ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพลงเกี่ยวกับความรักมักจะเป็นเรื่องอันดับต้นๆของหัวข้อเพลงเสมอ มีเพลงจำนวนมากที่มีชื่อเพลงแค่ "ฉันรักเธอ" ถ้าคุณอยากจะเรียนวิธีการเขียนเพลงรักสไตล์ของคุณเองละก็ บทความนี้สำหรับคุณเลย มาอ่านกัน!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

แต่งเนื้อเพลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนหัวใจของคุณให้อยู่ในเวอร์ชั่นบทกลอนและเสียงเพลง คุณจำเป็นจะต้องปลดปล่อยตัวเองและยังไม่ต้องนึกถึงข้อจำกัดของสัมผัสและทำนอง ในการที่จะทำขั้นตอนนี้ให้คุณลองจินตนาการถึงบุคคลที่คุณรัก ว่าเค้าทำให้คุณรู้สึกยังไง และตอนที่พวกคุณใช้เวลาอยู่ด้วยกันนั้นเป็นยังไงบ้าง
    • คุณอาจจะลองอธิบายลักษณะของเขา อย่างเช่น เค้ามีหน้าตาอย่างไร เค้ามีท่าทางแบบไหน ความรักของเขาเป็นยังไง หรือว่าเค้าเต้นในลักษณะไหน อะไรก็ได้ที่สามารถอธิบายรูปร่างหน้าตาท่าทางของคนๆนั้น
    • อย่าลืมบรรยายอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาด้วย อย่างเช่น เขาเป็นคนเข้มแข็ง, กล้าหาญ, ตรงไปตรงมา หรืออาจจะ เป็นคนเงียบๆและใคร่ครวญ อะไรก็ได้ที่บรรยายว่าเขาเป็น คน แบบไหน รวมถึงอธิบายบุคลิกลักษณะที่ดีของเขาลงไปด้วย
    • อธิบายความเป็น "เรา" ในความสัมพันธ์ของคุณสองคน ลองพูดถึงสิ่งที่พวกคุณชอบทำและไม่ชอบทำ พูดถึงว่าพวกคุณมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร และพวกคุณหวังอะไรในอนาคต ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีโอกาสอยู่กับสิ่งที่คุณรักจริงๆก็ตามที คุณก็ยังสามารถจินตนาการว่าถ้าพวกคุณได้อยู่ด้วยกันมันจะเป็นอย่างไรบ้าง
  2. ตรงนี้แหล่ะจะเป็นจุดที่ความคิดสร้างสรรค์ของคุณจะเริ่มเข้ามา ขยายเรื่องราวความรักของคุณในแบบที่ไม่ต้องตรงตามตัวอักษรจนเกินไป คำอุปมาอุปไมยพื้นฐานของมันคือการบรรยายว่าสิ่งๆนั้นเป็นอย่างไรโดยการใช้สิ่งของที่ไม่ใช่สิ่งๆนั้นมาอธิบาย
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรักเธอส่วนหนึ่งเพราะว่าเธอมีกลิ่นตัวหอม ซึ่งมันเป็นเรื่องดี แต่นั่นจะไม่ใช่ประโยคเด็ดในเนื้อเพลงแน่ๆ! แต่คุณอาจจะเขียนได้ว่า เธอเปรียบเป็นทุ่งดอกไม้ในคืนที่อบอุ่นและหอมหวาน
    • ดูที่การเล่าเรื่องของคุณ พยายามเพิ่มคำอุปมาอุปไมยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางคนอาจจะกลายเป็นผลงานขั้นเทพ หรือบางคนอาจจะมีกลิ่นเหมือนแค่ขยะในเมือง ตรงจุดนี้ เป้าหมายคือการดูว่าคุณสามารถพูดอะไรได้บ้างเกี่ยวกับความรักของคุณ
  3. คล้ายกับคำอุปมาอุปไมย คำเปรียบเทียบเป็นวิธีอธิบายความรักของคุณโดยการใช้สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตาม คำเปรียบเทียบจะเน้นว่าสิ่งหนึ่งมีความหมายเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง
    • เราจะมาใช้กลิ่นตัวของคนรักเป็นตัวอย่างกันอีกครั้ง เราอาจจะพูดได้ว่าเธอเปรียบเหมือนเหมือนทุ่งหญ้าดอกไม้ อย่างไรก็ดี การที่เราไม่บอกเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนั้นอาจจะทำให้คนฟังรู้สึกว่าเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ได้ คนฟังอาจจะคิดว่าที่เธอถูกเปรียบเทียบให้เป็นทุ่งหญ้าดอกไม้นั่นอาจเป็นเพราะเธอเป็นคนที่มีสีสัน หรือ กลิ่นตัวหอม หรือ ดึงดูดผู้ชายเหมือนผึ้งกับน้ำหวานกันแน่? มันเป็นไปได้หมด เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำให้มั่นใจล่ะว่าคุณอธิบายได้ครบถ้วน!
  4. เมื่อคุณได้เขียนเนื้อเรื่องของคุณเสร็จแล้ว รวมถึงมีไอเดียที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับสิ่งของที่คุณปรารถนาและวิธีการที่คุณจะอธิบายมัน คุณสามารถเริ่มต้นที่จะคิดว่าเพลงของคุณจะออกมาแบบไหน ในการที่จะทำให้เนื้อเพลงเป็นรูปเป็นร่างนั้นให้เราสร้างพื้นที่ภายในกรอบภาพโดยรวมๆของเราและใส่เนื้อเพลงมันลงไป
    • เราจะมาดูตัวอย่างจากข้อบนๆกัน เราสามารถใช้รูปภาพรวมเป็นสวนหนึ่งแห่ง คุณมีดอกไม้แล้ว บางทีคุณอาจจะเพิ่มรากต้นไม้, ผึ้ง หรือว่าส่วนอื่นๆของสวนลงไปเพื่อแต่งเนื้อเพลงของคุณ
  5. เพื่อที่จะสร้างความเกี่ยวข้องกันที่อยู่นอกจากเนื้อเรื่องของคุณ ให้คุณใช้รูปภาพและพจนานุกรมรวมคำศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน และสร้างลิสต์คำที่คุณสามารถหยิบมาใช้ได้
    • ยกตัวอย่างจากคำว่า “สวน” คุณอาจจะลิสต์คำอย่างอื่นเช่น “การเจริญเติบโต” “ดอกไม้” “อ่อนโยน” หรือาจจะพูดถึง “โรงเพาะพืชอุณหภูมิอุ่น” สำหรับภาพที่ร้อนแรงขึ้น!
  6. ใช้ลิสต์คำที่คุณคิดมาจากภาพในหัวของคุณและใช้พจนานุกรมเสียงสัมผัสเพื่อหาคำที่มีเสียงคล้องจองกันหรือคำที่ตรงกับภาพที่คุณสร้างไว้ที่สุด บางคำอาจจะง่ายกว่าคำอื่น!
    • ยกตัวอย่างเช่นคำว่า “ดอกไม้” หาเสียงสัมผัสได้ง่ายๆเลยคือคำว่า “ใบหญ้า” “ในป่า” หรือคำอื่นๆที่จะยากขึ้นเสียหน่อย เช่น คำว่า “เติบโต” เป็นต้น คุณสามารถใช้ลิสต์คำที่มีเสียงสัมผัสคล้ายกันเพื่อมาดูว่ามีคำไหนบ้างที่ฟังดูแล้วแปลกๆ หรือใส่แล้วไม่เข้าท่าซักนิด
  7. กำหนดว่าเพลงจะพัฒนาไปทิศทางไหน ในตอนนี้คุณมีไอเดียแล้วว่าคุณจะตีกรอบบทกวีเพลงเกี่ยวกับความรักของคุณยังไง ลองวาดแบบคร่าวๆว่าคุณอยากพูดอะไร แล้วจะพูดแบบไหน รูปแบบของเพลงรักทั่วๆไปคือ “เนื้อร้อง, เนื้อร้อง, ท่อนฮุค, เนื้อร้อง, ท่อนฮุค”
    • ในทุกๆท่อนเนื้อร้องปกติจะมีเนื้อหาไม่ซ้ำกันและท่อนฮุคจะเชื่อมท่อนเหล่านี้เอาไว้ ให้คุณลองวาดคร่าวๆว่าแต่ในละส่วนของเพลงคุณจะพูดถึงอะไรบ้าง
    • ตัวอย่างเช่น เนื้อร้องท่อนแรกอาจจะพูดถึงว่าคุณมองความรักแบบไหน เนื้อร้องท่อนที่สองคือเธอทำให้คุณรู้สึกยังไง และเนื้อร้องท่อนสุดท้ายก็อาจจะพูดว่าคุณมองอนาคตของพวกคุณยังไง
    • ตรงท่อนฮุค คุณสามารถทำอะไรกับมันได้หลายแบบ เช่น คุณสามารย้อนกลับไปพูดถึงสวนแห่งนั้นที่ความรักของคุณเติบโตขึ้นมา หรือใช้มันเพื่อบรรยายความเสียใจของคุณว่าทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆแล้วไม่มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่คุณจินตนาการ (ถ้าอยากให้เป็นคำศัพท์วัยรุ่นอาจจะใช้คำว่า “มโน” แต่เกรงว่าจะเป็นคำไม่ทางการ) ไปเองทั้งนั้น ทุกอย่างสามารถหยิบได้จากเนื้อเรื่องที่คุณแต่งไว้นั่นแหล่ะ!
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เอาเพลงของคุณมาใส่ดนตรี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนที่คุณจะเริ่มนำเพลงของคุณใส่ทำนอง คุณจะต้องคิดว่าพื้นฐานทำนองเพลงของคุณคืออะไร หลายๆครั้งที่คุณกำลังแต่งเพลงอยู่ มันจะเกิดไอเดียขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจงคิดซะว่าคุณโชคดี! อย่างไรก็ตามมันจะต้องมีบางครั้งที่เทพธิดาจะไม่อยู่ข้างคุณ และคุณจะต้องริเริ่มคิดทำนองเพลงเอง
    • เริ่มต้นด้วยการเปิดอุปกรณ์บันทึกเสียง ไม่ว่ามันจะเป็นตลับเทปหรือมันเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อัดเสียงแบบดิจิตอลอย่าง ProTools นั่นก็ไม่ต่างกันเพราะเป้าหมายคือ คอยติดตามไอเดียของคุณ
    • ใช้เนื้อเพลงของคุณเป็นตัวช่วยในการคิดจังหวะเพลง และลองฮัมเพลงตามทำนองที่เกิดขึ้น ถ้าคุณต้องการ คุณยังสามารถใช้คำๆนั้นเป็นเพื่อพัฒนาทำนองเพลงเลยก็ได้ หรือคุณจะลองทำตามแบบศิลปินอย่าง Peter Gabriel ที่ร้องพยางค์แบบมั่วๆเพื่อจะให้มีไอเดียว่าทำนองเพลงจะออกมาแบบไหน
    • ทำตามนี้ไปซักครึ่งชั่วโมงแล้วก็วางมันไว้ก่อน คุณลองไปพักตัวเอง พาหมาไปเดินเล่น ดูรายการโปรดในทีวี มันไม่จำเป็นว่าสิ่งที่คุณจะไปทำคืออะไร ตราบใดที่มันสามารถทำให้หัวและหูของคุณโล่งไปซักชั่วโมงนึง
  2. นั่งลงพร้อมปากกาและดินสอ จากนั้นฟังสิ่งที่คุณอัดลงไป คุณอาจจะพบบางส่วนที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นมาก และบางส่วนที่ทำให้คุณง่วงจนอยากหลับ ให้คุณจดส่วนที่คุณชอบและนำมันไปพัฒนาทำนองเพลงต่อ
    • ขณะที่คุณกำลังหาไอเดียใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทำนองเพลงของคุณ ลองนำความคิดที่ได้มาเล่นกับกีต้าร์หรือเปียโนดูสิ. เพราะหากคุณเหมือนกันคนอื่นๆ ทั่วไปที่ไม่เคยฝึกร้องเพลงที่ไหนมาก่อน การลองเล่นทำนองกับกีต้าร์หรือเปียโนนี้จะยิ่งช่วยให้คุณจดจ่อกับเพลงมากขึ้นด้วย
  3. ในระหว่างที่คุณสร้างทำนองเพลง คุณก็เหมือนบอกเป็นนัยๆว่าเสียงประสานในเพลงนั้นคืออะไร ให้คุณลองร้องเพลงไปเรื่อยๆและคิดเกี่ยวกับคอร์ดเพลงที่คุณจะใช้เป็นหลัก ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอะไรที่เริ่ดมากก็ได้เพราะคุณสามารถปรับเปลี่ยนทำนองเพลงได้ในตอนหลัง หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนรสชาติของเพลงไปเลย
    • หรือคุณจะทำในแบบตรงข้ามก็ได้ นั่นคือคุณเริ่มต้นจากโครงสร้างของเสียงประสานก่อนแล้วค่อยมาคิดทำนองเพลงจากคอร์ด จริงๆถ้าจะให้พูดมากกว่านั้นคุณค่อยมาคิดเนื้อเพลงหลังจากที่คุณคิดทำนองเพลงให้เสร็จก่อนยังได้ วิธีการแต่งเพลงของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนพบว่าวิธีนี้ง่ายกว่าอีกวิธี อีกคนพบว่ามันยากกว่า ถ้าวิธีไหนมันไม่เวิรค์สำหรับคุณแล้วละก็คุณก็เปลี่ยนไปใช้อีกวิธีนั่นเอง
  4. เมื่อไหร่ที่คุณมีเนื้อเพลง, ทำนองเพลงและเสียงประสานแล้วทีนี้ก็บรรเลงมันเลย! ให้คุณใช้อุปกรณ์อัดเสียงบันทึกเพลงในรูปแบบต่างๆกันของคุณ แล้วพักมันไว้ก่อนซักคืนนึง วันรุ่งขึ้นกลับมาฟังว่าคุณอัดอะไรลงไปบ้าง และหยิบเอาส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละรูปแบบแล้วนำมันมาขัดเกลาเพลงของคุณให้ดีขึ้น
    • ทำขั้นตอนนี้ซ้ำๆจนกระทั่งคุณรู้สึกพอใจกับเพลงของคุณ เมื่อคุณทำเสร็จแล้ว อย่าลืมไปหาคนรักของคุณแล้วร้องเพลงนี้นะ!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ให้เพลงกลั่นออกมาจากหัวใจ
  • แม้ว่าจะเป็นแค่การพบรักหรือถูกใจใครสักคนที่คุณรู้จักเขาเป็นอย่างดีก่อนหน้านี้แล้ว ก็อย่าได้กลัวที่จะลองกลั่นความรู้สึกจากใจคุณออกมาเป็นเพลง
  • เขียนเพลงออกมาให้รู้สึกได้ว่านี่เป็นสิ่งที่คุณรู้สึกเองจริงๆ สำหรับเขาหรือเธอคนนั้น
  • ใส่อารมณ์เข้าไปในเนื้อเพลงเพื่อให้เพลงเข้าถึงใจคนฟังมากขึ้น
  • ระหว่างแต่งเพลง ให้คิดว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับคนคนนั้นเยอะๆ เพราะจะยิ่งทำให้เพลงออกมาดีขึ้น
  • ขณะเขียนหรือร้องคลอไปก็ให้ออกมาจากใจจริงๆ
  • พยายามเขียนออกมาให้คนๆนั้นรู้สึกว่าเขาหรือเธอเป็นคนพิเศษมากๆสำหรับคุณ ใส่เนื้อเพลงเข้าไปเพื่อสื่อว่าเป็นคนๆนี้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่ก็อย่าโจ่งแจ้งเกินไป ซึ่งก็หมายความว่า จะมีเพียงคนๆนั้นที่รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร
  • สนุกไปกับการแต่งเพลง และอย่าให้ความกังวลใจเป็นตัวขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ของคุณ
  • อย่าไปกลัวความรู้สึกจริงๆของคุณเอง
  • อย่ากลัวที่จะต้องแสดงความรู้สึกที่แท้จริงหรือความแน่วแน่ในการรักใครสักคน
  • แสดงความรู้สึกของคุณให้เขาหรือเธอคนนั้นได้รู้
  • ถ้าคุณกลัวว่าคนพิเศษของคุณจะรู้ ก็ให้ใช้แค่คำว่า "เขา" หรือ "เธอ" พอ
  • ยิ่งฝึกเขียนเพลงมาก คุณก็จะยิ่งเขียนออกมาได้ง่ายและไวขึ้น
  • อย่ากังวลที่จะต้องร้องเอง ถ้าคุณอยากร้องเพลงนี้ให้กับคนพิเศษของคุณ
  • บอกไปเลย ของอย่างนี้ต้องกล้าๆหน่อย!
  • โปรแกรม Power Tab, Guitar Pro, Garage Band และโปรแกรมเขียนเพลงอื่นๆ จะช่วยคุณได้มาก
  • อย่าใช้คำว่า "รัก" จนพร่ำเพรื่อ ให้เขียนเกี่ยวกับความรู้สึกที่แท้จริงที่คุณมีให้กับเขาหรือเธอคนนั้น โดยเลี่ยงการใช้คำว่า "รัก" "ที่รัก" และคำพูดหวานเลี่ยนที่ฟังดูน่ารำคาญจนเกินไป
  • อย่ากลัวที่จะทำสิ่งผิดพลาด แค่เป็นตัวของตัวเอง และคุณก็จะเขียนเพลงออกมาได้ดีเอง ที่สำคัญคือต้องบอกเล่าความรู้สึกว่าคุณชอบคนๆนั้นอย่างไรและใช้อุปมาอุปไมยเปรียบเทียบความรู้สึกของคุณเท่านั้นเอง
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • กระดาษ ปากกา หรือ คอมพิวเตอร์
  • เครื่องดนตรี

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 85,662 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา