ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เม่นแคระเป็นสัตว์เลี้ยงที่เยี่ยมยอดมาก สำหรับเจ้าของผู้มีความอดทนและอุทิศตน เม่นแคระแอฟริกัน (the African Pygmy Hedgehog) เป็นลูกผสมระหว่างเม่นป่าสองสายพันธุ์จากแอฟริกา จนได้สายพันธุ์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งขึ้นชื่อว่าฉลาด เป็นมิตร และเป็นเพื่อนผู้อยู่ด้วยกันได้อย่างเบิกบานใจสำหรับเจ้าของผู้อุทิศตน เม่นแคระก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ที่คุณสมควรจะศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมัน และเกี่ยวกับการดูแลเอาใจใส่ที่สัตว์ชนิดนี้ต้องการ เพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่ามันคือสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสม กับลักษณะการใช้ชีวิตของคุณหรือไม่ จงทำให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความต้องการเรื่องที่อยู่อาศัย และความต้องการเรื่องอาหารของมัน คุณจะได้พร้อมที่จะพามันกลับไปบ้านด้วย และดูแลให้ดีที่สุดที่จะทำได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

การเลือกและพาเม่นแคระของคุณกลับบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตรวจสอบว่าในบริเวณที่คุณอาศัยอยู่นั้น สามารถเลี้ยงดูเม่นแคระได้อย่างถูกกฎหมาย. ถือกันว่าเม่นแคระเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ (an exotic pet) ซึ่งการที่จะเลี้ยงสักตัวหนึ่งอาจขึ้นอยู่กับกฎหมายในรัฐหรือประเทศของคุณ ในบางแห่งนั้น การเลี้ยงเม่นแคระอาจผิดกฎหมาย ในบางแห่งคุณอาจต้องขออนุญาตเป็นพิเศษ จงตรวจสอบกฎข้อบังคับของเขต จังหวัด และรัฐเพื่อเรียนรู้กฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการครอบครองสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษในแถวบ้านของคุณให้มากขึ้น
    • หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการค้นหากฎข้อบังคับพิเศษในรัฐที่คุณอยู่ หรือคุณจำเป็นต้องหาบ้านที่ปลอดภัยให้กับเม่นแคระซึ่งกฎหมายไม่อนุญาตให้คุณเลี้ยง ให้ติดต่อกับองค์กรสิทธิสัตว์ หรือองค์กรเฉพาะสำหรับเม่นแคระ [1]
  2. เลือกชื้อเม่นแคระของคุณจากผู้เพาะพันธุ์ผู้มีใบอนุญาต. เม่นแคระซึ่งซื้อจากผู้เพาะพันธุ์ที่มีความรับผิดชอบน่าจะรู้จักการผูกสัมพันธ์ได้ดีกว่า และเป็นเพราะผู้เพาะพันธุ์คุ้นเคยกับพ่อแม่ของมัน จึงมีโอกาสดีกว่าที่คุณจะได้สัตว์เลี้ยงซึ่งมีสุขภาพดีกว่า นั่นหมายความว่า มีความสำคัญที่จะหาผู้เพาะพันธุ์ "ที่ดี" หากไม่ทำเช่นนั้น คุณอาจจบลงด้วยเม่นแคระที่ชอบอารมณ์เสียหรือป่วย
    • จงดูให้แน่ใจว่าผู้เพาะพันธุ์มีเม่นแคระในสต็อกซึ่งมีคุณภาพ มีประวัติที่มาและแหล่งสายพันธุ์ ซึ่งไม่ได้เป็นโรควับเบิล (WHS) อันเกิดจากยีนด้อย (เลือดชิด) หรือมีโรคมะเร็งในสายเลือด
    • จงตรวจดูว่าผู้เพาะพันธุ์มีใบอนุญาตจาก USDA หากเป็นในสหรัฐฯ กำหนดให้ผู้เพาะพันธุ์เม่นแคระต้องมีใบอนุญาตจาก USDA กระบวนการซื้อขายเกี่ยวข้องกับงานเอกสารซึ่งผู้เพาะพันธุ์ต้องแจ้งหมายเลขใบอนุญาตให้คุณทราบด้วย สำหรับในประเทศไทย ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้
    • จงระมัดระวังผู้เพาะพันธุ์ที่โพสต์ขายเม่นแคระในเครือข่ายชุมชนออนไลน์ เครกส์ลิสต์ หรือโฆษณาออนไลน์อื่นๆ
    • สอบถามผู้เพาะพันธุ์ว่ามีข้อเสนอรับประกันสุขภาพใดๆ หรือไม่ นโยบายอาจแตกต่างกันไป แต่คุณน่าจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นกับสิ่งที่เลือก หากผู้เพาะพันธุ์เสนอทางเลือกว่า สามารถนำเม่นแคระมาคืนหรือเปลี่ยนตัวได้ หากเกิดปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดฝันตั้งแต่เนิ่นๆ สิ่งนี้ยังจะช่วยให้ผู้เพาะพันธุ์ได้เตรียมพร้อมกับปัญหาสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางสายพันธุ์ด้วย ดังนั้น การวิตกเรื่องนี้เป็นสัญญาณแสดงว่าเป็นผู้เพาะพันธุ์เจ้าที่มีความรับผิดชอบ [2]
  3. มีสัญญาณบ่งชี้หลายประการที่คุณสามารถมองหาในเม่นแคระที่มีสุขภาพดีสักตัวหนึ่ง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ
    • ตาใส: เม่นแคระสมควรจะดูตื่นตัว ดวงตาไม่สมควรจะมีขี้ตากรัง ตาลึกโหล หรือบวม
    • ขนและหนามเม่นสะอาด: การที่เม่นแคระเนื้อตัวเปรอะเปื้อนด้วยน้ำลายของตัวมันเองเป็นเรื่องปกติ (ดูภาพล่าง) แต่การมีชิ้นส่วนมูลของมันรอบๆ ทวารหนัก อาจบ่งชี้ว่าเป็นโรคอุจจาระร่วง หรือมีปัญหาสุขภาพสำคัญๆ ซุกซ่อนอยู่
    • ผิวหนังสุขภาพดี: ผิวหนังที่ตกสะเก็ดรอบๆ ขนเม่น อาจบ่งชี้ถึงผิวแห้ง หรือมีเห็บ หากเป็นอย่างหลัง คุณจะจำเป็นต้องบำบัดรักษา ให้มองหาตัวไรเช่นเดียวกัน (จุดสีน้ำตาลเล็กขนาดเท่าหัวเข็มหมุดที่กระโดดได้เร็ว) อาการเหล่านี้จำเป็นต้องรักษา
    • ไม่มีสะเก็ดแผลหรืออาการบาดเจ็บ: หากมีสะเก็ดแผลหรืออาการบาดแผล ผู้เพาะพันธุ์สมควรจะอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และสมควรจะเห็นได้ชัดว่าบาดแผลของเม่นแคระตัวนั้นกำลังสมานอย่างดี แม้ว่าเม่นแคระบางตัวสามารถรอดตายจากอาการบาดเจ็บในวัยทารก (เช่น ตาบอด เสียขาข้างหนึ่ง ฯลฯ) สามารถใช้ชีวิตที่สุขภาพดีและมีความสุข แต่คุณจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการดูแลที่สัตว์ตัวนั้นต้องการ และพิจารณาว่าจริงๆ แล้ว คุณสามารถจัดการให้ได้หรือไม่
    • ตื่นตัว: เม่นแคระสมควรตื่นตัว และระมัดระวังสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่ใช่เฉื่อยชา และไม่รู้ร้อนรู้หนาว
    • มูลของเม่นแคระ: ตรวจดูว่าไม่มีมูลสีเขียว หรือเป็นโรคอุจจาระร่วง หากมี อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเม่นแคระมีปัญหาสุขภาพบางประการ
    • มีน้ำหนักปานกลาง: เม่นแคระที่เป็นโรคอ้วน จะมี "ถุง" ไขมันรอบๆ รักแร้ และไม่อาจจะม้วนตัวกลมเป็นลูกบอลได้ ส่วนเม่นแคระที่ผอมบางเกินไปก็มีท้องเว้ากับสีข้างที่กลวงโบ๋ ซึ่งทั้งสองแบบเป็นสัญญาณว่าเม่นแคระมีปัญหาสุขภาพ
    • เท้าที่มีสุขภาพดี: เล็บเท้าสมควรตัดสั้นมากพอที่จะไม่งอโค้งเข้าไปอยู่ใต้เท้า หากเล็บเท้ายาวเกินไป จงขอให้ผู้เพาะพันธุ์สาธิตวิธีตัดเล็บให้คุณดู [3]
  4. ก่อนจะซื้อ จงทำให้แน่ใจว่าคุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นจัดเตรียมไว้ และพร้อมที่จะเริ่มเลี้ยง จงให้เวลาเม่นแคระอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อทำความคุ้นเคยกับคุณ กับกลิ่นใหม่ๆ และกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ มันเพิ่งจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต!
    • จับเม่นแคระทุกวันในระหว่างที่ปล่อยให้คุ้นเคยกับคุณ อาจทำได้ง่ายๆ โดยวางมันลงบนตักของคุณ และพูดคุยด้วย เพื่อให้มันวางใจในตัวคุณ ส่งเสริมความเชื่อใจด้วยการใช้มือป้อนอาหารให้ และวางเสื้อยึดตัวที่คุณใส่มาทั้งวันไว้ในที่อยู่ของเม่นแคระ เพื่อให้มันคุ้นเคยกับกลิ่นของคุณ [4]
  5. เตรียมตัวให้พร้อมที่มันจะเลอะเทอะไปด้วยน้ำลาย หรือถ่มน้ำลายใส่ตัวเอง. หนึ่งในอุปนิสัยที่ไม่ปกติที่สุดของเม่นแคระคือ การมีน้ำลายมากกว่าปกติ เวลาเจอกับอาหารใหม่ กลิ่นใหม่ หรือเกลือ มันจะบิดตัวเองเป็นรูปตัวเอส หันหัวไปทางก้นแล้วถ่มน้ำลายใส่ขนเม่นของมัน ในขณะที่ยังไม่มีใครแน่ใจได้ว่า ทำไมมันถึงได้ทำแบบนั้น มีสมมุติฐานว่าการทำเช่นนั้นอาจช่วยทำให้ขนเม่นเป็นอาวุธที่ดีขึ้น โดยเคลือบด้วยด้วยสารที่สร้างความระคายเคือง ด้วยเหตุผลนี้ คุณอาจจะสังเกตได้ถึง การระคายเคืองเล็กๆ ในตอนแรกที่จับต้องเม่นแคระ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

หาบ้านให้เม่นแคระของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เม่นแคระต้องการกรงขนาดใหญ่เพื่อจะอยู่ได้อย่างสดวกสบาย: พวกมันชอบสำรวจสถานที่อยู่ และอาณาบริเวณตามธรรมชาติของพวกมันคือเส้นผ่าศูนย์กลาง 650- 1000 ฟุต (198 - 305 ม) ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่คุณต้องพิจารณาด้วย เช่นเดียวกับการซื้อกรงสักกรงหนึ่งสำหรับเพื่อนใหม่ตัวนี้
    • เม่นแคระต้องการพื้นที่ซึ่งใหญ่มากพอ กรงสมควรมีขนาดอย่างต่ำ 18 x 24 นิ้ว (45.7 x 61 ซม) แต่หากคุณสามารถหาพื้นที่ได้กว้างกว่านั้น ยิ่งมากก็ยิ่งดี กรงขนาด 24 x 30 นิ้ว (61 x 76 ซม) น่าใช้มากกว่า และถ้าเป็นขนาด 30 x 30 นิ้ว (76 x 76 ซม) ก็เหลือเฟือดีมาก [5]
    • ด้านต่างๆ ของกรงสมควรสูงประมาณ 16 นิ้ว (40.6 ซม) ในขณะที่บางคนแนะนำให้ใช้ฝาผนังที่อ่อนนุ่ม [6] คนอื่นๆ กลับเตือนว่าการระบายอากาศในสถานที่ซึ่งด้านข้างมีความอ่อนนุ่มนั้นทำได้ยากกว่า [7] จงตระหนักว่าด้านข้างของกรงที่เป็นลวดอาจสร้างปัญหาได้ หากเม่นแคระของคุณชอบปีนป่าย! เม่นแคระเป็นเจ้าแห่งศิลปะในการหลบหนี จงทำให้แน่ใจว่ากรงปลอดภัยเพราะมีฝาปิด หรือหากกรงไม่มีฝาปิดด้านบน ก็ต้องมีด้านข้างที่เม่นแคระไม่อาจจะปีนหนีได้
    • บ้านของเม่นแคระสมควรมีพื้นแข็ง เพราะขาขนาดจิ๋วของพวกมันอาจลื่นตกพื้นซึ่งเป็นลวดได้ ทำให้บาดเจ็บ [8]
    • บ้านของเม่นแคระสมควร ไม่ สูงเกินหนึ่งชั้น เพราะเม่นแคระสายตาสั้น และขาของพวกมันหักได้ง่ายเสียเหลือเกิน กรงลวดที่พวกมันสามารถปีนได้ก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน หากว่าคุณมีเม่นแคระยอดนักปีนป่าย! เวลาคิดเรื่องซื้อหรือสร้างกรงขึ้นมา จงพิจารณารวมถึงพื้นที่สำหรับวางชามอาหาร ของเล่น กับถาดทรายอนามัยด้วย
    • ทำให้แน่ใจว่ากรงมีการระบายอากาศที่ดี สมควรมีการหมุนเวียนของอากาศตลอดเวลา เวลาเดียวที่คุณสมควรขัดขวางกระแสลมคือ เมื่ออุณหภูมิของห้องลดลงอย่างรวดเร็ว (ตัวอย่างเช่นในระหว่างที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า) และคุณจำเป็นต้องใช้ผ้าห่มผืนหนึ่งห่อหุ้มกรงเอาไว้
  2. เม่นแคระชอบเศษไม้จากการไสกบ แต่จงทำให้แน่ใจว่าคุณใช้เศษไม้แอสเพน ไม่ใช่เศษไม้ซีดาร์ เพราะชนิดหลังมีสารฟินอลที่ก่อมะเร็ง (น้ำมันอะโรมาติก) เมื่อสูดดมเข้าไปสามารถก่อมะเร็งได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือ คุณสามารถปูรองกรงด้วยผ้าที่มีความเหนียว (เช่น ผ้าทอลายสอง ผ้าสักหลาด ผ้าขนแกะ) โดยตัดตามขนาดของพื้นกรง [9]
    • แคร์เฟรชเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่คล้ายกับกระดาษแข็งสีเทาบดเป็นชิ้นเล็กๆ บางคนแนะนำให้ใช้เป็นวัสดุปูรองพื้นกรง แต่จงระวังเพราะเศษชิ้นส่วนเล็กๆ อาจเข้าไปติดในอวัยวะสืบพันธุ์ของเม่นแคระเพศผู้ได้ หรือติดในระหว่างซอกขนเม่น รวมทั้งระวังด้วยว่าสูตรใหม่สูตรหนึ่งของวัสดุปูรองพื้นกรงยี่ห้อแคร์เฟรช อาจเป็นอันตรายต่อเม่นแคระของคุณได้ [10]
  3. คุณจำเป็นต้องเพิ่มเติมของสี่ห้าอย่างในกรงเม่นแคระ เพื่อตอบสนองความต้องการของมัน
    • จุดหลบซ่อน: เพราะเม่นแคระมีพื้นฐานเป็นสัตว์ผู้เป็นเหยื่อซึ่งออกหากินในป่าตอนกลางคืน เม่นแคระจึงต้องการเขตปลอดภัยสำหรับ “ขอเวลานอก” จากสายตาสอดรู้สอดเห็น แสงสว่าง และความเคลื่อนไหวโดยทั่วไป บ้านหลังเล็กรูปร่างแบบกระท่อมน้ำแข็งของชาวเอสกิโม หรือถุงนอนจะใช้ได้ดี
    • วงล้อวิ่งออกกำลังสำหรับเม่นแคระ เม่นแคระจำเป็นต้องออกกำลังกายมากๆ และวงล้อก็สมบูรณ์แบบสำหรับการวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ของสัตว์กลางคืนอย่างพวกมัน วงล้อสมควรมีพื้นแข็ง หากเป็นตาข่ายหรือลูกกรงมีแนวโน้มจะทำให้เม่นแคระติด อาจทำให้นิ้วเท้าขาดหรือถึงกับแข้งขาหัก
    • คุณจะต้องทำให้วัสดุปูพื้นกรงพ้นน้ำอยู่ตลอดเวลา เพราะสารเคมีต่างๆ จากวัสดุเหล่านี้อาจลงไปปะปนในน้ำดื่มของเม่นแคระ และอาจจะฆ่ามันได้อย่างน่าเศร้าใจ
    • จัดวางถาดทรายอนามัยโดยมีขอบถาดกว้างไม่เกินครึ่งนิ้ว เพื่อให้เม่นแคระเข้าไปใช้ได้ง่าย และช่วยป้องกันไม่ให้ขาหัก จงทำให้แน่ใจว่าคุณใช้ทรายแมว เฉพาะชนิดที่ไม่จับตัวเป็นก้อนเท่านั้น หากคุณตัดสินใจใช้ถาดทรายอนามัย หรือจะใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ก็ได้ ถาดทรายอนามัยต้องมีขนาดใหญ่พอสำหรับตัวเม่นแคระ และคุณสมควรทำความสะอาดทุกวัน คุณสามารถใช้ถาดรองอบคุ้กกี้หรือกล่องพลาสติกขนาดเล็กที่มีขายทั่วไป เจ้าของเม่นแคระส่วนใหญ่จะวางถาดใบเล็กนี้ไว้ใต้วงล้อวิ่งออกกำลัง เพราะที่นั่นคือจุดที่เม่นแคระทำกิจกรรมส่วนใหญ่ของพวกมัน
  4. เม่นแคระต้องการอุณหภูมิที่อุ่นกว่าเล็กน้อย จากอุณหภูมิห้องของผู้คนส่วนใหญ่ คือประมาณ 72ºฟ (22.2ºซ) ถึง 80ºฟ (26.6ºซ) หากอุณหภูมิหนาวเย็นกว่านี้ เม่นแคระน่าจะพยายามจำศีล ซึ่งอาจทำให้มัน ตาย ได้ (เพราะอาจทำให้เป็นนิวมอเนีย) ส่วนหากอุณหภูมิสูงกว่านี้มาก มันก็จะเครียดเพราะร้อน จงปรับอุณหภูมิห้องหากเห็นเม่นแคระนอนกางแขนกางขาอยู่ในกรง ราวกับว่ามันร้อน หากมันเซื่องซึม หรืออุณหภูมิร่างกายเย็นกว่าปกติ จงทำให้มันอุ่นในทันที โดยใส่ไว้ใต้เสื้อเชิ้ตของคุณ และใช้ความร้อนจากตัวคุณให้ความอบอุ่นกับมัน
    • หากเม่นแคระยังตัวเย็นหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง จงรีบพาไปหาสัตว์แพทย์โดยด่วน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ให้อาหารเม่นแคระของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เม่นแคระมีพื้นฐานเป็นสัตว์กินแมลง แต่พวกมันก็ลิ้มลองอาหารอื่นๆ เช่น ผลไม้ ผัก ไข่ และเนื้อด้วย พวกมันมีแนวโน้มที่จะอ้วนท้วน จึงต้องดูแลเรื่องอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำหนักมากเกินไป เม่นแคระที่มีน้ำหนักเกินจะไม่อาจม้วนตัวได้ และอาจมี “ถุง” ไขมันห้อยลงมา ซึ่งจะยิ่งขัดขวางความสามารถในการเดินของมัน
  2. ในขณะที่ยังเป็นปริศนาเรื่องปริมาณความต้องการอาหารของเม่นแคระ ก็ถือกันว่าอาหารเม็ดคุณภาพสูงสำหรับแมว เป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับอาหารหลัก และสมควรเสริมด้วยอาหารหลากหลาย ดังที่ได้ระบุไว้ข้างล่าง อาหารแมวที่คุณเลือกใช้สมควรมีไขมันต่ำกว่า 15% และมีโปรตีนระหว่าง 32-35% จงมองหาอาหารเกษตรอินทรีย์ (organic) หรืออาหารที่คำนึงถึงสุขภาพโดยรวม (holistic) – จงหลีกเลี่ยงอาหารเม็ดที่มีรายการส่วนผสมเป็นพวกเศษเนื้อ ข้าวโพด และสิ่งที่คล้ายๆ กัน จงให้อาหารเม็ดสำหรับแมว 1-2 ช้อนโต๊ะทุกวัน
    • หลีกเลี่ยงอาหารเม่นแคระคุณภาพต่ำ เพราะมีแนวโน้มจะใช้ส่วนผสมคุณภาพเลวจำนวนมาก ส่วนอาหารเฉพาะสำหรับเม่นแคระที่มีคุณภาพสูงกว่าซึ่งอาจยอมรับได้ เช่น ยี่ห้อ ลาวิยง โอลด์ มิล และ เอจท์-อิน-วัน ( L'Avian, Old Mill, and 8-in-1) [11]
  3. เทอาหารเม็ดทิ้งไว้ให้หากคุณไม่อยู่ช่วงมื้อกลางวัน. เจ้าของหลายคนทิ้งอาหารไว้ให้เม่นแคระกินตามสบาย จงให้อาหารเพียงแค่มากพอที่จะมีเหลือในปริมาณเพียงเล็กน้อย
  4. จงให้อาหารหลากหลายชนิดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขาดแคลนสารอาหาร. เสริมอาหารเม็ดที่เป็นอาหารหลักด้วยอาหารอื่นจำนวนเล็กน้อย คือเพียงแค่หนึ่งช้อนโต๊ะทุกวันหรือวันเว้นวัน โดยมีตัวอย่างพอเป็นแนวคิดดังนี้
    • ไก่ ไก่งวง หรือ ปลาแซลมอนไร้หนัง ปรุงสุกโดยไม่ปรุงรส แล้วนำมาบด
    • ผลไม้และผักหั่นชิ้นเล็กๆ เช่น แตงโม ลูกแพร์หรือมันเทศบดปรุงสุก หรือซอสแอปเปิล [12]
    • ไข่คนหรือไข่ต้มแข็งหั่นฝอย
    • หนอนนก จิ้งหรีด และหนอนแว๊กซ์ (หนอนผีเสื้อกลางคืน): เป็นอาหารพิเศษสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับเม่นแคระ ในฐานะที่มันเป็นสัตว์กินแมลง นอกเหนือจากคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อชีวิต สมองของพวกมันยังจำเป็นต้องได้รับแรงกระตุ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการจับกินเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่ จงให้อาหารประเภทแมลงสี่ห้าตัวสัปดาห์ละหนึ่งถึงสี่ครั้ง แต่ อย่า ให้แมลงที่คุณจับมาเองแก่เม่นแคระ (ตัวอย่างเช่น แมลงที่คุณจับมาจากสนามหญ้าของบ้าน) เพราะพวกมันอาจมียาฆ่าแมลงที่เป็นพิษในระบบต่างๆ ของร่างกาย หรือมีพยาธิซึ่งจะทำให้เม่นแคระของคุณติดเชื้อได้
  5. ในขณะที่เม่นแคระเจริญอาหารได้หลากหลาย มีบางสิ่งที่คุณไม่สมควรจะให้เม่นแคระกิน: ถั่วต่างๆ/เมล็ดพืช ผลไม้แห้ง เนื้อดิบ ผักเนื้อแข็งที่ไม่ได้ปรุงสุก อาหารที่แข็ง/เหนียว/ยืดเป็นสายเหมือนเส้นด้าย อะโวคาโด องุ่นหรือลูกเกด นมหรือผลิตภัณฑ์นม แอลกอฮอล์ ขนมปัง ผักคื่นช่าย หัวหอมและผงหัวหอม แคร์รอตดิบ มะเขือเทศ อาหารขยะ (มันฝรั่งแผ่นบางทอด ลูกกวาด และอะไรก็ตามที่ทำจากน้ำตาล และเกลือ ฯลฯ) สิ่งใดก็ตามที่มีคุณสมบัติเป็นกรดอย่างสูง หรือน้ำผึ้ง
  6. ปรับปริมาณอาหารหากเม่นแคระของคุณน้ำหนักขึ้น. ปรับลดปริมาณอาหารที่ให้กับเม่นแคระลง หากสังเกตเห็นว่ามันค่อนข้างจะอวบท้วม และเพิ่มการออกกำลังกาย
  7. เม่นแคระมีธรรมชาติที่จะเริ่มตื่นนอนช่วงพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า มันจึงจะตื่นตัวประมาณช่วงพลบค่ำ หากเป็นไปได้ จงให้อาหารมันวันละมื้อในช่วงเวลาประมาณนี้
  8. ชามสมควรกว้างพอที่เม่นแคระจะเข้าถึง และหนักพอที่เม่นแคระจะไม่สามารถคว่ำชามได้ (และเริ่มใช้ชามเป็นของเล่น)
  9. จัดหาขวดน้ำดื่มสำหรับสัตว์ที่มีหลอดดูด หรือชามใส่น้ำ สมควรจัดหาน้ำใหม่ไว้ให้ตลอดเวลา
    • หากใช้ชามใส่น้ำ ทำให้แน่ใจว่าหนักและตื้นพอที่จะไม่ถูกเม่นแคระทำคว่ำ ล้างให้สะอาดหมดจดทุกวัน แล้วเต็มน้ำที่สดใหม่
    • หากใช้ขวดน้ำดื่มสำหรับสัตว์ จงทำให้แน่ใจว่าเม่นแคระของคุณรู้วิธีดื่มน้ำจากหลอด! มันสมควรเรียนรู้วิธีดูดน้ำจากแม่ของมัน แต่อาจจำเป็นต้องแสดงให้ดู โปรดสังเกตด้วยว่าน้ำในขวดน้ำก็จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกวันเช่นกัน เพื่อป้องกันการก่อตัวของแบคทีเรีย [13]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ดูแลให้เม่นแคระมีความสุขและสุขภาพดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าตั้งบ้านของเม่นแคระไว้ใต้เครื่องเล่นสเตอริโอหรือโทรทัศน์ของคุณ เพราะมันเป็นสัตว์ที่เป็นเหยื่อของนักล่า จึงต้องพึ่งพาสัมผัสด้านการได้ยินเป็นส่วนใหญ่ เม่นแคระจึงพบว่าเสียงและความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่มีมากเกินไปนั้น ทำให้มันไร้สุขเป็นอย่างยิ่ง จงทำให้แน่ใจว่าในแถวที่อยู่ของมัน มีแสง เสียง และความเคลื่อนไหวต่ำ และจงเคลื่อนย้ายกรง หากว่าระดับเสียงเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ อย่างไรก็ตามเม่นแคระสามารถจะคุ้นเคยกับเสียงได้หากว่าคุณค่อยๆ แนะนำทีละน้อย
  2. เม่นแคระมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การออกกำลังจึงเป็นสิ่งจำเป็น หมายความว่ามีของเล่นให้เยอะๆ รวมทั้งวงล้อวิ่งออกกำลังสำหรับเม่นแคระ ของเล่นสมควรเป็นสิ่งที่มันแทะได้ ดันได้ ใช้จมูกซุกไซ้ได้ และถึงกับทำให้หงายท้องได้ ตราบใดที่มันไม่สามารถกัดเคี้ยวจนขาดออก หรือกลืนเข้าไป จงทำให้แน่ใจว่าเล็บหรือเท้าของมันไม่ติดอยู่ในเชือกหลวมๆ หรือรูเล็กๆ
    • สิ่งที่สามารถใช้เป็นของเล่นได้รวมทั้ง: ลูกบอลยาง ของเล่นเก่าๆ ของเด็ก ตุ๊กตารูปต่างๆที่ทำจากยาง วงแหวนสำหรับทารกกัดเล่น แกนทิชชู่เปล่าๆ ที่ตัดครึ่งตามด้านยาว ลูกบอลสำหรับแมว หรือของเล่นสำหรับนกที่มีกระดิ่งอยู่ข้างใน ฯลฯ [14]
    • ปล่อยให้เม่นแคระเล่นในสนามเล่นที่ใหญ่มากขึ้นเป็นครั้งคราว คุณอาจซื้ออ่างอาบน้ำพลาสติกขนาดใหญ่ หรือปล่อยให้มันสำรวจอ่างอาบน้ำของคุณ (แน่นอนว่าไม่ได้เปิดน้ำใส่ไว้)
  3. เฝ้าดูพฤติกรรมของเม่นแคระและการกินอาหาร/น้ำของพวกมัน. เม่นแคระขึ้นชื่อเรื่องซุกซ่อนโรคต่างๆ ไว้ จึงจำเป็นมากที่จะคอยระแวดระวังเม่นแคระของคุณ คอยติดตามดูการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และโทรศัพท์หาสัตว์แพทย์เพื่อดูว่ามีบางสิ่งที่จำเป็นต้องนำเม่นแคระไปตรวจหรือไม่
    • หากเม่นแคระของคุณไม่กินอาหารหนึ่งถึงสองวัน บางครั้งเป็นเพราะมีสิ่งผิดปกติ และต้องการการดูแลโดยสัตว์แพทย์ เม่นแคระที่อยู่ได้สี่ห้าวันโดยไม่กินอาหารมีความเสี่ยงจะพัฒนาไปเป็นโรคไขมันพอกตับ ( fatty liver disease) ซึ่งมีอาการที่เป็นภัยถึงแก่ชีวิต [15]
    • มองหาผิวหนังแห้งและเป็นเกล็ดรอบๆ ขนเม่น:อาจเป็นสัญญานของเห็บ ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายของเม่นแคระอ่อนแอลงได้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ควบคุม
    • เสียงหายใจดังหวีด หรือดังแสบแก้วหู รวมทั้งมีของเหลวที่ขับออกมาบนใบหน้าหรือที่ข้อเท้า เป็นสัญญาณของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นอาการที่รุนแรงและพบได้ทั่วไปในเม่นแคระ
    • หากเม่นแคระถ่ายเหลวมากกว่าหนึ่งวัน หรือมีอาการท้องร่วง ประกอบกับเซื่องซึม หรือเบื่ออาหาร อาจเป็นสัญญาณ-การติดเชื้อจากปรสิต หรืออาการป่วยไข้อื่น ๆ
    • การจำศีล แม้จะกำลังเกิดขึ้นกับเม่นแคระที่อยู่ในป่า แต่ไม่ปลอดภัยสำหรับเม่นแคระผู้อาศัยอยู่ในที่กักขัง ดังที่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ หากรู้สึกว่าเม่นแคระของคุณมีหน้าท้องที่เย็น ให้พยายามทำให้เกิดความอบอุ่น โดยใส่มันในเสื้อเชิ้ตแนบชิดกับผิวของคุณ หากมันไม่ตัวอุ่นขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมง ให้รีบพาไปพบสัตว์แพทย์ในทันที [16]
  4. อุ้มเม่นแคระเล่นบ่อยๆ .เม่นแคระจะคุ้นเคยกับการถูกจับต้อง หากคุณอุ้มมันเล่นบ่อยๆ จงมั่นใจในตัวเองเสมอเมื่อจับต้องเม่นแคระ: พวกมันไม่ได้เปราะบางอย่างเช่นที่ดูเหมือนจะเป็น กฎทั่วไปก็คืออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
    • จงเข้าหาเม่นแคระของคุณอย่างเงียบๆ และช้าๆ อุ้มมันขึ้นโดยช้อนตัวจากด้านล่าง ก่อนจะใช้สองมือช้อนประคองขึ้นมา [17]
    • ใช้เวลาเล่นด้วยกับพวกมัน.นอกจากจะจับมันมาอุ้มเล่น จงอย่ากลัวที่จะเล่นด้วย เม่นแคระของคุณจะยอมรับคุณให้เล่นด้วย หากคุณร่วมเล่นด้วยเป็นประจำ
  5. ใช้น้ำร้อนลวกทำความสะอาดจานกับขวดน้ำ/ชามใส่น้ำทุกวัน ทำความสะอาดวงล้อออกกำลังกายกับจุดหลบซ่อนทุกวัน และเปลี่ยนวัสดุรองพื้นกรงสัปดาห์ละครั้ง หรือบ่อยเท่าที่จำเป็น
  6. อาบน้ำให้กับเม่นแคระโดยยึดหลักเท่าที่จำเป็น. เม่นแคระบางตัวสะอาดกว่าตัวอื่น ดังนั้นคุณจึงอาจจำเป็นต้องอาบน้ำมันบ่อยครั้งมากขึ้น หรือน้อยลงไม่เท่ากัน
    • ใส่น้ำอุ่น(ไม่ใช่น้ำร้อน) ลงในอ่างน้ำที่ระดับหน้าท้องของเม่นแคระ ไม่สมควรให้น้ำเข้าไปในจมูกหรือหูของมันได้
    • เติมแชมพูอาบน้ำทำจากโอตมีลชนิดอ่อนโยน (เช่น ยี่ห้ออวิโน) หรือครีมอาบน้ำสำหรับลูกสุนัขลงในน้ำ แล้วใช้แปรงสีฟันขัดตามขนหนามกับเท้าของเม่นแคระ
    • ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและซับตัวด้วยผ้าเช็ดตัวที่แห้งและสะอาด จนกระทั่งเพื่อนรักตัวน้อยของของคุณตัวแห้ง หากเม่นแคระทนได้ ให้ใช้ที่เป่าผมเปิดไฟอ่อนๆ เป่าจนแห้ง แต่ถ้าเม่นแคระไม่ชอบ ก็ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดตามเดิม อย่าปล่อยให้เม่นแคระกลับเข้ากรงในสภาพตัวเปียก [18]
  7. จงทำให้แน่ใจว่าได้ตรวจดูเล็บเท้าของเม่นแคระเป็นประจำ. หากเล็บยาวเกินไป และม้วนงอ เล็บอาจหักหลุดได้ตอนกำลังวิ่งบนวงล้อ
    • ตัดเล็บของเม่นแคระด้วยกรรไกรตัดเล็บอันเล็กๆ โดยขลิบออกเฉพาะปลายสุดของเล็บ
    • หากตัดพลาดจนเลือดออก ให้ใช้ไม้พันสำลียี่ห้อ คิว-ทิป จิ้มแป้งข้าวโพดจำนวนเล็กน้อยมาแตะเบาๆ ตรงจุดนั้น อย่าใช้แป้งโรยแผลที่มีขายอยู่ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้ปวดแสบ [19]
  8. การผลัดขนของเม่นแคระซึ่งเทียบได้กับการที่ฟันน้ำนมของคนเราหลุด หรืองูลอกคราบ จะเริ่มเกิดตอนที่เม่นแคระอายุหกถึงแปดสัปดาห์ และสามารถเกิดได้ตลอดเวลาในขวบปีแรก โดยลูกเม่นแคระกำลังผลัดขนเป็นขนแบบเม่นที่โตแล้ว สิ่งนี้เป็นกระบวนการตามปกติ ไม่ใช่สิ่งใดที่ต้องวิตก นอกเสียจากจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่ามันป่วย หรือไม่สบายตัว หรือขนเม่นไม่ยอมงอกทดแทน เม่นแคระของคุณอาจโมโหง่ายในระหว่างกระบวนการนี้ และยอมให้จับตัวน้อยลง คุณอาจลองใช้ครีมอาบน้ำโอตมีลเพื่อช่วยบรรเทาความไม่สบายตัว จะเป็นเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เวลาจับเม่นแคระ จงทำอย่างอ่อนโยน ไม่อย่างนั้น พวกมันอาจจะกัดคุณได้
  • หากอุณหภูมิในบ้านของคุณเย็นเกินไป ให้เพิ่มความร้อนด้วยเซรามิคฮีตเตอร์สำหรับห้อง (ceramic room heater) แผ่นฮีตเตอร์เซรามิคสำหรับสัตว์เลื้อยคลาน (ceramic heat emitter) หรือหากทั้งหมดที่ว่าใช้ไม่ได้ ก็ให้ใช้แผ่นให้ความร้อน (heating pad) ซึ่งได้ตั้งค่าที่เหมาะสมเอาไว้ (แม้ว่าอันที่จริง ไม่แนะนำให้ใช้พวกนี้เพราะอาจทำให้เกิดแผลไฟไหม้ที่ร้ายแรง และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้) อย่าใช้หลอดไฟให้แสงสว่างเพราะจะรบกวนวงจรกลางคืนและกลางวันของเม่นแคระ
  • เวลาให้เม่นแคระเล่นแกนกระดาษทิชชู่ จงตัดความยาวให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง แกนทิชชู่จะได้ไม่ติดเวลาเล่น
  • ทำให้แน่ใจว่าผู้เพาะพันธุ์เจ้าที่คุณซื้อเม่นแคระมา ไม่ได้มีเม่นแคระสายพันธุ์ที่เป็นโรค WHS (Wobbly Hedgehog Syndrome) ซึ่งเกิดจากยีนด้อย (เลือดชิด) มาก่อน เพราะหากมี อาจส่งผลอย่างง่ายดายให้เม่นแคระของคุณ เป็นโรคทางพันธุกรรมนี้ในระยะยาว อย่ารีบร้อนให้ได้เม่นแคระมา จงตรวจสอบให้ดีเสียก่อน และหาผู้เพาะพันธุ์เจ้าที่ใช่
  • หากคุณไม่ได้ตั้งใจจะเพาะพันธุ์ อย่าซื้อเม่นแคระเพศผู้และเพศเมียมาอย่างละตัว เม่นแคระตัวเมียสามารถผสมพันธุ์ได้อย่างเร็วที่สุด ตั้งแต่อายุได้แปดสัปดาห์ แต่ไม่อาจจะผสมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยจนกว่าจะอายุประมาณหกเดือน สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือลูกเม่นตัวน้อยๆ ที่เราไม่ได้วางแผนไว้ ไม่ได้เป็นที่ต้องการ และเกิดจากการผสมพันธุ์โดยสายเลือดใกล้ชิด หากตัวเมียยังเด็กเกินไป การตั้งท้องลูกจะฆ่ามันอีกด้วย การเพาะพันธุ์ทั้งอันตรายมากและมีราคาสูง มีบ่อยครั้งที่แม่และ/หรือลูกตาย จึงไม่สมควรมองเป็นเรื่องเล็ก
  • ระมัดระวังเรื่องเส้นด้ายเล็กๆ และเส้นผม เพราะสามารถพันรอบเท้าหรือขาของเม่นแคระ ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน และหากทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้ต้องตัดทิ้ง
  • ไม่ใช่ว่าสัตว์แพทย์ทุกคนจะคุ้นเคยกับการรักษาเม่นแคระ ด้วยเหตุผลนี้ คุณจึงสมควรขอให้ผู้เพาะพันธุ์หรือเจ้าของร้านสัตว์เลี้ยงที่คุณซื้อเม่นแคระมา ช่วยแนะนำสัตว์แพทย์ในละแวกบ้านของคุณให้ สมาคมหรือองค์กรที่ก่อตั้งโดยเจ้าของเม่นแคระก็อาจให้รายชื่อสัตว์แพทย์ผู้มีความรู้เกี่ยวกับเม่นแคระกับคุณได้ ติดต่อกับสัตว์แพทย์คนนั้นล่วงหน้าเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไว้ "ก่อน" ที่อาจจะเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ขึ้น
  • หากคุณต้องการเลี้ยงเม่นแคระมากกว่าหนึ่งตัว มีคำแนะนำให้เลี้ยงแยกกัน เพราะเม่นแคระเป็นสัตว์สันโดษ ชอบอยู่ตามลำพังมากกว่า หากเลี้ยงไว้ในกรงเดียวกัน มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจะกัดกัน ตัวผู้อาจจะต่อสู้กันจนถึงตาย
  • หากไม่มีผู้เพาะเลี้ยงแถวบ้าน คุณอาจเลือกซื้อเม่นแคระจากร้านขายสัตว์เลี้ยง ในกรณีนั้น ให้มองหาสัญญาณสุขภาพต่างๆ ดังที่เรียบเรียงไว้ในขั้นตอนที่ 3 ของส่วนที่ 1 [20]
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าปล่อยให้เกิดภาวะ "กึ่งจำศีล" – เป็นปัญหาถึงตายในเม่นแคระ อาการทั่วไปที่สุดคือเซื่องซึมอย่างหนัก และเมื่อจับดูท้องจะเย็น หากเกิดขึ้น ให้นำตัวเม่นแคระออกจากกรงในทันที และใส่ไว้ใต้เสื้อเชิ้ต ให้แนบชิดกับร่างกายของคุณ เพื่อช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับมัน และยังคงทำเช่นนั้นต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้สิ่งของที่อุ่น ไม่ใช่ร้อน เช่น ผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ แผ่นให้ความร้อน (heating pad) ซึ่งมีเครื่องห่อหุ้ม และได้ตั้งค่าความร้อนไว้ต่ำๆ หรือใช้ขวดน้ำอุ่นๆ หนึ่งหรือสองใบ อย่า วางเม่นแคระลงในน้ำเพื่อทำให้ตัวมันอุ่น หากเม่นแคระไม่ฟื้น หรือดูเหมือนไม่ตื่นตัวภายในหนึ่งชั่วโมง ให้พาไปพบสัตว์แพทย์ในทันที
  • ไม่ว่าภายใต้สถานการณ์ใด ห้ามใช้วงล้อสำหรับออกกำลังกายที่ทำด้วยลวดหรือตาข่าย สิ่งเหล่านี้อันตรายมากเพราะเป็นที่ทราบกันว่า นิ้วเท้าและอุ้งเท้าของเม่นแคระ เคยเข้าไปติดในวงล้อแบบนี้ แล้วทำให้ขาหัก และห้ามใช้จักรวิ่งไร้เสียง (Silent Spinners) เพราะนิ้วเท้าของเม่นแคระเข้าไปติดได้อย่างง่ายดายตรงตะเข็บล้อ จงใช้วงล้อกำลังออกกำลังกายเฉพาะชนิดที่มีพื้นผิวแข็งเท่านั้น เช่น คอมฟอร์ต วีล ฟลายอิง ซอสเซอร์ วีล หรือ บัคเก็ต วีล
  • โปรดทราบ: ห้าม ใช้ขี้กบไม้ซีดาร์: เมื่อผสมกับฉี่ของเม่นแคระจะเกิดไอซึ่งเป็นพิษสำหรับเม่นแคระ ส่วนขี้กบไม้สนที่อบอย่างไม่เหมาะสมก็สามารถทำให้เกิดไอพิษได้เช่นกันเมื่อผสมรวมกับฉี่เม่นแคระ – จงดมที่ถุงให้ดีก่อนจะนำมาใช้ หากมีกลิ่นสนแรง อาจอบมาอย่างไม่เหมาะสม ให้พยายามหาถุงที่มีกลิ่นเหมือนไม้ มากกว่าเหมือนไม้สน
  • หากคุณไม่ใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เม่นแคระอาจจะกัดคุณได้ ทุกสิ่งที่มีฟันล้วนกัดได้ทั้งนั้น แต่หาได้ยากมากที่เม่นแคระจะทำเช่นนั้น เพราะพวกมันป้องกันตัวโดยใช้ขนเม่น มากกว่าจะใช้ฟัน แต่หากเม่นแคระกัดคุณจริงๆ ละก็ จงอย่าแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ เพราะตามปกตินั้น จะยิ่งทำให้มันกัดคุณแรงขึ้น บางครั้งคุณอาจดันตัวคุณเอง “อย่างอ่อนโยน” เข้าหามัน และเมื่อมันยอมปล่อยแล้ว จงอย่าจับมันกลับเข้ากรงในทันที เพราะจะดูเหมือนกับให้รางวัล
  • อย่าปฏิบัติไม่ดีต่อเม่นแคระโดยปล่อยให้มันร่วงหล่น อย่าจับเม่นแคระที่กำลังขดตัวกลมกลิ้งไปรอบๆ หรือจับโยน แน่นอนว่าการทำแบบนี้จะทำให้เม่นแคระของคุณ กลายเป็นสัตว์ที่มีนิสัยฉุนเฉียว และไม่ชอบเข้าสังคมอย่างถาวร
  • อย่าสับสนระหว่างการผลัดขนตามปกติ กับการที่ขนเม่นร่วงเพราะความเสียหายจากเห็บ การติดเชื้อ หรือทุพโภชนาการ หากคุณสังเกตเห็นจุดที่มีขนร่วงหลายจุดบนตัวเม่นแคระ จงพาไปหาสัตว์แพทย์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 196,313 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา