การเจาะจมูกเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการเจาะบนใบหน้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และโดยทั่วไปก็สามารถดูแลความสะอาดได้ค่อนข้างง่าย อย่างไรก็ตาม บางครั้งบริเวณที่เจาะอาจเกิดอาการติดเชื้อ แต่ก็รักษาได้โดยง่าย ยิ่งถ้ารีบไปพบแพทย์ล่ะก็ อาการของคุณจะดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน! ในบทความนี้ เราจะมาบอกเล่าถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติและวิธีการดูแลแผลเจาะจมูกของคุณ
ขั้นตอน
-
มองหาสัญญาณการติดเชื้อ. ถ้าคุณเพิ่งเจาะจมูก รอยแดงหรืออาการเจ็บรอบๆ แผลเจาะถือเป็นเรื่องปกติสุดๆ แต่สิ่งที่เราต้องคอยสังเกตคืออาการเหล่านี้
- รอยแดงอักเสบเป็นแถบๆ หรือจุดๆ บนผิวรอบจุดที่เจาะ
- มีรอยแดง บวม รู้สึกร้อนๆ ขึ้น หรือกดแล้วเจ็บบริเวณรอบๆ จุดที่เจาะ
- มีของเหลวสีเหลืองๆ เขียวๆ เหมือนน้ำหนองไหลออกมาจากจุดที่เจาะ ถ้าเห็นเลือดไหลหรือซึมๆ ออกมาจากแผลเจาะเล็กน้อยนั่นถือเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องคอยระวังน้ำหนองที่มีอาการบวมแดงร่วมด้วย
- ต่อมน้ำเหลืองด้านบนหรือใต้แผลเจาะเกิดอาการบวมหรือกดเจ็บ
- เป็นไข้ ถ้าก่อนหน้านี้สุขภาพยังปกติดี (ไม่มีไข้หรือหวัด) แต่จู่ๆ กลับเป็นไข้ขึ้นมา นี่ล่ะคือสิ่งที่เราต้องเป็นกังวล
-
ไปพบแพทย์. หากมีอาการใดๆ ข้างต้นและแผลเกิดการติดเชื้อ การดูแลอย่างถูกวิธีนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การติดเชื้อในลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Family Physicians ไปที่แหล่งข้อมูล และอาจเป็นอันตรายร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษา
- แพทย์มักจ่ายครีมหรือยาปฏิชีวนะให้แก่ผู้ป่วย ให้ใช้ครีมทาเฉพาะที่หรือทานยาตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 10 วันถึง 2 สัปดาห์
- ทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่แพทย์สั่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ
-
ดูแลรักษาความสะอาด. ล้างมือให้สะอาดหมดจดด้วยน้ำอุ่นและสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย ขัดผิวบริเวณใต้เล็บเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก และเป่ามือให้แห้ง
- การใช้ผ้าขนหนูอาจทำให้มือของคุณไม่สะอาดอีกครั้ง แม้ผ้าขนหนูจะดูสะอาดดีก็ตาม
-
อย่าถอดจิวจมูกออก. แม้อาจจะดูเป็นความคิดที่ดี แต่มันอาจทำให้คุณเป็นฝีหนองได้ เพราะฉะนั้น ให้ใส่จิวไว้ตามเดิม เว้นแต่แพทย์จะแนะนำให้ถอดออก
- ขอเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าอาการของคุณน่าจะเกิดจากการแพ้มากกว่าการติดเชื้อ คุณจะต้องถอดจิวออกในทันที สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณมีอาการแพ้ คือ รู้สึกปวดแสบผิว แผลขยายใหญ่ และ/หรือมีน้ำสีเหลืองใสๆ ไหลออกมา
โฆษณา
-
พิจารณาว่าเมื่อไหร่ที่ไม่ควรรักษาด้วยตัวเอง. แม้คุณอาจสามารถจัดการกับแผลที่ติดเชื้อได้เองที่บ้าง แต่การติดเชื้อสแตปฟิโลคอคคัสอาจรุนแรงและอันตราย อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ยังไม่สามารถไปพบแพทย์ คุณอาจลองนำวิธีการต่อไปนี้ไปใช้ได้
-
ใช้ยาระงับเชื้อ (antiseptic). เช็ดจมูกทั้งด้านในและด้านนอกด้วยยาระงับเชื้อจากธรรมชาติ เช่น เกลือทะเลผสมน้ำอุ่น โดยจุ่มคอตตอนบัดลงในส่วนผสมที่เตรียมไว้ และแต้มลงไปในรูแผลเจาะเพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ
-
จุ่มจมูกค้างไว้. จุ่มจมูกลงไปในแก้วน้ำเกลือให้นานที่สุดเท่าที่ทนได้ มันอาจรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ช่วยทำความสะอาดแผลเจาะได้หมดจดทีเดียวเชียว
-
ใช้ยาปฏิชีวนะธรรมชาติ. น้ำมันทีทรีออยล์เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติที่สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าทั่วไป
- จุ่มคอตตอนบัดลงในทีทรีออยล์ จากนั้นจึงถูลงบริเวณที่ติดเชื้อประมาณ 2-3 วินาทีและทิ้งให้แห้ง ทำอีกครั้งในตอนกลางคืน อาการติดเชื้อควรจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสแผลเจาะจมูก และพยายามเอามือออกห่างจากใบหน้าในช่วงเวลาอื่นๆ
- น้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากแผลเจาะถือเป็นเรื่องปกติสุดๆ จึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
- แม้การไม่ล้างแผลเจาะบ่อยเกินไปจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนส่วนใหญ่จะแนะนำให้ล้างประมาณ 3 ครั้งต่อวัน
- อย่าใส่อะไรลงไปหลังจากทำความสะอาดจมูกแล้ว!
- อย่าให้ช่างเจาะใช้วัสดุอื่นๆ เป็นจิวเจาะนอกจากโลหะหรือไทเทเนียมที่ใช้ในเครื่องมือการแพทย์ เพราะวัสดุอื่นๆ เช่น ทองหรือเงินอาจทำให้เกิดปัญหา และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นถาวรได้อีกด้วย
- ถ้าดึงออกมาแล้วเช็ดทำความสะอาดด้วยยาระงับเชื้อ (antiseptic) บริเวณรอบวงแหวนแล้วจึงดันกลับเข้าไปอย่างระมัดระวัง ให้ล้างวงแหวนด้วยน้ำเกลืออีกครั้งเมื่อใส่กลับเข้าไป
- เมื่อล้างหน้าด้วยอะไรก็ตามใกล้กับบริเวณที่เพิ่งเจาะใหม่ๆ ต้องแน่ใจว่าสิ่งที่ใช้ไม่มีส่วนผสมของสีย้อมและน้ำหอม และต้องล้างออกให้สะอาด
- ล้างมือด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรียทุกครั้งก่อนสัมผัสจิวเวลรี่ และหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลที่เพิ่งเจาะใหม่ๆ โดนน้ำสาธารณะที่มีเชื้อแบคทีเรียอาศัยอยู่ เพราะเชื้อแบคทีเรียอาจเข้าไปในแผลเจาะและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- อย่าถอดจิวเวลรี่ออกถ้าไม่มีการติดเชื้อ เพราะแผลจะต้องแห้งในขณะที่คุณใช้ยาปฏิชีวนะ และถ้าคุณถอดจิวเวลรี่ออก มันจะทำให้เกิดฝีหนองที่เจ็บอย่าบอกใคร และมักจะต้องให้คุณหมอ (เจาะ) ตัด/เอาออกเท่านั้น
โฆษณา
คำเตือน
- ใช้เกลือทะเลเท่านั้น ไม่ควรใช้เกลือบริโภคเพราะมีไอโอดีนซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้ระคายเคือง
- ชาดอกคาโมมายล์สามารถช่วยรักษาแผลเจาะอย่างได้ผลเท่าๆ กับการจุ่มลงในน้ำเกลือเลยทีเดียว เพียงต้มน้ำและใส่ถุงชาลงไป (สามารถใส่เกลือเพิ่มลงไปสัก 1/4 ช้อนชาถ้าต้องการ) เมื่อชาเย็นลงพอสมควรแล้ว ให้ใช้ถุงชากดลงไปบนแผลเจาะของคุณ โดยแนะนำให้ทำสัก 2 ครั้งต่อวันถ้าไม่ได้เติมเกลือลงไป
- อย่าใช้มือสกปรกสัมผัสแผลเจาะของคุณเป็นอันขาด รวมถึงพยายามอย่าเอามือไปเล่น เพราะจะทำให้สิ่งสกปรกติดเข้าไปในแผล
- อย่าเปลี่ยนจิวเวลรี่หากยังใส่ได้ไม่ถึง 3 เดือน เพราะแผลเจาะยังอยู่ในขั้นตอนการเยียวยา และอาจทำให้สิ่งสกปรกติดเข้าไปในแผลมากขึ้น
- ทำให้น้ำมันทีทรีออยล์เจือจางลงก่อนทุกครั้ง เพราะน้ำมันเข้มข้นจะทำให้ปวดแสบผิวสุดๆ! จึงห้ามแต้มลงไปโดยที่ยังไม่เจือจาง
- อย่าใช้น้ำยาที่เป็นขวด ผลิตภัณฑ์ควบคุม (TCP) และเพอร์ออกไซด์ เพราะถึงแม้จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำความสะอาดแผลได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ฆ่าเซลล์ดีไปด้วยเช่นเดียวกัน จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- เกลือทะเล
- น้ำร้อน
- คอตตอนบัด
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา