ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มีหลายหนทางที่จะประหยัดค่าน้ำมัน แต่ทางที่เห็นผลมากที่สุดคือการลดปริมาณน้ำมันที่คุณใช้ เมื่อเราพบว่าจำเป็นต้องใช้รถไปให้ถึงจุดหมาย มันมีกลเม็ดที่อาจจะใช้ลดการซดน้ำมันของรถได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนการขับขี่ของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่เป็นทางแก้ที่เห็นผลมากที่สุดและทำตามได้ง่ายที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน ความเร็วที่จะใช้น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดก็คือจุดที่รถคุณเปลี่ยนไปใช้เกียร์สูง สำหรับรถส่วนใหญ่แล้วนั่นคือความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. [1]
    • จริงๆ แล้ว ทุกๆความเร็ว 8 กม./ชม. ที่คุณขับเพิ่มขึ้นจากความเร็วที่ 80 นั้น คุณสามารถสรุปเองได้เลยว่าได้ใช้ค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 9 บาทต่อลิตร [2] ความคุ้มค่าจะยิ่งลดลงถ้าคุณยิ่งขับเร็วขึ้น
    • ยิ่งไปกว่านั้น ไฟจราจรมักจะถูกตั้งเวลาตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด ถ้าคุณขับเร็วเกินกว่าความจำเป็น คุณก็ต้องหยุดจอดติดไฟแดงอยู่ดี ซึ่งมันไม่ได้ประหยัดน้ำมันเลย
  2. หลีกเลี่ยงการจี้ท้ายและต้องคอยเหยียบเบรกอยู่เรื่อยๆ. คุณสามารถเลี่ยงการผลาญน้ำมันโดยการไม่ขับรถจี้ท้าย การขับรถแบบนั้นคุณมักจะต้องคอยเหยียบคันเร่งที่ให้ได้ความเร็วกลับคืนมาจากการต้องเหยียบเบรกที่ต้องทำเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า ก่อให้เกิดวงจรอุบาทย์ เพราะการต้องคอยเหยียบคันเร่งสลับเบรกไปมาจะใช้น้ำมันมากกว่าการขับด้วยความเร็วคงที่ในระยะห่างที่ปลอดภัย
    • การเหยียบเบรกซ้ำๆ เป็นการใช้พลังงานอย่างสูญเปล่า เพราะไปเปลี่ยนมันเป็นพลังงานความร้อนที่ไม่จำเป็นแถมยังลดอายุการใช้งานของเบรกอีกด้วย ในอนาคต รถยนต์ส่วนใหญ่อาจจะมีการติดตั้งระบบที่จะเปลี่ยนพลังงานของการเบรกไปเป็นพลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ยากที่รถยนต์ของคุณจะมีเทคโนโลยีชนิดนี้เว้นเสียแต่ว่าคุณใช้รถระบบไฮบริด
  3. ทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งแรงๆ หลังการจอด คุณกำลังเผาผลาญน้ำมันเพิ่มขึ้นและเพิ่มแรงบดของยาง การเหยียบคันเร่งช้าๆ จะทำให้คุณใช้น้ำมันตามที่จำเป็นในการที่จะให้รถแล่นไปตามความเร็วแบบสบายๆ
    • พูดสั้นๆ ก็คือ คุณต้องเหยียบคันเร่งกับเบรกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จำข้อนี้ให้ขึ้นใจเวลาขับรถเพื่อใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด
  4. การบริโภคน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณปล่อยให้ความเร็วของรถตกลงแล้วชดเชยมันโดยการเหยียบคันเร่งเพิ่ม การรักษาความเร่งให้คงที่จะทำให้ใช้น้ำมันได้ประหยัดที่สุด การปล่อยให้รถลดความเร็วลงตอนขึ้นเนินแล้วเพิ่มความเร็วระหว่างลงเนินจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความคุ้มค่า
    • ส่วนในเรื่องการขับเปลี่ยนเลนไปมา อย่าทำเลย ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน เมื่อคุณเปลี่ยนเลนไปมา คุณก็ต้องเพิ่มหรือลดความเร็วอยู่เรื่อยๆ ขับแบบสบายๆ อยู่แต่ในเลนเดียวดีกว่า [3]
  5. ถ้าเป็นไปได้ พยายามใช้การเลี้ยวขวาให้น้อยที่สุดในระหว่างทางไปยังจุดหมาย การต้องหยุดรอเลี้ยวขวาที่แยกนั้นทำให้เครื่องยนต์ต้องเดินเครื่องคาไว้ ซึ่งเป็นการเผาผลาญน้ำมัน เช่นเดียวกับการที่ต้องเหยียบคันเร่งให้รถออกตัวอีกหน [4]
  6. ใช้โหมดโอเวอร์ไดรฟ์กับครูซคอนโทรลเวลาอยู่บนทางด่วนหรือทางหลวง. อีกวิธีที่จะได้ไม่ต้องคอยเหยียบเบรกกับคันเร่งก็คือการใช้โอเวอร์ไดรฟ์กับครูซคอนโทรลเวลาอยู่บนทางด่วน โอเวอร์ไดรฟ์จะช่วยลดความเร็วของเครื่องยนต์ลง ช่วยยืดอายุของเครื่องยนต์ด้วย [5]
    • ระบบครูซคอนโทรลช่วยให้รถคุณแล่นด้วยความเร็วคงที่ ทำให้ไม่ต้องคอยชดเชยน้ำมันจากการเหยียบเบรกและคันเร่ง อย่างไรก็ตาม มันมีประโยชน์เฉพาะเวลาขับในทางที่โล่ง ไม่ต้องนึกถึงมันตอนขับในเมืองเลย เพราะคุณต้องหยุดรถและออกรถบ่อยเสียจนไม่เห็นความแตกต่าง
  7. เกียร์ที่สูงกว่าในความเร็วต่ำและในทางกลับกันจะทำให้กินน้ำมันเพิ่ม เปลี่ยนเกียร์อย่างระมัดระวังและตามความเร็วที่ควรจะเป็น นี่จะไม่ทำให้เครื่องยนต์ต้องรับภาระหนัก
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ส่วนนี้เป็นวิทยาศาสตร์เลย: รถที่เบากว่าจะใช้น้ำมันน้อยกว่า แล้วอะไรล่ะที่จะทำให้รถคุณเบาขึ้น? ไม่ใช่การมีน้ำมันเต็มถังอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อคุณใช้น้ำมันไปแล้ว 1/3 ของถังแล้วเกิดอยากเติมให้เต็มถังต่อ ชะลอไปก่อนสักสองสามวัน น้ำมันที่เหลือ 1/3 ของถังนั้นอาจได้ระยะเวลานานกว่าน้ำมันที่ใช้ไปในตอนแรกเสียอีก
    • ส่วนใหญ่จะเป็นจริงอย่างที่เขาว่าที่ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ตอนเย็นวันพฤหัส ฉะนั้นถ้าคุณต้องการเติมน้ำมันในวันเสาร์ อาจเป็นเรื่องฉลาดกว่าถ้าจะเติมเสียเลย ตรวจสอบราคาน้ำมันให้ดีก่อนว่าคุ้มจะไปเติมเลยไหม [6]
  2. ถ้าคุณติดเครื่องยนต์รถแช่ไว้เกินหนึ่งนาที ดับเครื่องเลยจะประหยัดน้ำมันกว่า อีกอย่างรถใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้อง"อุ่นเครื่อง"ในวันที่อากาศหนาว เพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ใช้ได้แล้ว
    • เวลาที่จะต้องจอดรอใครสักคน ดับเครื่องเสีย เวลาซื้ออาหาร จะซื้อแบบไดรฟ์ทรูหรือเข้าไปในร้านดี? ให้เข้าไปในร้าน คุณยังสามารถเปิดวิทยุฟังโดยที่ดับเครื่องยนต์ได้นะ!
  3. พลิกหัวจ่ายน้ำมันเมื่อเติมน้ำมันจนเต็มแล้ว. หัวจ่ายน้ำมันแค่เชื่อมต่อกับสายจ่ายน้ำมัน เมื่อคุณปิดสายจ่าย ยังคงมีน้ำมันค้างอยู่ในสาย ในการเอาน้ำมันส่วนสุดท้ายนี้ที่เหลือประมาณ 1/2 ถ้วย (นั่นเท่ากับน้ำมันฟรี 4 ออนซ์เลยนะ!) ให้พลิกหัวจ่ายแล้วเขย่ามันก่อนเอาออกมาจากถัง
    • ยกหัวจ่ายขึ้นสักเล็กน้อยเพื่อให้น้ำมันพักอยู่ในสายจ่าย แรงโน้มถ่วงทำให้น้ำมันค้างอยู่ในส่วนที่ต่ำที่สุด ฉะนั้นเมื่อยกมันขึ้นจะทำให้น้ำมันไหลออกลงสู่ถัง
  4. เลี่ยงการไขกระจกลงในตอนขับรถด้วยความเร็วสูง หรือเปิดแอร์แรง. วิธีลดความร้อนในระหว่างขับรถด้วยความเร็วนั้นขึ้นอยู่กับรถคุณ การไขกระจกลงทำให้เกิดแรงกระชาก และการเปิดแอร์แรงๆ ก็ทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น อย่างไรก็ตาม การไขกระจกลงตอนใช้ความเร็วไม่มากนั้นไม่เป็นปัญหาอะไร [7]
  5. ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกแล้ว! ยิ่งรถเย็นเท่าไหร่ น้ำมันก็ระเหยจากถังน้อยลงเท่านั้น [8] มันก็เหมือนกับเอาเงินจ่ายให้อากาศธาตุ
    • แล้วเราได้เอ่ยถึงการที่ก้นคุณไม่ต้องรู้สึกร้อนฉี่เวลาแตะเบาะหรือเปล่า มันดีทั้งกับรถและกับตัวคุณเอง มันยากนะถ้าจะขับรถโดยแตะพวงมาลัยแทบไม่ค่อยได้เพราะมันร้อน!
  6. การประหยัดน้ำมันจะแย่ลงไปอีกในช่วงเวลาที่การจราจรคับคั่งหรือในเวลาที่ฝนตก ลมแรง หรือความดันอากาศสูง เพราะทั้งฝน ลมโต้แรงหรือความดันอากาศสูงล้วนเพิ่มแรงต้านในอากาศที่ต้องใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในการรักษาความเร็วในการแล่นไปข้างหน้า
    • อย่างไรก็ตาม ลมส่ง (ลมอยู่ด้านหลังคุณ) จะมีประโยชน์ ดูทิศทางลมสิว่ามันพัดมาจากทิศไหน
    • คงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจว่าการจราจรติดขัดนั้นมันแย่ต่อการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องหยุดแล้วเริ่มเคลื่อนตัวใหม่ ใส่เกียร์ว่าง ขับลัดเลาะไปมา และอาจจะทำทุกอย่างที่มันเป็นพฤติกรรมแย่ๆ ของการประหยัดน้ำมัน
  7. แน่ละ เวลาดับเครื่อง ทุกอย่างก็พลอยดับไปด้วย แต่ในตอนที่เราสตาร์ทเครื่องใหม่ล่ะ ถ้าคุณปิดทุกอย่างก่อน เมื่อคุณสตาร์ทรถครั้งใหม่ มันจะใช้น้ำมันน้อยกว่าในการทำให้ทุกอย่างพร้อมแล่นไป แล้วคุณค่อยเปิดอุปกรณ์ทีละอย่าง ซึ่งจะทำให้รถของคุณรับมือได้ดีกว่า
  8. ลดจำนวนเวลาที่คุณใช้ขับรถโดยการวางแผนเส้นทางล่วงหน้า. พยายามรวบรวมธุระปะปังและการนัดหมายต่างๆ เข้าด้วยกัน จัดการธุระต่างๆ ให้เสร็จสิ้นในการออกไปคราวเดียวจะช่วยเพิ่มเวลาว่างให้คุณด้วย คุณยังสามารถวางแผนเดินทางในวันหรือเวลาที่เลี่ยงการจราจรติดขัดได้แถมไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันสูงขึ้น
    • เช่น ซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นที่ไม่ได้บูดเน่า (เช่น อาหารสัตว์ อุปกรณ์ในห้องน้ำ อาหารแห้ง และอาหารกระป๋อง เป็นต้น) ในคราวเดียวเพื่อจะได้ไม่ต้องขับไปเพียงเพื่อซื้อของไม่กี่ชิ้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปรับแต่งรถของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เอาของที่ไม่มีความจำเป็นออกจากรถ เช่น ไม้กอล์ฟหรืออุปกรณ์ที่ไม่มีความจำเป็น การลดพื้นกระบะด้านหลังของรถกระบะก็ลดการใช้น้ำมันลงเพราะมันลดแรงต้านลงไปด้วย ถ้าพื้นกระบะไม่ได้ลดต่ำลง จะเกิดแรงอัดลมขึ้นหลังส่วนแค็บซึ่งทำให้เกิดแรงต้านกดลงให้อากาศผ่านลอดไปได้
    • แต่ถ้าหากคุณต้องขนอะไรสักอย่าง ให้ขนมันเก็บไว้ในกระโปรงท้าย ไม่ใช่บนที่แขวนบนหลังคา การมีอะไรอยู่บนรถจะทำให้เกิดแรงต้านเพิ่มขึ้น ทำให้รถวิ่งได้ช้าลง และเร่งเครื่องได้ยากขึ้น
  2. ไส้กรองอากาศที่สกปรกจะขโมยพลังและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ไป มันจะกินน้ำมันกว่าไส้กรองที่สะอาด ฉะนั้นหลังจากใช้ไปได้สักระยะ ก็ควรจะเปลี่ยนมันซะ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย และจริงๆ แล้วคุณสามารถลงมือเปลี่ยนเองได้ด้วยซ้ำ
    • ถ้าเทียบกับอะไหล่รถยนต์ที่ต้องเปลี่ยน นับว่าไส้กรองมีราคาถูกมาก ส่วนใหญ่จะราคาประมาณ 500-800 บาทเอง
  3. ลมยางที่เหมาะสมจะเพิ่มระยะทางจากปริมาณน้ำมันที่เท่าเดิม ให้ที่วัดลมยางติดรถและตรวจอยู่เรื่อยๆ ยางมักจะอ่อนลงหลังใช้งานไปสักระยะ ฉะนั้นอย่าตกใจไปถ้าเห็นยางล้อใดล้อหนึ่งอ่อนลง
    • ตรวจลมยางให้บ่อยขึ้นเมื่ออุณหภูมิภายนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ล้อที่ร้อนจะมีแรงดันสูงจากอากาศที่ขยายตัว แต่ถ้าเกิดอากาศที่ปล่อยออกไปตามแรงดันลมยางที่เหมาะสมแล้ว เวลาที่เย็นลงมันจะกลายเป็นต่ำเกินไปในสภาพอากาศที่เย็น คุณจึงควรเพิ่มลมยางเมื่ออากาศเย็นลง ยางที่ลมอ่อนเกินไปหรือมีขนาดล้อใหญ่เกินไปจะมีแรงต้านระหว่างการหมุนมากขึ้นและจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น แถมยังทำให้พื้นยางสึกจากการเสียดสีที่มากเกินไปด้วย
    • ถ้าคุณต้องซื้อยางใหม่ ให้ซื้อยางเรเดียล พวกมันมีแรงต้านระหว่างหมุนน้อยกว่า ทำให้รถแหวกอากาศได้ดีกว่า
  4. รักษารถยนต์ให้เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของระยะทางต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้งที่คุ้มค่าที่สุด. เป็นความคิดที่ดีสำหรับการประหยัดน้ำมันถ้าจะเปลี่ยนหัวเทียนกับสายไฟตามกำหนด หรือขดลวดเหนี่ยวนำเมื่อประสิทธิภาพการทำงานของมันเริ่มลดลง (เช่น เกิดการช็อตภายใน) ยิ่งเครื่องยนต์ทำงานได้ดี มันจะยิ่งเพิ่มพลังการขับขี่ที่จะใช้น้ำมันน้อยลง
  5. ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เพื่อการประหยัดน้ำมัน. ของแถมที่ได้คือต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องน้อยลงจึงช่วยประหยัดเวลาพารถเข้าอู่และยังลดการใช้น้ำมันเครื่องอันดีต่อสภาวะแวดล้อมด้วย
    • ตอนที่นำรถเข้าเช็คในอู่ สอบถามช่างดูว่ารถคุณเหมาะจะใช้น้ำมันเครื่องชนิดไหนเพื่อจะประหยัดน้ำมัน เขาอาจเปลี่ยนถ่ายให้คุณได้ด้วยเลย
  6. ก่อนจะคิดเปลี่ยนยางเป็นแบบยางล้อหนาดูทันสมัย ลองคิดทบทวนให้ดีก่อน ยิ่งหน้ายางกว้าง ก็ยิ่งเกิดแรงเสียดทานระหว่างหมุนมากขึ้นและจะกินน้ำมันเพิ่มขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ระวังด้วยว่าคุณใช้น้ำมันเกรดไหน น้ำมันแต่ละแบบไม่เหมือนกันและเครื่องยนต์ต่างกันก็อาจตอบสนองต่อน้ำมันต่างกันด้วย
  • ติดตามอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพื่อที่คุณจะระบุได้โดยเร็วว่ารถจำเป็นต้องเข้าอู่เพื่อปรับแก้อะไรหรือยัง ถ้าการเติมน้ำมันสามถึงสี่ครั้งติดต่อกันแสดงให้เห็นว่ารถซดน้ำมันมากกว่าปกติอาจบ่งชี้ว่ามันจำเป็นต้องเข้าอู่แล้วล่ะ
  • ให้แน่ใจว่าคุณได้สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ มันทำให้คุณไม่ต้องพึ่งพาแอร์หรือการไขกระจกลงมากนัก ซึ่งจะกินน้ำมันเพิ่มขึ้น
  • เข้าร่วมกลุ่ม ประหยัดน้ำมัน ที่ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้จากผู้ประหยัดน้ำมันคนอื่นๆ ว่าจะปรับแต่งรถง่ายๆ อย่างไรให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่คุ้มค่าขึ้น
  • เดินหรือปั่นจักรยานไปยังจุดหมายถ้ามันสมเหตุสมผล
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่า จี้ท้าย รถคันอื่นเพื่อประหยัดน้ำมัน (ปกตินิยมทำกันในสนามแข่งรถ) ถึงแม้มันจะช่วยลดแรงต้านลมโดยการปล่อยให้รถคันหน้าแหวกอากาศให้คุณแทนก็ตาม การทำเช่นนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายและไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
  • พารถเข้ารับการซ่อมดูแลอย่างต่อเนื่อง และอ่านสมุดคู่มือผู้ขับขี่รถยนต์ที่มาพร้อมกับรถ ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอาจดูเหมือนแพง แต่ในระยะยาวแล้วมันช่วยประหยัดค่าน้ำมันและลดการเสื่อมของเครื่องยนต์
  • คนเรามักจะ "เลี้ยง" เบรกโดยไม่มีเหตุผลสักเท่าไหร่มากกว่าจะเหยียบคันเร่งและจี้ท้ายรถจนใกล้เกินไป
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,526 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา