ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการเหงือกบวมนั้นเกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง การที่แต่ละคนเหงือกบวมได้นั้น อาจมาจากสาเหตุของโรคเหงือก การระคายเคืองจากอาหารหรือเครื่องดื่ม ฟันผุ การขาดสารอาหาร หรือปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่องปาก วิธีรักษาเหงือกบวมหลายวิธีนั้นอยู่ข้างล่างนี่เอง แต่ขอให้จำไว้ว่ามีเพียงวิธีเดียวที่จะรู้ได้อย่างแจ่มแจ้งว่าสาเหตุของอาการเหงือกบวมนั้นเกิดจากอะไรก็คือการไปพบทันตแพทย์

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

การบรรเทาอาการเหงือกบวม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เหงือกสามารถบวมขึ้นได้จากเหตุผลนานับประการ แต่ว่าในหลายกรณีเงื่อนไขนั้นอาจเป็นสัญญาณของโรคเหงือก เป็นสิ่งที่สำคัญที่คุณต้องระบุสาเหตุที่ทำให้เหงือกบวมขึ้นมา เพื่อที่คุณจะได้ทำตัวให้ถูก ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเหงือกด้วยตัวเองที่บ้านหรือไปพบทันตแพทย์ สาเหตุส่วนใหญ่นั้นมีดังนี้:
    • การแปรงฟันหรือขัดฟันอย่างผิดวิธี ในหลายกรณี เหงือกบวมอาจเป็นผลมาจากการไม่ดูแลช่องปากให้สะอาดพอ ในส่วนที่คราบพลัคก่อตัวขึ้นระหว่างฟันตรงบริเวณแนวเหงือก ในการแก้ปัญหานี้ คุณต้องเริ่ม แปรงฟัน ให้สะอาดและ ใช้ไหมขัดฟัน เป็นประจำเพื่อกำจัดคราบพลัคออก นอกจากนี้ ยังมีหลายๆ คนที่ขัดระหว่างฟันแรงเกินไป นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เหงือกบวมเช่นกัน
    • โรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ ถ้าหากไม่ได้บำรุงรักษาช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ โรคที่เกิดกับเหงือกอย่างโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายมาก โรคเหงือกอักเสบนั้นมีความรุนแรงน้อยกว่า และรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หากรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วนโรคปริทันต์นั้นต่างกัน ทั้งร้ายแรงกว่าและอาจทำให้สูญเสียฟันไปเลยก็เป็นได้ ถ้าเหงือกของคุณดูเป็นสีแดง มันวาว และบวมขึ้นมา นั่นแปลว่าคุณเป็นโรคเหงือกอักเสบ ขั้นต่อไปคือเหงือกจะร่นและสูญเสียเนื้อกระดูกไป ซึ่งนั่นคือนิยามของโรคปริทันต์ ถ้าหากคุณเกิดสงสัยว่าคุณอาจมีโรคเกี่ยวกับเหงือก ก็ควรไปพบแพทย์ซะ
    • แผลร้อนใน แผลร้อนในซึ่งเกิดขึ้นบนเหงือกนั้นสามารถทำให้เหงือกเจ็บและบวมได้ คุณสามารถพบว่าตัวเองเป็นร้อนในได้ จากอาการที่จะเป็นรอยสีขาวๆ อยู่ตรงกลาง และขอบรอบๆ จะเป็นสีแดง ร้อนในสามารถขึ้นได้หลายจุดพร้อมกันในครั้งเดียว แต่มันรักษาได้ และไม่ใช่โรคติดต่อแต่อย่างใด
    • เคมีบำบัด (คีโม) หนึ่งในผลข้างเคียงของการทำคีโมคือเหงือกจะเจ็บ บวม และมีเลือดออก แถมยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดร้อนในที่แสนเจ็บแสบ และอาการเจ็บเหงือกเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงอีก แม้ว่าอาการเหล่านี้จะทุเลาลงได้ แต่ก็จะไม่หายถ้าหากยังทำการรักษาเคมีบำบัดต่อไปอยู่
    • ยาสูบ การสูบบุหรี่และใช้ผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวกับยาสูบจะเป็นการส่งเสริมให้เหงือกเจ็บและบวม จริงๆ แล้วผู้ที่สูบยาสูบนั้นมีโอกาสเป็นโรคเหงือกได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบหลายเท่าตัวนัก ด้วยเหตุนี้ขั้นตอนแรกของการบรรเทาอาการเหงือกบวมก็คือ หยุดสูบบุหรี่ ซะ
    • ฮอร์โมน เหงือกบวมอาจเป็นสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่ปล่อยออกมามากขึ้น ซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนไปยังเหงือก ฮอร์โมนนี้รวมไปถึงที่สร้างขึ้นระหว่างวัยแรกรุ่น ตอนเป็นประจำเดือน ตอนตั้งครรภ์ และวัยหมดประจำเดือน บางครั้งยาคุมกำเนิดก็อาจทำให้ฮอร์โมนตัวนี้ปล่อยออกมาได้เช่นกัน [1]
  2. แปรงฟันเบาๆ โดยแปรงให้หมุนเป็นวงกลม แต่ให้เลี่ยงการแปรงจากซ้ายไปขวา. ให้แน่ใจว่าได้แปรงฟันส่วนที่เอาไว้เคี้ยวอาหาร ทั้งข้างหน้าและข้างในฟัน (ถัดจากลิ้น) ฟันบนก็แปรงลงล่าง ฟันล่างก็แปรงขึ้นบน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น อาการเหงือกบวมอาจเกิดจากคราบพลัคที่สะสมตัวเกาะฟัน วิธีที่ดีที่สุดคือการกำจัดคราบพลัคและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคเหงือก ซึ่งแก้ปัญหาได้โดยง่ายด้วยการแปรงฟันและขัดฟัน คุณควรแปรงฟันอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน ตอนเช้าและตอนเย็น หรือหลังมื้ออาหารหากเป็นไปได้
    • ใช้แปรงสีฟันขนไนล่อนนุ่มๆ จะได้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟันโดยไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ให้เลี่ยงแปรงสีฟันที่มีขนแข็งกลางๆ หรือแข็งมาก ซึ่งจะทำให้เหงือกบวมยิ่งขึ้นและยังกัดกร่อนพร้อมไปขัดสารเคลือบฟันออกอีกด้วย
    • ไม่ๆ การแปรงฟันให้แรงขึ้นนั้น ไม่ได้ หมายความว่าเป็นการแปรงฟันที่ดีขึ้นแต่อย่างใด เหงือกนั้นสร้างขึ้นมาจากเนื้อเยื่อที่ละเอียดอ่อน ฉะนั้นการที่แปรงฟันแรงเกินไปจะทำให้ผลออกมาแย่มากกว่าจะดี ให้เลี่ยงการแปรงฟันไปข้างหน้าและข้างหลังแรงๆ ที่ไม่ได้แปรงตามร่องฟันซะ
    • การแปรงฟันผิดวิธีที่ออกแรงมากขึ้นนั้นอันตรายพอๆ กับที่ไม่แปรงฟันเลย คนไข้หลายคนมีอาการรากฟันเผยและอ่อนแอลงหลังจากที่แปรงฟันแรงเกินไป
    • เลือกยาสีฟันที่ช่วยป้องกันเหงือก ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันโรคเหงือก ยาสีฟันยี่ห้อดังๆ ส่วนใหญ่ก็จะผลิตสูตรป้องกันโรคเหงือกออกมาด้วย
  3. การขัดฟันทุกวันนั้นกำจัดคราบพลัคที่แปรงสีฟันไม่อาจเข้าถึงได้ แต่อย่าขัดไปมากกว่านี้ล่ะ ไม่อย่างนั้นมันอาจไประคายเหงือกแทน
    • หลายๆ คนอาจละเลยการขัดฟัน แต่กระทั่งคนที่ ขัดฟัน ก็อาจทำให้อาการเหงือกบวมรุนแรงขึ้นเพราะขัดแรงเกินไป ให้เลี่ยงการ "ขัดเข้าไปจนชิดเหงือก"ในร่องฟัน ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อที่บอบบางของเหงือกเสียหายได้ แต่ให้ค่อยๆ สอดไหมเข้าไปในร่องฟันแล้วขัดตามรอยของฟันแต่ละซี่อย่างระมัดระวัง [1]
  4. การกลั้วปากด้วยน้ำเกลือเป็นเคล็ดลับแต่โบราณที่ปรากฏในหนังสือที่ใช้เมื่อเกิดอาการเหงือกบวมขึ้น แต่ก็ยังเป็นอะไรที่ได้ผลที่ดีที่สุดอยู่ดี เกลือนั้นทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรค กำจัดสิ่งปนเปื้อนในปากและบรรเทาอาการเหงือกอักเสบได้
    • บ้วนปากและกลั้วปาก: ทำน้ำเกลือ ขึ้นมาเอง โดยการละลายเกลือปรุงอาหารธรรมดาหนึ่งช้อนชาลงไปในน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย กลั้วให้ทั่วปาก ไปถึงระหว่างฟัน ฉะนั้นน้ำเกลือก็จะไปถึงเหงือกด้วย และอย่ากลืนน้ำเกลือลงไปล่ะ ใช้มันเป็นน้ำยาบ้วนปากก็พอ
    • น้ำเกลือสามารถกลั้วเพื่อ ลดอาการเจ็บคอ ได้ และสามารถใช้ทำความสะอาดรอยเจาะตามร่างกายใหม่ๆ และฆ่าเชื้อแผลได้ด้วย
    • คุณอาจได้กลั้วปากด้วยน้ำร้อน ให้ระวังอย่าให้ลวกปากล่ะ
  5. การประคบอุ่นและประคบเย็นนั้นช่วยบรรเทาอาการเจ็บและบวมของเหงือกได้โดยง่ายและรวดเร็วอีกด้วย การประคบอุ่นนั้นเหมาะกับการบรรเทาความเจ็บปวด ส่วนประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมได้ ประคบเอาไว้บนหน้าจะดีกว่าวางบนเหงือกโดยตรง เพื่อที่จะได้ไม่ดูงกๆ เงิ่นๆ และป้องกันไม่ให้เหงือกได้รับการระคายเคืองกว่าเดิมเนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน
    • ในการประคบอุ่น: ให้แช่ผ้าสะอาดในน้ำอุ่น (ไม่ใช่น้ำร้อน) สะเด็ดน้ำออก แล้วแปะไว้บนหน้าจนกว่าจะอาการเจ็บจะทุเลาลง
    • ในการประคบเย็น: ใช้ผ้าสะอาดผืนเล็กหรือกระดาษทิชชู่แบบแผ่นหนาที่ไว้ใช้ในครัวห่อน้ำแข็งเอาไว้สองสามก้อน หรือจะใช้ถุงใส่ผักแช่แข็ง (อย่างถุงใส่ถั่วแช่แข็ง) หรือถุงประคบเย็นที่แช่แข็งเอาไว้แล้วก็ได้ โดยเอามาประคบบนหน้าเป็นเวลาไม่เกิน 15 นาที
  6. ขณะที่เหงือกของคุณทั้งเจ็บและบวมอยู่นั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้อาการบวมหนักขึ้นไปอีก อย่างเช่นพวกยาสูบหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังรวมถึงน้ำยาบ้วนปากสูตรเข้มข้นที่คุณอาจใช้เพื่อฆ่าเชื้อในปากนั่นก็สามารถทำให้เหงือกบวมยิ่งขึ้นได้ด้วย ฉะนั้นควรหยุดใช้สักระยะหนึ่งไปก่อน
    • เจือจางน้ำยาบ้วนปากเสมอ โดยการผสมน้ำครึ่งถ้วยเข้ากับน้ำยาบ้วนปากครึ่งถ้วย ใช้สองสัปดาห์ติดกันจากนั้นก็พักไปสัปดาห์หนึ่งก่อนที่จะเริ่มกลับมาทำใหม่
  7. การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรียในปากได้ และยังควบคุมการเกิดคราบพลัคไม่ให้เกิดมากขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้การดื่มน้ำก็จะกระตุ้นให้เกิดน้ำลาย ซึ่งจะช่วยฆ่าแบคทีเรียได้เช่นกัน [2]
  8. การนวดเหงือกเบาๆ จะช่วยลดความเจ็บปวดและอาการอักเสบด้วยการช่วยให้เลือดไหลเวียนบริเวณเหงือก นวดเบาๆ เคลื่อนเป็นวงกลมบนเหงือกที่บวมประมาณหนึ่งนาที อย่าลืมล้างมือก่อนจะนวดด้วยนะ และต้องแน่ใจว่าเล็บมือสะอาดและตัดสั้นเรียบร้อยแล้ว มันจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียแพร่กระจายไปได้
    • ลองใช้เครื่องนวดเหงือก (Gum stimulator) ถ้าคิดว่าใช้นิ้วมันยากไป
  9. น้ำมันกานพลูเป็นหนึ่งในวิธีรักษาอาการเหงือกบวมทางธรรมชาติซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลในการลดความเจ็บปวดและอาการอักเสบได้ โดยให้ใช้ก้านสำลีจุ่มน้ำมันกานพลูแล้วทาลงบนเหงือกที่บวมในปริมาณเล็กน้อยสามครั้งต่อวัน หรือว่าจะหยดน้ำมันกานพลูสองสามหยดลงในน้ำแล้วกลั้วให้ทั่วปาก น้ำมันกานพลูสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ [3]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

การป้องกันไม่ให้เหงือกบวม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การแปรงฟันจะช่วยกำจัดคราบพลัคในปากได้ ซึ่งถือเป็นการรักษาโรคเหงือกและฟันผุ ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาในช่องปากแทบทุกชนิดสามารถป้องกันได้ด้วยการทำความสะอาดให้สม่ำเสมอและทั่วถึง คุณควรแปรงฟันอย่างน้อยหนึ่งครั้งตอนเช้า และอีกครั้งในตอนเย็น และหลังจากมื้ออาหารหากเป็นไปได้
    • ถ้าคุณไม่แน่ใจถึงการแปรงฟันให้ถูกวิธี ก็ควรขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ระหว่างที่ตรวจฟันในครั้งต่อไป แพทย์ย่อมให้คำแนะนำอย่างเต็มใจอยู่แล้ว
  2. การขัดฟันจะไปกำจัดคราบพลัคที่สะสมขึ้นและแบคทีเรียจากร่องระหว่างฟันได้ และการกำจัดสิ่งเหล่านี้อาจป้องกันไม่ให้เหงือกบวมได้ในขั้นต้น
    • ขัดเบาๆ เพื่อกันไม่ให้ไประคายเนื้อเยื่อเหงือกที่บอบบาง ใช้ไหมขัดฟันที่สะอาดใหม่เสมอเมื่อเปลี่ยนฟัน เพื่อกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อแบคทีเรียจากส่วนหนึ่งของปากไปยังอีกส่วนหนึ่ง
    • ถ้าคุณคิดว่าไหมขัดฟันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยอยากใช้เท่าไร ให้ใช้ไหมขัดฟันชนิดมีด้ามจับซึ่งหาซื้อได้ในร้านขายยา ซึ่งก็คือด้ามไม้หรือพลาสติกเล็กๆ ที่สามารถสอดเข้าไประหว่างร่องฟันได้ ซึ่งให้ผลเหมือนกับใช้ไหมขัดฟันเลยล่ะ
  3. ให้แน่ใจว่าอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปมีความหลากหลาย และมีวิตามินซี แคลเซียม กับกรดโฟลิกอยู่มาก. การขาดสารอาหารสามารถเป็นสาเหตุของอาการเหงือกอักเสบได้ (รวมไปถึงเนื้อเยื่อส่วนอื่นด้วย) โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี แคลเซียม และกรดโฟลิกในนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง วิตามินซีและกรดโฟลิกนั้นจะเสริมสร้างให้สุขภาพเหงือกแข็งแรงและป้องกันโรคเหงือกได้อย่างดี ขณะที่ผู้ที่ขาดแคลเซียมนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสิทธิ์เกิดโรคเหงือได้ง่ายกว่ามาก ให้รับประทานวิตามินหลายๆ ชนิด และรับประทานผักผลไม้สดทุกๆ วัน [2]
    • อาหารที่ให้วิตามินซีสูงนั้นรวมไปถึง มะละกอ พริกหยวก สตรอเบอร์รี่ บร็อคโคลี สับปะรด ดอกกะหล่ำ กีวี ส้ม แคนตาลูป และเคล (ผักตระกูลเดียวกับคะน้า)
    • อาหารที่ให้แคลเซียมสูงนั้นรวมไปถึง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมอย่างเช่น นม ชีส และโยเกิร์ต จนไปถึงปลาซาร์ดีน เต้าหู้ ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง ซีเรียล และคอลลาด กรีน (ผักตระกูลเดียวกับคะน้า)
    • อาหารที่ให้กรดโฟลิกสูงนั้นรวมไปถึง ผักใบเขียวเข้ม บร็อคโคลี่ หน้อไม้ฝรั่ง ถั่ว ถั่วลันเตา ถั่วที่เป็นเมล็ด ผักชีฝรั่ง อโวคาโด และผลไม้รสเปรี้ยว (ซิตรัส)
  4. ด้วยเพราะความเป็นกรด น้ำส้มสายชูและน้ำเลมอนสามารถไปกร่อนสารเคลือบฟันที่คอยปกป้องฟันอยู่ได้ ให้ล้างปากด้วยน้ำเปล่าก็พอ
  5. ความเหนื่อยล้าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั่วใบหน้าของคุณบวมขึ้นรวมถึงเหงือกด้วย ฉะนั้นควรนอนหลับให้ได้เจ็ดถึงเก้าชั่วโมงต่อคน คุณยังควรหลีกเลี่ยงความเครียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย เนื่องจากความเครียดจะทำให้ร่างกายสร้างสารขึ้นมาซึ่งเรียกว่าฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบบริเวณเหงือกและส่วนอื่นของร่างกายได้ [1]
    • คุณสามารถ ลดความเครียด ได้จากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้มีความสุขซึ่งรับประกันว่าจะทำให้คุณอารมณ์ดีอย่างแน่นอน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังทำให้คุณเหนื่อย ซึ่งช่วยให้หลับได้สนิทขึ้นในตอนกลางคืน มีแต่ได้กับได้เลยนะเนี่ย!
    • คุณสามารถลดความเครียดและเพิ่มความผ่อนคลายได้โดยการใช้เวลาส่วนตัวออกไปเดินเล่น อ่านหนังสือ หรืออาบน้ำแช่ในอ่างก็ได้ และคุณก็ควรเลี่ยงการกระตุ้นตัวเองก่อนเข้านอน ฉะนั้นควรปิดโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอนจะดี
  6. อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ยาสูบนั้นระคายต่อเหงือกอย่างมาก และผู้ที่สูบบุหรี่หรือใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดอื่นก็ย่อมเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเหงือก ถ้าเป็นไปได้ก็ควร เลิกสูบบุหรี่ เสีย หรืออย่างน้อยก็ใช้ยาสูบให้น้อยลงก็ยังดี
  7. อาการเหงือกบวมมักแสดงขึ้นมาจากปัญหาในช่องปากหลายชนิด อย่างโรคปริทันต์ที่เกิดขึ้นจากคราบพลัค เชื้อโรค และฟันผุ ฉะนั้นถ้าเหงือกของคุณบวมขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหาย ก็ควรไปพบทันตแพทย์ซะ แพทย์จะสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นภายในช่องปากคุณ และแนะนำการรักษาที่เหมาะสม แม้ฟันและเหงือกของคุณจะดูแข็งแรงดี แต่การไปพบทันตแพทย์หรือทีมงานทันตสาธารณสุขอย่างน้อยสองครั้งต่อปีก็เป็นเรื่องที่ดี [4]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ขณะที่กำลังแปรงฟัน อย่าแปรงแรงและอย่างทำร้ายเหงือกมากเกินไป ใช้แปรงที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มและค่อยๆ แปรงช้าๆ เคลื่อนเป็นวงกลมอย่างอ่อนโยนเพื่อให้เหงือกคุณมีสุขภาพที่ดี แปรงเป็นแนวตั้งเพื่อทำความสะอาดเหงือก ลองจินตนาการว่าคุณต้องมีเหงือกไว้ปกป้องฟัน และแปรงลงเหมือนลากมันลงมาเหนือผิวฟัน
  • เปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ สามเดือน เพราะแปรงสีฟันอันเก่าอาจเต็มไปด้วยแบคทีเรียก็เป็นได้
  • หากคุณเพิ่งกลับมาใช้ไหมขัดฟันหลังจากที่หยุดไป เหงือกคุณอาจเจ็บ มีเลือดออกเล็กน้อย หรืออักเสบในสัปดาห์แรก แต่ให้ขัดฟันต่อไป แล้วเดี๋ยวเหงือกของคุณจะปรับตัวกลับมาเหมือนเดิมเอง!
โฆษณา

คำเตือน

  • แม้คุณอาจได้วิธีลดอาการเจ็บปวดที่บ้านด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ถ้าเหงือกคุณยังบวมอยู่ การไปพบทันตแพทย์ก็ยังจำเป็นอยู่นะ โรคในช่องปากที่อยู่เบื้องหลังอาการอักเสบของเหงือกอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเหงือกและฟันของคุณได้
  • ให้ระมัดระวังอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป หลายคนมักมีเหงือกที่รู้สึกไวมากต่ออุณหภูมิ ยิ่งถ้าอายุมากเข้าด้วยแล้ว ดังนั้นก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเลี่ยงเครื่องดื่มที่เย็นมากๆ ใส่น้ำแข็ง หรือชา กาแฟ ซุปที่ร้อนมากๆ ซะ ไม่ได้หมายความว่าต้องงดดื่มงดกินไปเลย ก็อาจแค่รอให้เครื่องดื่มอุ่นขึ้นหรือเย็นลงหน่อยก่อนที่จะดื่มมัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 323,871 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา