PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

สิวหัวขาวเป็นสิวรูปแบบหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นเป็นลักษณะเม็ดนูนกลมสีขาวบนผิวหนัง สิวชนิดนี้เกิดขึ้นเมื่อมีไขมันส่วนเกินของผิวหนังและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไปอุดตันรูขุมขน แพทย์ผิวหนังจะเรียกสิวหัวขาวว่าเป็น “สิวอุดตันหัวปิด” เนื่องจากมันไปปิดรูขุมขน (ต่างจากสิวหัวดำที่รูขุมขนยังเปิดอยู่) [1] แต่เช่นเดียวกับสิวชนิดอื่นๆ สิวหัวขาวสามารถรักษาให้หายได้เองที่บ้าน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาสิวหัวขาวเองที่บ้าน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างบริเวณที่เกิดสิวเบาๆ วันละสองครั้งโดยใช้สบู่สูตรอ่อนโยนอย่างของ Dove หรือ Cetaphil. [2] การล้างหน้าบ่อยเกินไป ถูผิวหน้าแรงเกินไป ใช้มาสก์หน้าหรือใช้คลีนเนอร์ให้ความชุ่มชื่นล้วนสามารถทำให้สิวแย่ลงได้
  2. ทาผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสมของเบนซอยล์ เปอร์อ็อกไซด์ (Benzoyl Peroxide) และกรดซาลิซิลิก (Salicilic acid). เป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องรอประมาณ 5-15 นาทีหลังจากล้างทำความสะอาดผิวหน้าก่อนจะทายารักษาสิว หากคุณทายารักษาสิวทันทีหลังล้างหน้า มันอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองและทำให้เกิดสิวหัวขาวได้ [3]
    • เบนซอยล์ เปอร์อ็อกไซด์จะทำลายแบคทีเรียที่พบในรูขุมขนเวลาที่เกิดสิว [4] มันถูกใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า โลชั่น และยาขี้ผึ้ง เวลาทาจงใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากมันอาจทำให้เกิดรอยด่างตามเสื้อผ้าได้ [5]
    • กรดซาลิซิลิกจะช่วยให้ผิวหนังลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งจะช่วยเปิดรูขุมขน มันยังช่วยลดไขมันที่เป็นต้นเหตุของสิวหัวขาว เนื่องจากมันเป็นกรด จึงอาจทำให้เกิดอาการคันเวลาทาอยู่บ้าง [6]
    • สำหรับยาทั้งสองชนิดนี้ ให้หยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผิวหนังทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้: ผิวหนังเป็นผื่นแดงหรือมีอาการคัน เป็นตุ่มบวมแดง
    • อย่าทามากเกินไป! การทาในปริมาณมากกว่าที่แนะนำไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้สิวหายเร็วขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ผิวเกิดระคายเคือง ทำให้เกิดผื่นแดง อักเสบหรือยิ่งเกิดสิวหัวขาว [7]
  3. ใช้น้ำมันทีทรีทาที่ผิวเพื่อสู้กับอาการสิวหัวขาวตามธรรมชาติ. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันทีทรีอย่างน้อย 5% ให้ใช้สำลีก้อนชุบน้ำมันทีทรีแล้วซับลงบนบริเวณที่เกิดสิววันละครั้ง ถึงแม้มันต้องใช้เวลานานกว่าถึงจะเห็นผล (ประมาณสามเดือน) มีการศึกษาที่แสดงว่าน้ำมันทีทรีนั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวอักเสบในระยะยาวไม่ต่างจากเบนซอยล์เปอร์อ็อกไซด์แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า [8]
  4. ตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างทั้งหลายแหล่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวไม่ทำงานได้ผลในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ถึงจะเห็นพัฒนาการ และนานถึง 6 เดือนจึงจะได้ผิวหน้าที่สะอาดหมดจด ให้อดทนและดูแลผิวหน้าไปตามสูตรที่ใช้ [11]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รับการช่วยเหลือจากมืออาชีพ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิวหัวขาวเป็นเม็ดนูนเล็กๆ สีขาวบนผิวหน้า มันเป็นสิวประเภทที่มีความรุนแรงน้อยที่สุด แต่อาจเกิดร่วมกับสิวประเภทอื่น สิวหัวขาวและอาการสิวเห่อประเภทอื่นอาจมีสาเหตุที่หลากหลาย การทำความเข้าใจว่าสิวหัวขาวเกิดขึ้นได้อย่างไรจะช่วยคุณตัดสินใจว่าจะใช้การรักษาวิธีใด
    • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่นที่เกิดขึ้นในช่วงแตกหนุ่มแตกสาว ช่วงตั้งครรภ์และช่วงหมดประจำเดือน สามารถทำให้เกิดสิวเห่อได้ ผู้คนอายุระหว่าง 12 ถึง 24 ปีถึง 85% จะเกิดสิวในแบบต่างๆ ขึ้น [12] ความเปลี่ยนแปลงในการใช้ยาเช่นยาคุมกำเนิดและยารักษาอาการประสาทบางตัวก็สามารถทำให้สิวปะทุได้
    • การผลิตไขมันส่วนเกินสามารถทำให้เกิดสิวหัวขาวและสิวประเภทอื่นๆ ไขมันเซบัมเป็นสารประกอบน้ำมันที่ผลิตขึ้นในรูขุมขนซึ่งก่อให้เกิดสิวหัวขาวกับสิวเห่อแบบอื่นเมื่อผิวดูดซับมันมากเกินไป รูขุมขนบนร่างกายคุณส่วนใหญ่จะผลิตไขมันเซบัม ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสิวหัวขาวบนบริเวณอื่นของผิวหนังนอกเหนือจากใบหน้า [13]
    • คนบางคนอาจเกิดสิวหัวขาวได้ง่าย คนเชื้อสายคอเคเซียนจะมีโอกาสเกิดสิวหัวขาวมากกว่าเชื้อสายอื่น และการเกิดสิวหัวขาวมีแนวโน้มที่จะส่งต่อกันในครอบครัว [14]
    • สิวหัวขาวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถรักษาให้หายเองได้ทุกชนิด ถ้าผิวของคุณไม่ตอบสนองต่อการรักษาเองที่บ้าน ทางที่ดีก็ควรไปพบแพทย์แม้สภาพสิวจะไม่รุนแรง คุณอาจพบประเด็นสุขภาพในเชิงลึกอื่นๆ ที่ทำให้เกิดสิวก็ได้
  2. ถ้าคุณรักษาสิวหัวขาวเองที่บ้านและไม่เห็นพัฒนาการหลังจากรักษาไป 4-8 สัปดาห์ มันอาจได้เวลาทบทวนสถานการณ์ใหม่ สถาบันตจวิทยาแห่งอเมริกามี คำแนะนำออนไลน์ เพื่อช่วยคุณเข้าใจอาการสิวได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรจะใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  3. ถ้าสิวหัวขาวของคุณมีความรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อวิธีรักษาสิวเองที่บ้าน ผู้เชี่ยวชาญตามคลีนิกผิวสามารถสั่งจ่ายยาทั้งแบบรับประทานและแบบทาภายนอกที่ออกฤทธิ์แรงกว่ายาวางจำหน่ายทั่วไป มันมักจะเห็นผลในไม่กี่สัปดาห์ ถ้าปัญหาสิวหัวขาวยังคงอยู่ ให้ปรึกษาเพื่อไปพบแพทย์ผิวหนัง
    • ผู้เชี่ยวชาญสามารถสั่งจ่ายยาประเภทยาปฏิชีวนะที่จะช่วยลดจำนวนกับอัตราการเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ( P. acnes ) ยาปฏิชีวนะประเภทรับประทานโดยทั่วไปก็มียาในกลุ่มเอริโธมัยซิน (erythromycin) และ เตตราไซคลิน (tetracycline) และยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (สำหรับผู้หญิง) แพทย์อาจสั่งจ่ายยาปฏิจุลชีวนะอย่างเบนซอยล์ เปอร์อ็อกไซด์หรือกรดอะเซลาอิก (azelaic acid) ให้ด้วย [15]
    • โปรแกรมประกันสุขภาพในสหรัฐบางตัวจำเป็นต้องใช้ใบอ้างอิงจากแพทย์ในการไปพบแพทย์ผิวหนัง และค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์ผิวหนังก็สูงกว่าการพบผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงจนชวนประหลาดใจ ให้ตรวจสอบสัญญาประกันสุขภาพก่อนไปนัดแพทย์
  4. ปรึกษาแพทย์ในเรื่องยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ (topical retinoids). ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอนั้นสกัดจากวิตามินเอและจะสลายรูขุมขนที่อุดตัน ซึ่งจะช่วยรักษาสิวหัวขาวและป้องกันไม่ให้กลับมาเกิดใหม่ ผลข้างเคียงเล็กน้อยอย่างเกิดการระคายเคืองผิวอาจเกิดขึ้นได้ และยาบางตัว (เช่นทาซาโรทีน - tazarotene) ก็ไม่ควรให้สตรีมีครรภ์ใช้
    • ครีมทาผิวที่มีวางจำหน่ายทั่วไปบางตัวอาจมีส่วนผสมของเรตินอยด์ (retinoids) แต่แพทย์อาจสั่งจ่ายยาที่ออกฤทธิ์แรงเพื่อช่วยรักษาสิวหัวขาวกับสิวประเภทอื่นๆ ทางที่ดีควรทำตามคำแนะนำของแพทย์
  5. ถ้าสิวหัวขาวไม่ตอบสนองต่อการรักษาเองที่บ้านหรือยาชนิดต้องใช้ใบสั่งยาทั่วไปแล้ว คุณจำเป็นต้องพบแพทย์ผิวหนัง คุณยังควรไปพบแพทย์ผิวหนังหากคุณตรวจพบสิวอุดตันเป็นตุ่มแข็งหรือเป็นซีสต์ สิวอุดตันตุ่มแข็งนั้นเป็นตุ่มใหญ่แข็งอยู่ใต้ผิวหนัง และซีสต์นั้นเป็นรูขุมขนที่อุดตันซึ่งมักมีขนาดใหญ่และบวมแดง [16] ทั้งคู่สามารถก่อให้เกิดรอยแผลเป็นถาวรหากไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์
    • แพทย์ผิวหนังจะมีวิธีการรักษาหลากหลายที่ไม่พบในการรักษาด้วยตัวเองที่บ้าน นอกเหนือจากการใช้ยาทาและยารับประทานแล้ว แพทย์ผิวหนังยังอาจแนะนำการรักษาด้วยเลเซอร์ ใช้สารเคมีลอกผิว หรือกระทั่งการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับสภาพความรุนแรงของปัญหาสิว [17]
  6. แพทย์ผิวหนังสามารถใช้เครื่องมือปลอดเชื้อในการกดสิวหัวขาวและสิวหัวดำเพื่อเอาสิ่งที่อุดตันรูขุมขนออกมา แพทย์ยังสามารถกรอผิวโดยใช้ผงคริสตัลเพื่อช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเปิดรูขุมขนขนาดเล็กได้ [18]
    • คุณไม่ควรลองกำจัดสิวหัวขาวด้วยตัวเอง การบีบสิว เกาะสิว หรือใช้อุปกรณ์ใดๆ กดสิวเองที่บ้านจะทำให้ปัญหาสิวหัวขาวของคุณแย่ลง เพราะมันอาจไปกดเนื้อสิวให้จมลึกลงไปในชั้นผิวได้ [19] การพยายามกดสิวหัวขาวเองที่บ้านอาจก่อให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงและมีผลให้เกิดรอยแผลเป็นได้ [20]
  7. ยาไอโซเตรติโนอินเป็นยาที่ต้องใช้ใบสั่งจ่ายยาที่ทำงานโดยการลดปริมาณการผลิตไขมันบนผิวหน้า (เซบัม) อันเป็นหนึ่งในสารประกอบที่มีผลต่อการอุดรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวหัวขาว [21] มันยังช่วยลดการอักเสบและการเกิดแบคเรีย P. acnes. [22] ในผู้ป่วยกว่า 85% ที่มีปัญหาสิวรุนแรงนั้น ยาไอโซเตรติโนอินจะช่วยทำให้ผิวหายอย่างถาวรได้ภายใน 4 ถึง 5 เดือน
    • ยาไอโซเตรติโนอินนั้นมีชื่อในการจำหน่ายอย่าง Absorica®, Accutane®, Amnesteem®, Claravis®, Myorisan®, Sotret®, และ Zenatane™ มันยังมีในรูปแบบทั่วไปและมักใช้ในรูปแบบการรับประทาน [23]
    • ยาไอโซเตรติโนอินมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างมีความเสี่ยงที่จะเกิดของกลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหารหรือกลุ่มโรคทางจิตเวช จึงมักจะมีการสั่งจ่ายเฉพาะในกรณีการเป็นสิวอย่างรุนแรงเท่านั้น [24]
    • เนื่องจากผลข้างเคียงที่มีความรุนแรง คนที่ใช้ยาไอโซเตรติโนอินจึงต้องสมัครเข้าร่วมโปรแกรม ipledge™ ที่สร้างโดยองค์กรอาหารและยาสหรัฐ สตรีที่จะใช้ยาไอโซเตรติโนอินต้องไม่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ คนที่รักษาโดยยาไอโซเตรติโนอินยังต้องไม่บริจาคเลือดในระหว่างการรักษาและควรหลีกเลี่ยงการตากแดด [25]
  8. จำไว้ว่าการรักษาสิวหัวขาวนั้นต้องใช้เวลาและต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง. แม้แต่การรักษาด้วยยารับประทานที่ถูกสั่งจ่ายโดยแพทย์ก็ต้องใช้เวลาในการรักษา การกดสิวอาจจะเร็วกว่าแต่ก็แพงกว่าด้วย ในทุกกรณีนั้นคุณจำต้องรักษาต่อเนื่องเพื่อให้ผิวหน้าปลอดสิว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ป้องกันการปะทุของสิวหัวขาว

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การขัดถูผิวหน้า โดยเฉพาะด้วยการใช้ฟองน้ำ "ขัดผิว" หรือผ้าเช็ดตัวนั้น สามารถทำให้ปัญหาสิวหัวขาวแย่ลงเพราะมันทำให้ผิวระคายเคือง สถาบันตจวิทยาแห่งอเมริกาแนะนำให้คุณใช้แค่ปลายนิ้วและล้างด้วยคลีนเนอร์สูตรอ่อนโยนที่ปลอดสารขัดผิว [26] ใช้นิ้วนวดสบู่บนผิวหน้าจะทำความสะอาดส่วนลึกได้
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวหน้าบางตัว. ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวหน้าอย่างยาสมาน มาสก์ โทนเนอร์และสบู่ขัดผิวอาจทำให้ผิวระคายเคืองและง่ายต่อการเกิดสิวหัวขาว
    • การทารับบิ้งแอลกอฮอล์สามารถทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวหัวขาว
    • ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวหน้าที่มีน้ำมันก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักถ้าคุณมีผิวที่เกิดสิวได้ง่าย เครื่องสำอางและโลชั่นกันแดดหลายยี่ห้อมีส่วนผสมของน้ำมันที่สามารถไปอุดตันรูขุมขนจนก่อให้เกิดสิวหัวขาว สถาบันตจวิทยาแห่งอเมริกาแนะนำให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์แบบ "ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม" "ไม่อุดตันรูขุมขน" หรือ "ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน" [27]
    • หลีกเลี่ยงการรองพื้นอย่างหนาและเครื่องสำอางแบบครีมหากเป็นไปได้ มันมักจะไปทำให้รูขุมขนอุดตัน [28]
  3. เครื่องสำอางแบบไร้น้ำมันเป็นส่วนผสมจะดีต่อผิวหน้ากว่าแบบที่มีน้ำมัน แต่มันก็ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาหากมันไปขวางกั้นการรักษาของยารักษาสิว จึงควรทายาก่อนแล้วจึงค่อยแต่งหน้าเพื่อผลที่ดีที่สุด
  4. นอกเหนือจากการละเว้นใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าแบบผสมน้ำมันแล้ว คุณยังสามารถช่วยป้องกันการเห่อสิวโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม และไม่สัมผัสหรือแกะใบหน้า (นิ้วคุณมีน้ำมันบำรุงผิวตามธรรมชาติและแบคทีเรียบนนิ้วก็สามารถทำให้สิวปะทุ)
  5. อาจจะยากที่จะสะกดกลั้นการแกะหรือบีบสิว ทว่าการทำเช่นนั้นมีแต่ทำให้ผิวหนังอักเสบ ทำให้ปัญหาสิวหัวขาวแย่ลง มีสิทธิเกิดการติดเชื้อ และยิ่งทำให้สิวหายช้า เอานิ้วออกไปซะ! [29]
  6. คุณสามารถหาซื้อกระดาษซับมันตามร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป ถ้าคุณมีผิวมัน การใช้กระดาษซับมันจะช่วยซับน้ำมันส่วนเกินโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
  7. เตียงอบผิวแทนหรือการอาบแดดนั้นเป็นที่นิยม แต่มันไม่ใช่ข่าวดีสำหรับผิวคุณเลย การใช้เตียงอบผิวแทนจะเพิ่มอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนังถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งกว่านั้น ยารักษาสิวบางตัวอาจทำให้ผิวคุณไวต่อแดด ซึ่งจะเพิ่มความเสียหายกับผิวหากคุณไปอาบแดดให้ผิวแทน [30]
  8. พอรักษาหายหลายคนอาจนึกอยากหยุดการรักษานั้น แพทย์ผิวหนังจะแนะนำให้คุณยังคงใช้ยารักษาอย่างน้อยหนึ่งตัวต่อไปแม้จะหายจากสิวแล้วเพื่อป้องกันการปะทุสิว จำไว้ว่า: การป้องกันนิดเดียวให้ผลเท่ากับการรักษาใหญ่โต! [31]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • โกนหนวดด้วยความระมัดระวังเมื่อสิวกำลังปะทุ ให้ใช้น้ำอุ่นกับสบู่ทำให้ขนนุ่มลงก่อนโกน โกนเบาๆ โดยใช้ใบมีดโกนคมๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สิวแตกหรือทำให้สิวหัวขาวระคายเคือง เพราะสิวแตกจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น
  • ความเชื่อเรื่องสิวอันหนึ่งคือมันเกิดจากการไม่ดูแลความสะอาด มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย! สิวหัวขาวและสิวหัวดำมีสาเหตุสารพัดอย่าง ตั้งแต่ความเครียดไปจนถึงโรคภูมิแพ้และช่วงวัยทองหมดประจำเดือน อย่ารู้สึกแย่ถ้าคุณเกิดสิวปะทุ ใครๆ ก็เป็นกันได้
  • คนบางคนเชื่อว่าสิวเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป กระนั้น ยังไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ถึงความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่คุณรับประทานกับการเกิดสิวหัวขาว [32] พิซซ่าที่เต็มไปด้วยชีสหรือเบอร์เกอร์มันเยิ้มอาจไม่ใช่อาหารที่ถูกสุขอนามัยนัก แต่มันไม่ใช่ตัวทำให้สิวเห่อ


โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้การดูแลผิวหน้าที่กระตุ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างยาสมานหรือโทนเนอร์ ถึงแม้มันจะมีราคาแพงและอ้างว่าได้ผลราวมหัศจรรย์ก็ตาม การดูแลรักษาผิวหน้าแบบนี้อาจทำให้ผิวหนังอักเสบและเกิดการเห่อสิวหัวขาวได้
  • ราคาค่าใช้จ่ายไม่ได้หมายถึงคุณภาพ เวลาเลือกซื้อยารักษาสิว ให้มองหาความเข้มข้นของเบนซอยล์ เปอร์อ็อกไซด์และกรดซาลิซิลิก: ตามข้อบังคับขององค์กรอาหารและยาสหรัฐนั้น ยาที่มีวางจำหน่ายทั่วไปได้จะต้องมีระดับความเข้มข้นของเบนซอยล์ เปอร์อ็อกไซด์อยู่ระหว่าง 2.5% ถึง 10% [33] และกรดซาลิซิลิกต้องมีความเข้มข้นระหว่าง 0.5% ถึง 2% [34] ยารักษาใดๆ ที่มีระดับความเข้มข้นตามที่กำหนดล้วนใช้รักษาสิวหัวขาวได้ผลทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อซื้อยี่ห้อหรูๆ แต่อย่างใด
  • อย่า ลองกดสิวเองที่บ้าน การบีบ แกะ หรือใช้อุปกรณ์กดสิวเองมีแต่ทำให้อาการแย่ลง อาจทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง (รวมไปถึงการติดเชื้อ staph) และมีผลให้เกิดรอยแผลเป็นถาวรได้


โฆษณา
  1. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/tea-tree-oil/dosing/hrb-20060086
  2. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/twelve_results.html
  3. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/tutorials/acne/dm019104.pdf
  4. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/tutorials/acne/dm019104.pdf
  5. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/tutorials/acne/dm019104.pdf
  6. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/prescriptmeds.html
  7. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/signs-symptoms
  8. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/diagnosis-treatment
  9. http://www.aocd.org/?page=Acne
  10. http://www.drwhitneybowe.com/articles/Procedural%20Treatments%20for%20Acne.%20Chapter.%20Acne%20Text.pdf
  11. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/physicalprocedures.html
  12. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-6662/isotretinoin-oral/details
  13. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/i---l/isotretinoin/questions-patients-ask
  14. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-6662/isotretinoin-oral/details
  15. https://www.aad.org/Forms/Policies/Uploads/PS/PS-Isotretinoin.pdf
  16. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/i---l/isotretinoin/questions-patients-ask
  17. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/tips
  18. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/acne_care_taboos.html
  19. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/FAQ.html
  20. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/acne_care_taboos.html
  21. https://www.aad.org/dermatology-a-to-z/diseases-and-treatments/a---d/acne/tips
  22. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/treatment.html
  23. http://www.skincarephysicians.com/acnenet/myths.html
  24. http://www.regulations.gov/#%21documentDetail;D=FDA-1981-N-0114-0001
  25. http://www.fda.gov/downloads/Drugs/Guidances/UCM259744.pdf

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 34,366 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา