ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ซีสต์บนใบหน้ามักเกิดจากการอุดตันของซีบัมหรือเคราตินในชั้นผิวหนังหรือรูขุมขน มีสัมผัสคล้ายกับเมล็ดถั่วอยู่ใต้ชั้นผิวหนังและอาจล้อมรอบด้วยรอยสีแดงหรือสีขาวเล็กๆ แม้ว่าซีสต์จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับสิว แต่จะอยู่ในตำแหน่งที่ลึกมากกว่าและไม่ควรกดหรือบีบออกเหมือนอย่างสิว อย่างไรก็ตาม มีวิธีการอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยเร่งการฟื้นฟูให้ซีสต์มีขนาดก้อนที่เล็กลง รวมถึงยังมีวิธีทางการแพทย์ที่สามารถช่วยกำจัดซีสต์ให้หายดีเป็นปกติได้
ขั้นตอน
-
ประคบร้อน. เริ่มจากนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น โดยระวังอย่าให้น้ำร้อนมากจนเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวของคุณเกิดการอักเสบได้ จากนั้นกดผ้าเบาๆ บนซีสต์และตรงบริเวณรอบๆ แล้วทิ้งไว้สักพักจนกระทั่งผ้าเริ่มเย็นลง โดยทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำอีกครั้งหากผ้าเย็นลงค่อนข้างรวดเร็ว คุณสามารถประคบร้อนที่ซีสต์วันละหลายๆ ครั้งได้ตามต้องการ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ MedlinePlus ไปที่แหล่งข้อมูล
- การประคบร้อนจะช่วยให้โปรตีนหรือน้ำมันในซีสต์กระจายตัวและเร่งกระบวนการฟื้นฟูให้เร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผลในบางกรณี
- การประคบร้อนสามารถช่วยให้ซีสต์ฟื้นฟูได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า
-
อย่ากดหรือบีบซีสต์เองเด็ดขาด. การกดหรือบีบซีสต์จะทำให้ซีสต์มีอาการแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากซีสต์นั้นแทรกซึมลึกลงไปสู่ชั้นผิวหนังค่อนข้างลึก และหากคุณพยายามกดซีสต์ด้วยตัวเอง (โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์) ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่เป็นที่น่าพอใจมากนัก หรือยิ่งไปกว่านั้นอาจก่อให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและทำให้ซีสต์กลับมาแย่ลงกว่าครั้งแรกเนื่องจากการระบายของเหลวที่ไม่สมบูรณ์และการฟื้นฟูที่ไม่เพียงพอ รวมถึงยังอาจส่งผลให้ซีสต์เริ่มเกิดการติดเชื้ออีกด้วย ดังนั้นคุณจึงควรปรึกษาแพทย์สำหรับการรักษาด้วยวิธีนี้และหลีกเลี่ยงการทำด้วยตัวเองโดยเด็ดขาด [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
-
สังเกตสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน. หากซีสต์เริ่มเกิดการอักเสบและติดเชื้อ คุณอาจจำเป็นต้องขอคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับการรักษา หมั่นสังเกตและเฝ้าระวังสัญญาณและอาการต่างๆ ดังนี้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- มีอาการเจ็บหรือกดเจ็บที่บริเวณรอบๆ ซีสต์
- เกิดรอยแดงที่บริเวณรอบๆ ซีสต์
- ผิวหนังบริเวณรอบๆ ซีสต์มีความอุ่น
- มีของเหลวสีขาวอมเทาและกลิ่นแรงไหลซึมออกมาจากซีสต์
- อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าซีสต์อาจกำลังเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
- ซีสต์ที่เกิดขึ้นในดวงตาควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์โดยทันที
-
เข้ารับการรักษาหากซีสต์ยังคงไม่หายดีหลังผ่านไปนานกว่า 1 เดือน. หากซีสต์มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่มีทีท่าว่าจะหายดีเอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากซีสต์ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือส่งผลในแง่ของความงาม) อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์โดยทันที จำไว้ว่ามีวิธีรักษาทางการแพทย์มากมายที่จะช่วยกำจัดซีสต์บนใบหน้าของคุณ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูลโฆษณา
-
นัดหมายกับแพทย์ผิวหนัง. คุณอาจต้องเข้ารับการตรวจกับแพทย์ทั่วไปเสียก่อนเพื่อดูว่าจำเป็นต้องส่งต่อให้กับแพทย์ผิวหนังหรือไม่ พยายามให้ข้อมูลของประวัติการรักษาที่ถูกต้องกับแพทย์รวมถึงอธิบายอาการของซีสต์อย่างละเอียด [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาด้วยการเจาะและระบายของเหลวออก. เนื่องจากโดยทั่วไปซีสต์มักบรรจุของเหลวอยู่ภายใน ดังนั้นหากแพทย์ทำการเจาะที่พื้นผิวของซีสต์ ของเหลวโดยส่วนใหญ่ที่อยู่ภายในก็จะระบายออกมา ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูให้รวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อเสียหนึ่งของการรักษาด้วยวิธีนี้คือไม่สามารถป้องกันการเกิดซ้ำอีกครั้งของซีสต์ได้ ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งในระยะสั้น แต่ก็มักนำไปสู่การเกิดขึ้นซ้ำของซีสต์ได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้ยังคงคุ้มค่าที่จะลองและอาจเป็นวิธีการรักษาที่คุณกำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แพทย์จะทำการเจาะซีสต์ด้วยอุปกรณ์ที่แหลมคมและกำจัดเคราติน ซีบัม หรือสารอื่นๆ ที่อยู่ภายในออกจนหมดเพื่อให้ซีสต์สามารถฟื้นฟูจนหายดี
- ทำความสะอาดและทำแผลอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังรับการรักษาเพื่อรักษาความสะอาดตรงบริเวณบาดแผล
- ห้ามเจาะซีสต์ให้แตกออกด้วยตัวเองที่บ้านโดยเด็ดขาด เนื่องจากการเจาะซีสต์ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อและแผลเป็นได้
-
พิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดหากซีสต์เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง. [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล หากซีสต์ยังคงเกิดขึ้นซ้ำและไม่สามารถกำจัดให้หายไปได้ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม คุณอาจจำเป็นต้องพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้วก่อนเริ่มทำการผ่าตัด แพทย์จะตรวจเช็คเพื่อให้แน่ใจว่าผิวหนังรอบๆ ซีสต์ไม่มีการอักเสบหรืออักเสบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหากซีสต์ยังคงอักเสบอยู่ แพทย์อาจจำเป็นต้องฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบก่อนเริ่มทำการผ่าตัด [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Johns Hopkins Medicine ไปที่แหล่งข้อมูล
- ในบางกรณีแพทย์อาจทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเล็กอย่างการกำจัดเพียงผิวส่วนนอกของซีสต์ออกเท่านั้นและปล่อยให้ส่วนที่เหลือฟื้นฟูจนหายดีเอง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- และในบางกรณีแพทย์อาจทำการรักษาโดยการผ่าตัดกำจัดซีสต์ออกทั้งหมด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งของซีสต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายหลังการผ่าตัด แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลไว้นานประมาณ 1 สัปดาห์จึงตัดไหมออก
- หากคุณต้องการกำจัดซีสต์ออกทั้งหมด ลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการผ่าตัดผ่านทางช่องปากเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น ซึ่งวิธีนี้เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ที่กำลังแพร่หลายจากเหตุผลทางด้านความงาม [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ปฏิบัติตามคำแนะนำภายหลังการผ่าตัด. หลังการผ่าตัด พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์จากการรักษาออกมาดีที่สุด เนื่องจากซีสต์ถูกกำจัดออกจากใบหน้าของคุณ การฟื้นฟูอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาด้านความงามในอนาคต ภาวะข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดได้แก่ การเกิดแผลเป็น การติดเชื้อ และ/หรือการเกิดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อใบหน้า
-
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการทานยาปฏิชีวนะ. วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีซีสต์เกิดขึ้นบนใบหน้าบ่อยครั้ง โดยแพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะสำหรับทานเพื่อป้องกันไม่ให้ซีสต์เกิดเพิ่มมากขึ้น [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูลโฆษณา
เคล็ดลับ
- รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล (อาบน้ำทุกวัน เปลี่ยนเสื้อผ้าหลังออกกำลังกาย เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นประจำ เป็นต้น) เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดหรือการเรื้อรังของซีสต์
- ดูแลสุขภาพโดยการออกกำลังกายและทานอาหารต้านการอักเสบเพื่อช่วยให้ซีสต์หายดีเป็นปกติเร็วยิ่งขึ้น
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://medlineplus.gov/ency/article/000842.htm
- ↑ https://www.nhs.uk/conditions/skin-cyst/
- ↑ https://www.uofmhealth.org/health-library/tw6860
- ↑ https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/14165-sebaceous-cysts#management-and-treatment
- ↑ https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/14165-sebaceous-cysts
- ↑ https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/conditionsandtreatments/cysts
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2349906
- ↑ https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/sebaceous-cysts
- ↑ https://procedureclinic.com/cysts/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,685 ครั้ง
โฆษณา