ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มีหลากหลายเหตุผลแตกต่างกันที่คนเราจำเป็นต้องอดอาหาร หรือหลีกเลี่ยงการกินอาหารเป็นบางช่วงเวลา ตัวอย่างเช่น กระบวนการทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัด จำเป็นต้องมีการอดอาหาร คุณจึงอาจต้องเรียนรู้ที่จะควบคุม และจัดการกับความหิวโหยในระหว่างมื้อ เพื่อที่คุณจะได้สามารถตัดลดการกินอาหารจุกจิก หรือการกินอาหารมากเกินไปตลอดทั้งวัน แม้หากคุณเพียงกำลังพยายามจะลดน้ำหนักลงบ้าง ใครก็ตามที่กำลังอดอาหารก็น่าจะรู้สึกหิวเป็นครั้งคราว และมีหลากหลายวิธีแตกต่างกันที่จะทำให้คุณอิ่มท้องได้โดยไม่ต้องกินอาหาร การเปลี่ยนแปลงเพียงไม่กี่อย่างด้านโภชนาการโดยรวมของคุณ กับเคล็ดลับสี่ห้าอย่างในระหว่างที่คุณกำลังอดอาหาร หรือไม่กินอาหาร สามารถช่วยให้คุณควบคุมหรือจัดการกับความหิวได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

หลอกให้ท้องเข้าใจว่าคุณอิ่ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเคี้ยวชิ้นหมากฝรั่งจะช่วยกระตุ้นให้สมองและท้อง เชื่อว่าคุณกำลังจะกินหรือรู้สึกอิ่ม [1] การทำเช่นนี้ไม่เพียงจะกระตุ้นให้สมองของคุณรู้สึกอิ่ม ยังจะทำให้แน่ใจด้วยว่าปากของคุณยุ่งเกินกว่าที่จะกิน
    • ทำให้แน่ใจว่าคุณเคี้ยวหมากฝรั่งปลอดน้ำตาล เพื่อที่จะไม่ต้องได้แคลอรี่เพิ่มขึ้นมาโดยไม่จำเป็น การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถเผาผลาญได้ 11 แคลอรี่ต่อชั่วโมง [2]
  2. การอมน้ำแข็งก้อนจะกระตุ้นความรู้สึกอิ่มเช่นเดียวกันกับหมากฝรั่ง [3] แถมน้ำแข็งก้อนยังมีประโยชน์เพิ่มเติมตรงที่ละลายเป็นน้ำได้ด้วย จะทำให้คุณอิ่มเช่นกัน [4]
    • ลองเติมรสชาติชนิดปลอดน้ำตาลลงในน้ำแข็งก้อนหากคุณไม่ชอบรสชาติของน้ำแข็งเปล่าๆ
    • ใช้ความระมัดระวังเวลาอมน้ำแข็งก้อนหากคุณมีอาการเสียวฟัน หรือใส่ที่ดัดฟันเพราะอาจทำให้เจ็บปากได้
    • คุณยังสามารถลองซื้อไอศกรีมแท่งชนิดปลอดแคลอรี่และปลอดน้ำตาล มาใช้เคี้ยวแทนน้ำแข็งก้อนได้ด้วย
  3. หนึ่งในวิธีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการทำให้อิ่มท้องโดยไม่ต้องกินอาหาร คือการดื่มน้ำเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน การบริโภคน้ำจะทำให้ท้องอิ่ม และยังทำให้ร่างกายคุณไม่ขาดน้ำอีกด้วย
    • หากคุณมีอาการขาดน้ำอาจส่งสัญญาณขึ้นไปถึงสมองซึ่งคล้ายคลึงกับสัญญาณของความหิว หากไม่ได้รับน้ำมากพอ คุณอาจรู้สึกหิว ทั้งที่อันที่จริง คุณแค่กระหายน้ำเท่านั้น [5]
    • น้ำโซดาอาจเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเช่นกันเพราะจะมีฟองโซดาเต็มท้องของคุณ
    • หากคุณไม่ชอบน้ำเปล่า ให้เติมรสชาติ ตัวอย่างเช่น เติมผลมะนาวเหลือง มะนาวเขียว แตงกวา หรือแม้กระทั่งผลไม้ เช่น ราสเบอรี่ แต่ต้องทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กินผลไม้ใดๆ ที่ได้ใส่ลงไปในน้ำ!
  4. การดื่มบางสิ่งที่มีรสชาติอาจช่วยให้ท้องของคุณสงบและสยบความหิวได้
    • คุณสามารถใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ เช่น รากชะเอม หญ้าเจ้าชู้ ใบตำแย และผักชีล้อม เพื่อช่วยระงับความอยากอาหาร [6] การแช่สมุนไพรเหล่านี้ในน้ำร้อนยังจะช่วยให้คุณมีชาดีๆ ดื่ม และยังได้ประโยชน์เพิ่มจากการดื่มน้ำที่ทำให้หนักท้องด้วย
    • ให้ทดลองดื่มชาสมุนไพร หรือชาปรุงรสโดยไม่เติมน้ำตาล
    • ชากับกาแฟเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน เพราะคาเฟอีนจะช่วยระงับความอยากอาหารของคุณ (ในระยะสั้น) ขณะเดียวกัน ก็ช่วยเติมเต็มท้องของคุณด้วยของเหลว [7]
  5. หากคุณเริ่มจะรู้สึกหิวจนแสบท้อง แต่ไม่ต้องการจะกินอะไรเลย การแปรงฟันจะช่วยให้รู้สึกอิ่มได้ ไม่เพียงเพราะการกินอาหารหลังจากแปรงฟัน จะทำให้อาหารรสชาติไม่ดี แต่เป็นเพราะกลิ่นมินต์ในยาสีฟันจะเร่งให้สมองรู้สึกอิ่มด้วย [8]
    • ใช้ยาสีฟันรสมินต์(สะระแหน่)หรือซินนามอน (อบเชย) ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่เพียงแค่มินต์ แต่ยังรวมถึงรสชาติของเครื่องเทศต่างๆ เช่น ซินนามอน (อบเชย) ด้วย ที่สามารถช่วยระงับความอยากอาหารของคุณได้ [9]
    • การทำเช่นนี้ยังจะช่วยลดความอยากน้ำตาลด้วย เพราะรสหวานจากยาสีฟันอาจช่วยตอบสนองความชอบลูกกวาดของคุณได้ชั่วครั้งชั่วคราว
  6. อมลูกอมเปปเปอร์มินต์ หรือลูกอมปลอดน้ำตาลชนิดอื่นๆ. มีหลักฐานว่ากลิ่นเปปเปอมินต์สามารถระงับแรงกระตุ้นให้คุณกินอาหารได้ [10] การอมลูกอมเปปเปอร์มินต์ไม่เพียงช่วยระงับความอยากอาหารของคุณ แต่ยังช่วยให้ปากไม่ว่างสำหรับอาหารชนิดอื่นๆ อีกด้วย
    • ทำให้แน่ใจว่าได้อมลูกอมเปปเปอมินต์ชนิดปลอดน้ำตาล เช่น ยี่ห้ออัลทอยด์ส เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องบริโภคแคลอรี่โดยไม่จำเป็น [11]
    • แม้เพียงแค่กลิ่นน้ำมันเปปเปอมินต์ก็ช่วยกระตุ้นสมองได้ ดังนั้นคุณจึงรู้สึกอิ่มท้อง [12]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เบนความสนใจของตัวคุณจากความหิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้งเวลาเราเครียด เบื่อ หดหู่ หรือโกรธ เราอาจจะรู้สึกหิว แต่อันที่จริง สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงอารมณ์รุนแรงซึ่งอาจกระตุ้นสัญญาณที่เหมือนกับความหิว [13] เพื่อจะคิดคำนวณว่าคุณกำลังเจอกับประสบการณ์ความหิวทางร่างกายจริงหรือไม่ ให้ถามตัวคุณเอง :
    • ฉันกินครั้งสุดท้ายไปเมื่อไร? หากนานกว่าสี่หรือห้าชั่วโมง ร่างกายของคุณอาจหิวจริงๆ
    • เวลาใกล้เคียงกับเวลากินตามปกติหรือไม่?
    • ฉันข้ามมื้ออาหารมาหนึ่งมื้อในวันนี้หรือไม่?
    • ฉันกำลังประสบกับสัญญาณต่างๆ ของความหิวตามรูปแบบหรือไม่? สิ่งเหล่านี้รวมทั้ง : ความรู้สึกเป็นโพรงหรือว่างเปล่า ท้องร้อง หรือ หิวจนแสบท้อง
  2. การมีบางช่วงเวลาแบบเซน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการระงับความอยากอาหาร การหายใจลึกๆ จากบริเวณหน้าท้องของคุณ จะทำให้ข้างในท้องเต็มไปด้วยลม และสามารถทำให้คุณสงบลงได้
    • ผลศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ชิ้นหนึ่งระบุว่า การนั่งสมาธิช่วยให้คุณเป็นนักกิน "ผู้คอยระมัดระวัง“ เพราะคุณจะปรับตัวให้เข้ากับสัญญาณต่างๆ ของความหิวมากขึ้น และมีความเป็นไปได้น้อยลงที่จะกินเพราะความเบื่อ [14]
    • หากคุณหิวจนแสบท้อง จงหลับตาลงและเพ่งความสนใจที่ลมหายใจของคุณ จนกระทั่งความรู้สึกนั้นผ่านพ้นไป [15]
    • คุณสามารถลองเดินจงกรม. เป็นรูปแบบของการทำสมาธิที่มีความเคลื่อนไหว สามารถช่วยให้คุณเพ่งความสนใจ สงบลง และนำคุณห่างออกจากอาหารที่น่ากิน
  3. การออกกำลังกายดีๆ เพื่อเรียกเหงื่อไม่เพียงเผาผลาญแคลอรี่ และช่วยให้คุณบริโภคน้อยลง แต่ยังสามารถระงับความอยากอาหารได้นานถึงสองชั่วโมงด้วย [16] การเพิ่มการออกกำลังกายกับเสริมการฝึกตอนช่วงพัก จะกระตุ้นฮอร์โมนที่จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มมากขึ้น และไม่โหยหาอาหาร
    • การออกกำลังกายแบบแอโรบิกช่วยลดระดับของสารเคมีชื่อฮอร์โมนความหิวเกรลิน และยังช่วยเพิ่มจำนวนของฮอร์โมนอื่นๆ ที่ช่วยระงับความอยากอาหารในร่างกายของคุณ [17]
    • การเพิ่มช่วงพัก หรือเร่งความเร็วช่วงสั้นๆ ให้กับการบริหารแบบคาร์ดิโอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิผลสูงสุดในการบรรเทาความหิว [18]
    • หากคุณหิวหลังจากออกกำลังกาย ให้ลองดื่มน้ำสักแก้ว มีบ่อยครั้งที่การหิวจนแสบท้องเป็นสัญญาณของความกระหายน้ำ [19]
  4. เวลาถูกจู่โจมด้วยความกระหายหรือความปรารถนาที่จะกิน อาจทำได้ยากที่จะเบนความสนใจของคุณจากความคิดนี้ การจดรายการสิ่งอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยเบนความสนใจของตัวคุณเองจะช่วยได้ [20] คุณอาจลอง:
    • ฟังเพลง
    • อ่านหนังสือหรือนิตยสาร
    • ทำงานบ้านต่าง ๆ
    • อาบน้ำ หรืออาบน้ำฝักบัวร้อนๆ
    • ดูหนังสักเรื่องหนึ่ง
    • เล่นเกมสักเกมหนึ่ง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปรับปรุงปัจจัยต่างๆ ของรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อจัดการกับความหิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีคำแนะนำว่าผู้ใหญ่สมควรนอนอย่างน้อยเจ็ดถึงเก้าชั่วโมงในแต่ละคืน หากคุณนอนไม่พอ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเกรลิน—ฮอร์โมนความหิวในร่างกายของคุณเพิ่มมากขึ้น การมีฮอร์โมนตัวนี้ในระดับสูงช่วยให้คุณรู้สึกหิวมากขึ้นตลอดวัน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ร่างกายที่อดนอนจะกระหายคาร์โบไฮเดรตเพิ่มมากขึ้น
    • เข้านอนเร็วขึ้น หรือตื่นสายมากขึ้นหากทำได้ เพื่อที่คุณจะสามารถนอนหลับได้ตามจำนวนชั่วโมงที่แนะนำ
    • ปิดไฟทั้งหมด ปิดอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ และอุปกรณ์อื่นใดที่เปล่งแสงหรือทำเสียง การรบกวนสมาธิแม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ หรือไม่อาจนอนต่อได้
  2. หากคุณกำลังพยายามจะรู้สึกอิ่มโดยไม่ต้องกินเพื่อการลดน้ำหนัก ยังมีความสำคัญที่จะต้องทำให้แน่ใจว่า คุณกำลังกินอาหารมื้อประจำตามปกติ การทำเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายลดน้ำหนักลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังจะช่วยรับประกันด้วยว่าคุณกำลังได้รับสารอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้ยังคงมีสุขภาพดี
    • ผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการข้ามมื้ออาหารอาจเพิ่มระดับความหิวของคุณตลอดวัน และอาจทำให้คุณกินมากเกินไป [21]
    • วางแผนจะกินอาหารอย่างน้อยวันละสามมื้อ หากมีช่วงเวลาเกินสี่หรือห้าชั่วโมงในระหว่างมื้ออาหาร คุณอาจต้องการอาหารว่างเพิ่มในระหว่างมื้อ
  3. กินอาหารโฮลฟู้ด (ธรรมชาติ) และอาหารประเภทที่ทำให้อิ่ม. การเลือกกินอาหารสามารถส่งผลต่อความรู้สึกอิ่มของคุณได้ การเลือกกินอาหารประเภทโฮลฟู้ด (เช่น ผลไม้ ผัก หรือธัญพืชเต็มเมล็ด) จะช่วยเพิ่มความเสถียรของระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ และไม่ย่อยเร็ว คุณจะรู้สึกอิ่มนานขึ้นหลังจากมื้ออาหาร [22]
    • อาหารที่มีใยอาหารสูงกับมีน้ำมาก เช่น ผลไม้และผัก ยังจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มมากขึ้นและนานขึ้นเพราะเพิ่มปริมาณให้กับมื้ออาหาร [23] ตัวอย่างเช่น คุณอาจกินผลราสเบอร์รี่หนึ่งถ้วย หรือสปาเกตตีเส้นโฮลวีตปรุงสุกหนึ่งถ้วยเพื่อช่วยเพิ่มใยอาหาร [24]
    • ซุปและสตูที่อุดมสมบูรณ์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมักจะเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่เป็นน้ำ โปรตีน และใยอาหาร การเติมส่วนผสมอื่นๆ เช่น ผักต่างๆ ถั่ว และสมุนไพร จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มมากขึ้นได้นานขึ้น ถั่วชนิดต่างๆ รวมทั้งถั่วเลนทิลมีใยอาหารสูง ขณะที่ผักต่างๆ รวมทั้งถั่วลันเตาก็เป็นทางเลือกที่มีใยอาหารสูงอีกชนิดหนึ่ง จงเติมเนื้อแดง เช่น เนื้อไก่หรือเนื้อวัวลงในซุปเพื่อให้ได้โปรตีนด้วย [25]
    • ลองชิมซอสฮัมมูสกับผักหั่นชิ้น เช่น แตงกวาซึ่งมีน้ำมาก หรือ บรอกโคลีซึ่งมีใยอาหารมาก เพื่อทำให้คุณเองรู้สึกอิ่มมากขึ้นในระหว่างมื้อ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปรึกษาแพทย์เสมอก่อนจะเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยการกินของคุณ หากแพทย์ต้องการให้คุณอดอาหาร หรือหยุดกินอาหาร จงทำให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าให้หยุดกินเมื่อไร และเมื่อไรจะสามารถกลับมาเริ่มกินได้อีกครั้งหนึ่ง
  • อย่าหยุดกินอาหารโดยสิ้นเชิงเพื่อลดน้ำหนัก หากทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกายของคุณเข้าสู่ระบบอดอาหารตามธรรมชาติ และร่างกายจะเก็บรักษาทุกแคลอรี่ที่คุณบริโภคเข้าไป


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,500 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา