ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โรคคอพอกคือภาวะที่ต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างผิดปกติ ต่อมไทรอยด์นั้นเป็นต่อมที่มีลักษณะคล้ายผีเสื้อที่อยู่ที่บริเวณลำคอใต้ลูกกระเดือก แม้ว่าอาการคอพอกบางครั้งจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด แต่ก้อนเนื้อที่คออาจจะขยายใหญ่ขึ้นและทำให้เกิดอาการไอ เจ็บคอ และปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ นอกจากนี้ ปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่อาจจะทำให้โรคคอพอกเป็นหนักได้ มีหลายวิธีที่แนะนำในการรักษาโรคคอพอกซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคคอพอกและความรุนแรงของอาการ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

วินิจฉัยโรคคอพอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในการวินิจฉัยและรักษาโรคคอพอก คุณจะต้องเรียนรู้ก่อนว่าโรคคอพอกคืออะไร โรคคอพอกนั้นคือการขยายตัวของต่อมไทรอยด์อย่างผิดปกติแต่ไม่อันตราย ซึ่งนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ทั้งแบบปกติ ลดลง หรือเพิ่มขึ้น
    • ปกติแล้วโรคคอพอกจะไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่มันอาจจะทำให้มีอาการไอ ปัญหาเรื่องการหายใจ กลืนลำบาก กระบังลมเป็นอัมพาต หรือภาวะการอุดตันของหลอดเลือดดำเวนาคาวาด้านบน (superior vena cava (SVC))
    • การรักษานั้นขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อและอาการ รวมถึงสาเหตุของโรคคอพอก [1]
  2. หากจะรู้ว่าเป็นโรคคอพอกหรือไม่ก็ควรจะต้องรู้อาการของโรคคอพอกก่อน ถ้าคุณมีอาการต่อไปนี้ คุณควรไปพบแพทย์เบื้องต้นเพื่อรับการวินิจฉัย [2]
    • อาการบวมที่เห็นได้ชัดที่ต้นคอ ซึ่งจะเห็นได้ชัดมากเมื่อตอนที่คุณโกนหนวดหรือแต่งหน้า
    • รู้สึกอึดอัดที่คอ
    • อาการไอ
    • เสียงแหบ
    • กลืนลำบาก
    • หายใจลำบาก
  3. เพราะว่าโรคคอพอกนั้นเป็นปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุค่อนข้างคลุมเครือ มันสามารถเกิดจากอาการหลายอย่างและมีการรักษาในหลายวิธี ซึ่งก็มีคำถามหลายข้อที่ควรถามแพทย์ซึ่งได้แก่ [3]
    • อะไรที่ทำให้เกิดโรคคอพอก?
    • มันร้ายแรงหรือไม่?
    • ฉันควรจะรักษาที่ต้นเหตุของอาการที่แฝงอยู่นี้อย่างไร?
    • มีการรักษาทางเลือกอะไรที่ควรลองหรือไม่?
    • ถ้าจะรอและดูอาการไปก่อนได้หรือไม่?
    • ก้อนเนื้อที่คอจะขยายใหญ่ขึ้นอีกไหม?
    • ฉันต้องทานยาไหม? ถ้าต้องทาน ต้องทานนานแค่ไหน?
  4. แพทย์จะทำการทดสอบหลายอย่างเพื่อวินิจฉัยโรคคอพอก ซึ่งการทดสอบจะขึ้นอยู่กับประวัติการรักษาและสิ่งที่แพทย์สงสัยว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคคอพอก
    • แพทย์จะทำการทดสอบฮอร์โมนเพื่อดูระดับของฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมไทรอยด์และต่อมใต้สมอง ถ้าระดับของฮอร์โมนต่ำไปหรือสูงไป นี่อาจจะเป็นสาเหตุของโรคคอพอก แพทย์อาจจะเจาะเลือดของคุณและส่งไปที่ห้องทดลอง [4]
    • นอกจากนี้ อาจจะมีการทดสอบแอนติบอดี้ เพราะว่าแอนติบอดี้ที่ผิดปกติสามารถเป็นสาเหตุของโรคคอพอกได้ ซึ่งจะทำการทดสอบจากการตรวจเลือด [5]
    • ในการทำการอัลตราซาวด์ แพทย์จะใช้อุปกรณ์ตรวจที่บริเวณคอและตรวจหาคลื่นเสียงจากลำคอ หลังจากนั้น รูปภาพจากการตรวจก็จะปรากฏอยู่บนจอคอมพิวเตอร์และก็จะพบสิ่งปกติที่ทำให้เกิดโรคคอพอก
    • การตรวจอีกอย่างหนึ่งคือการทำไทรอยด์สแกน (Thyroid scan) แพทย์จะฉีดไอโซโทปรังสี (radioactive isotope) เข้าไปในเส้นเลือดเหนือข้อศอก จากนั้นจะให้คุณนอนราบบนเตียง กล้องจะผลิตภาพต่อมไทรอยด์ของคุณบนจอคอมพิวเตอร์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของโรคคอพอก
    • การตัดเนื้อเยื่อไปตรวจสอบ ปกติแล้วจะทำเพื่อเป็นการป้องกันโรคมะเร็ง เนื้อเยื่อจะถูกตัดออกจากต่อมไทรอยด์เพื่อนำไปทำการทดสอบ [6]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

หาการรักษาทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้กัมมันตรังสีไอโอดีน (radioactive iodine) เพื่อทำให้ต่อมไทรอยด์ที่ขยายใหญ่ขึ้นหดตัวลง. ในบางกรณีกัมมันตภาพรังสีไอโอดีนสามารถใช้รักษาต่อมไทรอยด์ที่ขยายตัวขึ้นได้
    • ปกติแล้วจะต้องทานไอโอดีนเพื่อให้มันเข้าไปรักษาที่ต่อมไทรอยด์ทางกระแสเลือด โดยมันจะช่วยทำลายเซลล์ไทรอยด์ มีการใช้วิธีนี้โดยปกติในแถบยุโรปและมีการใช้ตั้งแต่ทศวรรษ 1990
    • การรักษานี้ได้ผลใน 90% ของผู้ป่วยซึ่งก็จะลดขนาดต่อมไทรอยด์ 50 – 60% โดยใช้เวลา 12-18 เดือน [7]
    • การรักษานี้อาจจะส่งผลให้ต่อมไทรอยด์ทำงานลดลงแต่เป็นกรณีที่ค่อนข้างหาได้ยากและปกติแล้วจะแสดงอาการในสองอาทิตย์แรกหลังจากการรักษา ถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ ให้ลองปรึกษาการใช้การรักษานี้กับแพทย์ล่วงหน้า [8]
  2. ถ้าวินิจฉัยแล้วพบว่าคุณเป็นภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ (hypothyroidism) นี่แสดงว่าต่อมไทรอยด์ของคุณทำงานต่ำลง แพทย์จะจ่ายยาเพื่อใช้รักษาอาการนี้
    • การใช้ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน เช่น Synthroid และ Levothroid จะช่วยรักษาภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ นี่จะช่วยลดการปล่อยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทดแทนของร่างกาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย มันจะช่วยลดขนาดของก้อนเนื้อที่คอ
    • ถ้าก้อนเนื้อที่คอไม่ลดขนาดลงด้วยการใช้ฮอร์โมนทดแทน คุณอาจจะใช้ยาเพื่อรักษาอาการอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ยาแอสไพรินหรือครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ [9]
    • ปกติแล้วฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนมักไม่มีผลข้างเคียงอะไร แต่อย่างไรก็ตามมันก็อาจจะมีอาการข้างเคียงได้ เช่น อาการเจ็บหน้าอก อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น เหงื่อออก ปวดหัว นอนไม่หลับ ท้องเสีย คลื่นเหียน และรอบเดือนที่ผิดปกติ [10]
  3. โรคคอพอกสามารถรักษาได้โดยการผ่าต่อมไทรอยด์ออกไปด้วยการผ่าตัด ซึ่งก็จะผ่าตรงกลางลำคอประมาณ 3-4 นิ้วด้านบนต่อมไทรอยด์ โดยอาจจะผ่าเอาต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมดออก การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงและส่วนใหญ่แล้วก็จะสามารถกลับบ้านได้เลยหลังจากการผ่าตัด [11]
    • ถ้าก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่จนกดทับลำคอและหลอดอาหาร มันก็จะส่งผลให้หายใจลำบากและไอตอนกลางคืน การผ่าตัดจึงเป็นการรักษาที่แนะนำ
    • โรคคอพอกอาจจะเกิดจากมะเร็งไทรอยด์ แต่ก็เป็นกรณีที่พบได้ยาก ถ้ามีการสงสัยว่าคุณมีเนื้อร้าย ก็มีแนวโน้มว่าแพทย์จะผ่าตัดก้อนเนื้อออกไป
    • สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อยในการเลือกการผ่าตัดเป็นการรักษาก็คือปัญหาเรื่องความสวยความงาม บางครั้งการมีก้อนเนื้อที่ขยายตัวขนาดใหญ่ก็อาจจะทำให้มีความกังวลด้านความสวยความงามและผู้ป่วยก็อาจจะเลือกการผ่าตัดในกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม ประกันสุขภาพอาจจะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการผ่าตัด
    • หากผ่าตัดแล้ว คุณจะต้องใช้การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนเหมือนกับการที่ต่อมไทรอยด์ทำงานลดต่ำลง โดยมันจะเป็นสิ่งสำคัญไปตลอดชีวิตหลังจากที่ผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกไป [12]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การดูแลรักษาเองที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าแพทย์ของคุณพบว่าต่อมไทรอยด์ของคุณทำงานปกติและต่อมไทรอยด์ของคุณไม่ได้ใหญ่พอที่จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ แพทย์อาจจะแนะนำให้รอและดูอาการ การใช้การรักษาทางการแพทย์อื่นๆ ที่เข้าไปแทรกแซงอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไรนอกจากเป็นเพียงการระคายเคืองเล็กน้อยเท่านั้น คุณก็ควรจะรอและดูว่าปัญหานี้จะหายไปหรือไม่เมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม ถ้าก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นและเริ่มที่จะมีปัญหา คุณก็ควรจะตัดสินใจใช้วิธีอื่นๆ
  2. บางครั้ง โรคคอพอกอาจจะเกิดจากปัญหาในการทานอาหาร การขาดไอโอดีนนั้นส่งผลต่อโรคคอพอก ดังนั้นการบริโภคไอโอดีนให้มากขึ้นก็จะช่วยลดขนาดของมันได้ [13]
    • ปกติแล้ว เราทุกคนต้องการไอโอดีนอย่างน้อย 150 ไมโครกรัมต่อวัน [14]
    • กุ้งและสัตว์น้ำประเภทที่มีเปลือกชนิดอื่นๆ นั้นมีไอโอดีนสูง เช่นเดียวกับสาหร่ายทะเลอย่าง สาหร่ายเคลป์ สาหร่ายฮิจิกิ และสาหร่ายคอมบุ [15]
    • โยเกิร์ตออร์แกนิคและชีสสดนั้นมีไอโอดีนสูง โยเกิร์ต 1 ถ้วยมีไอโอดีน 90 ไมโครกรัม และเชดด้าชีสสด 30 กรัมมีไอโอดีน 10-15 ไมโครกรัม [16]
    • แครนเบอร์รี่นั้นมีไอโอดีนสูงมาก แครนเบอร์รี่ 115 กรัมมีไอโอดีนสูงถึง 400 ไมโครกรัม สตรอว์เบอร์รี่นั้นก็เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ดีอีกชนิดหนึ่ง สตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วยมีไอโอดีน 13 ไมโครกรัม
    • ถั่วขาวและมันฝรั่งมีไอโอดีนสูง [17]
    • ขอให้แน่ใจว่าคุณใช้เกลือที่เพิ่มไอโอดีน
    โฆษณา

คำเตือน

  • ขณะที่โรคคอพอกนั้นมักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่คุณควรไปพบแพทย์เสมอเมื่อเริ่มมีอาการ โรคคอพอกอาจจะเป็นสัญญาณของมะเร็งไทรอยด์และควรที่จะได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,515 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา