ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เบียร์ด ดราก้อน (มังกรเครา) ที่คนไทยนิยมเรียกสั้นๆ ว่า เบียร์ด มักเป็นเพื่อนนิสัยดี ผู้ซึ่งมีความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสนุกที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ ทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมชนิดหนึ่ง เบียร์ด ดราก้อนมีถิ่นกำเนิดในหลายส่วนของออสเตรเลีย ปัจจุบัน หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยงและจากผู้เพาะเลี้ยง แต่ก่อนที่จะนำมาเลี้ยง คุณต้องใช้เวลาเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรื่องสภาพแวดล้อมเฉพาะ และความจำเป็นด้านโภชนาการของสัตว์ชนิดนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ (นี่คือเหตุผลที่ไม่แนะนำให้เบียร์ดเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับเด็กๆ ) เมื่อคุณมีข้อมูลที่ถูกต้อง จะสามารถเตรียมต้อนรับเบียร์ดของคุณ และช่วยให้เพื่อนใหม่ตัวนี้มีสุขภาพดีและมีความสุข

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

เลือกเบียร์ด ดราก้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ค้นคว้าเกี่ยวกับเบียร์ด ดราก้อน ก่อนจะหาซื้อมาครอบครองสักตัวหนึ่ง. สัตว์ชนิดนี้มีความจำเป็นพิเศษต่างๆ ซึ่งจะต้องได้รับการตอบสนอง ดังนั้น การที่คุณจะเป็นเจ้าของสักตัวหนึ่งนั้น คุณจำเป็นมีความรู้ในระดับก้าวหน้าบางประการ เมื่อรู้แล้ว คุณถึงจะตัดสินใจว่าเบียร์ดคือสัตว์เลี้ยงที่ใช่สำหรับคุณไหม และทำให้แน่ใจว่าคุณมีทุกสิ่งที่จำเป็น ก่อนจะพาเบียร์ดของคุณกลับบ้านด้วยกัน [1]
    • จงตระหนักว่าแม้เบียร์ด ดราก้อนจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำให้สุขใจ แต่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงในอุดมคติสำหรับเด็กๆ เพราะต้องการความใส่ใจอย่างใกล้ชิดในรายละเอียด เช่น อุณหภูมิที่ถูกต้อง และต้องเปลี่ยนหลอดไฟ UVB อย่างสม่ำเสมอ
  2. เลือกเบียร์ด ดราก้อนที่มีความยาวเกิน 6 นิ้ว (15 เซนติเมตร). เพราะลูกเล็กของเบียร์ดอาจจะเปราะบางมาก และมักจะป่วยหรือเครียดเกินไป จึงง่ายกว่ามากที่จะดูแลเบียร์ดในวัยที่มีพัฒนาการมากขึ้นแล้ว [2]
  3. [3] ตอนคุณเดินเข้าไปยังที่อยู่ของพวกมัน เบียร์ดน่าจะกำลังเฝ้ามองคุณอย่างสนใจ โดยสมควรจะมีดวงตาแจ่มใสและตื่นตัว คุณไม่ต้องการมังกรเคราตัวที่โงหัวไม่ขึ้น หรือมองดูเซื่องซึม
  4. สังเกตดูว่ามังกรเคราตัวนั้นมีความพิกลพิการใดๆ หรือไม่. มันไม่สมควรจะมีบาดแผล รอยไหม้ หนอง พยาธิภายนอก หรือพิกลพิการ
    • อย่างไรก็ตาม โปรดสังเกตว่ามีเบียร์ดจำนวนมากซึ่งนิ้วเท้าอาจแหว่งหายไปบ้าง หรือหางขาดหายไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้พวกมันใช้ชีวิตลำบากแต่อย่างใด ตราบใดที่มองดูแล้วแผลหายดี และไม่แสดงอาการติดเชื้อใดๆ
  5. ไม่นานหลังจากคุณซื้อมังกรเครามา ให้นัดหมายเพื่อพาไปหาสัตว์แพทย์ ผู้สามารถตรวจหาพยาธิ และประเมินสุขภาพโดยรวม
    • อาจช่วยได้ หากคุณจะนำตัวอย่างมูลที่เบียร์ดถ่ายออกมาไปด้วยตอนพาไปตรวจโรคครั้งแรก จงสอบถามสัตว์แพทย์เสียก่อนว่าต้องการหรือไม่ ในตอนที่โทรศัพท์นัดหมาย
    • ไม่แนะนำการฉีดวัคซีนใดๆ สำหรับเบียร์ด ดราก้อน [4]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

จัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมให้กับเบียร์ด ดราก้อนของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โปรดสังเกตว่า ส่วนใหญ่จะเลี้ยงเบียร์ดแยกเดี่ยว. เบียร์ดที่โตกว่าอาจจะก้าวร้าวใส่พวกตัวเล็กกว่า และตัวผู้มักจะหวงอาณาเขต เรื่องนี้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเพราะความจริงที่ว่า ทำได้ยากที่จะบอกเพศของเบียร์ด ดราก้อนที่ยังเล็ก ดังนั้น ในตอนแรก คุณจึงยังไม่อาจรู้ได้ว่าได้ซื้อเบียร์ดตัวผู้หรือตัวเมียมา [5]
  2. ซื้อตู้แบบวิวาเรียม (ครึ่งบกครึ่งน้ำ) แทนที่จะเป็นตู้แบบเทอราเรียม (บนบกอย่างเดียว) หรือตู้แบบอะควอเรียม (ตู้ปลา). ตู้แบบวิวาเรียมมีกำแพงแข็งแกร่งสามด้าน และด้านหน้าเป็นกระจก ตรงกันข้ามกับตู้อีกสองแบบซึ่งเป็นกระจกหมดทั้งสี่ด้าน ตู้แบบเทอราเรียมควบคุมอุณหภูมิให้ร้อนพอดีได้ยาก เบียร์ดของคุณจึงต้องทนหนาว หรือไม่อย่างนั้น คุณก็อาจต้องจ่ายค่าไฟสูงลิ่วเพื่อทำให้มันอบอุ่น โปรดสังเกตด้วยว่า ตู้แบบวิวาเรียมสมควรมีขนาดอย่างน้อย 3 ฟุต x1 ฟุต x1.5 ฟุต
    • หากหาซื้อตู้แบบวิวาเรียมไม่ได้ ให้ใช้ตู้ปลาทำด้วยกระจกซึ่งฝาบนเป็นมุ้งลวดแทน
    • หากคุณกำลังสร้างที่อยู่ของเบียร์ดด้วยตัวเอง จำใส่ใจว่าที่อยู่ต้องระบายอากาศได้ดี ฆ่าเชื้อโรคได้ง่าย และเก็บรักษาอุณหภูมิสูงไว้ได้ (ดูภาพข้างล่าง) [6]
    • หากใช้กรงที่ด้านข้างเป็นไม้ จะต้องเคลือบไม้ด้วยโพลียูรีเทน หรือสารกันน้ำคล้ายๆ กัน และอุดเชื่อมรอยต่อต่างๆ เพื่อสามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้อย่างเหมาะสม ต้องทำให้แน่ใจด้วยว่าได้ปล่อยให้โพลียูรีเทนที่ทาใหม่ๆ นี้ ทิ้งไว้นานหลายวันจนแห้งดี และเปลี่ยนถ่ายเอาอากาศเดิมออกไปจนหมดแล้ว ก่อนจะใส่เบียร์ดไว้ข้างใน ไม่อย่างนั้น อาจเป็นพิษได้ [7]
  3. เบียร์ดอาจเติบโต มีความยาวได้ถึง 2 ฟุต (61 เซนติเมตร) เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว และชอบปีนป่าย ดังนั้น จึงต้องการพื้นที่ว่างจำนวนมากในบ้านของพวกมัน [8] สำหรับลูกเบียร์ดนั้น ใช้ถังน้ำขนาดบรรจุ 10 แกลลอน (39 ลิตร) ได้ก็จริง [9] แต่จะใช้อาศัยอยู่ได้เพียงแค่สี่ห้าเดือนเท่านั้น เพราะเบียร์ดโตเร็ว และมังกรเคราที่โตแล้วต้องการพื้นที่มากกว่านั้นมาก อย่างน้อยที่สุด ต้องใช้ถังน้ำขนาดบรรจุ 55-60 แกลลอน (208-227 ลิตร) [10] แต่จะดีกว่าหากเป็นขนาดบรรจุ 75 -120 แกลลอน (284 ถึง 454 ลิตร)
    • หากคุณกำลังสร้างที่อยู่ให้กับเบียร์ด จงทำให้แน่ใจว่าที่อยู่นั้นมีความยาวอย่างน้อย 48 นิ้ว (122 เซนติเมตร) กว้าง 24 นิ้ว (61 เซนติเมตร) และสูง 18 นิ้ว (48 เซนติเมตร) [11]
    • เพื่อประหยัดเงิน คุณสามารถซื้อที่อยู่สำหรับเบียร์ดขนาดใหญ่ทีเดียวเลย แล้วจึงพิจารณาใช้พวกแผ่นกั้นชนิดปรับขนาดได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยเมื่อเบียร์ดของคุณเติบโตขึ้น [12]
  4. ใช้ฝาปิดทำด้วยมุ้งลวดสำหรับที่อยู่ของเบียร์ด. อย่าทำฝาปิดกรงเบียร์ดโดยใช้กระจก กระจกทนความร้อน หรือไม้ เพราะอากาศจะไหลเวียนไม่ได้มากพอ แถมยังจะเก็บกักความชื้นเอาไว้ในกรงอีกด้วย ฝาปิดทำด้วยมุ้งลวดช่วยรับประกันว่าอากาศจะไหลเวียนได้ดี เปิดทางให้แหล่งของแสงสว่างกับความร้อนของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง แถมยังปล่อยให้ความชื้นระบายออกไปได้ด้วย
    • ทำให้แน่ใจว่าฝาปิดสนิทดี
  5. สมควรปูพื้นของที่อยู่เบียร์ด ด้วยวัสดุซึ่งปลอดภัยสำหรับมังกรเคราของคุณ และทำความสะอาดได้ง่ายด้วย เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องเลือกใช้วัสดุซึ่งไม่ทำให้มังกรเคราเสี่ยงอันตราย เพราะพวกมันมักกินวัสดุรองนอนที่ทำจากชิ้นส่วนขนาดเล็ก [13] ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการอุดตัน (ลำไส้อุดตัน) และตายได้ คุณจึงสมควรปูพื้นด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เรียบๆ กระดาษชำระเอนกประสงค์ กระดาษห่อเนื้อสัตว์ หรือพรมเฉพาะสำหรับสัตว์เลื้อยคลาน [14] ตัวเลือกเหล่านี้ราคาถูก ทำความสะอาดได้ง่าย และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงของคุณ
    • หากใช้พรมสำหรับสัตว์เลื้อยคลาน ชนิดที่ดีที่สุดคือที่มีทั้งหน้าตาและผิวสัมผัสเหมือนกับหญ้า (หญ้าเทียมแอสโตรเทิร์ฟ) ส่วนชนิดที่เป็นผ้าขนสัตว์ชนิดหยาบนั้น เนื้อผ้ามีห่วงเล็กๆ ซึ่งอาจเกี่ยวเล็บของเบียร์ด ดราก้อน และทำให้บาดเจ็บได้
    • ห้ามใช้ทราย วัสดุชิ้นเล็กบาง ซังข้าวโพด เส้นใยอัดเม็ด ทรายแมว ดินใส่กระถางต้นไม้ผสมแร่เวอร์มิคูไลต์ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย สารช่วยเคลือบผิว หรือที่ปูรองหยาบๆ ชนิดอื่นใด รองพื้นที่อยู่ของเบียร์ด ดราก้อน [15]
  6. จัดวาง ”เฟอร์นิเจอร์” บางชิ้นไว้ในที่อยู่ของเบียร์ดด้วย. สร้างสภาพแวดล้อมที่มังกรเคราของคุณสามารถปีนป่าย หลบซ่อนและนอนอาบแดดได้ ซึ่งล้วนเป็นพฤติกรรมทั้งหมดที่สัตว์ชนิดนี้ต้องการเพื่อให้อยู่ได้อย่างมีความสุข
    • เติมกิ่งไม้จำนวนหนึ่งเพื่อให้ใช้ปีนป่ายและนอนอาบแดด กิ่งไม้เหล่านี้สมควรจะติดตั้งอย่างมั่นคง ภายใต้แหล่งให้ความร้อนแห่งที่สอง (ดูส่วนที่ 3) จงทำให้แน่ใจว่ากิ่งไม้กว้างพอๆ กับตัวของเบียร์ด ดราก้อน ไม้โอ๊กเป็นตัวเลือกที่ดี เช่นเดียวกับแผ่นกระดานหุ้มด้วยพรม แต่จงหลีกเลี่ยงไม้ชนิดที่เปลือกมียางไม้เหนียว หรือมียางไม้สีดำ
    • จัดวางก้อนหินเรียบๆ จำนวนหนึ่งสำหรับใช้นอนอาบแดด และใช้ลับเล็บ
    • จัดหาสถานที่ให้เบียร์ดใช้ซ่อนตัว คุณอาจเพิ่มกล่องกระดาษแข็ง ท่อกระดาษแข็ง หรือกระถางดอกไม้เปล่าๆ เข้าไป สถานที่ซ่อนตัวสมควรจะอบอุ่นสบาย และติดตั้งไว้ที่ตอนบนของที่อยู่ หากเบียร์ดของคุณไม่ใช้สถานที่ซ่อนตัวนี้ ให้ลองย้ายที่ใหม่ หรือลองเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ดู
    • จัดวางต้นไม้สี่ห้าต้นเพื่อให้ร่มเงา ความชื้น และสัมผัสของความปลอดภัย ทำให้แน่ใจว่าต้นไม้ที่คุณเลือกมาไม่เป็นพิษสำหรับเบียร์ด ดราก้อน (เช่น วาสนา ไทรย้อย ชบา) มีความสำคัญที่ต้นไม้กับดินจะต้องไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ไม่ใส่เวอร์มิคูไลต์ ปุ๋ย หรือสารเคลือบใดๆ ก่อนที่คุณจะใส่ต้นไม้ไว้ในกรง ให้ใช้สเปรย์ฉีดน้ำล้างต้นไม้ และเทน้ำจำนวนมากพอสมควรลงบนดิน เพื่อให้น้ำไหลออกที่ก้นกระถาง การทำเช่นนี้จะช่วยขับสารเคมีพิษใดๆ ด้วย และคุณยังอาจต้องการเก็บต้นไม้ที่ซื้อมาใหม่แยกไว้ในส่วนอื่นของบ้านอีกสักพักหนึ่ง ก่อนจะนำมาไว้ในที่อยู่ของเบียร์ด [16]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

การควบคุมอุณหภูมิและแสง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจำเป็นต้องใช้แหล่งให้ความร้อนซึ่งรักษาอุณหภูมิภายในที่อยู่ของเบียร์ด ให้อยู่ที่ระดับกำลังสบายสำหรับสัตว์ชนิดนี้ ซึ่งชอบอุณหภูมิระหว่าง 78 - 88 องศาฟาเรนไฮต์ (25 - 31 องศาเซลเซียส) ในช่วงกลางวัน และระหว่าง 70- 79 องศาฟาเรนไฮต์ (21- 26 องศาเซลเซียส) ในช่วงกลางคืน
    • ใช้ชุดหลอดความร้อนเหนือด้านบนสุดของที่อยู่ของเบียร์ด จำใส่ใจด้วยว่าจำเป็นต้องปิดไฟเหล่านี้ในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นตอนที่อาจจำเป็นต้องใช้แหล่งให้ความร้อนอีกแห่งหนึ่งแทน โดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของห้อง
    • ทดลองวางกระเป๋าไฟฟ้าไว้ใต้กรง หรือใช้อุปกรณ์แผ่รังสีอินฟราเรดแบบเซรามิคเป็นแหล่งให้ความร้อนในช่วงกลางคืน
    • มีหลอดความร้อนเฉพาะสำหรับสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งปล่อยความร้อนออกมา แต่ให้แสงเพียงน้อยนิดด้วย อย่างไรก็ตาม หลอดชนิดนี้มีราคาแพง
    • สำหรับที่อยู่ของเบียร์ดซึ่งมีขนาดใหญ่มากขึ้นไปอีก ให้ปรับอุณหภูมิห้องโดยใช้เครื่องรักษาอุณหภูมิให้คงระดับ หรือขดลวดความร้อน
    • ต้องติดตั้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ไว้ด้วยเสมอ ในห้องซึ่งมีการทำงานของแสงไฟ หรือแสงจากแหล่งให้ความร้อนอื่นๆ [17]
  2. เบียร์ดชอบให้ที่อยู่มีอุณหภูมิลดหลั่นลงไป เพื่อสามารถย้ายไปมาระหว่างพื้นที่ซึ่งอุ่นกว่ากับเย็นกว่า แหล่งความร้อนแห่งที่สองช่วยให้พวกเบียร์ดมีจุดที่สามารถจะนอนอาบแดด พื้นที่ๆ ว่านี้สมควรจะครอบคลุมประมาณ 25-30 % ของพื้นผิวของที่อยู่ทั้งหมด โดยมีอุณหภูมิระหว่าง 95-100 ฟาเรนไฮต์ (35-38 องศาเซลเซียส) คุณอาจจะใช้แสงไฟสำหรับอาบแดดโดยเฉพาะก็ได้ หรือไม่ก็เลือกใช้ง่ายๆ คือ หลอดความร้อนแบบเซรามิค ขนาด 30-75 วัตต์ แหล่งให้ความร้อนสมควรจะติดตั้งอย่างปลอดภัย ตรงส่วนที่สัตว์ไม่สามารถมาแตะต้องได้
    • ห้ามใช้หินร้อนๆ เป็นหนึ่งในแหล่งให้ความร้อน!
    • โปรดสังเกตว่า พวกลูกอ่อนของเบียร์ด ดราก้อนซึ่งอยู่ในกรงที่มีขนาดเล็กกว่า จะต้องการกระแสไฟในปริมาณที่ต่ำกว่า ไม่อย่างนั้นที่อยู่ของลูกอ่อนจะร้อนเกินไป [18]
    • ไม่แนะนำอุณหภูมิที่สูงเกิน 110 องศาฟาเรนไฮต์ (43 องศาเซลเซียส) เพียงแค่ภายในไม่กี่องศาจากอุณหภูมิสำหรับอาบแดดเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว
    • ติดเทอร์โมมิเตอร์หนึ่งอันตรง “ฝั่งร้อน” กับอีกอันหนึ่งตรง “ฝั่งเย็น” จะทำให้แน่ใจได้ว่าอุณหภูมิที่คุณตั้งไว้อยู่ในช่วงระยะที่ถูกต้อง
  3. เบียร์ด ดราก้อนต้องการรังสีอุลตร้าไวโอเลต เพื่อใช้ผลิตวิตามินดี ซึ่งในทางกลับกัน จะช่วยเรื่องการดูดซึมเอาแคลเซียมไปใช้ด้วย หากเบียร์ดได้แคลเซียมไม่เพียงพอ อาจเกิดโรคกระดูก ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของเคมีในร่างกาย คุณอาจใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดแสงจันทร์ก็ได้ สำหรับหลอดไฟชนิดแรกนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 6 เดือน เพราะเมื่อเวลาผ่านไป รังสี UVB ที่ปล่อยออกมาจะลดน้อยลงเรื่อยๆ [19] มังกรเคราสมควรได้รับรังสีประมาณ 12 -14 ชั่วโมง/วัน
    • ทำให้แน่ใจว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์มีรังสี UBV อย่างน้อย 5 % (ตรวจดูคุณลักษณะเฉพาะเหล่านี้บนบรรจุภัณฑ์) [20]
    • มองหาไฟเส้นที่ติดได้ครอบคลุมตลอดความยาวของที่อยู่ของเบียร์ด
    • พิจารณาใช้ไฟแบลคไลท์สำหรับสัตว์เลื้อยคลานโดยเฉพาะ ที่มีความยาวคลื่น 290-320 นาโนมิเตอร์ (โปรดสังเกตว่าไฟชนิดนี้ไม่เหมือนกับไฟที่ใช้ปลูกพืช หรือไฟสำหรับประดับ เพราะทั้งสองชนิดที่ว่าต่างไม่ได้ผลิตรังสี UVB) คุณสามารถเลือกระหว่างหลอดไฟที่เปล่งทั้งแสงสีขาวและรังสี UVB กับหลอดไฟที่เปล่งแต่รังสี UVB เท่านั้น
    • แหล่งรังสี UVB ดีที่สุดสมควรอยู่ห่างประมาณ 10-12 นิ้ว (25.4-30.5 เซนติเมตร) จากพื้นที่ซึ่งเบียร์ด ดราก้อนใช้เวลาส่วนใหญ่ ( เช่น บริเวณพื้นที่สำหรับอาบแดด) เพื่อให้แน่ใจว่าเบียร์ดจะได้รับรังสีเพียงพอ จึงไม่ควรอยู่ห่างเกิน 18 นิ้ว (45.7 เซนติเมตร)
    • จำใส่ใจว่า รังสี UVB จะไม่ส่องทะลุกระจก แหล่งที่มาของ UVB ของคุณจึงสมควรอยู่เหนือฝาตาข่ายของที่อยู่ และตาข่ายไม่สมควรจะมีตาถี่เกินไป
    • พระอาทิตย์คือแหล่งดีที่สุดของรังสี UVB ในวันที่มีแสงแดดจ้า ตอนที่อุณหภูมิอยู่ในช่วงพอเหมาะ (ดูขั้น 1 ของส่วน 3 ที่ข้างบน) ให้นำเบียร์ด ดราก้อนของคุณไปไว้กลางแจ้ง โดยอยู่ในกรงมุ้งลวด หรือกรงตาข่ายที่แน่นหนาพร้อมกับมีประตูซึ่งปิดล็อก จำไว้ว่าต้องจัดหาร่มเงาและสถานที่หลบซ่อนตัวให้ด้วยเช่นกัน [21]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

การให้อาหารเบียร์ด ดราก้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หนึ่งในบรรดาสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งคุณต้องจำใส่ใจ ตอนกำลังให้อาหารสัตว์เลี้ยงของคุณก็คือ ไม่ว่าอาหารใดๆ ที่เบียร์ดกินเข้าไป จะต้องไม่มีขนาดใหญ่เกินระยะห่างระหว่างดวงตาทั้งคู่ของมัน หากอาหารมีขนาดใหญ่กว่านั้น อาจทำให้เบียร์ดสำลัก และเป็นอัมพาตที่ขาหลัง
  2. ให้อาหารแรกเริ่มที่ประกอบด้วยแมลงตัวเล็กๆ แก่เบียร์ด ดราก้อนที่ยังเล็ก. เบียร์ดเป็นสัตว์ประเภทออมนิวอร์ หมายความว่ากินอาหารที่เป็นทั้งพืชและสัตว์ อย่างไรก็ตาม พวกที่เพิ่งออกจากไข่กับพวกวัยรุ่น ต่างมีความต้องการพิเศษด้านอาหาร จงให้แมลงตัวจิ๋วที่เบียร์ดน้อยจะกินได้มากที่สุดภายในเวลา 5-10 นาที เมื่อมันหยุดกิน ก็หยุดให้อาหาร เบียร์ดเด็กๆ สามารถกินจิ้งหรีดตัวเท่าหัวเข็มหมุดได้ 20-60 ตัวต่อวัน
    • ให้อาหารแก่ลูกเบียร์ดที่เพิ่งออกจากไข่เป็นแมลงตัวจิ๋ว หากคุณกำลังดูแลเบียร์ด ดราก้อนอายุน้อยมากๆ คุณจะจำเป็นต้องให้เหยื่อตัวจิ๋ว เช่น จิ้งหรีดตัวขนาดเท่าหัวเข็มหมุด และหนอนที่เพิ่งลอกคราบ คุณอาจค่อยๆ แนะนำเหยื่อเป็นลูกหนูตัวแดงวัยหนึ่งวันให้เมื่อลูกเบียร์ดพร้อม [22]
    • ให้อาหารแก่เบียร์ดวัยรุ่น (วัยสองถึงสี่เดือน) โดยผสมในอัตราส่วน 80 % เป็นแมลงตัวเล็กๆ และ 20 % เป็นผักสีเขียว (ดูรายชื่อผักที่แนะนำข้างล่าง)
    • จำเป็นต้องให้อาหารสองถึงสามครั้งต่อวันแก่เบียร์ดอายุน้อย
  3. ให้เบียร์ด ดราก้อนที่โตแล้วกินผักสีเขียวมากๆ. อาหารสำหรับเบียร์ดที่โตแล้วคือ 60-65 % เป็นพืช และ 45 % เป็นเหยื่อชนิดต่างๆ อาหารส่วนใหญ่สมควรเป็นผักใบเขียวซึ่งอุดมด้วยแคลเซียม และผักอื่นๆ
    • ให้อาหารเป็น "ผักสลัด" ประกอบด้วย กระหล่ำใบ ใบและดอกของแดนดิไลออน ผักกาดหอม ผักสลัดเอนไดว์ ใบองุ่น ผักกาดเขียวปลี ใบหัวผักกาดเทอร์นิป และ/หรือผักสลัดน้ำ
    • คุณอาจเสริมสิ่งต่อไปนี้ลงในสลัดเพื่อสร้างสมดุล เช่น ฟักอคอร์น พริกหวานสีแดงและเขียว ฟักบัตเตอร์นัต ถั่วแขก ถั่วเลนทิล ถั่ว ฟักทอง ฟักทองเทศสายพันธุ์อื่นๆ ถั่วลันเตา มันเทศ และหัวผักกาดเทอร์นิป จงปรุงหรือทำให้ผักตระกูลฟักสุกด้วยไมโครเวฟเพื่อให้นุ่ม ก่อนจะนำไปให้เบียร์ดกิน
    • ให้ผักดังต่อไปนี้จำนวนน้อยๆ เป็นอาหารพิเศษ ได้แก่ กระหล่ำปลี ผักชาร์ด และผักคะน้า (ซึ่งมีสารยับยั้งการดูดซึมแคลเซี่ยมสูง และอาจทำให้เกิดโรคกระดูกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเคมีในร่างกาย) แคร์รอต (อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งหากสะสมในปริมาณมากอาจเป็นพิษได้) ผักปวยเล้ง บรอคโคลี ผักชีฝรั่ง (อุดมไปด้วยกอยโตเจนซึ่งลดการทำงานของต่อมไทรอยด์) ข้าวโพด แตงกวา หัวผักกาดแดงแรดิช ผักงอกต่างๆ และซูกินี (ผักชนิดนี้มีสารอาหารต่ำ) [23]
    • การใช้น้ำสเปรย์พ่นผักที่เป็นอาหารจะช่วยให้ผักเหี่ยวช้าลง และจะช่วยให้เบียร์ด ดราก้อนของคุณไม่ขาดน้ำอีกด้วย
    • หั่นผักชนิดต่างๆ และผสมรวมกันในสลัดผักเพื่อสนับสนุนให้เบียร์ดของคุณกินอาหารหลากหลาย แทนที่จะเลือกกินแต่ผักชนิดที่ชอบ [24]
  4. ให้ผลไม้กับพืชบางชนิดในโอกาสพิเศษเป็นครั้งคราว. คุณยังสามารถให้เบียร์ด ดราก้อนกินอาหารดังต่อไปนี้ได้บ้างด้วย เช่น แอปเปิล แอปริคอต กล้วย เบอร์รี่ แคนตาลูป ลูกเดื่อ องุ่น มะม่วง มะละกอ ลูกพีช ลูกแพร์ ลูกพลัม มะเขือเทศ “ไทรย้อย” เจอราเนียม ดอกชบาและใบชบา, แพนซี พิทูเนีย พลูด่าง กลีบกุหลาบและใบกุหลาบ เกลียวม่วง และไวโอเลต [25]
  5. ให้เหยื่อวันละครั้งแก่เบียร์ดวัยหนุ่มสาวและที่โตแล้ว โดยให้พร้อมกับผักสีเขียว. คุณอาจลองให้อาหารเป็นจิ้งหรีด หนอนยักษ์ แวกซ์เวิร์ม มีลเวิร์ม หนูแดง และแมลงสาปที่มาดากาสก้า [26]
    • "กัตโหลด"เหยื่อ หมายถึงการเลี้ยงเหยื่อด้วยอาหารที่มีโภชนาการสูง นานหนึ่งถึงสองวัน ก่อนจะนำไปให้เบียร์ด ดราก้อนกิน ตัวอย่างเช่น คุณอาจให้อาหารเหยื่อด้วยผักต่างๆ ที่มีฝักอยู่ใต้ดิน เมล็ดข้าวโพดบดละเอียด มันเทศ กระหล่ำใบ ผักกาดเขียวปลี บรอคโคลี ปวยเล้ง แอปเปิล ส้ม ซีเรียล และข้าวโอตที่นำไปอบ ตาก และทับให้แบน [27]
    • จงนำเหยื่อใดๆ ที่เบียร์ดไม่กินออกไปจากที่อยู่
    • มีคำแนะนำให้ซื้อเหยื่อ เพราะเหยื่อที่จับเอง (เช่น บางสิ่งที่คุณจับมาจากสนามในบ้านคุณ) อาจปนเปื้อนสารเคมีหรือมีพยาธิซึ่งสามารถส่งต่อไปถึงเบียร์ดได้
    • หิ่งห้อยเป็นพิษสำหรับเบียร์ด
    • ซิลค์เวิร์ม หรือหนอนไหมเป็นอาหารหลักที่ดีสำหรับเบียร์ดที่ป่วยหรือตั้งท้องเท่านั้น
  6. โรยอาหารเสริมเป็นแคลเซียมปลอดฟอสเฟตลงบนผักสีเขียวและแมลง. ซื้ออาหารเสริมที่เป็นแคลเซียมในรูปผง (โดยไม่เติมฟอสเฟต) แล้วโรยให้ทั่วสลัดผักกับเหยื่อทันทีก่อนเสิร์ฟ ทำเช่นนี้ 1 ครั้ง/วันสำหรับเบียร์ดวัยรุ่น (อายุต่ำกว่าสองปี) และ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์สำหรับเบียร์ดที่โตแล้ว [28]
    • คุณอาจต้องการจะเสริมวิตามิน ดี 3 ให้กับเบียร์ดด้วย [29]
    • อ่านคำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือปรึกษาสัตว์แพทย์ของคุณ เรื่องจำนวนอาหารเสริมที่จะให้ เพราะการให้ในปริมาณที่มากเกินสมควรอาจทำให้อยู่ในระดับที่เป็นพิษได้
  7. อย่าตื่นตะหนกเกินไปหากเบียร์ด ดราก้อนของคุณไม่กินอาหาร. เมื่อถึงเวลาที่จะลอกคราบ เบียร์ดมักจะไม่กินอาหาร อย่างไรก็ตาม หากเบียร์ดไม่กินอะไรเลยนานกว่าสามวัน และยังไม่มีวี่แววว่าจะลอกคราบ มังกรเคราของคุณอาจจะป่วย ในกรณีเช่นนั้น ให้โทรนัดหมายกับสัตว์แพทย์เพื่อพาไปตรวจ
  8. ใส่น้ำในชามตื้นๆ การกระดิกนิ้วของคุณในน้ำอาจช่วยเรียกความสนใจของพวกเบียร์ดได้ด้วย เบียร์ด ดราก้อนชอบสิ่งต่างๆ ที่เคลื่อนไหว การที่คุณทำให้น้ำกระเพื่อมจึงอาจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกมัน อย่างไรก็ตาม เบียร์ดจำนวนมากจะไม่ดื่มน้ำจากชามใส่น้ำ คุณอาจต้องใช้หลอดหยอดยา หยดน้ำอย่างช้าๆ ลงไปตรงจมูก ปากและคางของเบียร์ดของคุณ
    • เบียร์ด ดราก้อนชอบถ่ายมูลลงชามใส่น้ำ ให้เปลี่ยนน้ำวันละครั้ง (หรือในทันทีหากคุณสังเกตเห็นว่ามีมูลอยู่ในน้ำ) ด้วยเหตุผลเดียวกัน คุณจำเป็นต้องฆ่าเชื้อในชามสัปดาห์ละครั้งด้วยน้ำยาฟอกขาวผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:10 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเพาะเชื้อแบคทีเรียขึ้นได้ [30] [31]
    • หากเบียร์ดของคุณไม่สนใจจะดื่มน้ำ ให้ฉีดพ่นน้ำใส่ตัวของมันเบาๆ เบียร์ดจะเลียหยดน้ำออกจากผิวหนัง [32]
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

การรักษาสุขอนามัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การอาบน้ำมังกรเคราของคุณสัปดาห์ละครั้งจะช่วยให้มันไม่ขาดน้ำ และยังช่วยเรื่องการลอกคราบด้วย
    • น้ำที่ใช้อาบสมควรเป็นน้ำอุ่น ไม่ใช่น้ำร้อน ให้ทดสอบอุณหภูมิของน้ำบนข้อมือ เหมือนกับน้ำที่ใช้อาบให้เด็กเล็กๆ
    • ให้น้ำลึกเพียงแค่ระดับอกของมังกรเครา หรือครึ่งขาหน้าของมัน เติมน้ำในอ่างจนกระทั่งน้ำสูงถึงข้อที่สองของนิ้วชี้ของคุณสำหรับเบียร์ด ดราก้อนที่โตแล้ว และถึงระดับข้อแรกของนิ้วชี้ของคุณสำหรับเบียร์ดวัยรุ่น
    • อย่าทิ้งเบียร์ด ดราก้อนไว้ในอ่างอาบน้ำโดยไม่คอยดูแล – อุบัติเหตุต่างๆ เกิดขึ้นได้เพียงชั่วเสี้ยววินาที
    • เป็นความคิดที่ดีหากจะฆ่าเชื้อโรคในอ่างอาบน้ำหลังจากอาบน้ำให้เบียร์ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเบียร์ดชอบถ่ายมูลในน้ำ ให้ใช้น้ำยาฟอกผ้าขาวผสมน้ำในอัตราส่วน 1:10 [33]
  2. คุณจำเป็นต้องทำความสะอาดที่อยู่ของมัน รวมทั้งชามใส่อาหารและชามใส่น้ำสัปดาห์ละครั้ง
    • ผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำในขวดสเปรย์ ใช้อัตราส่วน 1:10
    • ย้ายเบียร์ดออกจากที่อยู่โดยให้ใครสักคนอุ้มไว้ หรือใส่ไว้ในที่ปิดซึ่งปลอดภัย
    • ใช้น้ำสบู่ร้อนๆ กับผ้าขี้ริ้วสะอาดๆ เช็ดฝุ่นหรือเศษมูลของเบียร์ดออกให้หมด
    • ขั้นต่อไปคือใช้น้ำยาฟอกขาวฉีดพ่นทั่วผิวหน้าของสิ่งที่คุณกำลังทำความสะอาดให้ชุ่ม แล้วปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที หลังจาก 15 นาที ให้ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระอเนกประสงค์เช็ดทั่วผิวหน้าของสิ่งนั้น ทำให้แน่ใจว่าได้ขัดถูคราบอาหารหรือคราบมูลจนหมดแล้ว
    • ใช้น้ำล้างผิวหน้าของสิ่งนั้นซ้ำหลายๆ รอบจนคุณไม่ได้กลิ่นน้ำยาฟอกขาวแล้ว หากยังได้กลิ่นอยู่ ให้ล้างซ้ำอีก
  3. การล้างมือสำคัญมากหากคุณเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน การล้างมือของคุณทั้งก่อนและหลังการจับต้องมังกรเครา จะช่วยให้ทั้งคุณและสัตว์เลี้ยงตัวใหม่มีสุขภาพดี หากคุณล้างมือก่อนจับต้องเบียร์ด จะลดความเสี่ยงที่คุณจะส่งต่อสิ่งใดก็ตามให้กับมันลง ส่วนการล้างมือหลังจากจับต้องเบียร์ด จะช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อ”ซัลโมเนลลา”ให้น้อยลงได้เป็นอย่างดียิ่ง อันที่จริง มีความเสี่ยงน้อยอยู่แล้วที่คุณจะติดเชื้อ แต่การล้างมือจะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลงอีก คุณมีโอกาสจะติดเชื้อ”ซัลโมเนลลา”จากอาหารที่กิน มากกว่าที่จะติดเชื้อโรคนี้จากมังกรเคราของคุณมากทีเดียว
    • เพราะเบียร์ด ดราก้อนอาจเป็นพาหะนำเชื้อ ซัลโมเนลลา ได้ จึงให้ใช้ฟองน้ำต่างหาก เวลาทำความสะอาดชามใส่อาหารและชามใส่น้ำของเบียร์ด กำกับดูแลเด็กๆ เวลาจับต้องเบียร์ด ดราก้อน และอย่าปล่อยให้เบียร์ดคลานไปรอบห้องครัว จงอย่าจูบเบียร์ดของคุณ ไม่ว่าคุณจะรักมันมากเพียงใดก็ตาม [34]
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

จับต้องเบียร์ด ดราก้อนของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เบียร์ด ดราก้อนมักเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนหวานและอยากรู้อยากเห็น ซึ่งดูเหมือนจะสนุกกับการอยู่ร่วมกับมนุษย์ด้วย การจับต้องเป็นประจำช่วยให้สัตว์ชนิดนี้คุ้นเคยกับมนุษย์ และลดความเครียดในระหว่างทำสิ่งต่างๆ เช่น การล้างที่อยู่ของมัน หรือการพามันไปหาสัตว์แพทย์
    • อุ้มเบียร์ด ดราก้อนโดยใช้มือของคุณสอดใต้ท้อง แล้วช้อนตัวมันขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ปล่อยให้เจ้ามังกรเครานอนอยู่บนฝ่ามือของคุณ และใช้นิ้วไล้วนเบาๆ รอบหน้าท้องของมัน [35]
  2. เบียร์ด ดราก้อนมีผิวหนังค่อนข้างจะหยาบมาก ถุงมือกับเสื้อแขนยาวจะปกป้องคุณจากรอยขีดข่วนบางๆ [36]
  3. เล็บของมังกรเคราจะแหลมคมราวกับเข็ม จึงสมควรทำให้แน่ใจว่าได้จัดการกับเล็บเรียบร้อยแล้ว [37]
    • ห่อตัวเบียร์ดด้วยผ้าขนหนู เปิดเฉพาะตรงขาข้างที่จะขลิบเล็บ
    • ให้อีกคนช่วยจับตัวเบียร์ดไว้
    • ใช้กรรไกรตัดเล็บของคน ขลิบปลายเล็บทุกนิ้วของเบียร์ดออก ตัดเพียงนิดเดียว เพราะกิ้งก่ามีเส้นเลือดไหลผ่านนิ้ว
    • หากขลิบเล็บลึกจนโดนเส้นเลือด ให้หยุดเลือดโดยใช้ก้อนสำลีแตะแป้งข้าวโพดจำนวนเล็กน้อยปิดลงบนเล็บ
    • คุณอาจใช้วิธีตะไบเล็บของเบียร์ดแทนที่จะตัด หรือไม่ก็ให้สัตว์แพทย์ช่วยตัดเล็บให้โดยเสียเงินค่าบริการเล็กน้อย [38]
  4. คุณอาจจะเข้าใจเบียร์ดของคุณได้ดีขึ้น หากว่าจดจำบางท่าทางที่มันชอบทำได้
    • ผิวหนังตรงคอพองออกจนดูเหมือนเครา : เวลาที่เบียร์ดต้องการแสดงความเหนือกว่า รู้สึกตกใจ หรือรู้สึกว่าถูกข่มขู่ มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นพิเศษในฤดูผสมพันธุ์ มันจะพองคอจนเป็นสีดำ
    • อ้าปากค้าง : เหตุผลเดียวกันกับการพองคอ เบียร์ดทำท่านี้เพื่อให้ตัวเองดูน่าเกรงขาม เป็นการแสดงความเหนือกว่า หรือเพื่อใช้ขับไล่ผู้ที่มีศักยภาพจะเป็นผู้รุกราน
    • ผงกหัวขึ้นลง : เบียร์ดเพศผู้จะแสดงอาการนี้เพื่อโชว์ความเหนือกว่า
    • โบกแขน : บางครั้งเบียร์ด ดราก้อน อาจจะยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้นและโบกขาข้างนั้นช้าๆ เป็นสัญญาณแสดงการยอมจำนน
    • หางตั้งขึ้น : เป็นท่าทางที่เห็นได้ทั่วไปในช่วงฤดูผสมพันธุ์ แต่สามารถเป็นสัญญาณบอกถึงความตื่นตัวและกระฉับกระเฉงได้ด้วย แถมพวกวัยรุ่นมักจะยกหางตั้งขึ้นในเวลาที่กำลังตามล่าเหยื่อ [39] [40]
  5. พาเบียร์ด ดราก้อนของคุณไปพบสัตว์แพทย์ปีละครั้ง. หลังจากคุณได้พาเบียร์ด ดราก้อนที่ซื้อมาใหม่ไปพบสัตว์แพทย์เป็นครั้งแรกแล้ว มีความสำคัญที่จะพาเบียร์ดไปตรวจร่างกายประจำปี จะช่วยตรวจสอบปัญหาใดๆ ได้เสียแต่เนิ่นๆ และช่วยให้เพื่อนใหม่ของคุณตัวนี้ ยังคงมีสุขภาพดีที่สุดเท่าที่สุดจะทำได้ [41]
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • ไม่ว่าในบทความจะระบุไว้ว่าอย่างไร อย่าวางกระเป๋าไฟฟ้าไว้ใต้กรง เพราะเบียร์ด ดราก้อน อาจมีแผลไหม้ได้ พวกมันไม่อาจร้องบอกได้ว่ามันร้อน มังกรเคราเป็นสัตว์เลือดเย็น และได้ความร้อนในร่างกายจากแสงต่างๆ
  • ห้ามใช้หินร้อน! มังกรเคราไม่อาจบอกได้ว่าหินร้อนและกำลังเผาไหม้ท้องของมัน หินร้อนจะเป็นอันตรายสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ จงใช้ไฟสำหรับอาบแดดแทน เพราะเป็นแหล่งให้ความร้อนที่เหมาะสมโดยไม่สร้างความเสียหาย
  • เวลาพ่นละอองน้ำให้เบียร์ด ให้ใช้น้ำกรองด้วยระบบอาร์โอ. น้ำชนิดนี้ผ่านการกรองมาแล้วจึงไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีสำหรับเบียร์ดของคุณ
  • ฉีดละอองน้ำให้มังกรเคราของคุณในเดือนต่างๆ ของฤดูหนาว. เวลาที่ความชื้นในอากาศต่ำ ให้คุณช่วยให้เบียร์ดของคุณไม่มีอาการขาดน้ำ โดยใช้ขวดสเปรย์ใส่น้ำฉีดพ่นน้ำให้สัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง [42]
  • ห้าม ทำความสะอาดทุกสิ่งสำหรับเบียร์ด โดยใช้น้ำยาฟอกขาว! ถึงหากคุณจะไม่ได้กลิ่นน้ำยาแล้ว แต่ก็ยังทิ้งสารตกค้างเอาไว้ มังกรเคราของคุณอาจดูดซับเข้าไปทางผิวหนัง ให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาไพน์โซลแทน และล้างออกจนกระทั่งคุณไม่ได้กลิ่นอีก จากนั้นให้ทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่งด้วยน้ำส้มสายชูแล้วล้างออก และปล่อยให้แห้ง
โฆษณา
  1. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  2. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  3. http://www.drsfostersmith.com/pic/article.cfm?aid=429
  4. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  5. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  6. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  7. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  8. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  9. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  10. https://www.vetsecure.com/sunset.vetsuite.com/articles/130
  11. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  12. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  13. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  14. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  15. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  16. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  17. https://www.vetsecure.com/sunset.vetsuite.com/articles/130
  18. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  19. https://www.vetsecure.com/sunset.vetsuite.com/articles/130
  20. http://cvm.msu.edu/hospital/services/nutrition-support-service-1/client-education/care-and-feeding-of-bearded-dragons
  21. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  22. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  23. http://www.reptilesmagazine.com/Care-Sheets/Lizards/Bearded-Dragon/
  24. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  25. https://www.creaturehealth.com/bearded-dragons.htm
  26. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  27. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  28. http://www.vetmed.ucdavis.edu/vmth/small_animal/cape/local-assets/pdfs/Care_of_Bearded_Dragons.pdf
  29. http://www.lllreptile.com/info/library/care-and-husbandry-articles/-/lizard-claws-to-trim-or-not-to-trim/
  30. http://cvm.msu.edu/hospital/services/nutrition-support-service-1/client-education/care-and-feeding-of-bearded-dragons
  31. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730
  32. https://www.creaturehealth.com/bearded-dragons.htm
  33. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1796&aid=2730

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 66,325 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา