ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีเวลาไหนจะดีไปกว่าเวลานี้สำหรับการเริ่มต้นใช้ชีวิตทำตามความฝันของคุณ คุณสามารถทำให้ความฝันเป็นจริงได้ถ้าคุณออกแรงและวางแผนที่สมเหตุสมผล ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็แค่รู้ว่าคุณต้องการอะไรและเริ่มต้นก้าวเล็กๆ เพื่อนำคุณไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ อาจจะมีล้มลุกคลุกคลานบ้างในระหว่างทาง แต่ถ้าคุณเรียนรู้จากความล้มเหลว คุณจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะได้ในสิ่งที่คุณใฝ่ฝันถึงในท้ายที่สุด อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าทำอย่างไรความฝันคุณจะเป็นจริงได้? เริ่มอ่านขั้นตอนข้างล่างนี่ดูสิ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

วางแผน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือ รู้ว่าความฝันคุณเจาะจงเรื่องไหนเป็นพิเศษเพื่อที่คุณจะได้มุ่งไปยังทิศทางที่จะทำให้ฝันคุณเกิดขึ้นจริง วิธีที่จะรู้เกี่ยวกับความฝันของคุณแบบเจาะจงมากๆ คือ เขียนบันทึกความฝันลงในสมุดบันทึกหรือสมุดโน้ต ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรแน่ๆ คุณก็ไม่สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ถูกไหม? อย่างไรก็ตาม คุณก็ยังเริ่มต้นในเส้นทางนี้ได้ก่อนจะมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป คุณแค่ต้องมีไอเดียในสิ่งที่คุณอยากให้เกิดและหาทางทำให้ไอเดียนั้นแคบลงเพื่อคุณจะได้เข้าใกล้ความฝันของคุณมากยิ่งขึ้น
    • ตัวอย่าง สมมติว่าคุณรักการขีดเขียน หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วคุณอยากจะเป็นนักเขียนจริงๆ คุณอาจยังไม่รู้ว่าคุณอยากจะเป็นนักเขียนนวนิยาย เป็นนักข่าว หรือเป็นคนเขียนบล็อกสร้างแรงบันดาลใจ แต่คุณก็รู้ตัวว่าคุณต้องการอะไรในขณะที่คุณมุ่งหน้าไปถูกทาง
    • อย่ากังวลถ้าคุณยังคิดไม่ออกทั้งหมด บางทีความฝันคุณก็แค่อยากหางานที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้กับโลกนี้ มีหลายวิธีที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นและเป้าหมายแบบมุมกว้างจะช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายนั้น
  2. เปลี่ยนความฝันคุณให้เป็นความปรารถนาอันแรงกล้า. คุณจะต้องเปลี่ยนความฝันคุณเป็นไฟปรารถนาลุกโชติช่วงในใจ ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะทำฝันให้สำเร็จนี้จะเพิ่มความมั่นใจในตัวเองและช่วยให้คุณลุกขึ้นมาได้ในบางช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต การจะเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าได้คุณต้องเชื่อว่าความฝันของคุณเป็นจริงได้และคุณสามารถทำได้ ถ้าคุณแค่มองความฝันเป็นเหมือนคำขอทั่วๆ ไป เช่น ลดน้ำหนักลง 2 กิโลฯ ภายในปีนี้ หรืออยากจะย้ายไปอยู่ที่ที่มีแสงแดดส่องตลอดปีและไม่ลงมือทำอะไร คุณก็จะไม่สามารถถือคำเหล่านั้นเป็นจริงเป็นจังได้
    • เมื่อความฝันกลายเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าคุณจะไม่เรียกมันว่าความฝันอีกต่อไปเพราะธรรมชาติแท้จริงของความฝันให้ความรู้สึกที่ว่ามันไม่ใช่ความจริง คุณต้องเริ่มคิดถึงความฝันที่เป็นมากกว่าแค่ความฝัน
  3. เปลี่ยนความปรารถนาอันแรงกล้าให้เป็นเป้าหมาย. คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนความปรารถนาอันแรงกล้าให้เป็นเป้าหมาย ก่อนหน้านี้คุณเปลี่ยนความฝันให้เป็นความปรารถนาอันแรงกล้าเพราะคุณเชื่อว่าความฝันนั้นทำสำเร็จได้และคุณก็ทำมันได้ แต่การเปลี่ยนความปรารถนาให้กลายเป็นเป้าหมายได้คุณต้องเชื่อว่าคุณจะลงมือทำมัน ความเชื่อแบบนี้อยู่บนพื้นฐานขอความรับผิดชอบของคุณ ถ้านี่สามารถเกิดขึ้นจริงได้คุณก็จะทำได้ และถ้าคุณสามารถทำมันได้ คุณก็เริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ เรื่องของเรื่องคือ เป้าหมายมักเกี่ยวข้องกับเวลา ดังนั้นการใส่กรอบเวลาจะช่วยให้คุณยอมรับความจริงที่ว่าคุณมีความรับผิดชอบที่จะทำบางอย่าง
    • เมื่อคุณเปลี่ยนความปรารถนาอันแรงกล้าให้เป็นเป้าหมาย คุณไม่จำเป็นต้องเรียกมันว่าความปรารถนาอันแรงกล้าหรือความฝันอีกต่อไป เพราะมันกลายเป็นเป้าหมายในชีวิตของคุณแล้ว เป้าหมายที่คุณจะทำให้สำเร็จได้
  4. สร้างแผนยุทธศาสตร์สำหรับลงมือ คุณจะต้องสร้างยุทธวิธีเพื่อทำเป้าหมายของคุณให้สำเร็จ ยุทธวิธีนี้มักเรียกว่า แผนหรือแผนปฏิบัติ ไม่มีแผนครอบจักรวาลที่ใช้ได้กับทุกคน ยุทธวิธีแต่ละอันขึ้นอยู่กับคนและเป้าหมายที่พวกเขาปรารถนาจะทำให้สำเร็จ และจากข้อเท็จจริงข้อนี้ หัวใจที่จะสร้างแผนปฏิบัติของคุณเองนั้นอยู่ในตัวคุณ และคุณต้องหามันให้เจอ
    • เขียนขั้นตอนแต่ละขั้นของแผนคุณ การเขียนขั้นตอนออกมาจะช่วยให้คุณรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่จับต้องได้กว่าเดิม แค่จำว่าชีวิตจัดวางล่วงหน้าไม่ได้ และจำว่าคุณอาจไม่ได้บรรลุเป้าหมายไล่ไปทีละอย่างได้อย่างราบรื่น และคุณอาจลงเอยที่เปลี่ยนขั้นตอนที่สำคัญบางอย่างเพื่อบรรลุความฝัน หรือคิดทบทวนเส้นทางเดินใหม่ในระหว่างทำตามแผน
  5. เมื่อคุณเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นแผนปฏิบัติที่ออกแบบมาให้เข้ากับคุณแล้ว คุณจำเป็นต้องลงมือและใช้ประโยชน์จากทุกๆ โอกาสที่เข้ามาในเส้นทางของคุณ ถึงเวลาที่จะต้องหยุดหาข้อแก้ตัวและคอยผัดวันประกันพรุ่งสิ่งที่คุณสามารถทำให้เสร็จได้ในวันนี้ แน่นอนล่ะ มีเหตุผลดีๆ หลายข้อที่จะเลื่อนการบรรลุความฝันของคุณ เช่น วางแผนการแต่งงาน ใช้เวลาทำงานอันยุ่งเหยิง หัวหมุนจากความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อน และอื่นๆ แต่ถ้าคุณมีทัศนคติอย่างนี้ คุณจะจบที่หาข้อแก้ตัวเรื่อยไป และไม่มีวันทำอะไรสำเร็จลุล่วงได้
    • วิถีแห่งจักรวาลคือ สิ่งที่ชอบจะดึงดูดเข้าหากัน และเมื่อมีความจำเป็น จักรวาลดูเหมือนจะหาทางทำตามความต้องการต่างๆ ผ่านวาระโอกาสต่างๆ คุณจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสนั้นเมื่อคุณลงมือทำตามแผนของคุณเพื่อบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยให้คุณทำความปรารถนาอันแรงกล้าให้เป็นจริงและสร้างฝันของคุณขึ้นมาได้จริง
  6. แบ่งเป้าหมายหลักของคุณออกเป็นหัวข้อย่อย และตั้งช่วงเวลาที่จะบรรลุเป้าหมายย่อยแต่ละข้อในรายการของคุณ ทั้งหมดก็คือการเริ่มก้าวเล็กๆ อย่างเช่น ถ้าฝันของคุณคือเขียนนวนิยาย คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเข้าร่วมเวิร์คช็อปการเขียนในละแวกที่คุณอาศัยอยู่ การทำงานให้สำเร็จลุล่วงนั้นทำได้จะยากขึ้นถ้าคุณไม่เริ่มจากการสร้างรากฐานที่แข็งแรงที่ทำให้คุณมีทักษะที่คุณจำเป็นต้องใช้มันเพื่อนำไปสู่การทำความฝันของคุณให้เป็นจริงขึ้นมา
    • เมื่อคุณคิดเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้ไปถึงฝั่งฝัน หรือแค่คิดถึงเป้าหมายระยะยาวที่จะทำอย่างนั้น การขอคำแนะนำจากคนที่อยู่ในแวดวงนั้นช่วยคุณได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนสนิทหรือคนรู้จัก เพื่อดูว่าพวกเขาทำได้อย่างไร นี่จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าเป้าหมายพวกเขานั้นควรจะเป็นอะไร และมีความเป็นไปได้มากแค่ไหน
  7. ในขณะที่คุณเริ่มเส้นทางไปก้าวไปสู่ฝันที่เป็นจริง สำคัญที่จะต้องรับรู้ตัวว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ถึงแม้โรมไม่ได้สร้างได้ภายในวันเดียว และคุณอาจไม่ได้มีความคืบหน้าได้รวดเร็วทันใจ แต่ก็ยังสำคัญที่จะต้องรู้อยู่ว่าคุณกำลังก้าวไปข้างหน้า นี่เป็นสิ่งที่คุณควรจะมองหาในขณะที่คุณจดรายงานความก้าวหน้าของตัวคุณเอ:
    • คุณบรรลุเป้าหมายในช่วงเวลานั้นๆ หรือไม่
    • คุณยังมีความปรารถนาที่จะไล่ตามความฝันคุณหรือไม่
    • คุณได้เบี่ยงออกจากเส้นทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายหรือไม่
  8. สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าคิดว่าชีวิตของคุณนั้นเลวร้ายและคิดว่าคุณจะพบกับความสุขได้ต่อเมื่อคุณทำความฝันของคุณให้เป็นจริงเท่านั้น ในความเป็นจริง เมื่อคุณทำความฝันของคุณได้สำเร็จและความเคลิบเคลิ้มเริ่มจางหายไป คุณจะพบว่าคุณอาจกลับไปอยู่ในสภาวะตามธรรมชาติที่จะโหยหาความฝันอันใหม่ ความรู้สึกอยากนี้และการคิดไปข้างหน้าเป็นเรื่องปกติมาก ดังนั้น คุณควรสนุกที่จะทำตามทุกขั้นตอนแทนที่จะคิดว่าคุณจะมีความสุขหรือภูมิใจในตัวเอง หรือรู้สึกว่าชีวิตของคุณมีความหมาย หลังจากที่คุณได้ทำเป้าหมายได้สำเร็จลุล่วงแล้วเท่านั้น แทนที่จะทำแบบนั้น มาสนุกกับทุกๆ ขั้นตอนในระหว่างทางและภูมิใจในตัวคุณเองตลอดเส้นทางไปสู่ความฝันนั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

มีแรงจูงใจตลอดเวลา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลับตาลงเป็นครั้งคราวและนึกภาพว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรหลังจากที่คุณบรรลุเป้าหมายสำเร็จ บอกกับตัวเองว่าคุณได้รับเป้าหมายมา และจินตนาการว่าจิตใจคุณ บ้าน ความสัมพันธ์ และความคิดคุณจะเป็นไปในทิศทางใดเมื่อคุณได้สิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดมาแล้ว นี่เป็นกลวิธีสร้างแรงจูงใจอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเริ่มรู้สึกเฉื่อยชาและรู้สึกเหมือนคุณจะไม่มีวันทำฝันของคุณให้เป็นจริงได้ การมองเห็นความตื่นเต้นและความครื้นเครงที่จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตคุณเมื่อคุณบรรลุเป้าหมายนั้นทำให้คุณรู้สึกว่าความฝันนั้นเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น.
  2. ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในการทำความฝันให้เป็นจริง คุณไม่สามารถเป็นหนูน้อยคิดลบได้ทุกครั้งที่บางอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด หรือเมื่อความฝันนั้นดูยากเกินความสามารถของคุณ คุณต้องเงยหน้าขึ้น เชื่อมั่นในตัวเอง และก้าวต่อไปข้างหน้า เป็นเรื่องธรรมดามากที่จะรู้สึกคลางแคลงใจและสงสัยตัวเองในระหว่างทาง แต่สุดท้าย คุณต้องมีศรัทธาในความสามารถของคุณ เพราะถ้าคุณไม่เชื่อในตัวเองแล้วคนอื่นก็คงไม่เชื่อเช่นกัน
    • เก็บทัศนคติในมุมบวกไว้ตลอดการเดินทางเพื่อช่วยให้คุณรักษาความมั่นใจได้ ถ้าคุณแค่นึกถึงสิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นในสถานการณ์ไหนก็ตาม ก็จะมีแนวโน้มสูงขึ้นว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง
  3. ถึงแม้ว่าการไล่ตามความฝันและทำเป้าหมายของคุณให้สำเร็จอย่างไม่ย่อท้อเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณต้องไม่ลืมหาเวลาหยุดพักและยอมให้ตัวเองได้พักและทำใจให้สงบบ้าง คุณไม่อยากทำตัวเป็นคนขี้กังวล อดหลับอดนอน หรือลืมที่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงหรอก อันที่จริงการทำสิ่งต่างๆ ช้าลง และผ่อนคลายบ้างเป็นครั้งคราวจะช่วยให้คุณกระตือรือร้นอยากจะบรรลุเป้าหมายของคุณมากขึ้นเมื่อถึงเวลาที่คุณกลับไปทำตามแผนต่อ
    • การนั่งสมาธิช่วยให้คุณรู้สึกสงบ จิตใจเป็นสุข และมองเห็นเป้าหมายคุณได้ผลดี
    • โยคะดีสำหรับการเชื่อมโยงจิตใจเข้ากับร่างกายคุณ และยังช่วยให้คุณปล่อยวางปัญหาที่รบกวนจิตใจและขัดขวางไม่ให้คุณทำสุดขีดความสามารถได้
    • การมีความสุขและสุขภาพดีได้ตลอดทุกขั้นตอนเป็นเรื่องที่สำคัญ และอย่าได้ลืมดูแลตัวเอง ไม่ว่าคุณจะต้องทำงานหนักแค่ไหนก็ตาม มั่นใจว่าคุณนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารดีต่อสุขภาพครบสามมื้อ และไม่ดื่มแอลกอฮอล์จัด นี่จะทำให้คุณอยู่ในภาวะจิตใจมั่นคงยิ่งขึ้นและทำให้คุณมีแนวโน้มเพิ่มสูงที่จะได้ในสิ่งที่คุณต้องการมาโดยตลอด
  4. ถ้าคุณอยากจะทำความฝันให้เป็นจริง คุณต้องสามารถที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง และใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันคุณข้างหน้า ถ้าคุณล้มเหลวเวลาทำอะไรบางอย่าง ให้คุณลองนั่งลงแล้วถามตัวเองว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้น และคุณจะทำสิ่งที่ต่างออกไปจากที่ทำมาได้ไหม แต่ไม่แน่ที่บางครั้งนี่ก็เป็นคราวเคราะห์ร้ายของคุณและทั้งหมดที่คุณทำได้ก็คือเดินหน้าต่อไป แต่ส่วนมากคุณจะพบว่ามีบางอย่างที่คุณสามารถแตกต่างออกไปจากเดิมได้ ท้ายที่สุด ความวิกลจริตถูกนิยามว่า การเชื่อว่าคุณสามารถทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกและได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป และคุณไม่อยากจะถูกระบุเป็นคนประเภทนั้นหรอกนะ
    • แทนที่จะปล่อยให้ข้อผิดพลาดนั้นซ้ำเติมคุณ ใช้พวกมันเป็นแรงดันให้คุณอยากบรรลุเป้าหมายของตัวเองมากยิ่งขึ้น
  5. ถึงแม้ว่าการจดจ่อกับเป้าหมายและไม่ปล่อยให้คนอื่นมาขัดขวางคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การรับฟังผู้อื่นซึ่งพยายามให้ความช่วยเหลือคุณก็มีความสำคัญเท่าๆ กัน แน่อยู่แล้วที่คุณจะเมินบรรดาคนขวางโลกที่แค่พยายามจะฉุดคุณลงมาและทำลายวันของคุณ แต่ถ้าเพื่อนที่คุณไว้ใจได้หรือคนที่มีความรู้ในด้านที่เกี่ยวกับเป้าหมายที่คุณพยายามบรรลุอยู่เอ่ยปากพูดว่า คุณสามารถทำในสิ่งที่ต่างกว่านี้ออกไปได้ คุณก็ควรจะใช้เวลาคิดทบทวนว่าคำแนะนำไหนจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ
    • แต่แน่นอนว่าเพียงเพราะมีใครสักคนห่วงใยคุณหรือรู้เกี่ยวกับเป้าหมายคุณเยอะก็ไม่ได้แปลว่าเขาหรือเธอจะรู้วิธีที่ดีที่สุดที่จะไปให้ถึงเป้าหมายเสมอไป ขึ้นอยู่กับคุณที่จะใช้ดุลยพินิจไตร่ตรองว่าคำแนะนำไหนที่คุณควรนำมาใช้และอันไหนที่คุณควรโยนทิ้งไปเสีย
  6. คุณอาจต้องล้มเลิกหลายๆ สิ่งที่คุณให้ความสำคัญเพื่อทำให้ฝันของคุณเป็นจริง คุณจะต้องทำงานหนักมากขึ้น และหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะต้องเลิกทำบางอย่างที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นการออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน หรือใช้เวลาที่อยากได้อย่างมากกับครอบครัว คุณอาจจะต้องล้มเลิกเป้าหมายการฝึกฝนสำหรับงานวิ่งมาราธอนครั้งหน้าในเมืองของคุณ เพราะนั่นใช้เวลามากและทำให้คุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมตัวสำหรับการสอบเนติ ทำรายการของทุกอย่างที่ดึงเวลาจากคุณและดูว่าอันไหนคุณจำเป็นต้องทำหรืออันไหนที่คุณงดได้
    • ไม่มีใครพูดว่านี่เป็นขั้นตอนที่ทำได้ง่าย บางอย่างเช่น ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลงก็เป็นสิ่งที่เจ็บปวด แต่คุณต้องเตือนตัวเองว่าคุณจะสามารถกลับคืนสู่ภาวะสมดุลได้หลังจากขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้เสร็จสิ้นลง
  7. ลองคิดนี่ดู: อะไรคอยกันไม่ให้คุณบรรลุเป้าหมายมากที่สุดในตอนนี้ ใช่เพื่อนตัวแสบซึ่งคอยบั่นทอนกำลังใจคุณหรือทำให้คุณรู้สึกเป็นคนไร้ค่าหรือไม่ ใช่ความสัมพันธ์ที่ถึงจุดจบซึ่งทำให้คุณรู้สึกหมดเรี่ยวแรงเมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องหันมาให้ความสนใจกับตัวเองหรือไม่ งานที่ทำอยู่เหมือนไม่เติมเต็มชีวิตคุณหรือไม่ แล้วอาการแฮงค์หลังดื่มแอลกอฮอล์จัดไปหลายวันล่ะ ไม่ว่าอุปสรรคที่ขัดขวางคุณอยู่นั้นคืออะไร ถึงเวลาที่จะต้องวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อกำจัดอุปสรรคพวกนี้ทิ้งไปเสีย
    • ทำรายการสิ่งที่เหนี่ยวรั้งคุณไว้อยู่ ลองขอให้เพื่อนสนิทช่วยคุณคิด คุณอาจไม่รู้ตัวว่าเรื่องพื้นๆ อย่างการติดดูทีวีเป็นสิ่งที่กีดกันคุณไม่ให้ใช้ศักยภาพในตัวคุณให้เต็มที่
  8. นิสัยอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีเป้าหมายในชีวิตก็คือ พวกเขาสามารถเลิกหาข้อแก้ตัวและก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามใดๆ ขวางกั้นพวกเขาอยู่ แน่นอนล่ะ คุณอาจรู้สึกว่าพ่อแม่ของคุณไม่ได้เลี้ยงคุณมาดีพอและทำให้คุณเป็นคนขาดความมั่นใจ รู้สึกว่าคุณไม่ได้เป็นคนโชคดีที่สุด รู้สึกว่าคนมักปฏิบัติแย่ๆ ต่อคุณ และทั้งหมดนี้อาจจะเป็นความจริง แต่คุณควรใช้เคราะห์กรรมเหล่านี้ทำให้คุณแข็งแกร่งมากขึ้น แทนที่จะใช้มันเป็นข้ออ้างว่าทำไมคุณถึงไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการสักที
    • เป็นความจริงที่ว่าไม่ใช่ทุกคนเกิดมาพร้อมโชคลาภวาสนา คุณสามารถหยุดและรู้สึกเศร้ากับตัวเองและเริ่มชี้ให้เห็นปัญหาที่คุณต้องมองรับรู้ แต่ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จคุณจะไม่ใช้ชีวิตราวกับตกเป็นเหยื่อ
  9. ประเมินความฝันของคุณอีกครั้งถ้าคุณยังไม่บรรลุเป้าหมาย. นี่ไม่ได้พูดขึ้นมาเพื่อให้จิตใจห่อเหี่ยว แน่นอนล่ะว่าถ้าคุณทำงานหนักและวางแผนมาอย่างถูกต้อง คุณมีโอกาสสูงขึ้นที่จะบรรลุความฝัน แต่ความเป็นจริงก็คือ ไม่ใช่ทุกความฝันสามารถทำให้เป็นจริงได้สำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าความฝันของคุณคืออยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง หรือเป็นนักเขียนนวนิยายขายดี แม้แต่ดาราที่มากด้วยความสามารถหรือคนที่ประสบความสำเร็จก็ยังได้ส่วนแบ่งของโชคอย่างยุติธรรม และสุดท้ายคุณอาจจะมีทั้งความสามารถและพลังที่จะยืนอยู่บนโลกใบนี้ แต่คุณก็ไม่อาจทำความฝันให้สำเร็จได้ ถ้าในกรณีที่คุณได้พยายามแล้วพยายามอีกจะมีจุดหนึ่งซึ่งคุณต้องตระหนักว่า คุณจำเป็นที่จะจัดการกับเป้าหมายหรือคิดเป้าหมายอันใหม่เพื่อที่คุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสมบูรณ์ได้
    • คุณไม่สามารถจัดทุกอย่างให้ได้ตามความต้องการตรงเป๊ะเพื่อให้บรรลุความฝันอย่างหนึ่ง หรือคุณถูกกำหนดให้รู้สึกเหมือนล้มเหลวในตอนสุดท้ายถ้าคุณทำไม่สำเร็จ แทนที่จะเป็นเช่นนั้นคุณต้องหาวิธีใช้ชีวิตที่สมบูรณ์ ซึ่งชีวิตมีแง่มุมมากมายที่คอยให้รางวัล แทนที่จะใส่ไข่ทุกฟองลงในตะกร้าใบเดียวเหมือนกับใส่ความหวังในชีวิตทั้งหมดไว้ที่เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง คุณจะต้องปรับความคาดหวังของคุณแต่แน่ล่ะว่า คุณจะลงเอยรู้สึกเติมเต็มมากขึ้นและภูมิใจในตัวเองในท้ายที่สุด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทัศนคติในการทำความฝันให้เป็นจริงคือ คุณต้อง “รู้” ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ถ้าเรามีความเชื่อ
  • ความฝันคือความฝัน ถ้าคุณอยากจะทำให้ฝันคุณกลายเป็นจริง คุณต้องทำงานหนักในชีวิตจริง นั่นคือกุญแจสู่ความสำเร็จ คิดบวกและอย่าปล่อยให้คำพูดติดลบของคนอื่นบั่นทอนจิตใจของคุณ เชื่อมั่นในตัวคุณเอง
  • มีทัศนคติที่ดีต่อทุกอย่างที่คุณทำ และจำไว้ว่าข้อจำกัดเพียงข้อเดียวคือ ข้อจำกัดที่คุณตั้งขึ้นให้กับตัวเอง
  • คุณต้องไม่แค่ตัดสินว่าความฝันคุณตอนนี้เป็นความปรารถนาอันแรงกล้า ที่ถูกคือ เมื่อคุณไตร่ตรองความฝันของคุณ ความฝันนั้นก็จะเริ่มโตขึ้นในตัวคุณเพื่อให้เมล็ดความฝันนั้นให้กำเนิดความปรารถนาอันแรงกล้า และความปรารถนานั้นจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่โดยอัตโนมัติ และเมื่อคุณพิจารณาอีกครั้งมันก็จะกลายเป็นเป้าหมาย และเมื่อเมล็ดพันธุ์ของเป้าหมายเกิดขึ้นหลังคุณไตร่ตรองดีแล้ว เป้าหมายก็จะก่อให้เกิดแผนสำหรับปฏิบัติซึ่งคุณจะต้องมุ่งมั่นทำเพื่อให้ได้ประสบกับสิ่งดีๆ ในชีวิต
  • จากขั้นตอนแรกในการทำให้ฝันของคุณกลายเป็นจริงขึ้นมา มีคำที่ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ คือ “การไตร่ตรอง/พิจารณา” ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความฝันของคุณให้กลายเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าซึ่งจะกลายเป็นเป้าหมายและเป้าหมายกลายเป็นแผนลงมือปฏิบัติ และการใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของคุณเป็นจริงซึ่งคุณเฝ้าฝันถึง คุณไม่สามารถเลียนแบบวิธีการของคนอื่นเพราะวิธีนั้นอาจออกแบบมาสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ คุณต้องหาวิธีการเป็นของตัวเอง การไตร่ตรองเป็นวิธีการที่ดีสำหรับเวลานี้ การไตร่ตรองหมายถึง การใช้เวลาคิดบางเรื่องอย่างลึกซึ้ง เมื่อคุณคิดใคร่ครวญอย่างดีก็เหมือนกับเชื่อมต่อกับปัญญาอันยิ่งใหญ่ คุณเพียงแค่ค้นหาคำตอบที่อยู่ลึกลงไปข้างในตัวคุณ คำตอบนั้นอยู่ในตัวคุณเองเพราะเราต่างมีจุดเชื่อมโยงกับขุมพลังในโลกใบนี้
โฆษณา

คำเตือน

  • เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองและในความสามารถของคุณ
  • ถ้าคุณอยากจะทำความฝันให้เป็นจริงแล้วล่ะก็ พวกมันมักจะกลายเป็นจริงขึ้นมา
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ความมีวินัย
  • ความอดทน
  • ความสม่ำเสมอ
  • ความรับผิดชอบ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,912 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา