PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าต้นกำเนิดของความทรงจำแย่ๆ จะมาจากเหตุการณ์ที่น่าอายหรือเหตุการณ์ที่กระทบถึงความรู้สึกจนสร้างบาดแผลให้คุณ มันสามารถวนเวียนอยู่ได้หลายวัน หลายเดือน หรือแม้กระทั่งหลายปีหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น โชคดีที่มันมีหนทางในการฝึกฝนจิตใจของคุณต่อความทรงจำนั้นเพื่อช่วยลดความวิตกกังวลของคุณเมื่อคุณจำมันได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

สร้างรูปแบบการคิดที่แข็งแรง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลีกเลี่ยงวัตถุหรือสถานที่ที่สามารถจุดชนวนความทรงจำนั้น. คุณสังเกตหรือไม่ว่าตัวคุณเองมักจะถูกโจมตีโดยความทรงจำแย่ๆ เมื่อคุณไปในสถานที่บางแห่งหรือล้อมรอบด้วยวัตถุสิ่งของบางอย่าง บางทีคุณอาจจะไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นมันสามารถจุดประกายความทรงจำของคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณมีความทรงจำแย่ๆ ที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนสมัยประถมของคุณและคุณจำมันได้ทุกครั้งที่คุณผ่านสถานที่นั้น ถ้าคุณเริ่มเลือกที่จะใช้เส้นทางอื่นในการไปทำงานในตอนเช้าเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงถนนที่โรงเรียนของคุณนั้นตั้งอยู่ คุณสามารถทำให้ความทรงจำแย่ๆ ห่างจากคุณไปได้บ่อยขึ้น
    • ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่จุดชนวนความทรงจำแย่ๆ ของคุณได้อย่างสมบูรณ์ มันอาจจะจางหายไปจากจิตใจของคุณ คุณจะมีเหตุผลน้อยลงที่จะเรียกมันกลับคืนมาและตราบใดที่คุณดำรงชีวิตไปเรื่อยๆ คุณจะทดแทนความทรงจำแย่ๆ ด้วยความคิดกับสิ่งสำคัญอื่นๆ แทน
    • แน่นอนว่าชนวนทุกตัวนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และคุณอาจจะไม่อยากเปลี่ยนเส้นทางเดินทางไปทำงานหรือบริจาคหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ที่สะสมมา หรือหยุดฟังเพลงจากวงโปรดเพียงเพราะว่าล่าสุดที่คุณไปดูวงดนตรีนี้เล่นคือคืนที่แฟนเก่าของคุณบอกเลิกคุณ ถ้าการหลีกเลี่ยงนั้นเป็นไปไม่ได้และด้วยเพราะชนวนที่มีเยอะมากหรือคุณให้พลังกับความทรงจำเหล่านั้นอยู่ มันมีหนทางที่คุณสามารถรับมือกับความทรงจำนั้นได้
  2. ให้คิดถึงความทรงจำนั้นจนมันมีผลกับเราน้อยลง. ครั้งแรกๆ ที่คุณจำสิ่งแย่ๆ ขึ้นมาได้ มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ แรงกระตุ้นของคุณอาจจะอยากหลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงมันเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่การพยายามที่จะหยุดคิดนั้นสามารถทำให้มันตีกลับมากระทบความรู้สึกเราได้ แทนที่จะผลักมันออกจากจิตใจของคุณ ให้คุณอนุญาตตัวคุณเองจดจำสิ่งที่เกิดขึ้น คิดถึงมันจนกระทั่งรู้สึกว่าปมเริ่มคลายลง ท้ายที่สุดคุณจะหยุดคิดถึงมันและเมื่อคุณคิดถึงมันขึ้นมาอีก มันจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ถ้าความทรงจำเริ่มมีผลแปรเปลี่ยนพฤติกรรมในจิตใจของคุณ ให้ออกไปเดินนานๆ หรือไม่ก็ออกกำลังกายทันที
    • พยายามทำใจสบายๆ และคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความทรงจำนั้นได้จบไปแล้ว ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้น คนหัวเราะเยาะกับสิ่งที่น่าอายของคุณ หรือเหตุการณ์อันตรายที่คุณเคยประสบ มันคืออดีต
    • ในบางกรณี เวลาคิดถึงความทรงจำแย่ๆ สามารถทำให้หมกมุ่นได้ ให้สังเกตอารมณ์ของตัวเองในขณะที่คุณคิดซ้ำๆ เกี่ยวกับความทรงจำนั้น ถ้าคุณรู้สึกว่าหลังจากที่คุณคิดถึงความทรงจำนั้นอย่างรอบคอบแล้วมันยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ให้ลองวิธีที่ต่างไปเพื่อที่จะเอาความทรงจำแย่ๆ นั้นออกไป
  3. ทุกๆ ครั้งเวลาที่คุณจำบางสิ่งได้ ความทรงจำของคุณจะค่อยๆ เปลี่ยนไปที่ละนิด สมองของคุณจะสร้างช่องว่างเล็กๆ ขึ้นอยู่ในความทรงจำโดยทดแทนมันด้วยข้อมูลผิดๆ คุณสามารถใช้ประโยชน์ของวิธีการทำงานของสมองคุณโดยทดแทนในส่วนที่มีความทรงจำแย่ๆ อยู่ด้วยข้อมูลที่ต่างออกไป ท้ายที่สุดเวลาที่คุณคิดถึงมัน คุณจะเริ่มเห็นสิ่งที่ต่างออกไป [1]
    • ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณมีความทรงจำในช่วงวัยเด็กเกี่ยวกับการขับเรือที่มีชื่อเรียกว่า “ดรีมแคชเชอร์” บนแม่น้ำกับพ่อของคุณ คุณจำได้ว่าพ่อของคุณอยู่ที่ท้ายเรือใส่กางเกงขาขั้นสีแดงและแว่นกันแดด กำลังตะโกนในขณะที่มองคุณกำลังพิงขอบเรือมากเกินไปจนคุณตกลงไปในน้ำ คุณ “รู้” นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลายปีหลังจากที่คุณเห็นรูปถ่ายจากวันนั้น พ่อของคุณใส่ยีนส์และเรือที่มีชื่อว่า “คิงฟิชเชอร์” อย่างที่เห็น ความทรงจำนั้นไม่เคยจะแน่นอนซะทีเดียว มันสามารถเปลี่ยนได้
    • พยายามเปลี่ยนบางส่วนของความทรงจำที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ใช้วิธีแบบตัวอย่างด้านบน ถ้าคุณนึกถึงความรู้สึกกลัวหรือโดดเดี่ยวเมื่อคุณตกลงไปในแม่น้ำให้พยายามสร้างจินตนาการขึ้นมาใหม่ต่อความทรงจำซึ่งจะทำให้คุณมุ่งจุดสนใจว่าคุณรู้สึกดีขนาดไหนที่คุณพ่อของคุณมาช่วยคุณไว้
    • ทุกครั้งที่คุณคิดถึงความทรงจำ มันจะต่างออกไปเล็กน้อย ถ้าคุณสนใจในสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีแทนสิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ในแต่ละครั้ง ความทรงจำของคุณจะเริ่มเปลี่ยนสีไป มันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนจากความทรงจำที่แย่เป็นดี แต่พลังในการทำร้ายความรู้สึกของมันจะหายไป
  4. บางครั้งสมองของเรามีร่องที่มันยากแก่การปีนออกมา ถ้าคุณเจอตัวเองจมอยู่ในความทรงจำมากมายที่แย่ๆ ให้ฝึกจิตใจเปลี่ยนไปนึกถึงความทรงจำที่ทำให้มีความสุขแทน อย่าให้เวลากับความทรงจำแย่ๆ มาเปลี่ยนอารมณ์หรือทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวล ในทางกลับกันถ้าช่วงเวลาเหล่านั้นเข้ามาในจิตใจของคุณ ให้ย้ายความคิดไปยังความทรงจำที่มีความสุข ฝึกฝนการคิดบวกอยู่บ่อยๆ จนกว่าคุณจะไม่กลับไปตกอยู่ในความวิตกเก่าๆ โดยอัตโนมัติ
    • ลองจับคู่ความทรงจำแย่ๆ กับความทรงจำดีๆ เข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างถ้าคุณไม่สามารถหยุดคิดถึงเวลาที่คุณซุ่มซ่ามตอนกำลังพรีเซนท์และคนทั้งห้องหัวเราะคุณให้จับมันคู่กับความทรงจำที่คุณพรีเซนท์มันได้ดีและได้รับการชื่นชม แต่ละครั้งที่คุณคิดถึงความทรงจำแย่ๆ ให้ส่งมันไปที่ความทรงจำที่ดีๆ การมีความทรงจำที่ดีอยู่ในจิตใจมันจะช่วยให้คุณห่างจากการทำลายสมองและแทนที่ด้วยบางอย่างที่ดีให้คิดถึงเมื่อรู้สึกแย่
  5. การฝึกฝนมุ่งไปที่ปัจจุบันเรียกว่า การอยู่อย่างระมัดระวัง มันหมายความว่าให้มุ่งจุดสนใจไปที่นี่และตอนนี้ แทนที่จะจมอยู่กับอดีตหรือลนลานอยู่กับการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยู่อย่างระมัดระวังนั้นเป็นหนทางที่เยี่ยมยอดในการปลดปล่อยความเครียดและทำให้มันออกไปจากชีวิต แทนที่จะเสียเวลาและเป็นห่วงในสิ่งที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องทิ้งกระเป๋าใบใหญ่ไปและ “ปล่อยให้เป็นไป”
    • หลายๆ ครั้งที่เราปล่อยให้จิตใจพาไประหว่างเรากำลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และมันดึงความสนใจเราเราออกจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ แทนที่จะเดินต่ออย่าง “เครื่องยนต์อัตโนมัติ” ให้ใช้เวลาสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นเสียงหรือกลิ่น ที่คุณไม่ค่อยได้ความสนใจกับมัน มันจะช่วยทำให้คุณดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบันมากว่าที่จะจมปลักอยู่กับความทรงจำของคุณ
    • นำวลีที่คุณสามารถใช้ย้ำไปมาเมื่อความคิดของคุณพาคุณไปในที่ๆ คุณไม่อยากไป ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถพูดว่า “ฉันอยู่ที่นี่” หรือ “ฉันมีชีวิตอยู่” พูดบางอย่างที่ทำให้คุณวกเข้ากลับมาอยู่กับปัจจุบัน
    • ให้ความสนใจกับความรู้สึกของร่างกายที่จุดนี้ ตอนนี้ สนใจประสาทสัมผัสของคุณ คุณได้ยินอะไร เห็น ลิ้มรส และได้กลิ่นอะไรตอนนี้
    • ลองทำสมาธิ รูปแบบการทำสมาธิส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการเอาใจใส่ สนใจที่ลมหายใจและปล่อยจิตให้ว่างจากสิ่งรบกวนต่างๆ นั้นจะช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น การทำสมาธิแบบปกติสามารถฝึกไม่ใช่เพียงแต่สมาธิแต่มันยังส่งผลถึงอารมณ์ต่างๆ โดยรวมอีกด้วย [2]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

มีทัศนคติที่ดี

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พิจารณาจากสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆ. เหตุการณ์ที่เลวร้ายสามารถสอนเราบางอย่างได้ มันอาจจะใช้เวลานานกว่าจะรับรู้ว่าคุณได้เรียนรู้อะไรจากมัน โดยเฉพาะถ้าเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดใหม่ๆ แต่ถ้าคุณมองกลับไปและดูว่าคุณได้รับความรู้อะไรจากประสบการณ์นั้น ความทรงจำที่แย่ๆ ของคุณอาจจะหายไปเอง คุณสามารถหาสิ่งทีดีอยู่ในสิ่งแย่ๆ ที่คุณไม่เคยสังเกตมาก่อนได้หรือไม่
    • จงจำไว้ว่าประสบการณ์ด้านลบเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ประสบการณ์อันยากลำบากทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น มันช่วยทำให้เราซาบซึ้งและเห็นค่าถึงประสบการณ์ที่ทำให้เราพึงพอใจในชีวิตมากขึ้น ถ้าปราศจากความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้น เราจะไม่รู้สึกเห็นคุณค่าของความรู้สึกดีๆ
    • ลองนับสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข ไม่ว่าคุณอาจจะลืมผลลัพธ์ของความทรงจำเหล่านี้ไปแล้ว ทำรายการของสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณขึ้นมาจากนี้
  2. เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำที่แย่ๆ จะเริ่มค่อยๆ จางหายไปตามธรรมชาติ คุณสามารถที่จะเร่งขั้นตอนโดยการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และสร้างความทรงจำดีๆ ขึ้นมาใหม่เพื่อมาเติมลงบนจิตใจของคุณ ใช้เวลาทำสิ่งที่คุณรู้สึกเพลิดเพลินที่ทำให้คุณมีความสุข ยิ่งคุณสร้างความทรงจำที่เป็นบวกมากเท่าไหร่ ความสำคัญของความทรงจำที่เป็นลบจะลดลงไปในระยะยาวมากเท่านั้น
    • มันสามารถช่วยให้คุณไปในที่ที่คุณไม่เคยไปมาก่อน ซึ่งคุณสามารถได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ขึ้นมาโดยไม่โดนรบกวนจากอดีต จองตั๋วไปเมืองใหม่ๆ หรือเปลี่ยนเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ในเมืองของคุณเองและออกไปบริเวณใกล้เคียงที่ปกติแล้วคุณไม่ค่อยได้ไป
    • ถ้าการเดินทางไม่ใช่ตัวคุณ เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันเป็นรูปแบบอื่นแทน ไปร้านอาหารใหม่ที่คุณไม่เคยไป ทำเมนูอาหารใหม่ๆ ที่ท้าทาย หรือจัดปาร์ตี้อาหารเย็นและชวนเพื่อนๆ มาร่วมงาน
  3. จัดตารางของคุณให้เต็มแน่นและกระตุ้นจิตใจตนเอง เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาน้อยลงกับการจมอยู่ในความคิดด้านลบ ถ้าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองให้ออกข้างนอกมากขึ้นกับเพื่อนๆ หรือเยี่ยมครอบครัวของคุณให้มากขึ้น ทำให้ตัวเองไขว้เขวด้วยหนังสือดีๆ ซักเล่มหรือหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ ยิ่งคุณใช้เวลาไปกับการนั่งเฉยๆ ไม่มีอะไรทำมากเท่าไหร่ คุณยิ่งจะจมปลักอยู่กับความทรงจำแย่ๆ เก่าๆ มากเท่านั้น นี่คือไม่กี่สิ่งที่สามารถทำให้คุณห่างออกจากมันและช่วยทำให้ชีวิตคุณยุ่งได้
    • เริ่มหากิจกรรมเกี่ยวออกกำลังกายใหม่ๆ เช่นฟุตบอล ชกมวย ถ้าคุณไม่ชอบเล่นกีฬา ให้ตั้งเป้าให้กับตัวเองโดยจำนวนการเดินกี่ไมล์ต่อวัน หรือเริ่มเล่นโยคะ ท้าทายร่างกายตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่จะปลดปล่อยจิตใจด้านลบของคุณ ออกกำลังกายทำให้สมองของคุณหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ช่วยฟื้นฟูอารมณ์ของคุณ [3]
    • สร้างสิ่งใหม่ๆ คุณสามารถเย็บชุด ระบายสี เขียนเพลง เทพลังงานของคุณสำหรับการสร้างบางสิ่งและคุณจะไม่มีเวลาไปคิดถึงความทรงจำแย่ๆ
    • หาโอกาสไปเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลือผู้คนคือทางเลือกที่ดีที่ทำให้จิตใจออกจากปัญหาของคุณเอง
  4. การใช้สารช่วยเหลือเหล่านี้สามารถทำให้มันแย่ลง โดยเฉพาะถ้าความทรงจำแย่ๆ เหล่านั้นทิ้งความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจหรือวิตกกังวลไว้ แอลกอฮอล์สามารถเพิ่มอาการซึมเศร้า ความฉุนเฉียวและความวิตกกังวล โดยเฉพาะในคนที่เคยประสบปัญหาและมีอาหารเหล่านี้ร่วมก่อนอยู่แล้ว [4] การที่จะทำให้ความคิดเป็นบวก หนทางที่ดีที่สุดคือการจำกัดหรืองดแอลกอฮอล์และสารเสพติดโดยสิ้นเชิง
    • การใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติดเพื่อที่จะลืมความทรงจำแย่ๆ หรือเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญความรู้สึกในแง่ลบ จะนำไปสู่การถูกครอบงำโดยสิ่งเสพติด [5] ถ้าคุณเห็นตัวเองกำลังกลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์หรือติดยาในเวลาที่คุณไม่อยากจำบางอย่างที่มันกระทบกับคุณ ให้หาความช่วยเหลือโดยด่วน
    • รูปแบบของการหนีที่ควรจะหลีกเลี่ยง ถ้าคุณติดการพนัน รับประทานมากเกินไปหรือการหาที่หลบที่เป็นนิสัยที่สามารถทำลายสุขภาพของคุณจากการปกปิดความรู้สึกแย่ๆ มันสำคัญมากที่จะรู้ถึงพฤติกรรมของคุณและควบคุมมัน ไม่ว่าจะด้วยตัวคุณเองหรือจากการช่วยเหลือของจิตแพทย์หรือกลุ่มสนับสนุน
  5. เมื่อคุณได้รับความคิดที่เป็นลบ มันอาจจะยากกับการหันมาดูแลตัวเอง แต่การทำให้ร่างกายของคุณอยู่ในสุขภาพดีมีผลต่อสิ่งที่คุณคิด [6] รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเล็กน้อยทุกอาทิตย์ จะช่วยทำให้คุณหลุดพ้นจากความทรงจำที่แย่ๆ ได้
    • รับประทานอาหารครบห้าหมู่ นั่นรวมถึงผักและผลไม้ โปรตีนไร้ไขมัน ธัญพืชไม่ขัดสีและไขมันชนิดดี
    • พยายามออกกำลังกายให้ได้ 30-60 นาทีทุกๆ วัน ไม่ว่าคุณเพิ่งจะเดินระยะไกลกลับมาจากที่ทำงาน
    • พยายามนอนหลับให้ได้ 7 ถึง 8 ชั่วโมงทุกคืน เนื่องจากความเหนื่อยล้าจะทำให้อารมณ์ของคุณแปรปรวนมากกว่าปกติและทำให้คุณเสี่ยงต่อการจมอยู่กับความทรงจำแย่ๆ. [7]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เอาชนะประสบการณ์ที่เจ็บปวด

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรับรู้ถึงความทรงจำและความรู้สึกในแง่ลบที่เกี่ยวข้องในขณะที่รู้สึกต่อต้าน การระบายออกคือกุญแจสำคัญต่อขั้นตอนการเยียวยารักษานี้ [8] การปกปิดความทรงจำแย่ๆ จะทำให้มันหวนย้อนกลับมาอีกในภายภาคหน้า ให้อนุญาตตัวเองรู้สึกโกรธ เศร้า อับอาย หรือเจ็บปวด ถ้าคุณต้องการที่จะร้องไห้หรือกรีดร้อง ให้ทำเลย มันจะทำให้คุณรู้สึกควบคุมได้มากขึ้นกว่าที่คุณพยายามจะละเลยไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง
  2. หันไปคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวที่คุณไว้ใจ คนอื่นๆ สามารถให้คำปรึกษาคุณได้ แบ่งปันเรื่องราวที่คล้ายๆ กัน และมันอาจจะสร้างความเชื่อมั่นให้คุณได้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิด ถ้าเป็นไปได้ให้คุณคุยกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ วิธีการนี้จะทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ ที่ต้องการ
    • เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน ลองหาข้อมูลเพื่อที่จะหากลุ่มสนับสนุนในละแวกใกล้เคียงที่จัดการกับปัญหานี้โดยเฉพาะ มีกลุ่มสนับสนุนอยู่มากมายสำหรับ การหย่าร้อง การเลิกรา อาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และอีกมากมาย
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่อุ่นใจพอที่จะแบ่งบันประสบการณ์กับคนอื่นๆ ให้เขียนลงไปในสมุดบันทึกและเก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่ไม่มีใครสามารถหาเจอ
  3. ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณต้องการสิ่งที่มากกว่าเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวให้ได้ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ ความสัมพันธ์แบบหมอกับคนไข้นั้นค่อนข้างเป็นความลับ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการปกปิดความรู้สึกหรือรู้สึกอาย [9]
    • จิตแพทย์คือคนที่สามารถแก้ไขปัญหาจากชนวนต้นเหตุและสามารถช่วยคุณก้าวผ่านมันไปได้ เขาหรือเธอจะสอนวิธีการที่คุณสามารถใช้เพื่อทำลายกำแพงที่ขังความทรงจำแย่ๆ นั้นไว้ในจิตใจของคุณ
    • การบำบัดโดยเทคนิคการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมค้นพบว่ามีประโยชน์ต่อคนที่กำลังต่อสู้กับเรื่องที่ทำให้เจ็บปวด ลองปรึกษาจิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ [10]
  4. ตรวจหาว่าคุณเป็นโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) หรือไม่. โรคนี้สามารถเป็นได้หลังจากประสบปัญหาแย่ๆ หรือร้ายแรงมาก เช่น การโดนละเมิดทางเพศ ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง โดนทำร้ายอย่างรุนแรง หรืออาการป่วยที่ทำให้สุขภาพทรุดโทรม สำหรับคนที่เป็นโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง บาดแผลจากความทรงจำนั้นจะไม่จางหายไป มันสร้างความรู้สึกวิตกกังวลที่มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเหตุการณ์แย่ๆ อาจจะเกิดขึ้นมาอีก ถ้าคุณคิดว่าคุณอาจจะเป็นโรคนี้ มันสำคัญมากที่คุณต้องหาความช่วยเหลือเพราะมันเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถเผชิญได้เพียงลำพัง [11]
    • อาการของโรค PTSD จะมีอาการเห็นภาพเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้น ฝันร้ายและความคิดที่ทำให้หวาดกลัวต่อคุณเอง
    • คุณอาจจะรู้สึกด้านชา ซึมเศร้า หรือการวิตกกังวลอย่างไม่หยุดกับความรู้สึกที่ประหม่าตลอดเวลา
  5. 5
    หาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา. ถ้าคุณรู้สึกเหมือนติดกับดักจากความทรงจำที่เจ็บปวด มันมีวิธีที่อาจจะช่วยอยู่ได้โดยวิธีการรักษาเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะใช้ร่วมกับการบำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นัดพบจิตแพทย์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการรักษาพิเศษนี้จะสามารถช่วยคุณให้รู้สึกปล่อยวางจากความทรงจำแย่ๆ ที่กระทบกับคุณภาพของการดำรงชีวิตของคุณอยู่ได้
    • การใช้ยารักษาอาจจะเป็นวิธีรักษาแรกๆ ที่ควรลอง ยาแก้อาการซึมเศร้าหรือยาแก้อาการวิตกกังวลส่วนใหญ่จะสั่งให้ผู้ที่มีปัญหาจากการหลีกเลี่ยงความคิดในแง่ลบ
    • การบำบัดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทางกายมุ่งเน้นให้คุณกลับมามีความเชื่อมโยงกับร่างกายของคุณว่ารู้สึกอย่างไร มันมุ่งเน้นไปที่การแก้ข้อผิดพลาดกับปฏิกิริยาตอบสนองเมื่ออยู่ในอันตรายเพื่อที่จะได้หายไปขณะไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายๆ เกิดขึ้น
    • การบำบัดโดยใช้ไฟฟ้า ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อการปลอดปล่อยความรู้สึกที่เจ็บปวดต่อความทรงจำเมื่อการบำบัดอื่นๆ ใช้ไม่ได้ผล [12]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การทดแทนความทรงจำขึ้นมาสามารถช่วยหลอกสมองของคุณให้เดินเร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะจดจำว่ามันเป็นความทรงจำที่ “แย่” ให้เปลี่ยนไปเป็นความทรงจำใน “อดีต” การตอกย้ำคำว่า “แย่” จะมีแต่ทำให้คุณรู้สึกว่า “แย่”
  • อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจผ่านไปเรื่อยๆ การที่รู้สึกเศร้าในช่วงหนึ่งนั้นมักจะพาความรู้สึกตามไปยังเหตุการณ์ที่ทำให้อารมณ์เสีย แต่คุณต้องรู้ตัว ดึงตัวคุณเองออกมาจากความรู้สึกนั้นและใช้ชีวิตต่อไป
  • ไม่ว่าความทรงจำนั้นจะแย่ขนาดไหน มันคืออดีต อย่าปล่อยให้มันมากระทบกับปัจจุบันและอนาคตของคุณในเมื่อมันเกิดขึ้นในอดีต นอกจากคุณจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ คุณไม่สามารถกลับไปแก้หรือเปลี่ยนอะไรมันได้อยู่ดี ดังนั้นจงปล่อยให้เป็นอดีต จงแข็งแกร่งขึ้นและทำตัวให้ร่าเริง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,127 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา