ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ส้มจี๊ดจะดูเหมือนส้มธรรมดาที่ลูกเล็กและเป็นทรงรี มันมีรสเปรี้ยว และยังสามารถข้ามสายพันธุ์ไปผสมกับผลไม้ซิตรัสอื่นๆ ได้ด้วย แต่บางครั้งก็ถูกจัดให้เป็นสกุลแยกออกไปต่างหาก [1] เรื่องที่น่าแปลกที่สุดในบรรดาส้มก็คือ เปลือกของมันนั้นหวานอร่อย ทำให้เกิดรสชาติที่ปะปนกันเมื่อกินเข้าไปทั้งลูก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

การกินส้มจี๊ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    ส้มจี๊ดสุกจะมีสีตั้งแต่ส้มสว่างไปถึงเหลืองส้ม อย่าไปกินลูกที่สีออกเขียวเพราะมันดิบล่ะ ผิวของส้มจะต้องดูสวยและแน่น ไม่มีรอยด่างหรือเหี่ยวย่น [2]
  2. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    ไม่ว่าคุณจะได้ส้มจี๊ดมาจากไหน ให้ถูทำความสะอาดมันในน้ำก๊อก เนื่องจากว่าเปลือกมันสามารถรับประทานได้ คุณคงไม่อยากให้สารพิษยาฆ่าแมลงที่ตกค้างหรือฝุ่นดินเปื้อนมันหรอก จากนั้นก็ซับให้ผลแห้งด้วยทิชชู่
  3. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    บางคนบอกว่าการถูหรือบีบส้มจี๊ดด้วยนิ้วจะทำให้เปลือกปล่อยกลิ่นหวานอมเปรี้ยวขึ้นออกมา [3]
  4. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    เมล็ดของส้มจี๊ดไม่ได้เป็นพิษ แต่มันมีรสชาติที่ขมกว่าเมล็ดส้มธรรมดาทั่วไป [4] หากคุณอยากกินอร่อยๆ ก็ให้ผ่าส้มจี๊ดออกครึ่งหนึ่งแล้วเอาเมล็ดออก หรือจะคายเมล็ดทิ้งตอนกินเข้าไปแล้วก็ได้ หรืออยากจะเคี้ยวกลืนไปเลยก็ไม่ผิด ถ้าไม่แคร์กับรสชาติ
    • ดึงเอาขั้วผลไม้สีเขียวออกด้วย
  5. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    เป็นเรื่องที่แปลก เพราะส้มจี๊ดจะมีเปลือกรสหวานและเนื้อรสเปรี้ยว ให้เล็มจากปลายเพื่อรับรสชาติของเปลือกก่อน เมื่อคุณเริ่มรู้สึกว่ามีน้ำไหลออกมา ก็สามารถเล็มต่อเรื่อยๆ ด้วยความระมัดระวัง หรือจะกินเข้าไปทั้งลูกเลยก็ได้ ถ้าคุณโอเคกับรสชาตินี้ มันจะเป็นรสชาติที่ผสมผสานกันระหว่างความเปรี้ยวและหวานของผลไม้อันแสนหายากบนโลกใบนี้
    • ส้มจี๊ดบางสายพันธุ์จะมีความพิเศษที่มีรสเปรี้ยวน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ หรือมีเปลือกที่หนากว่า ถ้าคุณไม่รู้สึกพอใจกับรสชาติมากนัก ให้ลองกินสายพันธุ์อื่น หรือนำไปทำอาหารดู
    • ถ้าคุณไม่ชอบรสเปรี้ยว ก็ให้บีบน้ำออกแล้วกินแค่เปลือกก็พอ
  6. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    ส้มจี๊ดสามารถเก็บไว้ได้ถึงสองวันในอุณหภูมิห้อง หรือประมาณสองอาทิตย์ในภาชนะปิดกันลมแล้วแช่ในตู้เย็น [5] คุณสามารถกินมันเย็นๆ จากตู้เย็นหรือทิ้งให้อุ่นก่อนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ทำอาหารด้วยส้มจี๊ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    รสชาติที่เข้มข้นทำให้ส้มจี๊ดเหมาะที่จะกินคู่กับผักใบเขียวอย่างเช่นอองดีฟหรืออลูกูล่า ให้ฝานเป็นแผ่นชิ้นบางกลมด้วยมีดคมๆ เอาเมล็ดออก แล้ววางประดับบนสลัดเพื่อโชว์ให้สีออกมาดูเด่น
  2. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    มาร์มาเลดส้มจี๊ดนั้นจะมีความหวานมากกว่าและขมน้อยกว่ามาร์มาเลดส้มธรรมดา ส่วนสูตรนั้นก็เหมือนมาร์มาเลดหรือแยมส่วนใหญ่นั่นแหละ
    • เพราะเมล็ดของส้มจี๊ดมีเพกทินอยู่ คุณจึงสามารถต้มมันไปพร้อมกับผลเพื่อทำให้มาร์มาเลดส้มจี๊ดออกมาข้นขึ้นก็ได้นะ โดยใส่เมล็ดเอาไว้ในถุงผ้ากรองขณะต้มอยู่ เพื่อที่มันจะได้ไม่รวมเข้าไปอยู่ในโหลแยมด้วย [6]
  3. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    การดองนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวัน แต่ผลที่ได้ออกมานั้นจะพิเศษสุดๆ สูตรเฉพาะของมันจะคงความหวานของส้มจี๊ดเอาไว้ล่ะ
  4. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    กรดของส้มจี๊ดจะขับรสชาติของแกะและเนื้อไก่ได้ดีเลยล่ะ โดยให้ใส่เข้าไปก่อนจะเคี่ยวหรือตุ๋นเนื้อเสร็จ 30 นาที [7] อาหารทะเลคู่กับส้มจี๊ดก็เข้ากันได้ดีเช่นกัน แต่ไม่จำเป็นต้องหมัก ให้ใส่ผลส้มจี๊ดลงไปตอนนาทีสุดท้ายแทน โดยจะใช้ตกแต่งหรือรวมไปในน้ำสลัดเลยก็ได้
  5. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    ล้างส้มจี๊ดจำนวนมากแล้วผ่าครึ่ง โดยใช้อย่างน้อย 10 ลูกต่อวอดก้าถ้วยหนึ่ง (240มล.) [8] เทให้วอดก้าท่วมแล้วเก็บไว้ในที่มืดและเย็น โดยเขย่าครั้งหนึ่งต่อวัน มันจะดึงรสชาติอ่อนๆ ออกมาหลังจากผ่านไปสองสามวัน ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้นเพื่อผ่านไปหนึ่งถึงสองอาทิตย์ และทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อแช่ไปอีกหลายๆ อาทิตย์หรือหลายเดือนเลย
    • ถ้าคุณชอบแอลกอฮอล์หวานๆ ให้ใส่น้ำตาลลงไปด้วย โดยใส่น้ำตาล ¼ ถ้วย (25ก.) ต่อวอดก้าลูกต่อวอดก้าถ้วยหนึ่ง (240มล.) [9]
  6. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    ในประเทศสหรัฐอเมริกา การปรากฏตัวครั้งแรกของส้มจี๊ดนั้นตรงกับวันขอบคุณพระเจ้า ใช้ประโยชน์ตรงนี้กับการเพิ่มความมีชีวิตชีวาและความเย้ายวนใจให้กับแครนเบอร์รี่ซอสในวันหยุดของคุณ หรือใช้วัตถุดิบที่หาง่ายๆ เพื่อทำเป็นซอสชัทนีย์หรือของหวาน
    • หั่นส้มจี๊ด 1½ ถ้วย (360 มล.) เอาเมล็ดและขั้วออก
    • ตุ๋นในหม้อเคี่ยวซอสด้วยน้ำ ¼ ถ้วย (60มล.) จนกว่าผลส้มจี๊ดจะอ่อนตัวลง [10]
    • ใส่วัตถุดิบต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
      • ซอสแครนเบอร์รี่หนึ่งกระป๋อง
      • หรือ เชอร์รี่แห้ง ขิงขูด พริกไทยดำ และอบเชย [11]
      • หรือ น้ำตาล ¾ ถึง 1 ถ้วย (150–200ก.) เพื่อทำส้มจี๊ดเชื่อม
    • ตุ๋นโดยไม่ต้องปิดฝาประมาณ 10–15 นาที จนกว่าเนื้อจะใสขึ้นเล็กน้อย แล้วให้เติมน้ำตอนที่น้ำในหม้อเริ่มจะแห้ง
  7. Watermark wikiHow to กินส้มจี๊ด
    ผ่าส้มจี๊ดครึ่งหนึ่งตามแนวขวาง ตักเอาเนื้อฉ่ำๆ รสเปรี้ยวออกด้วยช้อนแคบๆ หรือ Grapefruit spoon จากนั้นก็เอาไปใส่ในฟรุตสลัดหรือไอศกรีม ส่วนเปลือกเปล่าๆ ก็นำไปแช่แข็งในภาชนะกันลม จากนั้นก็ใช้เปลือกไว้ใส่ซอร์เบทหรือขนมหวานอื่นๆ
    • หรือว่าจะคงเนื้อเอาไว้ในเปลือกที่ผ่าครึ่งแล้ว เอาปลายจุ่มลงในส่วนผสมของไข่ขาวกับน้ำผึ้ง จากนั้นก็จุ่มส่วนผสมของน้ำตาลดิบกับอบเชย แล้วนำไปแช่แข็งกินเป็นของหวานก็ได้ [12]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ส้มจี๊ดมีอยู่หลายสายพันธุ์ มีรูปร่างต่างกันออกไป (กลมหรือรี) รวมถึงสีด้วย (เหลืองหรือส้ม) [13] พันธุ์ ไมวากัมควอท จะมีรสชาติที่หวานที่สุด ขณะที่พันธุ์ มารุมิ , นากามิ และ ฮ่องกง จะมีรสที่เปรี้ยวกว่าตามลำดับ [14] [15]
  • เมล็ดส่วนใหญ่จะอยู่ตรงขั้วดอก ตรงข้ามกับก้าน ให้ตัดเปิดมันออกเพื่อเอาเมล็ดออกด้วยการเอามีดจิ้มเร็วๆ [16]
  • ส้มจี๊ดเป็นผลไม้ฤดูหนาว ถ้ามันมีวางขายในฤดูอื่น นั่นก็แปลว่าอาจนำเข้า และอาจไม่สดหรือมีน้ำเยอะเท่าที่ควร
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • มีด (ไม่จำเป็น)
  • น้ำเอาไว้ล้างส้มจี๊ด
  • ส้มจี๊ด
  • น้ำตาล (ไม่จำเป็น)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,949 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา