ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางครั้งการ “แสร้งทำจนมันเป็นจริง” ก็สามารถช่วยดึงคุณไปสู่หนทางที่ดีได้ แม้ว่าการแสร้งทำโดยไม่มีความจริงใจนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่บางครั้งคุณก็คงต้องการที่จะรวบรวมพลังเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคไปให้ได้ คุณอาจจะทำการนำเสนองานล่มระหว่างการนำเสนอ หรือไม่ชอบถูกบังคับให้ไปงานสังสรรค์ การที่จะก้าวผ่านสถานการณ์เหล่านี้ได้นั้นคุณอาจจะต้องใช้ความกล้าสักเล็กน้อย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ทำตัวให้ดูมีความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ยิ้ม. วิธีง่ายๆ ที่ทำให้คุณดูมีความสุขได้ก็คือการยิ้ม แต่คุณรู้ไหมว่าการยิ้มนั้นช่วยขับอารมณ์ของคุณได้ การยิ้มสามารถขับอารมณ์มีความสุขเช่นเดียวกับที่ความสุขสามารถทำให้คุณยิ้มได้ [1]
    • พยายามยิ้มให้ทั่วทั้งใบหน้า ไม่ใช่ยิ้มแค่มุมปาก ต้องยิ้มให้รู้สึกว่าแก้มและดวงตาของคุณมีการเปลี่ยนแปลง การยิ้มแบบนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรู้สึกด้านบวกในตัวคุณ [2]
    • ถ้าคุณกำลังอารมณ์เสียหรือหงุดหงิด ให้ลองจัดการความรู้สึกเหล่านี้ด้วยการยิ้ม ลองเชื่อมตัวเองเข้ากับประสาทสัมผัสการยิ้ม แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกถึงความสุข
  2. 2
    สร้างความสามารถในการแสร้งทำ. การก้าวผ่านสถานการณ์ที่อึดอัดได้โดยที่ดูจากภายนอกแล้วไม่รู้สึกอะไรนั้นเป็นทักษะอย่างหนึ่ง และต้องมีความมั่นใจพอสมควร ถ้าคุณต้องนำเสนองานแล้วรู้สึกประหม่า ดึงความมั่นใจที่อยู่ภายในออกมา แม้แต่การพูดในที่ประชุมชนที่ทำให้คุณหนีและหลบซ่อนตัวก็ตาม บอกกับตัวเองว่าคุณสามารถทำได้ ถ้าคุณปลดปล่อยความมั่นใจออกมา (แม้ว่าตอนแรกๆ จะต้องฝืนทำหรือทำออกมาไม่เป็นธรรมชาติ) คนอื่นๆ ก็จะเชื่อว่าคุณนั้นมีความสามารถที่จะทำได้ [3]
    • พูดให้เสียงดังฟังชัด และแสดงให้เหมือนกับว่าคุณมั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก
    • ในทางตรงกันข้ามก็เช่นกัน ถ้าคุณนำเสนองานด้วยความรู้สึกกลัว ก็จะมีอาการที่แสดงความกลัวออกมา เช่น เสียงสั่น สายตาไม่สื่อสารกับผู้ฟัง ลุกลี้ลุกลน เป็นต้น
  3. 3
    ปรับเปลี่ยนท่าทางการสื่อสาร. ถ้าคุณใจลอย มองพื้น ไขว้แขนหรือขาของตัวเอง คนอื่นอาจจะเดาได้ว่าคุณนั้นไม่มีความมั่นใจ คนที่ยืนอยู่ในท่าที่เหมาะสมจะแสดงอารมณ์ด้านบวกและเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าคนเซ่อๆ ที่ยืนงกๆ เงิ่นๆ [4] การปรับเปลี่ยนการท่าทางในการสื่อสารช่วยให้จิตใจของคุณเชื่อว่าคุณนั้นมีความมั่นใจ
    • ฝึกการยืนให้ไหล่ตึง (เป็นวิธีที่ทำให้รู้สึกหรือดูตัวใหญ่ขึ้น) หรือฝึกการวางมือลงบนสะโพกของตัวเอง
    • ฝึกฝนการทำท่าทางแสดงชัยชนะ เช่น ใช้มือบีบลมก่อนที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ทำให้ประสาทเสีย [5]
  4. 4
    ผ่อนคลาย. การผ่อนคลายจะช่วยให้รู้สึกสงบเมื่อคุณวิตกกังวล และยังช่วยไม่ให้คุณรู้สึกกังวล ถ้าคุณกำลังเครียด เหนื่อย หรือไม่มีความสุข ลองใช้เทคนิคการพักผ่อนเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกปกติมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยได้มากโดยเฉพาะตอนก่อนที่คุณจะนำเสนองานใหญ่ๆ หรือเหตุการณ์ที่ทำให้คุณกระวนกระวายใจ [6]
    • หายใจช้าๆ และนับการหายใจ โดยการหายใจเข้า 4 วินาที จากนั้นหายใจออก 4 วินาที เมื่อคุณรู้สึกสบายขึ้น ให้เพิ่มเวลาเป็น 6 วินาที คอยสังเกตลมหายใจที่ไหลเข้าไปในร่างกายและไหลออกจากร่างกาย
    • ใช้วิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อคลายความเครียดของกล้ามเนื้อ คุณอาจจะใช้การคลายเครียดด้วยการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ (Progressive muscle relaxation) ซึ่งจะเน้นการคลายกล้ามเนื้อหลายๆ ส่วนบนร่างกายในครั้งเดียวเพื่อคลายความเครียด เริ่มต้นจากการทำบริเวณนิ้วเท้า กล้ามเนื้อขา สะโพก ท้อง อก แขน ไหล่ และคอ ตามลำดับ [7]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

แสดงอาการมีความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ใช้แสดงโดยใช้มุมมองของคุณ. ในบางครั้ง คุณต้องผ่านสถานการณ์นั้นให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าคุณจะรู้สึกไม่เป็นตัวเองก็ตาม ให้คิดถึงว่าวิธีที่คุณปฏิบัตินั้นส่งผลกระทบอย่างไรต่ออนาคตของคุณ ถ้าคุณกำลังไปพบกับครอบครัวของคนรักแล้วคุณรู้สึกไม่ดี นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะแสดงโดยใช้มุมมองแล้วสร้างความประทับใจที่ดีได้ แต่จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องแสดงหรือทำตัวให้ดูดีที่สุดในทุกๆ สถานการณ์ ให้คิดถึงการใช้มุมมองเวลาที่คุณเลือกได้ว่าจะหนีจากสถานการณ์นั้นได้หรือถ้าคุณจำเป็นต้องผ่านอุปสรรคบางอย่างในสถานการณ์นั้นๆ [8]
    • ถ้าคุณขาหัก คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเป็นว่าคุณมีความสุข คุณกำลังบาดเจ็บอยู่นะ เช่นเดียวกันถ้าคุณพบเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น สูญเสียพี่น้องหรือญาติผู้ใหญ่ การรู้สึกเศร้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
  2. 2
    ปรับเปลี่ยนทัศนคติ. การเปลี่ยนทัศนคติของคุณนั้นจะมีประโยชน์โดยเฉพาะช่วงก่อนที่จะไปเจอกับสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ใช้เวลาสักพักแล้วหาหนทางเปลี่ยนวิธีคิดด้านลบ แล้วลองหามุมมองที่เป็นบวกแทนเพื่อสะท้อนออกมาผ่านการกระทำ คุณอาจจะจมปลักอยู่กับความคิดแย่ๆ วนไปวนมาและต้องการที่จะปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองให้รู้สึกดีมากขึ้น ให้สะท้อนทัศนคติที่ช่วยดึงคุณเข้าสู่สถานการณ์นั้นแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่คุณสนใจที่สุดหรือไม่ก็ตาม [9] การปรับเปลี่ยนทัศนคติจะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขยาวนานพอที่จะก้าวผ่านสถานการณ์นั้นได้
    • ถ้าคุณต้องไปที่ที่คุณไม่ได้อยากจะไป ให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติของคุณใหม่ จำไว้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ และคุณสามารถผ่านมันไปได้แม้คุณจะรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการก็ตาม คุณอาจจะได้พบกับคนที่น่าสนใจ มีความสุขกับอาหารอร่อยๆ และรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้
    • เรียนรู้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องดีๆ ที่จะเข้ามาระหว่างเหตุการณ์ และคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแย่ๆ ให้น้อยเข้าไว้
    • หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ลองศึกษาวิธีการปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านลบดู
  3. 3
    ลองพูดกับตัวเอง. ถ้าคุณรู้สึกลำบากในการทำตัวเองให้ดูมีความสุข สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้นคือความคิดด้านลบ การพูดกับตัวเองจะช่วยให้คุณเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องแย่ๆ หรือความคิดที่ไร้สาระเป็นการสงบจิตใจตัวเองได้ แล้วคุณจะรู้สึกสบายมากขึ้น [10] ซึ่งการพูดกับตัวเองจะช่วยให้คุณก้าวผ่านสถานการณ์ที่ไม่ต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้นและช่วยให้คุณดูมีความสุขมากขึ้นเช่นกัน แม้ว่าลึกๆ แล้วคุณจะรู้สึกแย่ก็ตาม ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของการพูดกับตัวเอง
    • “ฉันรู้สึกไม่ดีเลย แต่ฉันยังคงทำออกมาได้ดี”
    • “ตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ฉันรู้ว่าฉันจะได้กลับบ้านทันทีเมื่อผ่านมันไปได้”
    • “ฉันมาที่นี่เพื่อมีความสุขกับตัวเอง”
  4. 4
    ปลูกฝังความกตัญญู. ถ้าคุณกำลังลำบากกับการแสร้งเป็นคนมีความสุข ลองหาสิ่งที่คุณอยากจะขอบคุณในชีวิต คนที่มีความกตัญญูนั้นจะแสดงระดับความสุขและมีสุขภาพที่ดีกว่าคนทั่วไป เช่น นอนหลับดีขึ้น เข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น และพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองได้ดีขึ้น [11] ค้นหาสิ่งที่คุณมองหาและขอบคุณกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น หลังคาบ้าน วันที่ดี เพื่อนที่ดี หรืออะไรก็ได้ที่ดี แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกมีความสุขมากขึ้นจากภายใน ไม่ใช่แค่การแสดง
    • เขียนสิ่งที่คุณมีความสุขหรือช่วยเติมเต็มให้กับชีวิตของคุณมา 5 ข้อ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ง่ายๆ เช่น การตื่นเช้า หรือการที่ไม่มีจานอยู่ในอ่างล้างจาน จากนั้นให้คิดถึงสถานการณ์ที่ทำให้คุณอารมณ์เสียหรือหดหู่แล้วอธิบายออกมาเป็นตัวอักษร ต่อมาให้คิดถึงสิ่งที่ช่วยให้คุณรู้สึกดีในสถานการณ์แย่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นการที่คุณไปทำงานสายเพราะต้องเติมน้ำมัน แต่ก็ได้โอกาสไปซื้อกาแฟแก้วโปรด หรือการที่ที่ทำงานของคุณนั้นเข้าใจถึงการไปทำงานสายเป็นครั้งคราว สุดท้ายนั้น สะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมาไม่ว่าคุณจะจำได้หรือไม่ก็ตาม อาจจะเป็นสัปดาห์ 2 สัปดาห์ หรือ 5 สัปดาห์มาแล้ว [12]
  5. 5
    เปิดใจรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น. เสริมสร้างความสัมพันธ์ของคุณกับเพื่อนหรือที่ทำงานให้แน่นเฟ้นยิ่งขึ้นด้วยทักษะทางสังคมของคุณ อย่าแยกตัวเองออกไปในตอนที่คุณต้องการที่จะแยกตัว ให้เข้าหาพวกเขาแทน พูดคุยกับคนอื่นๆ ทุกๆ วัน และติดต่อกับมนุษย์ด้วยกันเพื่อทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แม้ว่าคุณอาจจะต้องฝืนตัวเองทำ ก็พยายามทำตัวให้เข้าสังคมเก่งๆ กับคนที่คุณห่วงใยหรืออยากเข้าหา [13] การแสดงว่าตัวเองมีความสุขจะทำได้ง่ายขึ้นมากเมื่อคุณได้อยู่กับเพื่อนๆ
    • ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะแยกตัวเอง ให้ตระหนักไว้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้คุณรู้สึกซึมเศร้า การติดต่อกับสังคมเป็นส่วนที่สำคัญในชีวิต [14]
    • โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คุณกำลังลำบากในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ลองดูว่าคุณมีคนที่จะสามารถเข้าหาและพูดคุณได้หรือไม่เมื่อคุณมีโอกาส
  6. 6
    มองหาความช่วยเหลือ. ถ้าคุณพบว่าตัวเองพยายามฝืนที่จะดูมีความสุขเมื่อคุณไม่ได้มีความสุข ลองขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญดู การทำตัวและแสดงว่าตัวเองมีความสุขแต่คุณไม่รู้สึกถึงแหล่งความสุขเลยนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไร
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่มีความสุขอย่างมาก คุณอาจจะมีปัญหาจากภาวะซึมเศร้า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ลองศึกษาวิธีสังเกตเมื่อคุณมีภาวะซึมเศร้า และวิธีจัดการกับภาวะซึมเศร้า
    • ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในการหานักบำบัด ลองศึกษาวิธีการเลือกนักบำบัด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่าความรู้สึกในใจคุณนั้นเป็นของคุณ ไม่ใช่ของคนอื่น อย่าพยายามทำตัวให้มีความสุขแค่เพราะคุณคิดว่าคนอื่นต้องการให้คุณมีความสุข คนส่วนใหญ่นั้นสนใจที่จะติดต่อกับตัวตนที่แท้จริงของคุณมากกว่า
  • พยายามรู้สึกดีให้มากกว่ารู้สึกแย่และหงุดหงิด ถ้าคุณทำตัวให้ดูมีความสุข คุณอาจจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น จงแสร้งทำจนมันเป็นจริง
โฆษณา

คำเตือน

  • ปัญหาที่ร้ายแรงคือการผลักปัญหาออกจากตัวเอง การเผชิญหน้ากับสิ่งที่รบกวนคุณแล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้นั้นสำคัญกว่ามาก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,070 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา