ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการเจ็บคอสามารถทำให้ทั้งเจ็บ ระคายเคือง และบางทีก็คันคอด้วย ความรู้สึกระคายคอนี้อาจทำให้กลืนน้ำลายหรืออาหารลำบาก การเจ็บคอเป็นเรื่องปกติมาก และอาจเป็นอาการของการติดเชื้อจากไวรัสหรือแบคทีเรีย (คออักเสบ) และยังอาจเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ ภาวะขาดน้ำ กล้ามเนื้ออักเสบ (จากการตะเบ็งเสียง พูด ร้องเพลง) โรคกรดไหลย้อน การติดเชื้อเอชไอวี หรือเนื้องอก อาการเจ็บคอส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส (เช่น ไวรัสหวัดธรรมดา ไวรัสไข้หวัดใหญ่ โมโนนิวคลีโอซิส เชื้อหัด อีสุกอีใส และติดเชื้อทางเดินหายใจ) หรือจากเชื้อแบคทีเรีย (เช่น โรคสเตรปโธรท ที่เกิดจากแบคทีเรียสเตรปโทค็อกคัส) [1] โชคดีที่การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือนั้นเป็นวิธีแบบบ้านๆ ที่รักษาอาการเจ็บคอจากสาเหตุต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและได้ผลดี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เติมเกลือบริโภคหรือเกลือทะเล 1 ช้อนชาลงในน้ำเปล่า 8 ออนซ์. น้ำเกลือสามารถลดอาการบวมในคอได้โดยดึงน้ำออกจากเนื้อเยื่อในคอ เกลือยังทำหน้าที่เป็นตัวช่วยต้านแบคทีเรียอีกด้วย เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมคนถึงใช้เกลือในการถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย เพราะมันช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียนั่นเอง [2]
  2. วิธีกลั้วคอ ให้สูดหายใจลึกๆ กลั้นไว้ แล้วเทน้ำเกลือ 2-3 ออนซ์ใส่ปากโดยที่ห้ามกลืน แหงนหน้าไปด้านหลังประมาณ 30 องศา เกร็งคอไว้แล้วกลั้วคอ 30 วินาที ก่อนบ้วนทิ้ง [3]
    • สำหรับเด็ก ให้ลองกลั้วคอด้วยน้ำอุ่นธรรมดาดูก่อน ข้อจำกัดด้านอายุสำหรับวิธีนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเด็กในการกลั้วคอโดยไม่กลืน ซึ่งปกติจะเป็นเด็กอายุประมาณ 3-4 ปี การที่จะให้เด็กกลั้วคอได้ถึง 30 วินาทีนั้น คุณอาจจะทำเป็นเล่นเกม เช่น ให้เด็กพยายามร้องเพลง “ทวิงเกิ้ล ทวิงเกิ้ล ลิตเติ้ลสตาร์” ระหว่างกลั้วคอก็ได้
  3. ควรทำซ้ำให้ได้ 3-4 ครั้งโดยใช้น้ำเกลือ 8 ออนซ์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้แต่ละครั้งด้วย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อน แล้วกลั้วคอครั้งละ 30 วินาที
  4. ถ้าไม่สามารถใช้น้ำเกลือกลั้วคอได้ ให้ลองใช้สารละลายอื่น. บางคนอาจรู้สึกลำบากในการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เพียงเพราะมีรสชาติรุนแรงของเกลือติดอยู่ที่คอ คุณก็สามารถกลั้วคอด้วยสารละลายอื่นๆ ได้ หรือจะเติมน้ำมันหอมระเหยลงไปในน้ำเกลือเพื่อกลบรสชาติก็ได้ สำหรับตัวเลือกอื่นๆ มีดังนี้
    • เติมแอปเปิลไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล กรดในแอปเปิลไซเดอร์สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เช่นเดียวกันกับน้ำเกลือ คุณสามารถเติมแอปเปิลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ ลงในน้ำเกลือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และกลบรสชาติของเกลือด้วย แต่คุณอาจจะไม่ชอบรสชาติของแอปเปิลไซเดอร์มากกว่าก็ได้นะ
    • เติมน้ำมันจากกระเทียม 1-2 หยด น้ำมันหอมนี้มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและไวรัส [4]
    • เติมน้ำมันโกโบ 1-2 หยด ยาจีนแผนโบราณนิยมใช้โกโบเพื่อรักษาอาการเจ็บคอ [5] แต่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพืชชนิดนี้ยังมีไม่มากนัก
    • เติมเปปเปอร์มินต์ลงไป คุณสามารถหยดน้ำมันเปปเปอร์มินต์ 1-2 หยด มันเป็นตัวช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอมาแต่ดั้งเดิม [6]
    • เติมน้ำมันมาร์ชแมลโลว์ 1-2 หยด สมุนไพรชนิดนี้ (ไม่ใช่ขนม) มีสารที่เป็นเมือกคล้ายเจลซึ่งช่วยเคลือบคอเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอได้ [7]
  5. คุณสามารถใช้วิธีการกลั้วคอเหล่านี้ได้ทุกๆ ชั่วโมง (หรือมากกว่านั้น) เท่าที่ต้องการ สิ่งสำคัญคือห้ามกลืนน้ำเกลือลงไปเท่านั้น เพราะมันสามารถขจัดน้ำออกจากร่างกายคุณได้เหมือนกับที่ขจัดออกจากเนื้อเยื่อในคอ [8]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้วิธีเพิ่มเติมในการรักษาอาการเจ็บคอด้วยตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำและช่วยให้คอชุ่มชื้นมากที่สุดเพื่อลดความเจ็บปวด [9] คนส่วนใหญ่มักจะดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง แต่คุณจะดื่มน้ำเย็นหรือน้ำร้อนก็ได้ถ้ามันทำให้คอคุณรู้สึกดีขึ้น
    • ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน (แก้วละ 8 ออนซ์) และดื่มให้มากกว่านั้นหากเป็นไข้
  2. การรักษาความชุ่มชื้นในอากาศรอบๆ ตัว จะช่วยไม่ให้คอแห้งจนเกินไป [10] ใช้เครื่องทำความชื้น (ถ้ามี) หรือถ้าไม่มีก็อาจจะวางชามใส่น้ำไว้รอบห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนแทนก็ได้
  3. ไม่ว่าร่างกายคุณจะกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การนอนพักเยอะๆ ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยเพิ่มปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันให้คุณ พยายามนอนให้ได้ 8 ชั่วโมงตอนกลางคืน โดยเฉพาะเวลาป่วย [11]
  4. ซดน้ำซุปและน้ำแกงเยอะๆ คำบอกเล่าแต่โบราณที่ว่าซุปไก่รักษาหวัดได้นั้นเป็นเรื่องจริง ผลการศึกษาพบว่าซุปไก่สามารถทำให้เซลล์คุ้มกันบางตัวเคลื่อนที่ช้าลง และการที่มันเคลื่อนที่ช้าลงนั้นทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซุปไก่ยังช่วยให้การเคลื่อนไหวของขนอ่อนในจมูกเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยลดการติดเชื้อได้ด้วย [12] อาหารรสอ่อนที่ไม่ใส่เครื่องปรุงเมนูอื่น เช่น
    • ซอสแอปเปิล
    • ข้าว
    • ไข่คน
    • พาสต้าสุก
    • ข้าวโอ๊ต
    • สมูทตี้
    • ถั่วปรุงสุก
  5. ยิ่งอาหารคำเล็กและชื้นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดการระคายคอได้มากเท่านั้น หั่นอาหารให้เป็นชิ้นเล็กๆ และเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อให้น้ำลายทำให้มันชุ่มก่อนกลืน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการเจ็บคอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเจ็บคออาจเป็นอาการของโรคต่างๆ เช่น โรคติดเชื้อจากไวรัสหรือแบคทีเรีย ถ้าคุณเจ็บคอนานเกินหนึ่งสัปดาห์ (หรือนานเกินสามวันทั้งที่กลั้วคอด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ) หรือมีอาการอื่นๆ ต่อไปนี้ร่วมด้วย ถึงเวลาต้องไปพบแพทย์แล้วล่ะ [13]
    • กลืนลำบาก
    • หายใจลำบาก
    • อ้าปากไม่ค่อยได้
    • ปวดข้อต่างๆ
    • ปวดหู
    • มีผื่นคัน
    • มีไข้สูงเกิน 101 องศาฟาเรนไฮต์ (38.3 องศาเซลเซียส)
    • มีเลือดปนในน้ำลายหรือเสมหะ
    • มีก้อนนูนที่คอ
    • เสียงแหบเกินสองสัปดาห์
    • สำหรับเด็ก สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (The American Academy of Pediatrics) แนะนำว่าควรพาไปพบแพทย์หากเด็กมีอาการเจ็บคอข้ามวัน โดยที่ดื่มน้ำแล้วไม่หาย หรือมีอาการกลืนลำบาก หายใจลำบาก น้ำลายไหลผิดปกติร่วมด้วย [14]
  2. แพทย์จะทำการทดสอบเล็กน้อยเพื่อวินิจฉัยสาเหตุของอาการเจ็บคอของคุณ รวมถึงการตรวจร่างกายที่ต้องใช้ไฟฉายส่องคอเพื่อตรวจ [15]
    • การทดสอบเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ใช้ไม้พันสำลีป้ายลำคอแล้วนำไปเพาะเชื้อเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ (และเป็นแบคทีเรียชนิดใด) ถ้าผลออกมาเป็นลบ และยิ่งถ้ามีอาการไอด้วย แสดงว่าน่าจะติดเชื้อจากไวรัส แพทย์อาจจะให้ทำการทดสอบภูมิแพ้ และตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดเพื่อวัดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกัน [16]
  3. หากเพาะเชื้อและวินิจฉัยแล้วพบว่าอาการเจ็บคอของคุณเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้เป็นชุดเพื่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ถ้าคุณได้รับยาปฏิชีวนะมา ให้กินอย่างต่อเนื่องจนครบตามแพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม [17] ถ้าคุณไม่ทำตามนั้น แบคทีเรียบางตัว (ที่ดื้อยาปฏิชีวนะ) ก็จะยังอยู่ และสามารถเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดื้อยาขึ้นอีก รวมถึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนและกลับมาติดเชื้ออีกได้
    • ถ้าคุณต้องกินยาปฏิชีวนะ ให้กินโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิตเพื่อแทนที่แบคทีเรียในทางเดินอาหารที่ถูกกำจัดโดยยาปฏิชีวนะด้วย คุณต้องกินโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิตเท่านั้น เพราะโยเกิร์ตชนิดนี้มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ซึ่งจะไม่มีในโยเกิร์ตที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์หรือผ่านกระบวนการ ที่แนะนำวิธีนี้ก็เพื่อป้องกันอาการท้องร่วงซึ่งอาจเกิดขึ้นร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะ และเพื่อรักษาสมดุลของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร ซึ่งจำเป็นในการรักษาสุขภาพของคุณ (และระบบภูมิคุ้มกัน) ให้ดีด้วย [18]
    • ระวังอาการท้องร่วงผิดปกติขณะใช้ยาปฏิชีวนะ อาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคหรือการติดเชื้ออื่นๆ
  4. หากวินิจฉัยแล้วพบว่าอาการเจ็บคอของคุณเกิดจากเชื้อไวรัส (เช่น ไวรัสหวัดธรรมดา หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่) แพทย์มักจะแนะนำให้พักผ่อนและดื่มน้ำเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยคุณต้านเชื้อโรคได้ [19]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้ายังมีรสปะแล่มๆ ของน้ำเกลือหลงเหลืออยู่ในปาก หมากฝรั่งจะช่วยให้มันหายไปได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามกลืนน้ำเกลือลงไป
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • แก้วน้ำ
  • น้ำ
  • เกลือ
  • ช้อน

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 53,140 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา