ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การยิ้มนั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง มันทำให้คุณดูเป็นมิตรและเข้าหาได้ง่าย มีเสน่ห์ดึงดูด และรู้สึกมีความสุขมากขึ้น และเครียดน้อยลง ขณะที่บางคนอาจจะยิ้มได้อย่างง่ายดาย คนอื่นๆ กลับมักจะมีการแสดงออกที่ตึงเครียดทางสีหน้า หรืออาจรู้สึกขวยเขินที่จะยิ้ม ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น และอยากที่จะเรียนรู้ที่จะยิ้มให้บ่อยขึ้นแล้วละก็ คุณมาถูกทางแล้วล่ะ บทความนี้จะช่วยมอบเคล็ดลับง่ายๆ ใช้ได้จริงที่จะทำให้คุณสามารถยิ้มยิงฟันสวยได้ในไม่ช้า!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ฝึกฝนตนเองให้ยิ้มบ่อยขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณต้องการที่จะเก่งเรื่องอะไรสักอย่างจริง คุณก็ต้องฝึกฝน จริงไหม? เช่นเดียวกันกับการยิ้ม หากคุณไม่ใช่คนที่ปกติยิ้มบ่อยๆ คุณจำเป็นที่จะต้องทำตัวให้คุ้นชินว่าการยิ้มเป็นอย่างไร และเรียนรู้ที่จะทำมันซ้ำๆ เพื่อให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ฝึกยิ้มเวลาที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ ในห้องน้ำ ห้องนอน บนรถ เพื่อที่คุณจะสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น [1]
    • ทุกๆ เช้าให้ส่องกระจกและยิ้มให้กับตัวเอง ตั้งใจและยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ โดยยิ้มยืดไปให้ถึงตาของคุณ เพราะการแค่ขยับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มันไม่สามารถที่จะจูงใจใครได้
    • พยายามหารอยยิ้มแบบที่คุณชอบ และจำความรู้สึกของใบหน้าเวลาที่คุณยิ้มไว้ เพื่อที่คุณจะสามารถทำมันซ้ำๆ ได้ในทุกวัน ทุกสถานการณ์
  2. คิดถึงเหตุการณ์ที่มีความสุข หรือคนที่คุณรัก. มันไม่ใช่ความลับอะไรเลยที่ว่าการมีความสุขจะทำให้คุณยิ้มได้ ดังนั้นจงใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นๆ ซะ ถ้าคุณพบว่ามีเหตุการณ์ที่คุณรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องยิ้ม และคุณอยากให้มันดูธรรมชาติ ให้ใช้เวลาสักพักคิดถึงความทรงจำที่มีความสุข หรือใบหน้าของคนที่คุณรัก
    • ภาพในจิตใจที่ดีๆ เหล่านี้ จะช่วยปรับอารมณ์คุณให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ และช่วยให้คุณยิ้มได้บ่อยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งสำคัญที่สุด คือ คิดถึงแต่สิ่งที่มีความสุข!
  3. ทุกๆ คนย่อมต้องรู้จักคนที่ยิ้มได้ง่ายที่สุด และเป็นธรรมชาติที่สุดในโลกอย่างน้อยหนึ่งคน คนที่แค่เห็นหมวกตกก็ยิ้มได้ ยิ้มให้กับทุกคน และทุกสิ่ง คนผู้นี้อาจเป็นคนที่มีแต่คนชอบ และเป็นคนที่ทุกคนบอกว่าเข้าหาง่าย และน่าไว้วางใจ ซึ่งเป็นผลมาจากพลังแห่งรอยยิ้มที่สวยงาม ให้ลองใช้เวลากับคนๆ นั้นสักพัก ตัวต่อตัว ในงานที่ต้องพบปะผู้คน และลองสังเกตดูว่าพวกเขายิ้มเมื่อไหร่ และอย่างไร
    • จดจำเอาไว้ว่าพวกเขายิ้มบ่อยแค่ไหน และยิ้มให้กับอะไรบ้าง พวกเขายิ้มเวลาที่คุณพูดอะไรตลกๆ หรือเปล่า? หรือแม้แต่เวลาที่คุณไม่ได้พูด พวกเขายิ้มเพื่อจะได้ดูสุภาพ หรือเพียงแค่เพราะว่าพวกเขาดูมีความสุขอย่างแท้จริง?
    • ทีนี้คุณก็ได้เห็นแล้วว่าคนที่ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติมีการนำบนสนทนาอย่างไร ซึ่งมันจะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นในการทำตามพฤติกรรมเหล่านั้น และเพิ่มรอยยิ้มของคุณให้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ของแต่ละวันด้วย
  4. ในสถานการณ์เช่นนี้ มันอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณได้ ถ้าคุณมีเพื่อนที่พร้อมจะช่วยคุณยิ้มได้บ่อยขึ้นได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นแฟน เพื่อนสนิท หรือแม้แต่คู่หูที่ทำงานของคุณ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นใคร ตราบเท่าที่คุณสามารถจะไว้ใจพวกเขาได้ ซึ่งต้องเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็แค่ คอยสะกิดคุณสักนิดในเวลาที่คุณลืมยิ้ม ซึ่งจะทำให้คุณต้องยิ้มออกมาอย่างเฉิดฉาย
    • คุณอาจจะคิดสัญญาณขึ้นมา เช่นการขยิบตา หรือการโบกมือเล็กน้อย เพื่อที่คุณจะยังสามารถสื่อสารกับอีกด้านของห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนได้
    • คนที่ไม่ยิ้มหลายๆ คนอาจรู้สึกหงุดหงิดเวลามีใครมาบอกพวกเขาว่า “ยิ้มหน่อย!” หรือ “ร่าเริงหน่อย” อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณขอให้เพื่อนของคุณช่วยเป็นคนเตือนให้ยิ้มแล้ว คุณไม่ควรจะไปโกรธพวกเขาเมื่อพวกเขาทำหน้าที่โดยเด็ดขาด อย่าลืมว่า คุณเป็นคนขอเองนะ!
  5. อารมณ์ประมาณ “คู่หูรอยยิ้ม” จากขั้นตอนก่อนหน้า ตัวกระตุ้นรอยยิ้มจะเป็นตัวที่คอยเตือนให้ยิ้มเมื่อใดก็ตามที่คุณเห็น หรือได้ยินมัน มันอาจจะเป็นคำสักคำ หรือประโยค เช่น “ได้โปรด” หรือ “ขอบคุณ” หรืออาจเป็นโน้ตแปะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือจะเป็นเสียงริงโทนโทรศัพท์ หรือเสียงคนหัวเราะก็ได้
    • เมื่อคุณเลือกตัวกระตุ้นเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องพยายามที่จะยิ้มทุกๆ ครั้งที่คุณพบเห็นมัน มันอาจจะดูบ้า แต่มันจะช่วยให้คุณติดนิสัยการยิ้มตามคำสั่ง ซึ่งจะช่วยคุณเวลาที่ต้องไปงานสังคม หรืองานธุรกิจต่างๆ
    • ไอเดียน่ารักๆ อีกอย่างคือ ให้วาดรูปหน้ายิ้มไว้สักที่ ที่คุณจะต้องมองเห็นบ่อยๆ เช่น ด้านหลังมือของคุณเอง ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน และอย่าลืมยิ้มเมื่อใดก็ตามที่เห็นมัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรืออยู่กับใครก็ตาม
  6. คุณอาจจะเคยได้ยินว่า การยิ้มเป็นโรคติดต่ออย่างหนึ่ง นั่นคือ เมื่อคุณยิ้มให้กับใคร พวกเขาก็จะต้องยิ้มตอบกลับมา ลองเอาทฤษฎีนั้นมาทดสอบดู และพยายามยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักเลยสักวันละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนบนท้องถนน ที่ทำงาน หรือโรงเรียน หรือคนที่นั่งอยู่ข้างๆคุณขณะกำลังรถติดอยู่ ลองคิดดูสิว่า แค่ท่าทางที่เป็นมิตรอันเดียวจะทำให้กลายเป็นลูกโซ่ที่ทำส่งต่อกันไปเรื่อยๆ คงรู้สึกดีน่าดูนะ ว่ามั้ย?
    • ในความเป็นจริงแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าคุณประหลาด และไม่ยิ้มตอบกลับ แต่อย่าปล่อยให้มันหยุดคุณได้! ให้คิดซะว่า รอยยิ้มของคุณเปรียบเสมือนการทำความดีอย่างหนึ่ง หรือเป็นการแสดงความเมตตาที่ช่วยทำให้วันของใครสักคนสว่างไสวขึ้น
    • แต่ถ้าคนอื่นๆ ยิ้มตอบกลับมา (ส่วนใหญ่แล้วจะยิ้ม) คุณจะได้แบ่งปันช่วงเวลาที่พิเศษกับคนๆ นั้น การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วกับมนุษย์อีกคนหนึ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกฮึกเหิมขึ้นในก้าวของคุณ
  7. ในช่วงเวลาสักสองหรือสามอาทิตย์ที่เริ่มฝึกฝน ให้ใช้เวลาสักสองสามนาทีหลังจากสิ้นสุดแต่ละวันเขียนบันทึกบรรยายเกี่ยวกับทุกครั้งที่คุณยิ้มสั้นๆ และเหตุผลว่าทำไม หลังจากผ่านไปสักพัก คุณจะสังเกตเห็นถึงรูปแบบ และเริ่มที่จะจดจำปฏิกิริยา และเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งรอยยิ้มที่แท้จริงบนใบหน้าของคุณ
    • บางทีคุณอาจจะเห็นกระรอกน่ารักๆ กระโดดไปมาตามกิ่งใหม่บนต้นไม้ หรือคุณใช้เวลาโทรหาเพื่อนเก่า เมื่อคุณรู้ถึงสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มได้แล้ว คุณสามารถที่จะพยายามหาสิ่งเหล่านั้นในแต่ละวันได้
    • อีกเหตุผลที่ดีๆ ในการเก็บบันทึกรอยยิ้มคือ เพื่อที่คุณจะสามารถย้อนกลับไปดูมันได้เมื่อคุณรู้สึกแย่ และเตือนตัวเองให้นึกถึงเหตุการณ์ที่คุณรู้สึกมีความสุขจริงๆ นี่น่าจะทำให้คุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้และช่วยให้คุณยิ้มได้เรื่อยๆ
  8. คลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าของคุณด้วยการออกกำลังกายที่เกี่ยวกับการยืดหยุ่น และผ่อนคลายใบหน้า ซึ่งจะช่วยให้หน้าของคุณยิ้มได้ธรรมชาติมากขึ้น ทำให้รู้สึกแปลกน้อยลง การออกกำลังอย่างหนึ่งที่ใช้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องในการยิ้ม ดูได้ดังต่อไปนี้:
    • นำดินสองแท่งหนึ่งมาวางไว้ระหว่างริมฝีปาก เปิดปากและปล่อยให้ดินสอไหลกลับมาอยู่ระหว่างฟัน ไกลเท่าที่ทำได้ กัดดินสอและค้างไว้ประมาณ 30 วินาที ทำวันละครั้ง
  9. การยิ้มบ่อยๆ แน่นอนว่าช่วงแรกคงรู้สึกแปลกๆ มันอาจจะรู้สึกไม่ธรรมชาติและปลอม แต่อย่ายอมแพ้ คนอื่นๆ จะไม่แม้แต่สังเกตถึงความแตกต่างด้วยซ้ำ และยิ่งคุณยิ้มบ่อยเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้สึกและยิ้มได้เป็นธรรมชาติมากเท่านั้น
    • การยิ้มเป็นนิสัยอย่างหนึ่ง ถ้าคุณทำมันบ่อยพอ คุณจะยิ้มได้โดยไม่ต้องแม้แต่จะคิด ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดที่คุณต้องการทำให้สำเร็จ
    • ทำให้รอยยิ้มดูเสแสร้งน้อยลงด้วยการยิ้มไปพร้อมกับดวงตาและปากของคุณ การยิ้มที่แท้จริงจะทำให้เกิดรอยย่นรอบๆดวงตา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คุณควรทำ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ทำตัวเองให้มีความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สำหรับความคิดด้านลบทั้งหมดที่คุณมี ให้เตือนตัวเองถึงสิ่งดีๆ ในชีวิต เพื่อน ครอบครัว ช็อคโกแลต การโดดดิ่งเหว ไวน์ สุนัขของคุณ ซีรี่ยส์ หนัง อะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้คุณรู้สึกดี!
  2. ดนตรีมีพลังในการเคลื่อนย้ายผู้คน สามารถที่จะพาคนหนีจากปัญหาของพวกเขาได้ ยกระดับจิตวิญญาณ และให้ความสงบสุขภายในจิตใจ มันไม่สำคัญว่าคุณจะเลือกดนตรีอะไร อาจจะเป็น บีโธเฟน (Beethoven) หรือ บริทนีย์ สเปียรส์ (Britney Spears) ตราบเท่าที่คุณรู้สึกว่ามันช่วยยกระดับและให้พลังกับคุณ
  3. เช่นเดียวกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ อารมณ์เสีย และความก้าวร้าวก็สามารถติดต่อกันได้เช่นกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงควรหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้ที่นินทา สร้างปัญหาให้กับผู้อื่น หรือเดินไปมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงและมีเมฆมืดอยู่บนศีรษะพวกเขาตลอดเวลา ให้พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางคนที่คิดบวก มีความสุข และคุณจะพบว่าตัวเองจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเลย
  4. ยิ่งคุณผ่อนคลายมากเท่าไหร่ โลกก็จะยิ่งดูดีมากขึ้นเท่านั้น และคุณก็จะยิ่งยิ้มได้ง่ายขึ้นด้วย งานอดิเรกที่คลายเครียดจะช่วยให้โอกาสในการใช้เวลากับตัวเอง และอยู่กับความสงบสุขกับโลก โดยไม่ต้องมีแรงกดดันในการมีปฏิกิริยากับผู้อื่น อาจจะลองเล่นโยคะ หรือล่องเรือ หรือจะแค่ใช้เวลาสักชั่วโมงสองชั่วโมงแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำเลยก็ได้
  5. ชีวิตคือการผจญภัย และใช้โอกาสในการปูทางให้กับคุณ การเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับชีวิตด้วยการทำอะไรสักอย่างไปตามธรรมชาตินานๆ ครั้ง เช่น เดินกลางสายฝน ร่างภาพสิ่งของหรือบุคคลที่จับต้องสายตาคุณ หรือโทรหาเพื่อนของคุณเพื่อมาเฉลิมฉลอง คุณจะได้สร้างความทรงจำที่มหัศจรรย์ ซึ่งแต่ละความทรงจำมันจะนำไปสู่ชีวิตที่มีความสุข
  6. ใช้เวลาในแต่ละวันในการทำสิ่งดีๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยโลกให้เป็นที่ที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น มันไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แค่การบริจาคเล็กๆ ให้การกุศล การเปิดประตูลิฟท์ค้างไว้ให้ใครสักคน ซื้อกาแฟให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคุณ อะไรก็ได้ที่ทำให้วันของคนๆ หนึ่งง่ายขึ้นและสดใสขึ้น รอยยิ้มที่ซาบซึ้งใจของพวกเขาจะช่วยทำให้คุณสดชื่นไปได้ตลอดวัน
  7. ว่ากันว่า การหัวเราะเป็นยาที่ดีที่สุด ดังนั้นอย่าลืมกินยาทุกๆ วัน ไม่ว่าจะด้วยการดูวีดีโอตลกออนไลน์ อ่านช่องการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ หรือไปเที่ยวกับเพื่อนที่เต็มไปด้วยมุข การหัวเราะจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินส์ออกมาที่จะช่วยทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้นและยิ้มได้ง่ายขึ้น
  8. การใช้เวลากับคนที่คุณรักเป็นทางที่ดีในการทำให้สุขภาพดี และเพิ่มความสุข แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะทำให้คุณรู้สึกบ้าบ้างบางครั้ง แต่คุณก็ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนพวกเขาได้ ให้เวลากับคนที่คุณรัก สนุกไปกับเพื่อนๆ ของพวกเขา และเห็นคุณค่ากับสิ่งที่ทำให้พวกเขาแต่ละคนพิเศษ ถ้าคุณสามารถทำได้ การหาแรงบันดาลใจในการยิ้มจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าลืมรักษาสุขภาพอนามัยช่องปากให้ดีอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกว่าต้องคอยระวังตัว และเพื่อรับรองว่ายิ้มของคุณนั้นสวยสุดๆไปเลย!
โฆษณา

คำเตือน

  • การยิ้มอาจเป็นโรคติดต่อกันได้!
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 29,131 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา