ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

สามี ภรรยา ลูก พ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่ใกล้ชิดกับคุณเพิ่งฆ่าตัวตาย โลกของคุณหมุนติ้ว การสูญเสียคนรักไม่ว่าจะวิธีไหนก็สะเทือนใจทั้งนั้น แต่การรู้ว่าคนที่คุณรักเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองนั้นยิ่งสร้างความท้าทายให้คุณมากขึ้นไปอีก เวลาที่ผ่านเลยอาจช่วยให้คุณได้โศกเศร้าอย่างเต็มที่และปรับตัวเข้ากับการสูญเสีย แต่ระหว่างนั้นคุณสามารถเรียนรู้ทักษะที่ช่วยให้คุณเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและดูแลตัวเองในช่วงเวลาที่น่าสลดใจได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เตรียมใจให้พร้อมกับปฏิกิริยาทางอารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ครั้งแรกที่คุณได้ยินข่าวว่าคนที่คุณรักฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องปกติที่สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ จะรู้สึกช็อก คุณอาจจะพูดว่า "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!" เพราะคุณไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงไปได้ ความรู้สึกนี้จะหายไปในที่สุดเมื่อคุณเริ่มยอมรับการตายได้แล้ว [1]
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Crisis Text Line

    อิสระ ให้คำปรึกษาผ่านทางข้อความ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน
    Crisis Text Line ให้คำปรึกษาผ่านทางข้อความ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผู้ที่กำลังมีปัญหาสามารถส่งข้อความ 741741 เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ให้คำปรึกษาที่ผ่านการฝึกฝนมา พวกเขาได้แลกเปลี่ยนข้อความกับผู้คนที่กำลังมีปัญหาทั่วสหรัฐมากกว่า 100 ล้านข้อความและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    Crisis Text Line
    อิสระ ให้คำปรึกษาผ่านทางข้อความ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน

    ขอความช่วยเหลือถ้าคุณมีอาการภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง ผู้ให้คำปรึกษาคนหนึ่งจาก Crisis Text Line อธิบาย “การสูญเสียใครสักคนที่คุณรักเป็นเหตุการณ์รุนแรงอย่างยิ่ง หากคุณประสบอาการเห็นภาพย้อนหลังหรืออาการภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ หลังจากคนที่คุณรักฆ่าตัวตาย ให้เปิดอกกับคนที่คุณไว้ใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเผชิญ และมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิต ลองทำรายชื่อสิ่งที่จะทำให้คุณไม่สับสนเวลานึกถึงภาพความหลัง”

  2. ความสับสนเป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่สูญเสียคนรักจากการฆ่าตัวตาย คุณและคนอื่นๆ อาจจะตั้งคำถามอยู่เรื่อยๆ ว่า "ทำไม" มันถึงเกิดขึ้น หรือ "ทำไม" คนที่คุณรักถึงไม่แสดงสัญญาณอะไรเลย
    • ความต้องการหาสาเหตุของการฆ่าตัวตายอาจตามหลอกหลอนคุณอยู่เรื่อยๆ [2] การพยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว วันท้ายๆ หรือชั่วโมงท้ายๆ ในชีวิตของคนที่คุณรักอาจช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น แต่คุณต้องยอมรับด้วยว่า ถ้าเป็นการฆ่าตัวตายมันมักจะมีคำถามที่ตอบไม่ได้เสมอ
  3. เตรียมใจรับความโกรธ ความรู้สึกผิด และคำตำหนิ. คุณอาจจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกโกรธที่มีต่อการฆ่าตัวตาย ความรู้สึกโกรธอาจเป็นความรู้สึกผิดที่คุณโทษตัวเองว่าเป็นเพราะคุณไม่เห็นสัญญาณว่าคนที่คุณรักกำลังเจ็บปวด คุณอาจจะโทษพระเจ้า โทษสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ โทษผู้เชี่ยวชาญปัญหาสุขภาพที่พยายามไม่มากพอ หรือโทษคนที่คุณรักว่าทำไมไม่เข้าหาและขอความช่วยเหลือจากคุณ
    • รู้ว่าการตำหนิตัวเองหรือการรู้สึกผิดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ คำตำหนิอาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณพยายามรับมือกับการสูญเสียด้วยการโยนความรับผิดชอบให้ตัวเอง ในขณะที่คุณไม่พอใจมากๆ ว่าทำไมคุณถึงไม่สามารถควบคุมชีวิตของคุณและชีวิตของคนที่คุณรักได้เลย [3]
  4. เผชิญหน้ากับความรู้สึกถูกปฏิเสธหรือถูกทอดทิ้ง. [4] เมื่อคนที่คุณรักฆ่าตัวตาย คุณอาจจะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ คุณพยายามบอกตัวเองว่า ถ้าความสัมพันธ์ของคุณกับคนๆ นี้ดี "พอ" เขาก็อาจจะไม่เลือกจบชีวิตตัวเอง คุณไม่พอใจที่เขาทิ้งคุณไว้ข้างหลังให้อยู่กับความเจ็บปวดร้าวรานตามลำพัง
    • มันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือถูกปฏิเสธ แต่จำไว้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นประสบการณ์เจ็บปวดที่ซับซ้อนของทั้งเหยื่อและคนที่อยู่ข้างหลัง รู้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นการตัดสินใจของคนที่คุณรัก เพราะว่าเขาไม่สามารถรับมือกับชีวิตหรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งได้อีกแล้ว แต่การฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นภาพสะท้อนของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รับมือกับความโศกเศร้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การคิดว่าความโศกเศร้านั้นเป็นกระบวนการก็ดีอยู่ แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความรู้สึกของคุณสามารถแปรเปลี่ยน คุณอาจพบตัวเองเดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวหาย อนุญาตให้ตนเองรู้สึกไปตามอารมณ์ความรู้สึกเพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    • มันอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่าอะไรเหมาะกับคุณ ทุกอย่างจะดีขึ้นตามเวลา

    เคล็ดลับ: ความโศกเศร้าในแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเพื่อนหรือญาติอาจรู้สึกแตกต่างจากคุณ เคารพในกระบวนการรับมือความโศกเศร้าของพวกเขา และให้เขารู้ว่าควรเคารพในตัวคุณเช่นกัน

  2. หลังจากที่ได้รู้ว่าคนที่คุณรักฆ่าตัวตาย คุณอาจจะหายหน้าไปจากเพื่อนๆ และสมาชิกในครอบครัว คนอื่นๆ อาจจะยิ่งสร้างปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกผิดหรือรู้สึกเหมือนถูกตำหนิมากขึ้นไปอีก จำไว้ว่าคนเหล่านี้อาจจะไม่พอใจกับการตายมากพอๆ กับคุณก็ได้ แทนที่จะปลีกตัวออกมา ให้ใช้เวลากับคนที่รักคนๆ นี้เหมือนกันให้มากขึ้น การทำเช่นนี้อาจทำให้คุณอบอุ่นใจได้ [5]
  3. [6] ขณะที่คุณอยู่ด้วยกันและพยายามปลอบใจกันและกันนั้น ใช้เวลานึกถึงวันเวลาที่ดีที่คุณมีกับผู้เสียชีวิต การจมอยู่กับคำถามว่าอย่างไรและทำไมเขาถึงฆ่าตัวตาย (แม้ว่าจะเข้าใจได้) ไม่ได้ทำให้ใจคุณสงบขึ้นมาเลย
    • การนึกถึงความทรงจำดีๆ ที่มีร่วมกันอาจทำให้คุณได้ย้อนเวลากลับไปในวันที่คนๆ นี้มีความสุข และคุณก็อาจจะเลือกที่จะจดจำเธอแบบนั้น
  4. ทันทีที่คุณรู้สึกว่าทำได้ ให้พยายามกลับไปทำตามกิจวัตรปกติ การทำเช่นนี้จะยากมากในช่วงแรก แม้แต่การแต่งตัวหรือทำความสะอาดบ้านก็อาจกลายเป็นกิจกรรมสะเทือนใจ ไม่ ทุกสิ่งไม่มีวันกลับไปเป็น "เหมือนเดิม" ได้อีกแล้ว แต่การกลับไปสร้างกิจวัตรต่างๆ ขึ้นมาอีกครั้งอาจช่วยให้คุณรู้สึกถึงเป้าหมายและแบบแผนต่างๆ [7]
  5. [8] เมื่อคุณโศกเศร้ากับการตายของคนที่คุณรัก คุณอาจจะลืมรับประทานอาหารได้ง่ายๆ การดูแลตัวเองอาจเป็นสิ่งสุดท้ายในใจของคุณ แต่การรับประทานอาหารที่สมดุลไม่กี่มื้อในแต่ละวันจะทำให้คุณมีแรงที่จะอดทนผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้ไปได้ สำหรับการออกกำลังกาย แม้จะเป็นแค่การพาสุนัขไปเดินเล่นแถวบ้านก็ช่วยบรรเทาความโศกเศร้าหรือความกังวลใจที่คุณกำลังรู้สึกและทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้ [9]
    • ขณะที่คุณวางแผนกิจวัตรประจำวัน ให้เพิ่มการวางแผนมื้ออาหารและการออกกำลังกายเข้าไปในตารางเวลาด้วย เพื่อที่คุณจะได้เติมสารอาหารให้แก่ร่างกายได้อย่างเหมาะสมในช่วงเวลาที่ตึงเครียดนี้
  6. ความคิดและความรู้สึกว้าวุ่นที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของคนที่คุณรักทั้งหมดสามารถทำให้คุณรู้สึกเศร้า กระวนกระวาย หรือแม้กระทั่งหดหู่ การทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายอาจช่วยบรรเทาความรู้สึกเหล่านี้ได้และทำให้คุณมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง [10]
    • กิจกรรมเยียวยาตนเองจะเป็นอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณผ่อนคลาย เช่น ห่อตัวในผ้าห่มอุ่นๆ ดื่มชาร้อน แช่น้ำอุ่น จุดเทียนหอม ฟังเพลงสบายๆ นั่งหน้ากองไฟ หรืออ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม
    • ถ้าคุณเป็นวัยรุ่นที่ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกของตัวเองและปลดปล่อยความเครียดในวิธีต่างๆ ได้อย่างไร คุณอาจจะได้ประโยชน์จากการวาดภาพความรู้สึกลงในสมุดภาพระบายสีเพื่อการผ่อนคลายหรือวาดลงในกระดาษเปล่า
  7. การเข้าร่วมงานสังคมอาจเป็นการเบี่ยงเบนคุณจากความโศกเศร้ารูปแบบหนึ่ง และเป็นการเตือนคุณว่า ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะยากเย็นสักแค่ไหนในตอนนี้ สุดท้ายแล้วชีวิตของเราก็จะดีขึ้น [11]
    • การเบี่ยงเบนตัวเองจากอารมณ์ต่างๆ สักครู่ไม่ได้เป็นการลดความสำคัญของสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ แต่การออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ การดูหนังตลก หรือการเต้นเพลงที่คุณและผู้ตายชอบเป็นวิธียอดเยี่ยมที่จะฟื้นฟูความสามารถในการรับมือกับความเศร้าของคุณกลับคืนมา
    • คุณอาจจะพบว่าตัวเองกำลังขำกลิ้งแล้วจากนั้นก็จมอยู่กับกองน้ำตา นี่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน
  8. ครอบครัวหรือเพื่อนๆ ของคนที่ฆ่าตัวตายมักจะเข้าใจว่าผู้ตายต้องเผชิญอะไรบ้างมากขึ้นด้วยการพบนักบำบัดความโศกเศร้า นักบำบัดสามารถอธิบายปัญหาสุขภาพจิตที่สับสนที่คนที่คุณรักอาจเคยต่อสู้มาก่อนได้ นอกจากนี้เขาหรือเธอยังช่วยให้คุณประมวลสิ่งที่คุณกำลังรู้สึกและพัฒนาทักษะการรับมือที่ดีได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะถ้าคุณต้องเผชิญกับการฆ่าตัวตาย ตั้งแต่นั้นมาประสบการณ์เจ็บปวดที่ตามหลอกหลอนคุณอาจแสดงตัวในรูปแบบของความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือ PTSD ได้ [12]
    • ขอเอกสารอ้างอิงจากแพทย์ปฐมภูมิ หรือหาผู้เชี่ยวชาญด้านความโศกเศร้าโดยเฉพาะหลังจากการฆ่าตัวตาย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เอาชนะตราบาป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การให้ความรู้แก่ตัวเอง คนที่คุณรัก และคนรอบข้างสามารถช่วยให้คุณเข้าใจว่า ทำไมคนที่คุณรักถึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง จากการเก็บข้อมูลของกรมสุขภาพจิตพบว่า สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5.77 คนต่อประชากรแสนคน หรือมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จประมาณ 3,612 คนต่อปี และถ้าคิดเฉลี่ยต่อวันพบว่า ในแต่ละวันมีคนฆ่าตัวตายถึง 12 คน หรือเฉลี่ย 1 คนต่อทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยช่วงอายุของผู้ที่ฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปีมากที่สุด และพบว่า เพศชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าเพศหญิงถึง 4 เท่า แต่เพศหญิงมีแนวโน้มที่คิดจะฆ่าตัวตายได้ง่ายกว่า และมีจำนวนมากกว่าเพศชาย [13]
    • การศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุการฆ่าตัวตายอาจช่วยให้คุณเข้าใจว่าคนที่คุณรักต้องผ่านอะไรมาบ้างได้มากขึ้น และคุณอาจจะช่วยชีวิตคนอื่นๆ ได้อีกในอนาคต
  2. การฆ่าตัวตายมักทำให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ผู้ตายรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งค่อนข้างจะต่างไปจากการตายที่มีสาเหตุอื่นๆ ตราบาปที่ก่อตัวจากการฆ่าตัวตายทำให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ของผู้ตายมักไม่ค่อยพูดกับคนอื่นว่าพวกเขาต้องเผชิญอะไรบ้าง และคุณเองก็อาจจะไม่อยากพูดถึงรายละเอียดของการตายเพื่อหลีกเลี่ยงตราบาปนั้น [14] [15]
    • การพูดคุยกับเพื่อนๆ และคนที่คุณรักถึงความคิดและความรู้สึกของคุณเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเยียวยาบาดแผล เข้มแข็งและเข้าหาคนอื่นๆ ที่คุณสามารถเล่าเรื่องราวของคุณให้ฟังได้
    • คุณไม่จำเป็นต้องบอกทุกคนที่อยู่ร่วมชุมชนในท้องถิ่นเดียวกันกับคุณ แต่ให้เปิดใจกับคนไม่กี่คนที่คุณสามารถขอแรงสนับสนุนจากเขาได้ การปิดปากเงียบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจปิดกั้นโอกาสที่คนอื่นจะได้เรียนรู้สัญญาณของการฆ่าตัวตายและอาจปิดโอกาสไม่ให้สามารถช่วยชีวิตคนอื่นๆ ได้
  3. เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับคนที่ได้รับผลกระทบจากการฆ่าตัวตาย. การได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนๆ ของคนที่ฆ่าตัวตายคนอื่นๆ คนที่กำลังรับมือกับการสูญเสียคนรักจากการฆ่าตัวตายเช่นเดียวกับคุณอาจช่วยให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจและเอาชนะตราบาปได้
    • คุณสามารถเข้าร่วมกลุ่มที่จัดโดยนักบำบัดหรือบุคคลทั่วไปที่ผ่านประสบการณ์การรับมือกับความโศกเศร้าหลังจากการฆ่าตัวตายได้ ลองเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนในท้องถิ่นเพื่อดูว่าคุณสบายใจที่จะเปิดใจและเล่าเรื่องราวของคุณหรือไม่ [16]
    • ถ้าคุณไม่สามารถหากลุ่มสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวและเพื่อนๆ ของคนที่ฆ่าตัวตายในท้องถิ่นได้ คุณสามารถเข้ากลุ่มสนับสนุนออนไลน์ได้ [17]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แม้ว่าแต่ละคนจะมีความเห็นในเรื่องนี้ต่างกันออกไป แต่หลายคนคิดว่าการทำตัวเองให้ยุ่งสามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านความโศกเศร้าได้ แม้ว่าคุณจะไม่ควรซ่อนตัวจากอารมณ์ของคุณด้วยการทำงานหรือทำตัวให้ยุ่ง การทำตัวให้กระฉับกระเฉงสามารถขจัดความหดหู่และความคิดมืนมนได้
  • หาศูนย์หรือกลุ่มบำบัดความเศร้าถ้าคุณข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างยากลำบากและไม่รู้จะหันหน้าเข้าหาใคร นอกจากนี้วิธีนี้อาจจะช่วยให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ ที่เพื่อนๆ และครอบครัวของผู้ตายไม่สามารถให้คุณได้
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณอาจจะพบว่าตัวเองอยากเริ่มนิสัยที่ไม่ดี (เช่นกัดเล็บ สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด ดื่มแอลกอฮอล์) ในช่วงที่คุณโศกเศร้า บางทีคุณอาจจะเคยทำแบบนี้มาก่อนและคิดอยากจะกลับไปเริ่มพฤติกรรมเดิมๆ อีกครั้ง ขอความช่วยเหลือด่วน! สถานที่แรกที่คุณควรจะไปคือไปพบแพทย์หรือศูนย์บริการท้องถิ่นที่อาจจะมีโปรแกรมหลายโปรแกรมที่ช่วยคุณได้
  • คุณควรรายงานให้แพทย์ทราบถ้าคุณไม่สามารถหยุดคิดเรื่องความตายทั้งของตัวเองและคนอื่นๆ ได้
  • คุณควรรายงานให้แพทย์ทราบถึงภาวะหดหู่เรื้อรังทันที
  • ถ้าคุณรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย ให้ไปที่โรงพยาบาลท้องถิ่น ที่นั้นมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนที่สามารถช่วยคุณได้


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,254 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา