ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การดูแลแผลจากการเจาะสะดือให้สะอาดอยู่เสมอเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสมานแผลให้หายเร็วและป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ เพียงหมั่นทำความสะอาดรูเจาะสะดือด้วยขั้นตอนสั้นๆ ที่ใช้เวลาไม่กี่นาที รูเจาะสะดือของคุณก็จะดูสวยเก๋ตามที่หวังไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและพร้อมอวดโฉมไปอีกนานแสนนาน บทความนี้ได้รวบรวมข้อปฏิบัติและข้อห้ามในการทำความสะอาดรูเจาะสะดือรวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับการติดเชื้อที่เกิดขึ้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำความสะอาดรูเจาะสะดือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างรูเจาะสะดือด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรียวันละ 1-2 ครั้ง. รูเจาะสะดือใหม่ควรได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำวันละ 2 ครั้งหรืออย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน [1]
    • คุณสามารถทำความสะอาดรูเจาะสะดือได้ง่ายๆ ในระหว่างอาบน้ำจากฝักบัว เพียงใช้มือรองไว้ที่บริเวณใต้สะดือและเปิดน้ำสะอาดอุ่นๆ ให้ไหลผ่านสะดือสัก 1-2 นาที พยายามอย่าให้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ สัมผัสถูกรูเจาะสะดือหรือผิวหนังโดยรอบเพราะอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อและทำให้ผิวหนังรอบๆ รูเจาะสะดือแห้งได้
    • บีบสบู่เหลวสูตรอ่อนโยนที่ไม่ใส่สีลงบนฝ่ามือ 1-2 หยดและถูให้เกิดฟองก่อนนำไปฟอกทำความสะอาดทั่วบริเวณรูเจาะสะดือเพื่อป้องกันการติดเชื้อและกระตุ้นการสมานแผล หมั่นล้างรูเจาะสะดือเป็นประจำวันละ 1-2 ครั้งจนกระทั่งแผลหายสนิท
    • หากต้องการทำน้ำเกลือสำหรับแช่รูเจาะสะดือ เริ่มจากละลายเกลือทะเล 1 ช้อนชาในน้ำเดือด ½ ถ้วย จากนั้นรอสักพักให้น้ำเย็นลงก่อนเทลงไปในแก้วหรือถ้วยตวงยาสะอาด
    • หลีกเลี่ยงการใช้เกลือไอโอดีน เกลือโคเชอร์ หรือเกลือเอปซอมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่รูเจาะสะดือได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเลือกใช้น้ำเกลือสำเร็จรูปแทนการใช้เกลือทะเลละลายในน้ำเปล่าได้ [2]
    • ถือแก้วไว้ให้ขอบแก้วแตะที่ด้านล่างรูเจาะสะดือ จากนั้นพลิกแก้วเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วและกดแน่นๆ เพื่อไม่ให้น้ำไหลซึมออกมา [3]
    • นอนราบบนโซฟาหรือเตียงและปล่อยให้รูเจาะสะดือแช่อยู่ในน้ำเกลือประมาณ 10-15 นาที คุณสามารถใช้ผ้าขนหนูปูรองไว้หากกังวลว่าน้ำเกลือจะหกเลอะเทอะ [4]
    • ล้างรูเจาะสะดือให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและเช็ดให้แห้งสนิทด้วยกระดาษอเนกประสงค์หรือกระดาษทิชชู หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดรูเจาะสะดือซึ่งอาจมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่มากมาย [5]
  2. เช็ดสะเก็ดน้ำเหลืองให้หลุดออกด้วยไม้พันสำลี. ในช่วงที่แผลจากการเจาะสะดือเริ่มสมาน รูเจาะสะดือของคุณจะมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาซึ่งเกิดขึ้นได้ตามปกติในกระบวนการหายของแผลและไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม น้ำเหลืองที่ไหลซึมออกมาอาจเริ่มก่อตัวจนกลายเป็นสะเก็ดแข็งรอบๆ รูเจาะสะดือได้ หากบริเวณรอบๆ รูเจาะสะดือของคุณมีสะเก็ดน้ำเหลืองเกาะอยู่ ไม่ต้องตกใจไปและจำไว้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ [6]
    • คุณสามารถขจัดสะเก็ดน้ำเหลืองให้หลุดออกได้โดยใช้ไม้พันสำลีจุ่มลงไปในน้ำอุ่นและนำไปเช็ดเบาๆ ที่บริเวณรูเจาะสะดือ ห้ามใช้นิ้วมือแกะสะเก็ดน้ำเหลืองโดยเด็ดขาดเพราะอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
    • หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เช็ดทำความสะอาด สะเก็ดน้ำเหลืองก็จะเริ่มเกาะแน่นบนจิวสะดือและส่งผลให้รูเจาะสะดือถูกดึงทึ้งเมื่อจิวขยับจนก่อให้เกิดอาการเจ็บและทำให้กระบวนการหายของแผลช้าลง
  3. น้ำมันลาเวนเดอร์เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสมานแผลและลดอาการบวมและกดเจ็บที่บริเวณรอบๆ รูเจาะสะดือ [7]
    • ก่อนอื่นให้คุณล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย จากนั้นหยดน้ำมันลาเวนเดอร์ประมาณ 2-3 หยดลงไปบนก้านสำลีสะอาดและนำไปเช็ดเบาๆ ที่บริเวณรูเจาะสะดือ
    • หมุนจิวสะดือเบาๆ หรือขยับขึ้นลงเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันลาเวนเดอร์แทรกซึมเข้าไปในรูที่เจาะ ใช้กระดาษทิชชูซับคราบน้ำมันส่วนเกินที่หลงเหลืออยู่บนผิว
    • คุณสามารถหาซื้อน้ำมันลาเวนเดอร์ได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายยาทั่วไป เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าบนฉลากผลิตภัณฑ์มีการระบุว่าเป็น Medicinal grade (เกรดยา) ไว้อย่างชัดเจนเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของน้ำมันและลดโอกาสการเกิดการระคายเคือง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

หลีกเลี่ยงข้อห้าม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าการทำความสะอาดรูเจาะสะดือมากกว่าวันละ 2 ครั้งอาจดูเป็นความคิดที่ดี แต่ที่จริงแล้วการทำความสะอาดบ่อยครั้งจนเกินไปจะชะล้างน้ำมันธรรมชาติบนผิวออกไปจนส่งผลให้ผิวบริเวณรูเจาะสะดือเริ่มแห้งและเกิดการระคายเคืองได้ [8]
    • อย่างไรก็ตาม คุณควรทำความสะอาดรูเจาะสะดือทุกครั้งหลังการออกกำลังกายหรือหลังจากที่ร่างกายมีเหงื่อออกมาก (แม้ว่าคุณจะทำความสะอาดไปแล้วในวันนั้นก็ตาม) เนื่องจากเหงื่อสามารถก่อให้เกิดการระคายต่อรูเจาะสะดือได้
  2. หลีกเลี่ยงการใช้รับบิ้งแอลกอฮอล์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์. รับบิ้งแอลกฮอล์และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ไม่เหมาะสำหรับใช้ในการทำความสะอาดรูเจาะสะดือ เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้งลงจนก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ [9]
    • นอกจากนี้รับบิ้งแอลกอฮอล์และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ยังยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ภายในรูเจาะสะดือจนเป็นการชะลอกระบวนการหายของแผลให้ช้าลงอีกด้วย
  3. อย่าใช้ยาแบซิทราซินหรือยาขี้ผึ้งปฏิชีวนะอื่นๆ. ยาแบซิทราซินหรือยาขี้ผึ้งปฏิชีวนะอื่นๆ ไม่สามารถใช้ในการรักษาบาดแผลถูกแทงได้ (เช่น แผลเจาะร่างกาย) เนื่องจากยาประเภทนี้จะเคลือบอยู่บนแผลเพื่อรักษาความชุ่มชื้นจนกีดขวางไม่ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อได้และชะลอกระบวนการหายของแผลให้ช้าลง [10]
  4. หลีกเลี่ยงการพลิก บิด หรือหมุนจิวสะดือในช่วง 3-4 สัปดาห์แรกเพราะจะทำให้แผลเกิดการระคายเคืองและชะลอกระบวนการหายของแผลให้ช้าลงได้ [11]
    • รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสัมผัสรูเจาะสะดือมากเกินจำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่แบคทีเรียบนมือของคุณจะเข้าสู่แผลจนส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้
  5. ในช่วงสัปดาห์แรกๆ หลังรับการเจาะสะดือ คุณควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับแน่นอย่างกางเกงยีนส์เอวสูง กระโปรง หรือถุงน่อง เนื่องจากจิวสะดืออาจเกี่ยวกับเสื้อผ้าและดึงกระชากแผลจนก่อให้เกิดอาการเจ็บและชะลอกระบวนการหายของแผลช้าลง [12]
    • คุณอาจต้องใช้พลาสเตอร์ขนาดใหญ่ปิดรูเจาะสะดือไว้ในระหว่างเล่นกีฬาหรือนอนหลับซึ่งเป็นช่วงที่รูเจาะสะดือมีโอกาสถูกดึงกระชากสูง
  6. ห้ามถอดจิวสะดือออกโดยเด็ดขาดในช่วงที่แผลจากการเจาะสะดือยังคงไม่หายดี จำไว้ว่ารูเจาะสะดือสามารถปิดตันได้อย่างรวดเร็วและคุณอาจไม่สามารถใส่จิวกลับเข้าไปได้อีกครั้งหลังจากที่ถอดจิวออก (แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม) [13]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รับมือกับการติดเชื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในบางครั้งแม้ว่าคุณจะดูแลอย่างเหมาะสมเพียงใด แต่รูเจาะสะดือของคุณก็ยังคงมีโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ เมื่อคุณสังเกตเห็นสัญญาณของการติดเชื้อที่รูเจาะสะดือของคุณ คุณควรรีบทำการรักษาโดยทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้การติดเชื้อแย่ลงกว่าเดิม อาการที่มักพบเมื่อเกิดการติดเชื้อที่รูเจาะสะดือมีดังนี้: [14]
    • มีรอยแดงและอาการบวมมากผิดปกติรอบๆ รูที่เจาะ
    • มีอาการเจ็บหรือกดเจ็บทุกครั้งที่สัมผัสบริเวณรูเจาะสะดือหรือจิวเกิดการขยับ
    • มีของเหลวสีเขียวหรือมีเลือดปนไหลซึมออกมาจากรูที่เจาะ
  2. การประคบร้อนสามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณรูเจาะสะดือได้อย่างดีเยี่ยม เริ่มจากจุ่มผ้าสะอาดลงไปในน้ำอุ่นและบิดให้พอหมาด จากนั้นนำไปประคบไว้ที่รูเจาะสะดือนาน 3 นาที ทำซ้ำ 3-4 ครั้งต่อวัน [15]
  3. ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและทายาปฏิชีวนะ. หลังประคบร้อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณทำความสะอาดรูเจาะสะดือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ จากนั้นเปิดน้ำให้ไหลผ่านเพื่อชะล้างน้ำยาออกไปและเช็ดให้แห้งด้วยกระดาษอเนกประสงค์ก่อนใช้ยาปฏิชีวนะชนิดครีมทาลงไปบางๆ ให้ทั่ว
  4. อย่าถอดจิวสะดือออกโดยเด็ดขาดไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม เพราะการถอดจิวสะดือออกอาจทำให้รูเจาะสะดือปิดตันและส่งผลให้ส่วนที่เกิดการติดเชื้อติดค้างอยู่ภายในรูที่เจาะซึ่งจะทำการรักษาได้ยาก ดังนั้นการสวมจิวสะดือไว้จนกระทั่งรูเจาะสะดือหายจากการติดเชื้อจึงมีความปลอดภัยมากกว่า [16]
  5. รีบไปพบแพทย์ทันทีหากการติดเชื้อยังคงไม่ทุเลาลงหลังผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมงหรือคุณเริ่มมีไข้หรืออาการหนาวสั่น โดยแพทย์ของคุณอาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุ [17]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากรูเจาะสะดือของคุณเกิดการติดเชื้อ ลองตรวจสอบให้แน่ใจว่าจิวสะดือที่ใช้ทำจากวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ เพราะแม้ว่าช่างเจาะร่างกายควรจะเลือกใช้จิวที่ทำจากสแตนเลสสตีลเกรดเครื่องมือแพทย์ แต่อาจมีช่างเจาะร่างกายบางคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าว หากคุณมีอาการแพ้โลหะ คุณควรไปพบแพทย์และร้องเรียนช่างเจาะของคุณ
  • ดูแลรูเจาะสะดือใหม่ให้เหมาะสมเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • รูเจาะสะดืออาจมีเลือดออกในช่วง 2-3 วันแรกซึ่งเกิดขึ้นได้ตามปกติ
  • พยายามเลือกใช้สบู่ที่ไม่มีสี (แนะนำให้ใช้สบู่ก้อนยี่ห้อ Dial หรือจะเลือกใช้สบู่เหลวก็ได้เช่นกัน)
  • คุณควรขยับจิวสะดือไปมาในระหว่างทำความสะอาดแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บในช่วงแรกก็ตาม
  • ยาน้ำสเปรย์แบ็กทีน (Bactine) สามารถบรรเทาอาการจากการติดเชื้อได้ดี
  • คุณสามารถเลือกใช้สบู่ก้อนยี่ห้อ Ivory ได้เช่นกัน
  • ในระหว่างทำความสะอาดรูเจาะสะดือ คุณควรขยับจิวสะดือไปมาเบาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเชื่อมติดกับก้านจิว
โฆษณา

คำเตือน

  • หลีกเลี่ยงการใช้เกลือบริโภคและรับบิ้งแอลกอฮอล์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,420 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา