ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณมักจะรู้สึกประหม่าและไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถควบคุมมันได้หรือเปล่า? หรือมีอะไรบางอย่างที่คุณอยากทำแต่คุณก็มักจะหนักใจทุกครั้งที่คุณพยายามจะทำมันหรือไม่? รู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว เราสามารถรับมือกับความประหม่าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้ทักษะการเผชิญปัญหา ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความตึงเครียด ใส่ใจสุขภาพร่างกายของตัวเอง และปรับเปลี่ยนวิธีคิด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

รับมือกับความประหม่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การดึงความสนใจแบบง่ายๆ ก็คือการหันไปใส่ใจกับเรื่องอื่นแทนที่จะไปใส่ใจความรู้สึกประหม่าของตัวเอง ซึ่งการดึงความสนใจอาจจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการลดอารมณ์ความรู้สึกในด้านลบในช่วงเวลาสั้นๆ [1]
    • ตัวอย่างการดึงความสนใจของตัวเองออกมาจากความรู้สึกกังวลก็จะมีทั้งการเล่นเกม ดูทีวีหรือดูหนัง ทำอาหาร หรือทำความสะอาด
    • ลองทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลงอย่างเช่น อ่านหนังสือ อาบน้ำ แช่น้ำในอ่างฟองสบู่ จุดเทียนหรือใช้น้ำมันหอมระเหย
    • ลองฟังเพลงดู และถ้าหากมีเพลงโปรด ให้คุณฟังเพลงนั้นและดึงความคิดตัวเองออกจากความกังวลที่ตัวเองมี
    • ให้สัตว์เลี้ยงช่วยบำบัดความกังวล เพราะสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่สามารถปลอบโยนคุณได้ในช่วงเวลาแห่งความเครียด โดยคุณอาจกอดเล่นกับสัตว์เลี้ยงของคุณ หรือไม่ก็อาจจะฝึกฝนเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่คุณรู้สึกกังวลที่จะทำ แล้วก็เอาไปฝึกต่อหน้าสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนที่คุณจะลองทำสิ่งนั้นในสถานการณ์จริง
    • ให้คุณเขียนความรู้สึกของตัวเองลงกระดาษ เพราะการเขียนความรู้สึกของตัวเองออกมาสามารถช่วยบำบัดความกังวลได้ ดังนั้น แทนที่คุณจะเก็บความรู้สึกเอาไว้กับตัวเอง ให้คุณเขียนมันลงไปบนกระดาษและปลดปล่อยความกังวลออกมาบ้าง [2]
  2. การที่นักแสดงละครเวทีมีเทคนิคการวอร์มร่างกายก่อนที่จะขึ้นเวทีแสดงนั้นเป็นเรื่องที่มีเหตุผล เพราะการขยับเขยื้อนตัวจะช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและสามารถลดความประหม่าหรือ “ความกระวนกระวายใจ” ได้ [3] บ่อยครั้งที่เวลาเราประหม่า ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาตอบโต้บางอย่าง และเราอาจจะสังเกตได้ถึงความตึงเครียด และอาการท้องไส้ปั่นป่วน (หรือมีผีเสื้อในท้อง) หรือแม้แต่อาการปวดหัวเกิดขึ้นกับตัวเรา ซึ่งนี่คือผลของการที่เราเก็บความกังวลใจเอาไว้กับร่างกาย ดังนั้น เมื่อคุณเคลื่อนไหวร่างกาย ความตึงเครียดที่คุณมีก็จะถูกปลดปล่อยออกมาในวิถีของการบำบัด
    • เขย่าตัวดูสิ! โดยให้คุณลองเขย่าแต่ละส่วนของร่างกายโดยเริ่มจากแขน ต่อด้วยส่วนบนของร่างกาย จากนั้นก็ขาทั้งสองข้างและทำจนกว่าจะครบหมดทุกส่วนของร่างกายแล้ว
    • ลองเต้นดู เพราะการเต้นไปพร้อมๆ กับเพลงที่ตัวเองชอบคือวิธีที่ดีในการผ่อนคลายความรู้สึกกระวนกระวายใจออกจากร่างกาย นอกจากนี้คุณอาจจะเปิดวิดีโอดูใน YouTube และลองเต้นแอโรบิคให้เป็นเป็นกิจวัตรประจำวันดูก็ได้
    • ลองกระโดดขึ้นลงไปมาดู โดยให้คุณเคลื่อนไหวร่างกายไปในท่าไหนก็ได้โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก และสนุกไปกับมัน
  3. วิธีที่ดีที่สุดในการลดความรู้สึกประหม่าเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างก็คือการทำในสิ่งนั้นซะ แล้วก็ทำซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ซึ่งการฝึกทำในสิ่งที่คุณรู้สึกประหม่าที่จะทำ และทำมันซ้ำไปมาหลายๆ รอบ อาจจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวคุณและลดความรู้สึกประหม่าได้
    • ให้คุณแกล้งทำจนทำได้จริงๆ โดยให้แกล้งทำเป็นว่าคุณมีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่และทำเหมือนกับว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น (ไม่ว่าจะเป็นการพูดแบบเล็กๆ น้อยๆ หรือการพูดบรรยายก็ตาม) และให้ลองคิดว่าคนที่นิ่งและมีความมั่นใจน่าจะแสดงออกแบบไหน แล้วก็ทำตามแบบนั้นซะเลย
  4. หากความประหม่าหรือความกระวนกระวายใจของคุณสร้างความยุ่งเหยิงให้ชีวิตประจำวันของคุณ ทำให้คุณไม่สามารถทำภาระหน้าที่ต่างๆ ของตัวเองให้สำเร็จได้ หรือมีปัญหาเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอาจจะช่วยคุณได้
    • ติดต่อนักบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ หรือนักจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องการเข้ารับการบำบัด เพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ และวิธีในการรักษาความรู้สึกประหม่าของตัวเอง
    • ติดต่อแพทย์รักษาโรคทั่วไปหรือนักจิตวิทยาเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาหรือการรักษาที่เหมาะกับตัวคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ฝึกฝนเทคนิคต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การหายใจลึกๆ คือวิธีที่ง่ายและสามารถช่วยลดความประหม่าทางร่างกายได้ด้วย และการหายใจลึกๆ อาจจะช่วยลดอาการปั่นป่วนในท้อง ความกระวนกระวาย และความตึงเครียดของร่างกายได้ [4]
    • ให้เริ่มต้นด้วยการนั่งในบริเวณที่เงียบและปลอดภัย แล้วหายใจเข้าและออกผ่านทางจมูกและผ่านทางปากอย่างช้าๆ และลึกๆ [5] จากนั้นสังเกตความรู้สึกภายในกะบังลมทุกครั้งที่คุณหายใจเข้าและหายใจออก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สักสองสามนาทีอย่างต่ำไปพร้อมๆ กับการพิจารณาลมหายใจของตัวเองและความรู้สึกที่ได้จากสิ่งนี้ด้วย
  2. การผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบต่อเนื่องคือหนึ่งในเทคนิคการผ่อนคลายความเครียด ซึ่งเป็นเป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้คุณใจเย็นลงและลดความตึงเครียดที่มีมากเกินไปได้ [6]
    • เริ่มต้นด้วยการเกร็งนิ้วเท้า 5 วินาที แล้วก็คลายนิ้วเท้าอีก 10-20 วินาที จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปทีละส่วนของร่างกาย โดยให้เกร็งและคลายกลุ่มกล้ามเนื้อทุกส่วนไล่ไปจนถึงศีรษะ
  3. นี่คือวิธีดั้งเดิมในการกำจัดความเครียด ความเจ็บปวด และความตื่นตระหนกออกจากร่างกายเรา ซึ่งการทำสมาธิคือสิ่งที่เรามักจะฝึกกันในบริเวณที่เงียบและปลอดภัย โดยคุณอาจจะฝึกแบบนั่งหรือนอนก็ได้ โดยปกติแล้ว การทำสมาธิจะต้องฝึกด้วยการหลับตา แต่จริงๆ คุณสามารถลืมตาและมองไปที่จุดใดจุดหนึ่งแทนก็ได้ถ้าคุณอยากจะทำแบบนั้น จากนั้นให้เคลียร์ความคิดต่างๆ ออกไปจากใจและพยายามนั่งนิ่งๆ อยู่กับตัวเองให้ได้ [7]
    • จุดประสงค์ในการทำสมาธิคือ การทำจิตใจให้ว่าง ดังนั้น ถ้าหากคุณรู้สึกว่าตัวเองวอกแวกง่ายและใจลอยให้คุณดึงโฟกัสตัวเองกลับมาที่การทำสมาธิ
    • คุณสามารถทำสมาธิกับสิ่งที่เฉพาะเจาะจงได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณกลัวที่จะพูดต่อหน้าผู้คน คุณอาจจะทำสมาธิและคิดถึงเรื่องนี้แค่เรื่องเดียวในขณะที่คุณกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ก็ได้
  4. เมื่อเรากำลังรู้สึกประหม่า กลัว หรือตื่นตระหนก เรามักจะทำตัวงอๆ เพื่อที่จะหลบซ่อนหรือทำตัวเราให้เล็กลง ซึ่งถ้าหากคุณทำหลังงอ นั่นแสดงว่าคุณกำลังบอกให้โลกรู้ผ่านทางภาษากายของคุณว่า คุณไม่มีความมั่นใจ เพราะการกระทำต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกที่อยู่ข้างในอยู่แล้ว หากเราปรับเปลี่ยนภาษากายของตัวเอง เราก็จะสามารถเริ่มรู้สึกในแบบที่ต่างไปจากเดิมได้ ซึ่งการยืนและการนั่งหลังตรง คือวิธีที่ดีในการแสดงความมั่นใจและแสดงภาษากายในเชิงบวก [8]
    • หากคุณกำลังยืนอยู่ ให้คุณดันไหล่ตัวเองไปข้างหลัง และให้ยืนชิดกำแพงเพื่อทำให้หลังตัวเองแผ่ตรง
    • หากคุณกำลังนั่งอยู่ ดูให้แน่ใจว่าหลังของคุณตรงจนขนานกับเก้าอี้แล้ว แทนการนั่งแบบหลังโกงไปข้างหน้า
  5. การฝึกสติคือการโฟกัสไปในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ รวมถึงโฟกัสไปที่ความรู้สึก การมองเห็น และสิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวคุณด้วย [9] ซึ่งการฝึกสติจะช่วยทำให้เราสามารถโฟกัสในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทนที่จะไปกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หรือไปคิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว และสิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าตัวเองกำลังประหม่ากับสถานการณ์น่ากลัวๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่
    • ลองใช้วิธีสนุกๆ ในการฝึกสติอย่างเช่น กินขนมสักชิ้นหนึ่ง และในขณะเดียวกันนั้นก็โฟกัสไปด้วยว่ามันให้ความรู้สึกยังไงและมีลักษณะแบบไหน จากนั้นก็ดูว่ามันมีรสชาติยังไง และรับรู้ถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในปากของตัวเอง โดยให้คุณโฟกัสไปที่ขนมแค่อย่างเดียวเท่านั้นและโฟกัสสิ่งที่คุณสัมผัสได้จากมัน ค่อยๆ แบ่งกินเป็นชิ้นเล็กๆ สักช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งและเพลิดเพลินไปกับมัน
    • เลือกสิ่งของอะไรก็ได้ที่อยู่ในห้องขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งและโฟกัสไปที่สิ่งนั้น มองไปที่มัน สำรวจมัน สัมผัสมัน หยิบมันขึ้นมา และพิจารณาถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งนั้น จากนั้นก็เขียนทุกสิ่งที่คุณสังเกตได้เกี่ยวกับสิ่งนั้นลงกระดาษ แล้วเอาไปแชร์กับใครสักคนดู
  6. ความรู้พื้นฐานอาจจะมีประโยชน์อย่างมากในช่วงเวลาที่เกิดความประหม่า ความเครียด และความกระวนกระวายใจ ซึ่งความรู้พื้นฐานเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คุณมีสมาธิและทำให้คุณสามารถเลิกคิดถึงความกังวลได้ชั่วขณะ นอกจากนี้ยังทำให้คุณสามารถกลับมาโฟกัสในพลังงานของตัวเองที่มีต่อบางสิ่งบางอย่างที่เป็นรูปธรรมได้อีกครั้ง
    • สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเรียกชื่อสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในห้องและบอกการใช้งานที่แตกต่างกันของสิ่งของพวกนั้น
    • คุณอาจจะบอกถึงสภาวะทุกสภาวะหรือบอกถึงสีต่างๆ ที่คุณนึกออกก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

โฟกัสไปที่สุขภาพร่างกายของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกกำลังกายคือวิธีที่ดีที่สุดในการบรรเทาความกังวลและความกระวนกระวายใจ [10] ดังนั้น ให้คุณหาวิธีในการออกกำลังกายที่จะช่วยทำให้ความกังวลใจของคุณบรรเทาลง และทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดของคุณไหลเวียนได้ดี ซึ่งนี่จะทำให้คุณสามารถปลดปล่อยความเครียดออกไปจากร่างกายได้ [11]
    • ลองทำกิจกรรมที่สนุกๆ อย่างเช่น เดินเล่น วิ่งจ๊อกกิ้ง ปีนเขา ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน โยคะ เทนนิส หรือเต้นรำ
  2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดชนิดต่างๆ . แอลกอฮอล์และสารเสพติดอาจจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ได้ชั่วขณะ แต่มันไม่ได้ช่วยทำให้คุณสามารถเอาชนะความประหม่าในระยะยาวได้ [12] สิ่งเดียวที่ของมึนเมาพวกนั้นทำได้ก็คือ แค่หาที่ค้ำยันให้กับสถานการณ์ที่น่ากังวล และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็จะไม่มีวันได้เรียนรู้วิธีการรับมือกับความประหม่าในทางที่เหมาะสมและยืดหยุ่นได้เลย และนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่พึ่งพาแต่ของมึนเมาเพื่อลดความประหม่าที่ตัวเองมี ซึ่งการเสพติดของมึนเมาอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่โดยรวมของคุณด้วย
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนที่มากจนเกินไป. กาแฟ โซดา และเครื่องดื่มชูกำลัง ล้วนมีกาเฟอีนทั้งสิ้น ซึ่งเครื่องดื่มประเภทนี้มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกกระวนกระวายมากกว่าที่จะทำให้คุณใจเย็นลง [13]
    • แทนที่จะดื่มเครื่องดื่มที่ไปกระตุ้นความกระวนกระวายใจและความเครียดให้เพิ่มขึ้น ให้คุณลองดื่มชาคาโมมายล์แทนจะดีกว่า
    • หากคุณเป็นคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวัน อย่าหยุดดื่มแบบหักดิบเด็ดขาด ให้คุณค่อยๆ งดดื่มให้น้อยลงทีละนิดเมื่อเวลาผ่านไป
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนวิธีคิด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความรู้สึกประหม่านั้นมักจะมาจากความกลัว และเราก็มักจะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แทนที่จะไปโฟกัสกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าและสิ่งที่เราต้องการจะให้เกิดขึ้น [14] ซึ่งบางครั้งเราอาจจะกังวลมากๆ ว่าจะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องแย่ๆ พวกนั้นเป็นสิ่งที่ตัวเราทำให้เกิดขึ้นเอง ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้สึกกังวลอย่างมากและคิดถึงแต่เรื่องที่ว่าคุณจะพูดตะกุกตะกักในระหว่างการพูดบรรยาย นั่นอาจจะทำให้คุณเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า คิดยังไง ก็ได้อย่างนั้น
    • แทนที่คุณจะมัวแต่ยึดติดอยู่กับสิ่งแย่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้คุณคิดถึงสิ่งที่เป็นด้านบวกที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นดู (เช่น การพูดชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยืดเยื้อ และพูดด้วยความมั่นใจ)
    • ลองนึกภาพว่าตัวเองประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองกำลังกังวลอยู่ดู แล้วลองดูว่าตัวเองรู้สึกยังไงเมื่อทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้ว
  2. บางครั้งที่เรามีอารมณ์ด้านลบ เราก็ต้องการที่จะผลักมันออกไปจากตัวเดี๋ยวนั้นเลย หรือไม่ก็พยายามที่จะซ่อนมันเอาไว้ อย่างไรก็ตาม อารมณ์ต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล เพราะมันเกิดขึ้นมาเพื่อจะบอกเราว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่ เราจะได้สามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้ ดังนั้น ให้คุณวางกรอบความคิดของตัวเองใหม่เพื่อโฟกัสไปที่ไอเดียที่ว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่คุณจะรู้สึกประหม่า [15] เพราะความประหม่านั้นเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ และคนเราทุกคนก็รู้สึกแบบนี้ในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้น ให้คุณใจเย็นๆ และอย่ากดดันตัวเอง
    • เมื่อไรก็ตามที่คุณสังเกตว่าตัวเองมีความคิดด้านลบเกี่ยวกับความรู้สึกที่ตัวเองมี อย่างเช่น “โอ้ย ทำไมรู้สึกประหม่าจัง นี่มันแย่มากๆ เลย” ให้คุณพูดประโยคต่อไปนี้แทน “ตอนนี้ฉันรู้สึกประหม่า แต่ว่ามันก็โอเคนะ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะรู้สึกแบบนั้นและฉันก็คิดว่าตัวเองสามารถผ่านมันไปได้แน่นอน”
  3. โฟกัสไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งในเวลาใดเวลาหนึ่ง. แทนที่คุณจะมัวแต่กังวลและจมอยู่กับสิ่งแย่ๆ ของสถานการณ์ที่เจอ ให้คุณคิดถึงแค่ส่วนเล็กๆ ของปัญหาก็พอ จากนั้นก็พยายามแก้ไขมัน โดยให้คุณเริ่มต้นทีละน้อยก่อน และทำในส่วนเล็กๆ ก่อนที่จะลงมือทำทั้งหมดทุกอย่าง จากนั้นก็ค่อยเพิ่มขึ้นทีละนิด แล้วก็ไปต่อเรื่อยๆ
  4. เมื่อคิดถึงสถานการณ์เฉพาะหรือเหตุการณ์บางอย่าง คนส่วนมากก็มักจะมีความคิดด้านลบที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหม่าหรือกังวลใจมากกว่าเดิม ซึ่งความคิดประเภทนี้ก็จะมีทั้ง การตีโพยตีพาย (การคิดว่าสิ่งที่แย่ที่สุดจะเกิดขึ้น) การอ่านใจ (คิดว่าตัวเองรู้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่) และการทำนายโชคชะตา (เชื่อว่าตัวเองรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง) [16] ดังนั้น ให้สังเกตเอาไว้เมื่อคุณมีความคิดในลักษณะนี้และปรับปรุงให้มันถูกต้องซะ
    • หากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังตีโพยตีพายไปก่อน ให้คุณถามคำถามบางอย่างกับตัวเองเช่น “นี่มันจะเป็นจุดจบของโลกเลยเหรอ ถ้าสิ่งแย่ๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นมา? แล้วมันจะออกมาแย่ขนาดไหน? เป็นไปได้หรือเปล่าที่มันจะไม่ได้ออกมาเลวร้ายขนาดนั้น?
    • ลองคิดถึงเวลาที่คุณรู้สึกมั่นใจ และโฟกัสไปที่ความคิดด้านบวกเช่น เพื่อนดีๆ เวลาดีๆ เสียงหัวเราะ และสิ่งอื่นๆ ที่คล้ายกัน [17]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตระหนักไว้ว่าคุณไม่สามารถควบคุมได้ทุกสถานการณ์ ดังนั้น ให้คุณพยายามทำตัวให้พร้อมต่อทุกผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้น และเรียนรู้ที่จะยอมรับในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
โฆษณา

คำเตือน

  • ในขณะที่กำลังพยายามทำในสิ่งที่คุณรู้สึกประหม่าที่จะทำ ให้คุณเลือกทำในที่ที่ปลอดภัยไว้ก่อน หากเป้าหมายของคุณเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่อาจจะเป็นอันตราย (อย่างเช่นการดำน้ำ กระโดดร่ม หรือขับรถแข่ง) ดูให้แน่ใจว่าคุณเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วและมีการรักษาความปลอดภัยรวมถึงการฝึกจากมืออาชีพ อย่าพยายามทำบางสิ่งบางอย่างที่เสี่ยงต่อสุขภาพร่างกายคุณหรือเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเหมาะสมเด็ดขาด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,537 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา