ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เห็ดเป็นวัตถุดิบที่อร่อย มีประโยชน์ แถมนำไปทำเมนูได้หลากหลาย ทำให้อาหารจานนั้นรสชาติเข้มข้นขึ้นเป็นกอง อย่างไรก็ตามเห็ดไม่ใช่วัตถุดิบที่เก็บได้นานนัก แค่ไม่กี่วันมันก็เริ่มเหี่ยว ซึ่งหมายความว่ามันใกล้จะเน่าแล้ว สัญญาณที่บ่งบอกว่าเห็ดเริ่มจะไม่ค่อยเหมาะนำมารับประทานแล้วก็คือ สีเปลี่ยน เป็นเมือก และมีกลิ่นเหม็น หากคุณอยากให้เห็ดคงความสดได้นานขึ้น ให้เลือกซื้อเห็นสดๆ อวบๆ จากซูเปอร์มาร์เก็ต ใส่ภาชนะระบายอากาศ แล้วนำไปแช่ในตู้เย็น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

สังเกตสัญญาณที่บอกว่าเห็ดเน่าแล้ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รอยเหี่ยวแห้งเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าเห็ดเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว ถ้ามันเพิ่งเริ่มแห้งและยังไม่เปลี่ยนสี เป็นเมือก หรือมีกลิ่นเหม็น ให้นำไปทำอาหารทันที [1]
    • เห็ดที่มีรอยย่นคือเห็ดที่กำลังจะเน่า เมื่อเห็ดเริ่มย่น อีกไม่นานก็จะนำไปทำอาหารไม่ได้แล้ว
  2. อย่ารับประทานเห็ดที่มีรอยช้ำ ตามหลักความปลอดภัยด้านอาหารแล้ว คุณไม่ควรรับประทานวัตถุดิบที่เปลี่ยนสีแล้ว รอยช้ำและจุดสีน้ำตาลหรือสีดำเป็นสัญญาณแรกๆ ที่บอกว่าเห็ดกำลังจะเน่า [2]
    • ถ้าเห็ดและผักผลไม้อื่นๆ มีรอยช้ำแต่ไม่มีสัญญาณอื่นที่บอกว่ามันเน่าแล้ว คุณอาจจะตัดส่วนที่เป็นรอยช้ำออกแล้วนำส่วนที่เหลือไปประกอบอาหาร แต่ถ้าเห็ดมีจุดดำๆ ขึ้นเต็มไปหมด ก็โยนทิ้งถังขยะไปได้เลย
  3. เมือกคือสัญญาณที่บอกว่าเห็ดเน่าแล้วแน่ๆ หรือถ้าแย่กว่านั้นก็คือหากคุณเห็นว่ามีราขึ้น นั่นหมายความว่าคุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งลงถังขยะ ทิ้งไปดีกว่าเสี่ยงอาหารเป็นพิษ [3]
    • เมื่อถึงจุดนี้เห็ดจะสูญเสียทั้งรสชาติและคุณค่าทางอาหาร เพราะฉะนั้นถึงรับประทานเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

    ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย : เห็ดที่เน่าแล้วอาจทำให้คุณป่วยได้ เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อนและทิ้งอาหารลงถังขยะไปเลยหากคุณคิดว่ามันเสียแล้ว [4]

  4. หากเห็ดมีกลิ่นเปรี้ยวหรือกลิ่นทะแม่งๆ ให้ทิ้งไปเลย. กลิ่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกชัดเจนว่าเห็ดของคุณกำลังจะเสีย เห็ดสดๆ จะมีกลิ่นหอมหวานและกลิ่นดินอ่อนๆ แต่ไม่เหม็น ถ้าคุณลองดมดูแล้วปรากฏว่ากลิ่นมันทะแม่งๆ หรือฉุน ให้โยนทิ้งถังขยะไปเลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

หมั่นตรวจสอบอายุของวัตถุดิบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตามหลักการทั่วไปแล้วเห็ดที่นิยมในประเทศไทยหลายสายพันธุ์ เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง และเห็ดหอมสดนั้นสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 4-5 วัน แต่ระยะเวลาที่เก็บได้ก็จะขึ้นอยู่กับว่าเห็ดค้างอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตมานานแค่ไหนแล้วด้วย เห็ดที่ค้างอยู่ที่ร้านค้ามาหลายวันอาจจะเริ่มเสียภายใน 1-2 วัน [6]
    • ในการเลือกเห็ดให้ได้คุณภาพดีที่สุดนั้น ให้เลือกซื้อเห็ดที่สดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และนำไปประกอบอาหารภายใน 3-4 วัน ถ้าไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เลือกเห็ดที่ดูอวบ แน่น และไม่มีสัญญาณที่บอกว่ากำลังจะเน่า
  2. แม้ว่าเห็ดหั่นสำเร็จรูปจะสะดวกกว่า แต่ก็เน่าเร็วกว่าเห็ดเต็มดอกถึง 2 เท่า ถ้าคุณอยากให้เห็ดเก็บได้นานขึ้น ให้เลือกแบบเต็มดอกดีกว่าแบบหั่นสำเร็จรูป [7]

    เคล็ดลับ : เวลาไปซื้อเห็ดที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เลือกเห็ดเต็มดอกที่หมวกและก้านยังอยู่ดี เพราะเห็ดที่สมบูรณ์จะเก็บไว้ได้นานกว่าเห็ดที่หักงอหรือช้ำ

  3. ทิ้งเห็ดปรุงสุกที่รับประทานเหลือหลังจากผ่านไปแล้ว 3-4 วัน. อาหารที่ปรุงสุกแล้วส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเห็ด เนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือผักนั้นสามารถเก็บไปไว้ตู้เย็นได้สูงสุด 4 วัน หลังจากนั้นให้ทิ้งไปหรือไม่ก็แช่ไว้ในช่องฟรีซ เห็ดที่แช่ในช่องฟรีซจะเก็บไว้ได้นาน 8-12 เดือน [8]
    • อย่าลืมแช่อาหารที่เหลือในตู้เย็นภายใน 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย อาหารปรุงสุกที่รับประทานเหลือควรนำไปอุ่นใหม่ที่อุณหภูมิ 74 องศาเซลเซียสเพื่อป้องกันอาหารเป็นพิษ [9]
    • จำไว้ว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ 3-4 วันนั้นเป็นเรื่องของความปลอดภัยด้านอาหาร แต่ไม่ใช่คุณภาพ เช่น บร็อกโคลีและหน่อไม้ฝรั่งที่ปรุงสุกแล้วนั้นจะเละและเหี่ยวภายใน 1-2 วัน เห็ดที่คุณผัดไว้นั้นสามารถเก็บไว้ได้ 3-4 วัน แต่กว่าจะถึงตอนนั้นผักก็คงแหยะแล้ว
  4. เห็ดราคาแพงส่วนใหญ่ต้องนำไปประกอบอาหารภายในวันที่ซื้อ. เห็ดที่มีราคาค่อนข้างแพงส่วนใหญ่ เช่น เห็ดชองเทอเรลล์และเห็ดนางรม สามารถเก็บไว้ได้แค่ 12-24 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากเห็ดเหล่านี้ราคาสูงกว่าเห็ดหูหนูหรือเห็ดนางฟ้ามาก คุณจึงควรนำเห็ดที่ราคาแพงมาประกอบอาหารทันทีเพื่อให้คุ้มเงินที่จ่ายไปมากที่สุด [10]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เก็บเห็ดอย่างปลอดภัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เห็ดและวัตถุดิบเน่าเสียง่ายควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส คุณสามารถเก็บเห็ดไว้บนชั้นวางในตู้เย็นได้เลย ไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในช่องเก็บผักด้านล่าง [12]
    • เก็บเห็ดไว้ในตู้เย็นเสมอและอย่าเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเด็ดขาด
    • ถ้าวัตถุดิบในตู้เย็นดูเหมือนจะเก็บได้ไม่นานเท่าที่ควร ให้ลงทุนซื้อเทอร์โมมิเตอร์สำหรับตู้เย็น ตรวจสอบอุณหภูมิและปรับการตั้งค่าของตู้เย็นตามนั้น
  2. ถ้าคุณจะใช้เห็ดแค่ไม่กี่ดอก ให้เจาะรูเล็กๆ ตรงปลายบรรจุภัณฑ์ หยิบเห็ดออกมาเท่าที่ใช้ จากนั้นนำแผ่นพลาสติกแร็ปไปปิดไว้ [13]
    • บรรจุภัณฑ์เดิมและพลาสติกแร็ปทำให้เห็ดได้ระบายอากาศและช่วยลดการกักเก็บความชื้น
  3. เก็บเห็ดที่ตัดก้านออกแล้วไว้ในถุงพลาสติกที่เปิดปากถุงเล็กน้อย. ถ้าคุณเลือกซื้อเห็ดที่ตัดก้านออกแล้ว ให้เก็บไว้ในถุงซิปล็อกที่เปิดปากถุงไว้บางส่วนเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้มากที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นความชื้นจะสะสมอยู่ในถุง เห็ดก็จะเป็นเหงื่อและเน่าเร็ว

    คำเตือน : เคล็ดลับการเก็บเห็ดที่พบได้ทั่วไปก็คือ ให้เก็บไว้ในถุงกระดาษหรือใช้กระดาษทิชชูอเนกประสงค์หมาดๆ คลุมไว้ แต่วิธีเหล่านี้ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เพราะเห็ดที่อยู่ในถุงกระดาษจะย่นและพรุนเร็วมาก แถมกระดาษทิชชูอเนกประสงค์ที่หมาดก็ยิ่งทำให้เห็ดเน่าเร็วด้วย

  4. วางเห็ดแยกจากเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ และอาหารทะเล. แยกผักผลไม้ออกจากผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ยังดิบอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นในรถเข็นซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตู้เย็น ระหว่างที่เตรียมอาหารก็ให้เตรียมเขียงและมีดสำหรับหั่นเนื้อสัตว์ดิบไว้ชุดนึง และอีกชุดไว้สำหรับหั่นผักผลไม้และวัตถุพร้อมรับประทานอื่นๆ [14]
    • ถ้าคุณตั้งใจจะรับประทานเห็ดโดยไม่ปรุงให้สุกก่อน คุณยิ่งต้องวางเห็ดแยกจากเนื้อสัตว์และอาหารทะเลดิบออกจากกัน
    • นอกจากนี้เห็ดยังดูดซับกลิ่นได้ดีอีกด้วย เพราะฉะนั้นพยายามเก็บให้ห่างจากอาหารที่มีกลิ่นแรง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่าคุณควรใช้ผักผลไม้สดให้เร็วที่สุดเสมอจึงจะดีที่สุด พยายามนำเห็ดไปประกอบอาหารภายใน 3-4 วัน [15]
  • เห็ดสดไม่สามารถแช่แข็งได้ แต่คุณสามารถนำเห็ดไปนึ่งหรือผัด ทิ้งไว้ให้เย็นสักพักจนถึงอุณหภูมิห้อง แล้วนำไปเก็บในช่องฟรีซได้นาน 8-12 เดือน [16]
  • เห็ดเป็นวัตถุดิบที่นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เพราะฉะนั้นการ ทำอาหารจากเห็ด ที่กำลังจะเสียนั้นง่ายมาก เช่น คุณอาจจะทำไข่เจียวเห็ด ผัดเห็ดกับสมุนไพรและน้ำมันมะกอก หรือจะนำไปทำซอสพาสต้าก็ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถนำเห็ดสดสไลด์โปะลงบนพิซซ่าแช่แข็งก่อนนำไปอบตามวิธีที่ระบุไว้ได้ด้วย
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณกำลังพยายามดูว่าเห็ดป่าชนิดนี้เสียหรือยัง ให้ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าพยายามระบุเอาเองว่าเห็ดป่าชนิดนี้รับประทานได้หรือเป็นพิษ อย่ารับประทานเห็ดป่ายกเว้นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการระบุชนิดเห็ดที่ผ่านการฝึกอบรมจะบอกคุณว่าสามารถรับประทานได้ [17]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,433 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา