม่ได้จำเป็น นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้วยังช่วยให้ลดขยะอีกด้วย
    • เลือกซื้อสิ่งของที่ใช้ได้เป็นเวลานานกว่าจะพัง หรือค้นหากระทู้ขายของหรือแนะนำสิ่งของที่มีอายุการใช้งานนาน
    • เลือกซื้อสินค้ามือสองที่คุณภาพดี นอกจากจะช่วยลดการเกิดขยะแล้วยังช่วยประหยัดเงินอีกด้วย
    • ยืม หรือ ให้ยืม สิ่งของที่ต้องใช้เพียงชั่วคราว จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อชิ้นใหม่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 7:

เปลี่ยนนิสัยการกิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และนมนั้นมีกรรมวิธีที่ต้องใช้ทรัพยากรค่อนข้างมาก ลองเปลี่ยนเป็นรับประทานอาหารมังสวิรัติดูสิ เพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ดี [4]
    • เทศกาลงดเนื้อสัตว์ในวันจันทร์ นับเป็นเทศกาลประจำชาติของสหรัฐอเมริกาที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ โดยจะงดเนื้อสัตว์หนึ่งวันต่อสัปดาห์ ทางที่ดีควรหาร้านอาหารที่ขายเมนูมังสวิรัติไว้ฝากท้อง
  2. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟแบบสำเร็จรูปจากถ้วยคูริก. ถ้วยคูริก คือ ภาชนะสำหรับกาแฟสำหรับรูป มักทำจากกระดาษ พลาสติก หรือโลหะ ซึ่งมักใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง โดยจากสถิติพบว่าในปี 2014 นั้น ถ้วยคูริกถูกนำมาใช้จำนวนหลายพันล้านแก้ว ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วใช้เวลาในการกำจัดหรือย่อยสลายเป็นเวลานานมากกว่า 12 รอบของอายุไขของโลก [5] เพราะฉะนั้นควรเลือกดื่มกาแฟจากแก้วปกติหรือชงจากเหยือกกาแฟแทน
    • ใช้แก้วที่สามารถใช้ซ้ำได้มาใส่กาแฟดื่มแทนแก้วที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
    • หากต้องการดื่มกาแฟแบบสะดวกรวดเร็ว ควรลงทุนซื้อเครื่องทำกาแฟสำเร็จรูปที่สามารถล้างได้มาสักหน่อย และซื้อแก้วที่ใช้ซ้ำได้ ซึ่งจะประหยัดเงินกว่าเมื่อเทียบกับการต้องซื้อรับประทานทีละแก้วบ่อยๆ
  3. การขนส่งอาหารจากที่ไกลๆ ย่อมทำลายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการขนส่งด้วยรถบรรทุก รถราง หรือเรือบรรทุกที่ก่อให้เกิดมลพิษ การซื้ออาหารจากพื้นที่ใกล้บ้านย่อมลดปัญหานี้ได้ดี [6]
    • ไปซื้อผักผลไม้ตามฤดูกาลจากตลาดของชาวสวน หรือใช้บริการกับเกษตรกรรายเล็กที่ชุมชนสนับสนุน ที่จำหน่ายพืชผักที่สดใหม่ให้ซื้อหามารับประทานได้ทุกวัน
  4. หลายครั้งที่บริษัทอาหารมีกรรมวิธีการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าอาหารสดธรรมดา เพราะฉะนั้นไม่ควรซื้ออาหารที่บรรจุห่อเล็กๆ หลายๆ ห่อหรือซื้อในปริมาณที่มาก. [7]
  5. วางแผนและทำอาหารไม่ให้เหลือมากกว่าที่จะรับประทาน หากเหลือให้เก็บไว้ทำมื้อถัดไป หากรับประทานเองไม่หมดโดยเฉพาะหลังงานเลี้ยงเลิก ให้นำไปแจกจ่าย แบ่งเพื่อนๆ ติดไม้ติดมือกลับไปบ้าน
  6. น้ำก๊อกในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย ทำให้ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำดื่มพกติดตัว เพียงแค่ซื้อแก้วหรือกระบอกน้ำใส่น้ำดื่มให้เต็มไว้พกติดตัว
    • ตรวจสอบว่าน้ำประปาในเมืองที่คุณอาศัยอยู่นั้นมีคุณภาพดีพอหรือไม่หากกังวลเรื่องคุณภาพความสะอาดของน้ำ
    • เครื่องกรองน้ำไม่ใช่สิ่งจำเป็นเท่าไรนัก เพราะเครื่องกรองน้ำเพียงแค่ช่วยเปลี่ยนรสชาติของน้ำให้ดีขึ้น และการกรองน้ำด้วยการผ่านเยื่อชนิดพิเศษนั้น ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากกว่าการนำมาดื่มโดยตรงค่อนข้างมาก
    • กรอกน้ำใส่เหยือกจากก๊อกน้ำแล้วแช่ตู้เย็นเพื่อเก็บไว้ดื่มให้ชื่นใจ
    • หากเปิดน้ำจากก๊อกแล้วพบว่ามีสีขาวขุ่นเมื่อเปิดน้ำในช่วงแรกๆ อาจจะเกิดจากฟองอากาศ ให้ลองเทใส่แก้วหรือขวดใส แล้วรอประมาณ 1-2 นาที สังเกตอีกครั้งว่าน้ำที่ขุ่นนั้นหายไปหรือไม่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 7:

เปลี่ยนวิธีการเดินทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เดินหรือขี่จักรยานหากระยะทางใกล้กับบ้าน เนื่องจากการเดินทางระยะใกล้โดยการใช้รถยนต์เป็นเรื่องที่ยาก เช่น ต้องสตาร์ทรถ หาที่จอด รวมทั้งก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีก ควรเปลี่ยนจากการขับรถยนต์เป็นการเดินหรือขี่จักรยานแทน
    • สวมหมวกกันน็อคและมีเกียร์บังคับขณะการขี่จักรยานให้เป็นนิสัย
    • หากต้องการบรรทุกข้าวของไปกับจักรยานหรือซื้อของด้วยรถสองล้อ สามารถนำข้าวของจำนวนมากในกระจาด ต่อพ่วงข้างจักรยาน หรือตะกร้าหวายใบใหญ่ๆ
  2. จัดการให้มีรถรับส่งไปที่ทำงานหรือไปโรงเรียน. ติดต่อกับเพื่อนบ้านสัก 1 หรือ 2 หลัง ที่ต้องโดยสารไปที่ทำงานเดียวกัน หรือติดต่อผู้ปกครองนักเรียนที่เป็นเพื่อนบ้านกัน เพื่อจัดรถรับส่งนักเรียนไปโรงเรียนเดียวกัน
    • การใช้รถรับส่งในการโดยสาร จะต้องขับในเลนส์ซ้ายของถนน (HOV ในประเทศสหรัฐอเมริกา) บนถนนทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งการขับเลนส์ซ้ายจะประหยัดเวลา (สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา) และประหยัดเงินค่าน้ำมันอีกด้วย ซึ่งประเทศไทยก็ใช้เลนส์ซ้ายเช่นกัน
    • หากโรงเรียนของลูกหลานอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร อาจให้เดินไปโรงเรียนแทนขับรถไปส่ง โดยให้เด็กเดินไปด้วยกันหลายๆ คน และมีผู้ปกครองดูแลไปด้วยระหว่างทาง
  3. หากบริเวณที่คุณอาศัยอยู่มีรถประจำทาง รถราง หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน อาจเลือกใช้ในการเดินทางไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือไปที่ต่างๆ ที่ต้องการแทนรถยนต์ส่วนตัว เพื่อลดการใช้รถยนต์และการจราจรที่ติดขัด และลดการใช้น้ำมัน
    • ปัจจุบันรถโดยสารในเมืองใหญ่ๆ หลายที่ เริ่มหันมาใช้ระบบดีเซลไฮบริดกันมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากการใช้งานของเครื่องยนต์อย่างยั่งยืน [8]
  4. โดยวางแผนให้ชัดเจนว่าต้องการจะไปหรือจอดแวะที่ไหนบ้างในทริปนี้ พยายามรวบรวมเส้นทางให้ใช้เส้นทางให้น้อยที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องขับวนไปวนมาหลายรอบ ทำให้สิ้นเปลืองทั้งน้ำมันและเวลา
    • โทรติดต่อหรือเช็คเวลาทำการของสถานที่ที่ต้องการจะไปก่อนจากบนเว็บไซต์ว่าเปิดตรงกับเวลาที่ต้องการจะไป แล้วจองคิวออนไลน์หรือโทรไปนัดหมายล่วงหน้าไว้ก่อน
  5. เลือกใช้โทรศัพท์ในการติดต่อหรือทำงานที่บ้าน ถ้างานที่ทำอยู่สามารถทำที่บ้านได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก. ลองทำดูเพียงแค่ 1 วัน/สัปดาห์ ก็จะพบว่าลดค่าโดยสารได้ประมาณ 20%
  6. เลือกขับรถแบบไฮบริด หรือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า. หากต้องการซื้อรถคันใหม่สักคัน ลองมองรถไฮบริดไว้เป็นตัวเลือก เนื่องจากเป็นรถที่ใช้พลังงานจากน้ำมันควบคู่กับพลังงานไฟฟ้า [9] ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดการเกิดมลพิษในบรรยากาศ แต่ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเพราะแวะปั๊มเติมน้ำมันน้อยลง
  7. หากคุณมีรถยนต์ ให้หมั่นซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้ โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและทำความสะอาดเครื่องกรองอากาศ ซ่อมแซมหากมีน้ำอะไรรั่วไหลจากรถ และหมั่นเช็คลมยางให้พร้อมอยู่เสมอ
  8. เลือกเติมเชื้อเพลิงราคาประหยัดและทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถทำได้นอกเหนือจากนี้
  9. ในกรณีที่ต้องการไปทำงานหรือท่องเที่ยว ควรเลือกโดยสารด้วยเครื่องบินให้น้อยลง เนื่องจากเครื่องบินเป็นยานพาหนะที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่นๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมาผู้โดยสารโดยเครื่องบินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี [11] วิธีที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้แก่ [12]
    • เลือกบินด้วยเที่ยวบินราคาประหยัด หากมีผู้โดยสารจำนวนมากบนเครื่องบินลำนั้น ก็จะทำให้อัตราผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากเครื่องบินลำนั้นยิ่งลดลงไปตามจำนวนผู้โดยสารที่มาก
    • เลือกที่จะอยู่ที่จุดหมายปลายทางให้นานขึ้นหน่อย ไม่ต้องรีบบินไปกลับบ่อยๆ
    • เดินทางในพื้นที่ใกล้ๆ ด้วยรถไฟหรือรถประจำทางแทน
    • ใช้เทคโนโลยีการประชุมผ่านวิดีโอออนไลน์แทนการเดินทางไปประชุมถึงที่ทำงาน
  10. อาศัยอยู่ในที่ที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน โรงเรียน หรือสถานที่ที่ต้องไปบ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้. โดยเลือกอยู่ใกล้บริเวณที่มีทางสำหรับขี่จักรยาน หากจะเลือกที่อยู่อาศัยสักแห่งหนึ่ง ต้องไม่ลืมนึกถึงการเดินทางไปที่ต่างๆ ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 7:

ปรับปรุงบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เครื่องเป่าลมและท่อนำแสงอาทิตย์สำหรับติดตั้งไว้ที่หลังคาบ้านนั้นออกแบบมาเพื่อให้แสงสว่างเข้ามาในบ้านได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเปิดไฟในบ้าน แถมอุปกรณ์ดังกล่าวบางชนิดยังสามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้าได้อีกด้วย
  2. เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟแบบ คอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หรือ LED. หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรือ LED นี้ ราคาจะสูงกว่าหลอดไฟทั่วไป แต่คุ้มกว่าในเรื่องของอายุการใช้งานจะยาวนานกว่าและใช้พลังงานเพียงแค่ ¼ เท่าของหลอดไฟทั่วไป
    • เริ่มจากการเปลี่ยนหลอดไฟที่ใช้งานบ่อยที่สุดก่อน
  3. ปิดช่องว่างหรือรอยรั่วของแผ่นกรองอากาศในบ้าน. โดยสถานที่ที่อากาศมักจะรั่วเข้าหรือรั่วออกของบ้าน มักเป็นบริเวณรอบๆ ประตู หน้าต่าง รอบดวงไฟ รอบปล่องควัน รอบโคมไฟฝังเพดาน หรือบริเวณอื่นๆ โดยใช้วัสดุอุดรอยรั่วในการอุดช่องว่างขนาดเล็ก และใช้ฉนวนกันความร้อนหรือโพลียูเรเทนโฟมในการอุดช่องว่างขนาดใหญ่ [13]
    • ทำการซ่อมรอยรั่วในบ้าน โดยเริ่มจากนำแผ่นฉนวนหรือแผ่นปิดรอยต่อที่ชำรุดออก แล้วใช้วัสดุอุดรอยรั่วหรือปูนยาแนวมาโบกให้เรียบร้อย โดยอุดหรือโบกไม่ให้อัดแน่นเกินไปและต้องครอบคลุมบริเวณช่องว่างหรือรอยต่อนั้นให้มิดขิด การอุดรอยรั่วทุกจุดจะช่วยลดจำนวนแมลงและหนูที่เข้ามาในบ้านของเราได้
    • อุดรอยรั่วรอบแผงสวิตซ์แผงปลั๊กไฟโดยเฉพาะแผงที่อยู่นอกตัวบ้าน โดยปิดแผงควบคุมไฟบ้านให้เรียบร้อยก่อนเพื่อความปลอดภัยในชีวิต จากนั้นแกะแผงครอบออกแล้วพ่นโพลียูเรเทนโฟมไปที่รูรั่ว
    • เช็คประตูนอกบ้านและขอบยางหุ้มหน้าต่างว่าปิดมิดชิดดีไม่มีรอยรั่ว แต่ถ้ารู้สึกว่าอยู่ในบ้านแล้วมีลมเย็นๆ หรือลมร้อนเล็ดลอดเข้ามา อาจจะต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ไปเลย
    • ใช้แท่งอุปกรณ์ตรวจจับควันเพื่อตรวจว่ามีลมรั่วออกจากบ้านหรือเข้ามาในบ้านหรือไม่
  4. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่ห้องใต้หลังคาและผนังนอกบ้าน. การเลือกฉนวนที่ดีก็จะยิ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการปรับบ้านให้สบายและมีประสิทธิภาพที่ดี
  5. หากมีน้ำหยดจากก๊อกน้ำให้ทำการซ่อมหรือหากยังไม่พร้อมซ่อมอย่างน้อยควรมีภาชนะรองน้ำใต้ก๊อกไว้ใช้ เช่น นำน้ำไปรดต้นไม้
    • เช็คน้ำรั่วในโถส้วม ให้หยดสีผสมอาหารลงในถังเก็บน้ำด้านหลังชักโครก ไม่ใช่ในชักโครกโดยตรง แล้วรอประมาณ 10 นาที โดยห้ามกดชักโครกระหว่างนั้น หากพบว่ามีสีเล็ดลอดออกมาอยู่ในชักโครก ควรทำการซ่อมเพราะแสดงว่ามีน้ำรั่ว
  6. ติดตั้งอุปกรณ์เสริมให้กับหน้าต่างที่ทำให้เปลืองพลังงานมาก. ด้วยการติดตั้งผ้าม่านหรือหาอะไรมาบังที่จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้นในช่วงหน้าร้อนและอุ่นขึ้นในช่วงหน้าหนาว อย่างเช่นการเลือกติดผ้าม่านหนาๆ ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เพื่อให้รู้สึกอบอุ่นในตอนกลางคืน
    • หากอาศัยอยู่ในเขตอากาศร้อน เช่น ในภาคอีสานของไทย ควรใช้ผ้าม่านสีอ่อนหรือติดตั้งอุปกรณ์สะท้อนความร้อน เพื่อสะท้อนความร้อนออกจากตัวบ้าน หรือลองไปปรึกษาผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้แถวๆ บ้าน ให้ช่วยเลือกให้แมทช์กับบ้านของคุณ โดยการทาสีหน้าต่างด้วยโทนสีอ่อนนั้นจะช่วยดูดซับแสงอาทิตย์ไว้ ทำให้สีของตัวอาคารไม่ให้ซีดเร็วจนเกินไป
  7. ปลูกต้นไม้มากั้นไม่ให้ลมและแสงแดดทำลายตัวบ้าน. การปลูกไม้ผลัดใบจะช่วยให้ร่มเงาในฤดูร้อน และช่วยให้แสงแดดอันอบอุ่นส่องเข้าบ้านให้อบอุ่นในฤดูหนาว ส่วนไม้ไม่ผลัดใบก็จะช่วยปกป้องบ้านจากลมพายุ
    • การจะปลูกต้นไม้นั้นต้องประเมินก่อนว่าในอนาคตหากต้นมันโตขึ้นมาแล้ว จะห่างจากบ้านมากพอที่ รากของต้นไม้ที่เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จะไม่แทงแทรกเสาเข็มหรือรากฐานของบ้านที่เราอาศัยอยู่
  8. หมั่นดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ดี และเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานอย่างคุ้มค่าหากต้องการจะซื้อใหม่ไว้ติดบ้านสักชิ้น
    • ทำความสะอาดแผงคอยล์ (ขดลวดตัวนำไฟฟ้า)ในตู้เย็นประมาณปีละ 1 ครั้ง
    • ทำความสะอาดช่องระบายอากาศของเครื่องเป่าลมเสื้อผ้าประมาณปีละ 1 ครั้ง โดยทำความสะอาดแผงกรองทุกครั้งหลังใช้งาน
  9. โถชักโครกประเภทนี้จะช่วยประหยัดน้ำได้หลายแกลลอนต่อปี ทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าน้ำได้อีกด้วย
    • อาจแก้ปัญหาด้วยการใส่ขวดที่มีน้ำอยู่เต็มลงไปในถังด้านหลังชักโครก หากใส่ขวดน้ำไปมากเท่าไร ก็จะยิ่งไปแทนที่น้ำที่จะต้องเสียไปกับการกดน้ำแต่ละครั้ง ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้มีผลเสีย ยังทำให้ชักโครกทำงานได้ตามปกติ (แต่ไม่ควรเลือกใช้อิฐถ่วง เนื่องจากอิฐสามารถแตกหรือกร่อนได้ ทำให้เกิดการอุดตันได้)
    • ทำให้ระดับน้ำในถังด้านหลังชักโครกเหลือน้อยลง ปัจจุบันมีโถชักโครกหลายประเภทที่มีวาล์วควบคุมระดับน้ำให้เหลือไว้สำหรับกดน้อยลงได้
  10. ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ไว้บนหลังคาบ้าน. แผงพลังงานแสงอาทิตย์นี้จะช่วยเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าซึ่งทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ ( โดยเฉลี่ยแล้วการติดตั้งแผงจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท) ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าในบ้านได้ประมาณ 20% เมื่อติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์นี้.
    • แต่อย่าลืมว่า อย่างไรก็ตาม การผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์ก็ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม โดยการผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์นี้ทำให้เกิดสารเคมีตกค้างและกลายเป็นขยะที่ไม่ย่อยสลายเช่นเดียวกัน [14]
  11. เลือกซื้อหรือปลูกบ้านให้เล็กที่สุดเท่าที่สมาชิกทุกคนจะอยู่สบาย (และตัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป). จะพบว่าคุณจะประหยัดทั้งทรัพยากรทางวัสดุและเงินทุนในการก่อสร้างและซ่อมแซมบำรุงรักษา รวมทั้งประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศอีกด้วย
    • หากบ้านที่อยู่มีขนาดใหญ่เกินความต้องการ อาจชวนคนเข้ามาอยู่เพิ่ม เช่น ครอบครัว หรือหารูมเมท
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 7:

ปรับเปลี่ยนสนามหญ้าในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกปลูกสวนผัก ผลไม้ และ/หรือพืชสมุนไพรนานาชนิด
    • เลือกใช้เทคนิคที่ช่วยลดการใช้ปุ๋ยและน้ำที่ไม่จำเป็น อย่างเช่นการใส่เศษใบไม้ลงไปเพื่อช่วยให้ดินกักเก็บน้ำเอาไว้ได้ดีและทำให้ดินชุ่มชื้น [15]
    • ปลูกพืชผักผลไม้ที่ชอบไว้ด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อจากร้านค้ามารับประทาน
    • เตรียมถังรองน้ำฝนหรือภาชนะอื่นๆ มารองน้ำฝนเก็บไว้รดน้ำต้นไม้
  2. จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้คล้ายกับป่าตามธรรมชาติเพื่อให้สัตว์ป่าเข้ามาอาศัยอยู่ ขั้นตอนในการแปลงสภาพสวนหลังบ้านให้เป็นมิตรกับสัตว์ป่ามีดังต่อไปนี้ [16]
    • ปลูกพืชหลากหลายชนิด สัตว์ป่านานาชนิดจะพากันเข้ามาที่สวนหากคุณต้องการ เพราะเมื่อมีพืชนานาชนิด ก็จะดึงดูดให้สัตว์นานาชนิดพากันเข้ามาอาศัยอยู่
    • สร้างสระบัวให้กบมาอาศัยในสวน ในปัจจุบันประชากรกบกำลังลดลงเนื่องจากไร้ที่อยู่อาศัย หากสร้างสระบัวไว้ ก็เป็นการช่วยขยายพันธุ์ให้กบได้ [17]
  3. บริเวณที่เป็นสนามหญ้าเป็นบริเวณที่ต้องหมั่นดูแลบ่อยๆ เช่น ต้องคอยตัดหญ้า หายากำจัดวัชพืช และใช้น้ำมันหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าในการตัดหญ้า หากเปลี่ยนจากสนามหญ้าเปล่าๆ เป็นสวนที่มีพิชพรรณมากมาย ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าและดึงดูดสัตว์ป่าตามมา [18]
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าแมลง กำจัดวัชพืช และปุ๋ยเคมีสังเคราะห์. เนื่องจากย่าฆ่าแมลงนั้นจะฆ่าพวกนกสัตว์อื่นๆ กว่าหลายร้อยตัวต่อปี หากไม่ต้องการให้มีวัชพืชควรดึงออก ใช้จอบพรวนออก เด็ดออกหรือปลูกต้นไม้ทับบริเวณนั้นไปเลย
    • หาวิธีการใหม่ๆ ที่ทันสมัย เช่น วิธีที่ช่วยกำจัดแมลงโดยใช้สารเคมีน้อยที่สุด ปลูกพืชหลายชนิดร่วมกัน และเทคนิคอื่นๆ ที่ลดหรือไม่ต้องพึ่งสารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมี
    • หากต้องใช้ปุ๋ยเคมี ควรใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ และต้องมั่นใจว่าปุ๋ยที่เหลือจะไม่ปนเปื้อนหากมีลมพายุหรือน้ำพัดผ่าน
  5. ปลูกต้นไม้เพิ่มในสนามหญ้า เนื่องจากต้นไม้ใหญ่จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยก๊าซออกซิเจนรวมทั้งช่วยพัฒนาคุณภาพน้ำรวมถึงเศษใบใม้ก็ยังเป็นปุ๋ยให้พืชชนิดอื่นได้ด้วย [19]
    • ต้นไม้ผลัดใบเป็นต้นไม้ที่ต้องระวังการปลูกใกล้ตัวบ้าน แต่ข้อดีคือช่วยทำให้ตัวบ้านอุ่นขึ้นในฤดูหนาวและเย็นขึ้นในฤดูร้อน
    • หากปลูกเป็นผลไม้ ก็จะมีผลไม้รับประทานเองจากการปลูกเองโดยไม่ต้องไปหาซื้อ
  6. สร้างบริเวณสำหรับทิ้งเศษใบไม้หรือซากพืชที่อยู่ในสนามหญ้า เปลือกผลไม้ และเศษอาหาร รวมทั้งหาไส้เดือนมาปล่อยเพื่อช่วยในการย่อยซากต่างๆ ให้เร็วขึ้นและช่วยทำให้ดินมีคุณภาพมากขึ้น โดยบริเวณดังกล่าวควรอยู่ไกลจากแหล่งน้ำเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของน้ำหรือไหลไปกับน้ำ
  7. เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงน่ารำคาญของเครื่องดูดใบไม้ไฟฟ้า หันมาใช้คราดในการโกยใบไม้และขยะอื่นๆ ในสนามหญ้าแทน
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 7:

นำสิ่งของต่างๆ กลับมาใช้ซ้ำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองเข้าไปเดินร้านขายของราคาถูก แล้วสอบถามหาซื้อเสื้อผ้า หรือสินค้ามือสองอื่นๆ
  2. แทนที่จะทิ้งขยะไป เปลี่ยนเป็นให้คนที่ด้อยโอกาส หรือบริจาคเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ให้แก่มูลนิธิ ปัจจุบันมีหลายองค์กรที่จะส่งรถบรรทุกมารับของบริจาคถึงบ้าน
    • หาแหล่งรวมสิ่งของสำหรับ ซื้อ ขาย และของบริจาคในละแวกบ้านคุณ หรือดูตามเว็บไซต์
  3. นำสิ่งของที่ดูไม่มีค่ามาสร้างมูลค่าให้ดูน่ารักกุ๊กกิ๊ก เช่น นำมาทำเป็นเครื่องประดับ ของใช้ในบ้าน หรือเสื้อผ้าที่ดูน่าสวมใส่มากขึ้น โดยหาไอเดียจากหลายๆ บทความใน wikiHow เพื่อนำมาเป็นไอเดียในการประดิษฐ์ได้
  4. พกถุงผ้าไปด้วยเมื่อจะไปซื้อของ ปัจจุบันมีหลายสถานที่ที่งดใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้า แม้ร้านค้าแถวนั้นจะยังใช้อยู่ก็ให้เปลี่ยนมาใช้ถุงเดิมที่เคยได้มาใส่ซ้ำ
    โฆษณา
วิธีการ 7
วิธีการ 7 ของ 7:

เข้าไปมีบทบาทในการอนุรักษ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โทรศัพท์หรือส่งอีเมลไปยังตัวแทนหรือหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้ทางรัฐให้การสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานในพื้นที่ของคุณ
  2. ในหลายพื้นที่มีการชุมนุมเกี่ยวกับประเด็นของสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การชุมนุมประสบความสำเร็จจะต้องมีผู้เข้าร่วมเยอะๆ โดยเข้าไปร่วมลงชื่อเพื่อร่วมแสดงเจตนารมณ์
    • ชวนสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนๆ ไปร่วมชุมนุมด้วย
  3. เลือกเข้าร่วมกับหน่วยงานที่สนใจ เช่น กรีนพีซ หรือ กองทุนการป้องกันสิ่งแวดล้อม แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิก [21]
  4. เลือกเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือสัตว์สูญพันธุ์ที่กำลังเป็นเรื่องที่นิยมในขณะนี้ ส่งให้บรรณาธิการสำนักพิมพ์ เพื่อเป็นการป่าวประกาศให้ชุมชนรับรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
    • หรือเลือกเขียนแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวส่งไปที่สำนักพิมพ์ เพื่อให้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นก็ได้
  5. บริจาคเงินให้กับหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม. เลือกหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแล้วบริจาคเงินให้หน่วยงานดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานมีทั้งที่ต้องการเงินบริจาคน้อยไปจนถึงมาก โดยเลือกบริจาคเดือนหรือปีละ 1 ครั้ง
    • การบริจาคให้หน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไรจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยขอใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี
  6. แบ่งเวลามาศึกษาเรื่องใหม่ๆ เช่น ซ่อมจักรยาน ซ่อมสิ่งของต่างๆ ปลูกต้นไม้ ดูนกส่องสัตว์ เพื่อเป็นจิตอาสาที่มีความรู้เรื่องดังกล่าวและเป็นตัวแทนจิตอาสาในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าซื้อของที่ไม่จำเป็น นอกจากจะช่วยประหยัดเงินและบ้านไม่รกแล้ว การหลีกเลี่ยงการซื้อของที่ไม่จำเป็นก็เป็นสิ่งแรกที่ทำให้ไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากร (วัสดุ, พลังงาน, แรงงาน)ในการผลิตสิ่งของนั้น อาจใช้การยืมจากคนที่มีอยู่แล้ว นำมาใช้ซ้ำ หรือไม่ต้องใช้เลย
  • ไม่ใช้ถุงพลาสติก แม้จะเป็นสิ่งที่หาได้ง่าย แต่ล้วนไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์มนั้นเป็นผลผลิตจากน้ำมันของต้นปาล์มซึ่งผลิตจากอินโดนีเซียและแอฟริกา และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำป่าและป่าถูกทำลาย ลองเช็คส่วนผสมของน้ำมันปาล์มที่ผสมในอาหารและเครื่องสำอาง รวมถึงหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ แล้วหันมาสนับสนุนบริษัทที่หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันปาล์มแทน
  • คุณสามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้โดยการช่วยอนุรักษ์ผึ้งและแมลงชนิดอื่นๆ เพื่อให้เกิดสมดุลที่ดีแก่โลกใบนี้
  • หันมารับประทานมังสวิรัติ การรับประทานมังสวิรัติจะช่วยลดการฆ่าสัตว์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  • เก็บน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์ (เช่น รดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดนอกบ้าน หรืออาบน้ำสัตว์)
  • ดับเครื่องยนต์เมื่อต้องจอดค้างไว้นานกว่า 10 วินาที
  • ปฏิบัติตามทั้ง 3 ข้อนี้:

1.ลดการใช้ 2.ใช้ซ้ำ 3.นำกลับมาใช้ใหม่

โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 48,054 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา