ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนกระตือรือร้นคือการพร้อมสำหรับการพูดคุยและพฤติกรรมที่มีแรงขับเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังหมายถึงการเป็นคนเฉียบแหลมและฉลาดมากพอที่จะไม่ตกอยู่ใต้การบงการของใครและเปิดใจเรียนรู้ในสิ่งที่ดีงาม การเป็นคนที่มีจิตใจกระตือรือร้นเป็นเรื่องท้าทาย! แต่โชคดีที่คุณมีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ ในตอนนี้ อยู่ในคลังเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นไปกันเลย!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

มีทัศนคติที่ถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การจะทำอะไรให้สำเร็จนั้นเป็นเรื่องยากถ้าเรามัวแต่จมปลักกับความคิดจำพวก "เฮ้อ ชีวิตแย่ชะมัด ฝนก็ดันมาตกอีก" ความคิดแบบนี้ทำให้เราอยากเอาแต่นอนขดอยู่บนเตียงจนกว่าจะมีใครมาลากเราออกไปจริงๆ คุณจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ! การคิดเชิงบวกเป็นวิธีเดียวที่คุณจะหาแรงบันดาลใจได้ตั้งแต่แรก
    • ถ้าคุณพบว่าตัวเองกำลังคิดเชิงลบ ให้หยุด อย่าคิดต่อจนจบ เบี่ยงเบนความสนใจของคุณไปที่อย่างอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังคิดถึงแรงบันดาลใจ! งานตรงหน้าคุณน่ะเหรอ มันทำได้และคุณก็มีความสามารถมากพอที่จะทำมันให้เสร็จด้วย การคิดแบบอื่นมีแต่จะทำให้คุณไม่แม้แต่จะพยายามด้วยซ้ำ
  2. สร้างความมั่นใจ. ในการที่จะคิดบวกกับโลกรอบตัวให้ได้นั้น คุณจะต้องคิดบวกกับตัว คุณ เอง ถ้าคุณคิดว่าคุณทำไม่ได้ ก็เท่ากับว่าคุณจำกัดความตั้งใจที่จะใช้ความพยายามเพื่องานนี้อย่างร้ายแรง ทำไมคุณจะต้องมาเสียเวลาทำในสิ่งที่คุณคิดว่าคุณทำไม่ได้ด้วยล่ะ แน่นอน คุณไม่ทำหรอก
    • ในการเริ่มสร้างความกระตือรือร้น ให้นับความสำเร็จของตัวเองก่อน คุณมีอะไรดีๆ ในชีวิตบ้าง ที่ผ่านมาคุณเคยทำอะไรเจ๋งๆ บ้างไหม คุณมีแหล่งความช่วยเหลืออะไรติดตัวบ้าง นึกถึงทุกสิ่งที่คุณเคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต เพราะอะไรคุณถึงจะทำในสิ่งที่คุณต้องการตอนนี้ไม่สำเร็จล่ะ! คุณก็เคยทำอย่างเดียวกันมาแล้วนี่
  3. ตอนที่ Les Brown พูดเรื่องแรงบันดาลใจ เขาย้ำซ้ำๆ ว่า "คุณต้องกระหายมัน!" สิ่งที่เขาต้องการจะบอกก็คือ คุณจะต้องอยากได้มันจริงๆ คุณไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่มีมันได้ การคิดว่ามันคงจะดีถ้าได้มาหรือการมีความปรารถนาที่ไม่มากพอที่จะนำไปสู่การลงมือทำไม่ได้ช่วยพาคุณไปสู่ความสำเร็จ จงอยากได้มัน ถ้าคุณไม่อยากได้มันจริงๆ ตอนนี้คุณจะพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองไปทำไม
    • บางครั้งการโน้มน้าวใจให้ตัวเองเชื่อว่าคุณอยากได้มันก็อาจจะต้องอาศัยการบิดเบือนสักเล็กน้อย ไม่อยากไปทำงานเหรอ ก็ งานเป็นเส้นทางที่นำไปสู่อย่างอื่นหรือเปล่าล่ะ ถ้าคุณเฝ้าฝันถึงทริปพักร้อนในฮาวายอยู่ละก็ ลองนึกว่างานคือเส้นทางที่นำคุณไปสู่ฮาวายดูสิ คุณอยากไปฮาวายจริงๆ และการทำงานก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณได้ไปฮาวาย คุณสามารถทำสิ่งที่ไม่อยากทำได้ง่ายกว่าเมื่อคุณมีเป้าหมายในใจที่เป็นเป้าหมายที่คุณกระหายมันจริงๆ
  4. การสร้างพฤติกรรม (หรืออาจจะแม้กระทั่งนิสัยชั่วชีวิต) ที่รู้ว่าจะเกิดความล้มเหลวระหว่างทางนั้นเป็นสิ่งสำคัญ การเป็นคนนิยมความสมบูรณ์แบบเกี่ยวกับตัวเองนั้นมีแต่จะทำให้คุณกระวนกระวายใจและอยากจะล้มเลิก คุณจะต้องล้มเหลวเป็นบางครั้ง คุณแค่ต้องรู้ว่าคุณมีความสามารถในการที่จะลุกขึ้นมาใหม่ และถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็คือ รู้ว่าคุณจะต้องลุกขึ้นมาได้ อย่างแน่นอน
    • ความล้มเหลวหรือความพ่ายแพ้ของคุณไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ แต่ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้ บางครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นเพราะคุณ (ไม่ใช่ว่าทุกการตัดสินใจจะดี) แต่บางครั้งมันก็อาจจะเกิดจากสถานการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของคุณ การเผชิญหน้ากับความล้มเหลวด้วยสติท้ายที่สุดจะมีประโยชน์กับคุณมากมายมหาศาล
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรู้ว่าเราไม่ต้องการอะไรเป็นเรื่องง่าย การรู้ว่าเรากลัวอะไรเป็นเรื่องง่าย บ่อยครั้งที่การจะเจาะจงว่าอะไรทำให้เรามีความสุขและอะไรที่เราต้องการจริงๆ กลับเป็นเรื่องยากกว่า อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้อะไรสักอย่าง เราต้องเริ่มคิดจากเป้าหมายที่เป็นบวก ไม่ใช่ความกลัวที่เป็นลบ แทนที่จะคิดว่า "ฉันไม่อยากจน" เป้าหมายที่ดีกว่าคือ "ฉันอยากเก็บเงินให้ได้เดือนละ X บาท" เห็นไหมว่าเป้าหมายแบบที่สองดูทำได้มากกว่าแค่ไหน และน่ากลัวน้อยกว่ากันด้วย!
    • เป้าหมายที่เป็นบวกในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเป้าหมายที่เจิดจรัสประดุจดั่งลำแสงรังสีจากแสงอาทิตย์ แต่เป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ สิ่งที่บอกว่าคุณทำได้ เป้าหมายที่ว่า "ไม่อยากอ้วน" แค่ได้ยินก็ห่อเหี่ยวแล้ว แต่ "ลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลกรัมด้วยการรับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกาย" นั้นเป็นเป้าหมายที่ไม่ทำให้คุณหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่เริ่มคิด
  2. การมีเป้าหมายที่สูงส่งเป็นเรื่องหนักหนา พอคุณเห็นว่าหนังสือมี 7 ภาคคุณก็ไม่อยากจะอ่านแล้ว แทนที่จะคิดอย่างนั้น ให้แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายเล็กๆ เล่มที่เหลือก็ยังอยู่ตรงนั้นแหละ มันแค่รอให้คุณพร้อมที่จะหยิบมันขึ้นมาเท่านั้นเอง
    • แทนที่จะคิดว่า "ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 25 กิโลกรัม" ก็ให้คิดว่า "สัปดาห์นี้ฉันอยากจะลดน้ำหนักให้ 1 กิโลกรัม" หรือ "ฉันอยากจะออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 4 หรือ 5 วัน" วิธีคิดแบบนี้รับรองผลลัพธ์แบบเดียวกัน แต่ทำให้เรารู้สึกว่าง่ายกว่า
  3. ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว มนุษย์เราต่างก็ตามหาเป้าหมายและทิศทางของตัวเอง และนี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของอัตถิภาวนิยมเท่านั้น เพราะเราต่างก็หาเป้าหมายในงาน ความสัมพันธ์ และแม้กระทั่งงานอดิเรกของเราด้วยกันทั้งสิ้น ถ้ามันไม่เติมเต็มเรา เราก็ไม่ทำมัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะกำลังลดน้ำหนัก ทำงานล่วงเวลา หรือเรียนต่อมหาวิทยาลัย อย่าลืมติดตามความก้าวหน้าของตัวเองด้วย! วิธีนี้จะทำให้คุณมีแรงขับเคลื่อนและทำให้คุณเห็นผลที่ตามมาในด้านบวกของพฤติกรรมตนเอง มันจะทำให้คุณรู้สึกถึงเป้าหมาย
    • คุณต้องติดตามพฤติกรรมของคุณ และ ผลลัพธ์ที่ได้ "เฮ้ย! ฉันเจ๋งสุดๆ ไปเลย! ดูสิว่าฉันทำอะไรได้!" คุณต้องการผลลัพธ์เพื่อให้เห็นว่าอะไรได้ผลและไม่ได้ผลกับคุณ เช่น ถ้าคุณลองวิธีเรียนหนังสือ วิธีออกกำลังกายที่แตกต่างกันมาแล้ว 3 วิธี วิธีไหนให้ผลลัพธ์สมกับความพยายามของคุณมากที่สุด จากนั้นคุณก็จะสามารถปรับปรุงและสร้างกลยุทธ์จากจุดนี้ได้
  4. เราไม่ใช่เครื่องจักร (แต่แม้กระทั่งเครื่องจักรก็ยังต้องพัก) งานวิจัยพบว่า นักศึกษาที่พักจะเรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า [1] และก็รู้กันทั่วไปว่ากล้ามเนื้อของคนเราต้องการการพักด้วยเช่นกัน การพักไม่ใช่เรื่องของคนขี้เกียจ แต่เป็นเรื่องของคนที่รู้ว่าเขาต้องการไปต่อต่างหาก
    • การกำหนดว่าจะต้องพักเมื่อไหร่นั้นก็แล้วแต่คุณ นอกจากนี้มันยังขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายท้ายที่สุดเป็นอะไรด้วย นอกจากจะต้องมีช่วงพักเล็กๆ ในแต่ละวันแล้ว ชีวิตก็ต้องมีช่วงพักด้วยเช่นกัน
  5. พวกเราส่วนใหญ่ทำงานที่เราไม่ได้คลั่งไคล้อะไรมาก ออกกำลังกายในแบบที่เราไม่ได้อยากทำ และมีรายการสิ่งที่ต้องทำที่เรายินดีจ่ายเงินให้ใครก็ได้มาทำให้เสร็จแทนเรา สิ่งเหล่านี้ไม่มีทางหายไปไหน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องทำให้มันจัดการได้และน่าสนุกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • นึกถึงงานของคุณ ถ้ามันแย่ คุณจะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร คุณสามารถขอทำโปรเจ็กต์ที่คุณสนใจเป็นพิเศษได้ไหม คุณจะให้เวลากับด้านที่คุณชอบ จริงๆ ได้อย่างไร
    • ถ้าการออกกำลังกายเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าอภิรมย์ ก็ให้หาการออกกำลังกายแบบใหม่! คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิ่งมาราธอนถึงจะเผาผลาญพลังงานได้ ไปว่ายน้ำ เข้าเรียนคอร์สอะไรสักอย่าง หรือไปเดินป่า ถ้าคุณไม่ชอบการออกกำลังกายในแบบที่คุณทำอยู่ คุณก็จะทำไม่ได้นาน
  6. นี่เป็นจุดที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการคือเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับช็อกโกแลต Snickers อย่างไรก็ตามรางวัลเป็นสิ่งที่ทรงพลังเมื่อใช้นานๆ ครั้งและใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณทำอะไรได้สำเร็จลุล่วง อย่าลืมให้รางวัลที่คุณสมควรได้รับด้วย!
    • คุณไม่สามารถให้รางวัลตัวเองทุก 5 นาทีขณะพยายามทำในสิ่งที่คุณกำลังทำได้ เพราะว่ามันจะทำให้คุณเสียสมาธิและเลยเวลาโดยใช่เหตุ อย่างไรก็ตามแม้แต่เป้าหมายเล็กๆ ถ้าคุณทำได้ก็ควรให้รางวัลตัวเองด้วย สัปดาห์นี้คุณออกกำลังกายทุกวันเลยใช่ไหม ดีเลย ถ้าอย่างนั้นให้เวลาตัวเองสักวันเล่นโยคะที่บ้านและดูหนังสักเรื่อง
  7. ในการที่จะหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อที่จะทำบางสิ่งให้สำเร็จลุล่วงนั้น เรามักจะต้องทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน ความผิดพลาดจะต้องเกิดขึ้นถ้าคุณกำลังเติบโตและทำได้ดีกว่าเดิม คุณสามารถตัดมันออกจากรายการสิ่งที่เป็นไปได้ และจุดนี้เองที่ทำให้หนทางสู่การลงมือปฏิบัติของคุณแคบลง ตามหลักการแล้วความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว
    • นอกจากนี้ความกลัวว่าจะดูโง่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนไม่กล้าลงมือทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการยกมือในห้องเรียนหรือลองใช้เครื่องมือใหม่ที่คุณไม่แน่ใจว่ามันใช้อย่างไร มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าคุณอยากจะได้เกรดดีๆ ผอม หรือเริ่มต้นธุรกิจประเภทนั้นจริงๆ คุณจะต้องทำในสิ่งที่คุณอาจจะไม่อยากทำ
    • ในทางเดียวกันก็อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดฉุดรั้งคุณไว้ เราอาจจะทำผิดพลาดได้ง่ายๆ รู้สึกว่าเราล้าหลังเข้าไปทุกที ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น หยุด เถอะ แต่ถ้าคุณบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่ทางเลือก ความรู้สึกนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ความล้มเหลวไม่ได้สลักสำคัญอะไร การลุกขึ้นยืนใหม่ได้อีกครั้งต่างหากที่สำคัญ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

พยายามต่อไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาคือ เราต้องการสิ่งเตือนใจให้เราก้าวต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นผู้คนหรือสิ่งของ อะไรก็ได้ที่ทำให้เราสามารถคงทัศนคติที่ถูกต้องเอาไว้ได้ การเสียสมดุลและลืมว่าเราอยากไปอยู่ที่ตรงไหนนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจภายนอกเหล่านี้จะทำให้เรามีสมาธิและรู้ทิศทาง
    • มีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้คุณอยู่ในทิศทางของตัวเองเสมอ เปลี่ยนแบ็กกราวน์ของเดสก์ท็อปในคอมพิวเตอร์ แปะโพสต์-อิตไว้บนกำแพง เขียนโน้ตเตือนไว้ในโทรศัพท์ ใช้เสียงรอบข้างและทำให้มันเกิดประโยชน์ต่อตัวคุณเอง
    • ผู้คนก็สร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้เช่นกัน! บอกทุกคนที่คุณรู้จักกว่าคุณกำลังพยายามลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลกรัม หวังว่าพวกเขาจะสามารถแนะนำแหล่งความรู้และทำให้หนทางของคุณง่ายขึ้นนอกเหนือไปจากที่คุณต้องหาหนทางด้วยตัวเอง
  2. โชคไม่ดีที่คนรอบข้างก็อาจเป็นตัวทำลายแรงบันดาลใจได้เช่นกัน เราต่างมีเพื่อนที่ชอบอ้อนวอนให้เรากินชีสเค้กอีกชิ้นให้ได้ คนๆ นี้ไม่ใช่คนที่เหมาะจะอยู่กับคุณ เพื่อไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ ทุกคนต้องมีเชียร์ลีดเดอร์คอยให้กำลังใจ! บอกเพื่อนๆ และครอบครัวว่าคุณกำลังพยายามสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องอะไร คุณมีคนสนิทในเครือข่ายของคุณสัก 2 – 3 คนที่ช่วยให้คุณรู้สึกถึงเป้าหมายและมีแรงขับเคลื่อนไหม
    • การมีผู้ให้คำปรึกษาที่เคยผ่านสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้มีประโยชน์กับคุณมากๆ คุณรู้จักใครที่เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ลดน้ำหนักได้ 25 กิโลกรัม หรือเคยทำตามความฝันได้สำเร็จไหม คุยกับพวกเขาสิ! พวกเขาทำได้อย่างไร ความมานะอุตสาหะและสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของคุณเป็นสิ่งที่ทำได้จริงอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณมีแรงใจและกระตือรือร้น
  3. ขณะที่คุณกำลังทำตามเป้าหมาย คุณก็น่าจะเบื่อ กระสับกระส่าย หรือสูญเสียความสนใจ เพื่อเลี่ยงไม่ให้คุณตกหลุมพรางเหล่านี้ คุณต้องเรียนรู้อยู่เสมอ! เพิ่มรสชาติให้มันหน่อย! มันยากที่จะกระตือรือร้นกับ อะไรก็แล้วแต่ ในระยะยาว แต่ถ้าเป้าหมายมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าความรู้ของคุณเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มันก็จะง่ายขึ้น
    • ถ้าคุณตั้งเป้าที่จะลดน้ำหนัก ให้อ่านเรื่องราวความสำเร็จและบล็อก พูดคุยกับเทรนเนอร์ที่ฟิตเนส ถามนักโภชนาการ สำรวจส่วนประกอบใหม่ๆ (วิธีการฝึก แผนการรับประทานอาหาร เป็นต้น) ไปทีละอย่าง การทำให้ มัน สดใหม่จะทำให้ใจคุณสดชื่น
  4. วิธีที่จะสูญเสียกำลังใจได้ดีที่สุดอย่างรวดเร็วก็คือ การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น คุณไม่มีวันเป็นเขาและเขาก็ไม่มีวันเป็นคุณ เพราะฉะนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ แม้ว่าคุณจะเคยได้ยินประโยคนี้มาเป็นล้านครั้ง แต่มันก็คุ้มที่จะพูดซ้ำ : คนเดียวที่คุณควรจะเปรียบเทียบตัวเองด้วยก็คือตัวคุณในวันวาน การที่คุณได้พัฒนาขึ้นหรือเปล่าต่างหากที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าคนอื่นไปถึงไหนกันแล้ว
    • นี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าทำไมการติดตามความก้าวหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน คุณต้องรู้ว่าตัวเองเคยอยู่จุดไหนมาก่อน ถ้าคุณก้าวหน้ากว่าเดิม ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องรู้สึกผิด ไม่ว่าการแข่งขันจะเป็นอย่างไร
  5. เมื่อคุณใกล้ถึงเป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นไปได้มากว่าคุณจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างทางมากมาย ใช้ความรู้นี้ช่วยเหลือคนอื่นสิ! เพราะการช่วยเหลือคนอื่นไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย คุณไม่เคยหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยคุณระหว่างทางบ้างเหรอ
    • คุณลดน้ำหนักได้ เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง หรือทำข้อสอบได้คะแนนดีสุดๆ หรือเปล่า ใช้สิ่งที่คุณรู้ช่วยเหลือคนอื่นและที่ยิ่งดีไปกว่านั้นก็คือ คุณจะได้เรียนรู้ผ่านการเล่าต่อด้วย เช่นเดียวกับที่การอ่านหนังสือดังๆ และการท่องข้อเท็จจริงของคุณให้คนอื่นฟังทำให้คุณเข้าใจมากขึ้น การช่วยเหลือคนอื่นก็ทำให้คุณมีสมาธิจดจ่อและรู้สึกดีกับความก้าวหน้าของตัวเอง
  6. เมื่อคุณเริ่มทำตามเป้าหมายเล็กๆ เหล่านั้นได้แล้ว ก็ไม่เหลืออะไรให้คุณทำนอกเสียจากการบินให้สูงขึ้น! เริ่มมองไปที่ภาพใหญ่และมุ่งความสนใจไปที่จุดหมายปลายทาง คุณจะไม่ทำตามเป้าหมายเล็กๆ อีกต่อไป ถึงเวลาที่จะต้องทำสิ่งที่ใหญ่กว่าเดิมแล้ว พูดถึงการสร้างแรงบันดาลใจ! คุณจะเริ่มเขียนกำหนดการเดินทางไปฮาวายตอนนี้เลยก็ได้นะ! และคุณก็จะใส่ชุดว่ายน้ำชุดนั้นได้พอดีด้วย!
    • คุณต้องมีเป้าหมายปลายทางไว้ในใจเสมอ ไม่อย่างนั้นคุณจะรู้สึกว่ามันอยู่ไกลออกไปและไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ คุณพยายามขนาดนี้เพื่ออะไรกันล่ะ คุณรู้ดีว่าทำไม และแสงสว่างก็อยู่ที่ปลายอุโมงค์นั่นเอง คุณจะทำอะไรต่อไปเมื่อคุณไปถึงเป้าหมายนี้แล้ว หวังว่าคุณจะพาตัวเองไปสู่เป้าหมายถัดไปนะ!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พูดราวกับว่าคุณไปถึงจุดที่คุณอยากจะไปแล้ว อย่าพูดว่า "ฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี" แต่ให้พูดว่า "ฉันมองโลกในแง่ดี" จะดีกว่ามาก
  • การกล่าวยืนยันสิ่งที่เป็นบวกซ้ำไปซ้ำมามักจะช่วยให้คุณเข้มแข็งขึ้นได้ เลือกประโยคที่เหมาะกับปัญหาของคุณ ถ้าคุณกลัว ให้พูดว่า "ฉันปลอดภัย" ถ้าคุณขี้อาย ให้พูดว่า "ฉันเป็นคนมั่นใจในตัวเอง" หลีกเลี่ยงการใช้คำเชิงลบและให้จดจ่อกับเป้าหมายอยู่เสมอ
  • การเดินทางเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองนั้นเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง ระหว่างทางคุณจะได้ช่วยให้ใครหลายคนได้ปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองโดยที่คุณอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
  • คุณจะต้องเจอสิ่งกีดขวาง แต่คุณก็ต้องไปต่อ ก้าวที่ผิดพลาดอาจทำให้ก้าวดีๆ ทั้งหมดที่คุณเคยทำมาเป็นศูนย์ เช่นเดียวกับที่ก้าวที่ถูกต้องก็ช่วยให้คุณก้าวกระโดดได้เช่นกัน ชีวิตก็เป็นแบบนี้
  • เมื่อคุณชื่นชมบางสิ่งอย่างแท้จริง คุณจะต้องการมัน อย่าปล่อยให้ความคิดเชิงลบเข้ามาอยู่ในหนทางของคุณ...เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่สิ่งที่อยู่ในหัวของคุณ...แต่เป้าหมายและความฝันไม่ใช่
  • มีเป้าหมายและความปรารถนาที่ชัดเจน เพราะนั่นเป็นที่ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ
  • คิดบวก คุณจะต้องเจออุปสรรคอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเข้มแข็งเข้าไว้และเดินหน้าต่อไป คุณมีค่าพอที่จะได้รับสิ่งนั้น!
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ากังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะความคิดเชิงลบจะกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดี เหมือนที่ความคิดเชิงบวกจะกลายเป็นนิสัยที่ดี
  • อย่าก่นด่าตัวเองถ้าคุณต้องเผชิญกับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในรูปแบบใหม่ของการสร้างความกระตือรือร้นให้ตัวเอง คุณจะกลับเข้าสู่หนทางของตัวเองได้ ให้อภัยตัวเองด้วย
  • การเป็นคนกระตือรือร้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องฝืนยิ้มและพยายามเอาใจทุกคน
  • กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นฝ่ายถูก
  • อ่อนโยนกับตัวเอง


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,868 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา