ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เม็ดน้ำตาลสามารถขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปได้ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวล น้ำตาลยังมีกรดไกลโคลิค ซึ่งช่วยให้ผิวเรียบและต่อต้านการลอกเป็นขุยของผิว มันอาจไม่ใช่ยามหัศจรรย์สามารถรักษาปัญหาผิวทุกประเภทก็จริง แต่ก็ยากจะหาใดมาเอาชนะมันได้ในเรื่องราคาและความปลอดภัยต่อผิว จำไว้ว่าการขัดถูผิวหนังไม่ว่าวิธีใดก็ตามสามารถทำให้ผิวเสียหายได้ถ้าใช้มากเกินไป

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ขัดตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มต้นด้วยน้ำตาลทรายแดง, น้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลทรายดิบ. น้ำตาลทรายดิบจะเป็นตัวที่ใช้ถูตัวได้แรงที่สุด เหมาะมากสำหรับใช้ถูเท้าหรือบริเวณที่มีผิวหยาบหนา น้ำตาลทรายแดงนั้นมีเม็ดขนาดเล็กกว่าและมีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่อ่อนโยนต่อผิวที่สุด ส่วนน้ำตาลทรายขาวแบบป่นนั้นจะอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองฝ่าย: มันมีขนาดเท่าๆ กับน้ำตาลทรายแดง แต่ไม่มีกากน้ำตาลที่เป็นของเหลว
    • ก่อนเริ่ม เตือนตัวเองไว้ก่อนว่าการขัดถูผิวนั้นสามารถก่อให้เกิดผื่นขึ้นในบริเวณที่มีผิวแพ้ง่ายได้ แต่ผื่นนั้นจะเกิดเพียงชั่วคราว [1] ฉะนั้นจึงเผื่อเอาไว้ว่าถ้าคุณจะทำการขัดถูผิวเป็นครั้งแรก ให้ทำในตอนเย็นที่ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว
  2. น้ำมันมะกอกเป็นตัวเลือกทั่วๆ ไป แต่น้ำมันจากธรรมชาติตัวไหนก็ใช้ได้ไม่ต่างกันน้ำมันจะช่วยให้ทาน้ำตาลบนใบหน้าได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเรื่องสุขภาพผิวไปในตัวด้วย เลือกน้ำมันโดยตัดสินจากชนิดผิวของคุณและความชอบส่วนตัว:
    • สำหรับผิวมัน ให้ลองน้ำมันสกัดจากดอกคำฝอย น้ำมันเฮเซลนัท หรือน้ำมันสกัดจากเมล็ดองุ่น
    • สำหรับผิวที่แห้งมาก ให้ลองน้ำมันมะพร้าว เชียบัตเตอร์หรือโกโก้บัตเตอร์ อีกทางเลือกคือตีน้ำมันมะพร้าวกับเนยเพื่อให้ทาได้ง่ายขึ้น
    • เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นฉุน ให้ลองน้ำมันสกัดจากเมล็ดองุ่น น้ำมันสกัดจากดอกคำฝอยและน้ำมันสวีตอัลมอนด์ [2]
  3. ผสมน้ำตาล 1 ส่วนกับน้ำมัน 1 ส่วนสำหรับใช้ขัดผิวทั่วไป จะได้เป็นแป้งเปียกเหนียวๆ ถ้าจะให้การขัดถูแรงขึ้น ให้ใช้น้ำตาล 2 ส่วนกับน้ำมัน 1 ส่วน
    • ถ้าใช้น้ำตาลทรายขาว ขอแนะนำให้ใช้สูตร 2:1 [3]
    • ถ้าคุณจะขัดถูบริเวณที่เกิดสิวหรือมีเส้นเลือดฝอยแตก ให้ใช้แบบอ่อนโยนมากๆ เช่น น้ำตาล 1 ส่วนต่อน้ำมัน 2 ส่วน การขัดถูผิวอาจทำให้อาการมันแย่ลงได้
  4. ถ้าต้องการจะเพิ่มกลิ่นหรือประโยชน์ทางสุขภาพที่อาจเป็นไปได้ ให้เติมน้ำมันหอมระเหย แต่ไม่ควรจะมีน้ำมันหอมระเหยผสมอยู่ในส่วนผสมการขัดผิวมากเกินกว่า 1 ถึง 2 เปอร์เซนต์ ตามปกติแล้วคุณสามารถใช้ได้สูงถึง 48 หยดต่อหนึ่งถ้วย (240 มิลลิลิตร) ของส่วนผสมอื่นๆ หรือสามหยดต่อทุกหนึ่งช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร)
    • ไธม์ สะระแหน่ และพืชสมุนไพรกับเครื่องเทศอื่นๆ สามารถใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์หยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรคได้ [4] มันเหมาะจะใช้รักษาสิว แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในผิวแพ้ง่ายได้
    • อย่าใช้น้ำมันซิตรัส น้ำมันสกัดจากผงยี่หร่า ขิง และตังกุยโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ พวกมันอาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้แสง อันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อแสงแดดที่สร้างความเจ็บปวด
  5. หากผิวสกปรก ใช้สบู่สูตรอ่อนโยนกับน้ำอุ่นล้าง ถ้าผิวสะอาดอยู่แล้ว ก็แค่ใช้น้ำทำให้มันเปียก การขัดถูผิวที่แห้งนั้นทำให้เกิดการระคายเคืองเป็นรอยแดง
    • น้ำร้อนหรือสบู่สูตรเข้มข้นจะทำให้ผิวเกิดระคายเคือง ทำให้มันนุ่มกดแล้วเจ็บ ผิวหนังงในสภาวะนี้อาจสร้างความเจ็บปวดแม้เมื่อใช้การถูน้ำตาลอย่างเบามือก็ตาม
  6. ค่อยๆ ถูส่วนผสมระหว่างน้ำตาลกับน้ำมันลงบนผิว ถูในลักษณะวนเป็นวงกลมในแต่ละจุดนาน 2 ถึง 3 นาที ถูอย่างเบามือที่สุด หากเกิดเจ็บหรือไม่สบายตัวหรือมีรอยแดง แสดงว่าคุณถูแรงเกินไป
  7. ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้ง สามารถทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื่น หรือแปะน้ำมันโดยไม่มีน้ำตาลเป็นทางเลือกได้
  8. ผิวชั้นนอกของคุณใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการแทนที่ผิวเดิม [5] ถ้าคุณทำการขัดผิวก่อนเวลา คุณอาจไปทำให้เซลล์ที่ยังมีชีวิตอยู่เกิดเสียหายแทนที่จะไปกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว มันจะทำให้เกิดผิวแดงสดซึ่งอ่อนไหวต่อการติดเชื้อ [6] [7]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ขัดผิวหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงแม้น้ำตาลจะอ่อนโยนเอามากๆ ก็จริง มันก็ยังถือว่าเป็นสารขัดผิวที่มีความหยาบอยู่ดี นั่นหมายถึงมันจะถูผิวที่ตายแล้วออกไป และสามารถสร้างความระคายเคืองบนบริเวณที่มีผิวบอบบางอย่างเช่นใบหน้า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยประสบปัญหานี้ แต่การใช้บ่อยเกินไปหรือทำไม่ถูกวิธีก็สามารถทำให้ผิวหน้าเกิดความเจ็บปวดได้ [8]
    • การขัดถูผิวด้วยสารหยาบนั้นไม่แนะนำสำหรับคนที่มีสิวหรือเส้นเลือดฝอยแตกบนใบหน้า
  2. น้ำตาลทรายแดงเป็นน้ำตาลที่อ่อนที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผิวบอบบองเช่นผิวหน้า น้ำตาลทรายขาวป่นละเอียดนั้นมีส่วนผสมที่เป็นของเหลวน้อยกว่าจึงมักจะให้ความรู้สึกที่หยาบกว่า มันก็ใช้ได้ แต่ไม่แนะนำถ้าคุณเป็นคนมีผิวระคายเคืองง่าย
  3. ผสมน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร) กับน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร) อีกทางเลือกคือใช้น้ำผึ้งแทนที่น้ำมัน น้ำผึ้งนั้นส่วนใหญ่แล้วก็เป็นน้ำตาล ฉะนั้นมันจึงช่วยเพิ่มการขัดลอกผิว
    • น้ำมันสกัดจากดอกคำฝอยและน้ำมันมะกอกเป็นอีกตัวเลือกที่ใช้กันแพร่หลาย สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมว่าจะเลือกน้ำมันประเภทไหน ให้ดูจากขั้นตอนของการขัดตัวข้างบน
  4. ถ้าใบหน้าคุณสกปรก ล้างด้วยสบู่สูตรอ่อนโยนกับน้ำอุ่น นอกเหนือจากนั้นแค่ให้แน่ใจว่าใบหน้าเปียกน้ำ เพื่อที่การขัดถูด้วยน้ำตาลจะไม่ไปบาดผิวหน้า
    • ล้างมือของคุณด้วยจะได้เลี่ยงไม่นำเชื้อโรคเข้าสู่ผิวหน้า
  5. ถ้าจำเป็น ให้รวบผมไปมัดไว้ไม่ให้มันมาคลอเคลียใบหน้า สารขัดผิวน้ำตาลนั้นล้างออกด้วยการอาบน้ำก็จริง แต่หลีกเลี่ยงเส้นผมที่เหนียวเหนอะตั้งแต่แรกจะดีกว่า
  6. ใช้ปลายนิ้วคว้านสารขัดผิวน้ำตาลขึ้นมา 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 มิลลิลิตร) ทาตรงจุดที่คุณต้องการกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วและถูวนเป็นวงกลม ทำเบาๆ สัก 2-3 นาทีเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ระหว่างที่ขัดนั้นคุณไม่ควรรู้สึกปวดหรือไม่สบายหน้า ถ้ารู้สึกเจ็บหรือผิวพอง แสดงว่าคุณถูแรงเกินไป
  7. ใช้ผ้าเช็ดตัวที่นุ่มที่สุดที่คุณมีมาแช่ในน้ำอุ่น แล้วบิดน้ำออก นำมาวางบนใบหน้าและค่อยๆ เช็ดน้ำตาลออก ทำซ้ำจนกระทั่งผิวหน้าสะอาด [9]
  8. ใช้ผ้าสะอาดตบเบาๆ จนผิวหน้าแห้ง ถ้าคุณอยากจะให้ผิวนุ่มขึ้น ก็สามารถตบท้ายกระบวนการโดยการใช้โลชั่นเพิ่มความชุ่มชื่นนวดลงบนใบหน้า ทำสัก 1-2 นาที ผิวคุณจะเนียนนุ่มดุจแพรไหม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้ได้กับริมฝีปากที่แห้งแตกเช่นกัน มันจะนุ่มเนียนราวกำมะหยี่!
  • โดยตัวมันเองแล้ว น้ำตาลจะเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวได้เพียงในระยะสั้น แถมยังอาจทำให้ผิวแห้งกว่าเดิมด้วยในระยะยาว เป็นน้ำมันในสารขัดผิวที่ช่วยทำให้เกิดความชุ่มชื่นเป็นเวลานาน
  • เก็บสารขัดผิวน้ำตาลที่เหลือไว้ในกล่องมีฝาปิดและเก็บไว้ในที่เย็นและมีอุณหภูมิคงที่ เติมน้ำมันวิตามินอีสักสองสามหยดจะช่วยยืดอายุการเก็บไว้ใช้งานได้ [10] ระยะเวลาที่เก็บไว้ได้นั้นโดยมากแล้วขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันที่ใช้
โฆษณา

คำเตือน

  • น้ำตาลอาจบาดหรือไปกร่อนผิวให้ปวดได้ ตราบใดที่คุณไม่ถูแรงๆ ก็ไม่น่าจะทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม
  • น้ำมะนาวและส่วนผสมจากผลไม้รสเปรี้ยวแบบซิตรัสอื่นๆ สามารถทำให้ผิวแพ้แสง ระคายเคืองและผิวแห้งได้ [11] ถึงมันจะช่วยลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จริง แต่ผลข้างเคียงอันรุนแรงของมันก็ไปขัดแย้งเหตุผลที่เราเลือกใช้น้ำตาลแทนที่จะเป็นสารขัดผิวสังเคราะห์ตั้งแต่แรก
  • น้ำมันหอมระเหยสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ก่อนจะลองใช้น้ำมันหอมระเหยสูตรใหม่เป็นหนแรกนั้น ให้ผสมมันกับน้ำมันพืชด้วยความเข้มข้นเป็นสองเท่าของจำนวนที่คุณตั้งใจจะใช้ ทาส่วนผสมนี้เล็กน้อยที่บริเวณข้อมือด้านในแล้วติดพลาสเตอร์ทับทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง [12]
  • อย่าทำการขัดลอกผิวในขณะที่ผิวกำลังนุ่มแดงจากการโดนแดด [13]


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,273 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา