ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การทำตัวมีระดับไม่ได้หมายความว่าต้องวางท่าเชิดหยิ่ง คุณจะต้องปลูกฝังการยอมรับ นั่นหมายถึงการยอมรับในทุกคนรวมไปถึงตัวคุณเอง พยายามเอาใจใส่กับการทำตัวสุภาพกับทุกคน และแสดงความสนอกสนใจเขาอย่างจริงจัง ต้องมั่นใจในตนเอง แต่งกายในแบบที่ตัวเราต้องการและประพฤติตัวให้สอดคล้องกัน หากคุณอยากเป็นคนมีระดับ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

แต่งตัวให้มีระดับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ผิดหรอกหากจะชอบแฟชั่นหรือซื้อเสื้อผ้าที่คุณเห็นว่ามันดึงดูดใจ แต่จงหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ไม่ได้เข้ากับหุ่น, สีผิว, หรืออะไรทำนองนี้ของคุณเป็นต้น
    • อย่าตกเป็นทาสของแฟชั่น ไม่งั้นคุณอาจจะถูกตีตราว่าโง่บ้างล่ะ “ลงทุนสูงแต่รสนิยมต่ำ” บ้างล่ะ หรือตื้นเขินบ้างล่ะ เสื้อผ้าที่คุณสวมใส่ควรสะท้อนหรือส่งเสริมบุคลิกภาพของคุณ ไม่ใช่ไปสร้างให้เป็นอีกแบบหรือไปเปลี่ยนมัน คำแนะนำข้อนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในมุมมองด้านอื่นของชีวิตที่คุณรู้สึกกดดันในการพยายาม “เข้ากลุ่ม”
  2. การนำเสนอได้เลอเลิศนั้นเป็นเพียงแค่ครึ่งทางของการต่อสู้ ให้สวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เน้นจุดเด่นของร่างกายคุณและไม่สวมอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกขัดเขินไม่มั่นใจ [1] คุณไม่จำเป็นต้องสวมใส่ชุดที่มีราคาแพงที่สุดตามท้องตลาด หรือกระทั่งซื้อชุดแบบที่เน้นถูกเข้าว่าเลย ทางที่ดีหาซื้อชุดที่เหมาะกับตัวตนของคุณเป็นดีที่สุด
    • ความสะอาดเป็นกุญแจสำคัญ อาบน้ำทุกวันและทำตัวให้สดชื่นเวลาไปไหนมาไหน [2]
  3. หากคุณต้องไปงานสังคมบ่อยๆ คุณคงเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร การแต่งกายให้ดูดีโอเวอร์สักเล็กน้อยดีกว่าจะแต่งตัวให้ดูต่ำกว่า มันไม่เข้าท่าเลยที่จะปรากฏกายในงานสังคมที่ต้องใส่ชุดราตรีโดยนุ่งยีนส์ไปทั้งที่ต้องใส่กางเกงผ้าหรือชุดกระโปรง การสวมรองเท้าผ้าใบเมื่อจำเป็นต้องใส่รองเท้าสำหรับใส่ออกงานก็ไม่ตลกเหมือนกัน
    • ให้แน่ใจว่าคุณรู้เดรสโค้ดและถามเจ้าภาพหรือเพื่อนฝูงที่จะไปงานด้วยหากคุณรู้สึกสับสน
  4. อย่าทำตัวให้ดูเหมือนคุณเพิ่งผ่านปาร์ตี้สุดเหวี่ยงมาเมื่อคืน. หลีกเลี่ยงการโผล่ไปไหนต่อไหนทั้งๆ ที่ยังมีกำไลข้อมือจากคลับที่คุณไปตะลุยมาเมื่อคืนคาอยู่บนข้อมือ หรือแสตมป์ตราบนฝ่ามือจากผับหรือบาร์ หรือมีกลิ่นเหงื่อกลิ่นเหล้าปนกันหึ่ง ให้ล้างขอบตาที่อยู่มาเป็นวันออกให้หมด อาบน้ำ และอย่าโผล่หน้าไปไหน แม้กระทั่งการออกไปหาอาหารเช้า โดยที่ไม่ได้ดูหน้าตาเหมือนพร้อมจะเริ่มวันใหม่ แทนที่จะคลานกลับขึ้นเตียง
    • แม้กระทั่งว่าเมื่อคุณคุณดื่มหนักมาก ก็อย่าพูดว่า “ฉันแฮงค์อ่ะ” มันดูไม่มีระดับเอาเสียเลย
  5. อย่าไปแต่งหน้าหวีผมตามที่สาธารณะ กลัดกระดุมเสื้อผ้าให้เสร็จ ผูกเชือกรองเท้า ตรวจตราดูความเรียบร้อยของชุด หรือทำอะไรก็ตามที่แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้ต้องใช้ความพยายามในการนำพาตัวเองออกไปข้างนอก เอาเสื้อยัดใส่ในกางเกง เติมขนตาหรือลิปมัน ทำทุกอย่างที่ต้องทำก่อนออกไปข้างนอก
    • หลีกเลี่ยงการเผยชุดชั้นใน ผู้หญิงไม่ควรเผยสายบราโผล่ออกมาส่วนผู้ชายก็ไม่ควรอวดบ็อกเซอร์ให้คนอื่นเห็น
  6. ให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าที่ใส่เหมาะกับลุคที่คุณอยากให้คนอื่นเห็นคุณตามแบบนั้น. มันไม่เป็นอะไรหรอกถ้าจะอวดในสิ่งที่ตนมี แต่ถ้ามันเปิดเผยมากเกินไป มันอาจไปแสดงให้คนอื่นเข้าใจผิดถ้าคุณไม่ได้ใส่เพื่อจุดประสงค์เช่นนั้น ควรรู้ว่าคุณกำลังสวมใส่อะไรและให้แน่ใจว่าใส่แล้วรู้สึกสบายใจ
  7. ส่วนหนึ่งของการดูมีรสนิยมก็คือการมีท่วงท่าสง่างาม ยืดหลังตรง มองไปข้างหน้าแทนที่จะก้มหน้ามองพื้น หลีกเลี่ยงการเดินตัวงอห่อไหล่เท่าที่จะทำได้ อย่าเอามือกอดอกแต่ให้ปล่อยไว้ข้างลำตัวเพื่อที่จะเชิดอกขึ้น ถ้าคุณเงยหน้าตรงจะทำให้ดูและรู้สึกว่ามีรสนิยมขึ้น และเมื่อต้องนั่งลง หลีกเลี่ยงการนั่งแบบงอตัวด้วย [3]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พูดจาแบบมีระดับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การพูดคำหยาบนั้นมันช่างดูไร้ระดับเสียเหลือเกิน หากคุณอารมณ์เสียจนอยากสบถออกมาให้ได้แล้วละก็ รีบเข้าห้องน้ำและเปิดก๊อกน้ำตอนที่ตนเองหลุดคำผรุสวาทออกมาให้หมด หรือจะปิดหน้าว่าคำหยาบแนบกับหมอนก็ได้ แต่อย่าให้ใครมาเห็นคุณหลุดคำหยาบเหล่านั้น มันมีแต่ทำให้คุณดูเป็นคนไร้ระดับ และถ้าคุณด่าเพราะกำลังโมโห มันก็เหมือนคุณไม่รู้จักวิธีควบคุมอารมณ์ตนเอง ซึ่งเป็นสัญญาณของการไม่มีระดับนั่นเอง
    • ว่าการสบถในเรื่องทั่วๆ ไปสมควรจะหลีกเลี่ยงแล้ว การสบถใส่ใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะยิ่งสมควรจะหลีกเลี่ยงมากกว่าอีก [4]
  2. ใช่แล้ว แทนที่จะมาบอกว่าใครไร้รสนิยม น่ารำคาญ เอะอะโวยวาย หรืองี่เง่า ให้เอาเวลาเหล่านั้นมากล่าวชมคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยตรงนั้นดีกว่า มันจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีระดับ และคุณมีความมั่นใจกับเจ๋งพอที่จะตระหนักในจุดแข็งของคนอื่นแทนที่จะมาพูดนินทาทันทีที่เขาลับหลัง [5]
    • หากคุณกล่าวชื่นชมผู้อื่นลับหลังเขา คุณจะดูเป็นบุคคลที่สุขุมและคิดบวก แทนที่จะเป็นคนที่มองแต่ปัญหา
    • ถ้าคุณเอาแต่กอสซิบตลอดเวลา คนเขาจะติดว่าคุณนั้นช่างไร้รสนิยมสิ้นดี เพราะคุณไม่มีความเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น
  3. เคยเจอไหมที่มีใครสักคนเดินเข้ามาในงานปาร์ตี้ที่คุณกำลังสนุกอยู่แล้วเอ่ยกับคุณว่า “รู้เลยว่ามาถูกงานเพราะฉันได้ยินเสียง “แก” ตั้งแต่อยู่หน้าบ้านโน่น”? ถ้าเคย คุณน่าจะต้อง “เพลา” เสียงลงบ้างแล้วล่ะ ทุกคนได้ยินคุณทั้งนั้น ไม่เห็นจะต้องตะโกนหรือตะเบ็งเสียงเพื่อเรียกความสนใจเสียหน่อย พูดจาด้วยเสียงสม่ำเสมอ แม้จะอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก มันเป็นสัญลักษณ์ของความมีระดับ เนื่องจากมันหมายถึงคุณมีความมั่นใจพอที่จะไม่ตะโกนเพื่อเรียกความสนใจจากใครๆ [6]
    • ถ้าคุณกังวลในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ลองวานเพื่อนให้คะแนนความดังของเสียงคุณ หากเสียงคุณมีความดังใกล้เคียงหรือถึงระดับ 10 ริคเตอร์ ก็ได้เวลาต้องหัดพูดเบาๆ แล้ว
  4. ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ คนที่คิดว่าตนเองมีรสนิยมมักชอบที่จะคุยโวว่าตนนั้นมีรสนิยมขนาดไหน โดยเฉพาะการนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ “ไม่มีระดับ” หรือ “ไม่ใส่ใจในรสนิยมเลย” หากคุณพบตัวเองพูดว่า “ฉันมีรสนิยม...” หรือ “ฉันเป็นคนมีรสนิยม...” งั้นตัวคุณเองก็ไม่ได้ทำตัวมีระดับสักเท่าไหร่แล้วล่ะ ปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินความมีรสนิยม แทนที่จะมาคุยโม้แบบนี้
    • ตามหลักการแล้ว ถ้าคุณเป็นคนมีระดับจริง คุณจะ “ไม่มีทาง” ใช้คำว่า “มีระดับ”
  5. การเรอในที่สาธารณะนั้นไม่ได้ดูเท่หรือตลกหรือเป็นวิธีเรียกความสนใจของเพื่อนๆ ที่ดีเลยหลังจากคุณซัดแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมไป ถ้าคุณจะเรอเพื่อเรียกเสียงฮา จงหยุดทันที ถ้าคุณเผลอเรอออกมา นั่นไม่ใช่ปัญหา แค่เอามือปิดปากและกล่าวขอโทษ [7]
  6. ถ้าคุณมีรสนิยม อย่ากดโทรศัพท์ทุกห้าวินาที, หรือแทบไม่เงยหน้ามองใครในสถานการณ์ที่ต้องอยู่กลางวงสังคม, ปล่อยให้มันสั่นหรือส่งเสียงแม้ในเวลาที่เข้าเรียน, และรับโทรศัพท์ท่ามกลางฝูงชนในร้านกาแฟแล้วพูดคุยเสียงดังในเรื่องส่วนตัวของคุณ ให้คุยโทรศัพท์เฉพาะเวลาอยู่ตามลำพังหรือในยามที่คุณไม่ไปรบกวนใคร เว้นเสียแต่ว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วน [8]
    • นับว่าเป็นความไม่มีมารยาทและไม่เท่เอาเสียเลยล่ะถ้าหากคุณปล่อยให้โทรศัพท์ส่งเสียงดังทุกๆ สองวินาทีในที่สาธารณะ ปุ่ม “เงียบ” นั้นมันมีเหตุผลของมันอยู่
  7. แม้ว่าคุณจะอยู่ในที่สาธารณะ แล้วคนสำคัญใกล้ตัว, เพื่อนสนิท หรือกระทั่งคนแปลกหน้าเกิดไปทำให้คุณโกรธจัด คุณจะต้องสูดลมหายใจลึกๆ หลับตาลง พูดให้ช้าลง และสงบสติอารมณ์ไว้ อย่าปล่อยให้ใครมาเห็นคุณกำลังตะโกน, หวีดร้อง, หรือปาข้าวของในที่สาธารณะ และพยายามอย่าทำตัวแบบนี้ไม่ว่าจะอยู่เพียงลำพังก็ตาม
    • ไว้ว่าคุณสามารถทำให้คนเข้าใจในประเด็นที่ตัวเองจะบอกได้ง่ายกว่าโดยการ “ไม่” ตะโกน
  8. มันช่างไม่มีระดับเอาเสียเลยที่จะมาบอกว่าคุณได้เงินเท่าไหร่ มีเงินมากแค่ไหน รถ/เสื้อผ้า/ต่างหูใหม่เอี่ยมนี้ราคาเท่าไร หรือเพิ่งได้ขึ้นเงินเดือนเป็นแสน [9] อย่าคุยว่าบุพการี, แฟน, เพื่อนสนิท, หรือใครก็ตามมีเงินเท่าไหร่เช่นกัน มันไร้ระดับทั้งนั้น
    • อย่าได้ไปถามใครว่าเขาได้เงินเท่าไหร่เช่นกัน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทำตัวมีระดับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณเป็นคนมีระดับ จงใช้ชีวิตในแบบที่คุณภูมิใจ ถ้าคุณต้องมานั่งเสแสร้งแกล้งทำ งั้นคุณต้องเก็บมาคิดแล้วว่าเพราะอะไร บุคคลผู้เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและความซื่อตรงจะไม่มีวันจำเป็นต้องซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้หน้ากาก ถ้าคุณไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกไปให้โลกเห็น แล้วผู้คนเขาจะเห็นใคร? หยุดเสแสร้ง แม้คุณจะเบื่อกับการได้ยินคนพูดว่าคุณควร “เป็นตัวของตัวเอง” สักแค่ไหน แต่มันเป็นจริงตามนั้น ถ้าจะเสแสร้ง คุณไม่มีทางทำสำเร็จหรอก [10]
    • คุณไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเองชนิด 100% ในทุกสถานการณ์ คุณจำต้องปรับตัวเองขึ้นอยู่กับว่าคนที่พูดด้วยคืออาจารย์หรือเพื่อนซี้ แต่คุณจะต้องยึดตัวตนเป็นหลัก
  2. คุณต้องสุภาพ แต่ใช่ว่าต้องถ่อมตนชนิดยอมคุกเข่าเพื่อให้ผู้อื่นพึงพอใจ หากทำเช่นนั้น ต่อไปก็มีแต่ถูกคนฉวยผลประโยชน์ จำกัดเวลาและขีดเส้นแบ่งให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่านี่คือขีดจำกัดของคุณ ไปทำสิ่งที่คุณอยากทำและมี “เวลาส่วนตัว” ในการหาว่าตัวคุณเองที่แท้จริงเป็นเช่นไรแทนที่จะมานั่งคิดแผนการเอาใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดูมีระดับมาก
    • คนอื่นจะเห็นคุณเป็นคนที่ไม่เหมือนใครและจะนับถือคุณยิ่งขึ้น
  3. หลีกเลี่ยงการคิดแบบอ่อนนอกแข็งใน มันมีแต่จะทำให้คุณแย่ลง ความแน่วแน่นั้นแสดงให้เห็นถึงการมีวุฒิภาวะ, มีความคิดความอ่าน, และมีความมั่นใจ การจะเป็นคนมีระดับคือการมีสมดุลและความแน่วแน่ก็เป็นตัวอย่างที่แจ่มชัดของแนวคิดนี้
  4. เมื่อกลุ่มของคุณหรือคนที่ออกเดทด้วยพูดในเรื่องที่คุณไม่รู้หรือเข้าใจ มันเป็นความรอบคอบที่จะบอกว่าคุณไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก หรือถ้าคุณไม่อยากให้การสนทนาสะดุด ก็เอ่ยปากถามข้อมูลเพิ่มเติม ไม่เพียงแต่มันแสดงความมีวุฒิภาวะในตัว แต่ยังแสดงให้เห็นว่าคุณมีใจที่เปิดกว้าง
    • คนเขาจะยิ่งเพิ่มความเคารพนับถือหากคุณยอมรับว่าไม่รู้ในบางเรื่อง
  5. ปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมอเหมือนสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อคุณ. กฎทองคำข้อนี้เป็นคำแนะนำที่ประหยัดเวลาที่สุดในการปฏิบัติตัวต่อผู้ใหญ่และเด็กอย่างมีรสนิยม [11] บอกให้ผู้อื่นทราบล่วงหน้าก่อนจะปฏิเสธคำเชิญไปร่วมรับประทานอาหาร ลุกขึ้นเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนที่ไม่สามารถลุกขึ้นพูดเองได้ โทรศัพท์หาพ่อแม่เพื่อบอกเล่าข่าวคราวของตนเอง ถามไถ่ความเป็นไปกับมิตรสหาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่แสดงถึงความมีระดับและความจริงใจของคุณ
    • ให้แน่ใจว่าคุณเลือกคบเพื่อนที่ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน
    • ทุกคนควรที่จะได้รับการปฏิบัติเสมอเหมือนคุณเว้นแต่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าด้อยกว่า แต่จงปฏิบัติกับทุกคนให้เหมือนกันไว้ก่อน
    • และให้ความเคารพในบุพการีเสมอ การแสดงกิริยาหยาบคายใส่พ่อแม่นั้นเป็นสัญญาณสูงสุดของความไม่มีระดับ
  6. อย่ามัวตำหนิตนเอง แต่จงเปิดรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ในโลกเรานี้ความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นนิรันดร์ จงมองโลกในแง่บวกและทำตัวให้ยืดหยุ่นได้และแสดงให้คนอื่นได้รู้ด้วย เชิดหน้าเผชิญชีวิตแทนที่จะมุดหัวอยู่ในรูแล้วคนอื่นจะทราบได้ทันทีว่าคุณเป็นคนที่มีความคิดเห็นที่ชวนรับฟัง
    • เข้าคลาสที่สามารถสอนทักษะที่จะช่วยคุณพัฒนาตนเองและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
    • จำไว้ว่าการเรียนนั้นไม่มีวันสิ้นสุด การคิดว่าตัวเองรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วนั้นไม่มีระดับเอาเสียเลย
  7. เป็นเรื่องฉลาดที่จะรู้ตัวในเรื่องการเมือง, วัฒนธรรมและศาสนา แม้แต่ความรู้พื้นฐานก็สามารถช่วยคนไม่ให้รู้สึกเสียหน้าหรือดูงี่เง่าได้ หากคุณรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องพบปะกับคนที่คุณไม่คุ้นในปูมหลัง เป็นความคิดที่ดีถ้าจะทำการบ้านมาก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน้าแตกกลางวงสนทนา
    • อ่านให้เยอะ นี่เป็นส่วนสำคัญในการจะเป็นคนมีระดับเลย และยังสามารถรักษาการสนทนาที่มีรสนิยมไว้ได้ด้วย
  8. รู้ว่าต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่ แต่หลีกเลี่ยงพฤติกรรมพาตัวเองเข้าตาจน. นี่อาจเป็นจุดจบของคนมีระดับเลยก็ว่าได้ เมื่อถึงเวลาจนตรอก อะไรที่ต้องทำก็ควรต้องทำ สูดลมหายใจลึกๆ ทำตัวให้เข้มแข็ง และพุ่งเข้าหาสถานการณ์ที่ว่าด้วยความองอาจและสง่างาม คุณจะกลายเป็นผู้ชนะไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม หากเรื่องราวมันใหญ่เกินจะควบคุมได้และคุณรู้สึกว่ามันเกินกำลังไปแล้วจริงๆ เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากญาติสนิทมิตรสหายได้ [12]
    • ถ้าคุณยอมรับว่าตนมีปัญหาและกำลังพยายามแก้ไขมันอยู่ นั่นล่ะถือว่ามีระดับ แต่ไม่ใช่พยายามหาทางเลี่ยงหรือปฏิเสธมัน
  9. คนที่มีระดับจะเดินจากสิ่งรอบตัวในสภาพที่อย่างน้อยก็เหมือนกับตอนที่เขาเดินเข้ามา เมื่ออยู่ในร้านอาหาร คนที่มีระดับจะจัดการเรื่องขยะและเศษอาหารเองโดยไม่ทิ้งให้คนอื่นที่มาใช้โต๊ะทีหลังต้องจัดการทำให้ เว้นเสียแต่ว่าร้านนั้นมีบริกรที่มีหน้าที่คอยดูแลตรงนี้อยู่แล้ว และเมื่อมีใครคนอื่นมาช่วยทำอะไรให้ ถ้าเป็นคนอวดดีหรือถูกเอาใจจนเคยชินจะคิดว่ามันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วและเพิกเฉยไม่สนใจ คนที่มีระดับอย่างจริงแท้จะสังเกตเห็นมันในทันทีและเอ่ยปากกล่าวขอบคุณและแสดงความพึงพอใจ
    • ถ้าคุณเป็นแขกไปนอนพักบ้านใคร ทำความสะอาดเองก่อนกลับ ถ้าคุณยืมรถเพื่อนไปใช้ เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนเอามาคืน
    • ถ้าคุณทำอะไรผิดพลาด ให้แสดงความรับผิดชอบแทนที่จะโบ้ยไปให้คนอื่น
  10. [13] ผู้ที่มีระดับอย่างแท้จริงจะถอยหนีจากความคิดที่จะรบกวนผู้อื่น, ขัดใจผู้อื่น, ขัดขวางผู้อื่น, หรือชวนให้คนอื่นรำคาญใจ คนที่มีระดับนั้นจะสนใจแต่เรื่องของตนเองเมื่ออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า และจะทำให้คนอื่นผ่อนคลายเมื่ออยู่ในวงสังคม คนที่มีระดับอย่างแท้จริงจะมีน้ำใจและปฏิบัติดีกับทุกคน ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นประธานบริษัท, เป็นบุรุษไปรษณีย์หรือเป็นภารโรง
    • คนที่มีระดับจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของผู้อื่นและใช้เรียกทักเมื่อพบคนที่ได้เจออยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเฝ้าประตู, พนักงานรักษาความปลอดภัย, หรือภรรยาของเจ้านาย คนที่มีระดับจะปฏิบัติต่อทุกคนเสมอเหมือนกัน คือด้วยมารยาทและด้วยความเคารพ
  11. หากคุณอยากมีระดับจริง คุณจะต้องไม่ไปอ่อยหรือหว่านเสน่ห์ผู้คนไม่ซ้ำหน้าในแต่ละคืน แต่ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณชอบ อย่างน้อยก็ต้องไม่เอ่ยถึงมัน ไม่โอ้อวดมัน หรือเผยรอยจูบมากมายให้ใครเขาเห็น คนที่มีระดับจะไม่เอาเรื่องอย่างว่ามาคุย ดังนั้นอย่าไปเล่ารายละเอียดถึงคู่ควงคนล่าสุด อย่าปล่อยให้ใครเขาเห็นคุณกอดจูบบนฟลอร์เต้นรำเหมือนกัน มันไม่มีระดับเอาเสียเลย
    • ไม่เป็นไรหรอกถ้าจะทดลองเพศสัมพันธ์รูปแบบใหม่ๆ หรือมีคู่ควงหลายคน แต่ถ้าคุณเอามาคุยโวหรือทำอย่างกับมันเป็นการประกวดประชัน คุณจะประสบปัญหาเอาได้
  12. เอ่ยคำว่า “ได้ครับ/ค่ะ”, “ไม่เป็นไรครับ/ค่ะ” และ “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ ทำตัวสุภาพต่อหน้าผู้อาวุโส ถ้าจะจาม ก็จามใส่กระดาษทิชชู่ ไม่ใช่จามออกมาเลย อย่าใช้แขนเสื้อเช็ดจมูก อย่าแคะเศษอาหารต่อหน้าสาธารณะ อย่าเอานิ้วเข้าปากหรือแคะรูจมูก เรียนรู้มารยาทพื้นฐานของการนั่งโต๊ะรับประทานอาหาร วางผ้าเช็ดปากที่หน้าตักก่อนรับประทาน หลีกเลี่ยงการเอามือเกาตามร่างกายในที่สาธารณะ อย่าหวีผมแต่งหน้าหรือถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะ ให้ทำในที่ปกปิดมิดชิด รอจนกว่าคุณจะเจอห้องน้ำหรือได้อยู่ตามลำพัง อย่าหัวเราะเสียงดังสนั่น
    • ลองเข้าคลาสฝึกมารยาทถ้าจำเป็นต้องทำ
  13. อย่าดื่มนักชนิดจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนทำอะไรมาบ้าง นั่นหมายความว่า ห้ามดื่มจนครองสติไม่ได้ หรือแค่เมาก็ยังไม่ควร ให้ยังสามารถควบคุมตนเองได้ เพื่อคนอื่นจะเห็นว่าคุณมีสติดี ถ้ามีใครเห็นคุณเดินโซซัดโซเซหรือพูดจาวกวนในตอนกลางคืน ไม่มีทางที่เขาจะเห็นว่าคุณเป็นคนมีระดับถึงแม้คุณจะหอบตำรับตำราและทำตัวดูมีระดับในตอนกลางวันก็ตาม
    • ถ้าหากคุณเคยเจอปัญหาเวลาดื่มมาแล้วหลายครั้ง งั้นก็อาจได้เวลาต้องหยุดดื่มแล้วล่ะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ยืนตัวตรง นั่งหลังตรง ท่วงท่ากระฉับกระเฉงและจงคิดก่อนพูด
  • พยายามเซ็กซี่เท่าที่จะทำได้
  • หากผู้คนตัดสินคุณ ทำเมินไปเลยถ้ามันงี่เง่าหรือแย่ แต่จงกล่าวขอบคุณถ้ามันเป็นเรื่องดี
  • การทำตัวมีระดับไม่ได้เป็นเรื่องที่ว่าคุณดูออกมาอย่างไร มันเป็นเรื่องว่าคุณปฏิบัติต่อผู้อื่นดีอย่างไรต่างหาก
  • ฟังในสิ่งที่ผู้อื่นพูด
  • พยายามทำตัวสดชื่น ไม่แต่งหน้าหนาจัด, ทำผิวแทน, เป็นต้น พวกนี้มีแต่ทำให้คุณดูไร้ระดับทั้งนั้น
  • ซื่อสัตย์และพูดให้ตรงประเด็น หลีกเลี่ยงการพูดในสิ่งที่ไม่จำเป็น
โฆษณา

คำเตือน

  • สี่เท้ายังรู้พลาด คนเรานั้นผิดพลั้งกันได้ หากคุณลื่นล้ม ให้อภัยในตัวเอง กล่าวขอโทษใครก็ตามที่อาจเจ็บจากความผิดพลาดครั้งนี้ เรียนรู้และเดินหน้าต่อไป
  • การเปลี่ยนนิสัยอาจฟังดูฝืนธรรมชาติ ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้เตือนตัวเองว่าคุณกำลังพัฒนามันอยู่ คนที่มีระดับนั้นก็คือคนที่ทำตัวได้งามสง่าและมีจิตใจกรุณาอย่างตลอดต่อเนื่องนั่นเอง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,904 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา