ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เลโอนาร์โด ดาวินชีเป็นบุคคลผู้ยอดเยี่ยมจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เขาเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ วิศวกร นักประดิษฐ์ นักกายวิภาคศาสตร์ จิตรกร ประติมากร สถาปนิก นักพฤกษศาสตร์ นักดนตรี และนักเขียนที่มากด้วยความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะอยากปลุกความอยากรู้และความคิดสร้างสรรค์ หรือต้องการปรับโหมดความคิดเป็นแบบวิทยาศาสตร์โดยยึดเอาเลโอนาร์โด ดาวินชีเป็นแบบอย่าง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความคิดที่ดีทั้งสิ้น และเพื่อเรียนรู้วิธีการคิดให้ได้อย่างปรมาจารย์ผู้ปราดเปรื่อง เราไปดูข้อมูลโดยเริ่มจากขั้นตอนที่ 1 กันเลยดีกว่า

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปลุกความอยากรู้อยากเห็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แท้จริงนั้นคุณต้องรู้จักตั้งคำถามกับคำตอบที่ได้รับ เพื่อค้นพบสิ่งที่ซับซ้อนกว่าให้ได้อย่างเลโอนาร์โด ดาวินชี รวมถึงต้องมีความคิดเห็นและสร้างแนวคิดใหม่ๆ เป็นของตัวเอง เพื่ออธิบายโลกที่คุณอาศัยอยู่ เลโอนาร์โดเชื่อในความรู้สึกและสัญชาตญาณของตัวเขาเองมากกว่า "ความรู้" ของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหตุการณ์ปัจจุบันและเรื่องราวในอดีต เขายึดถือในความคิดของตัวเอง และนำประสบการณ์ที่เขาพบเจอมาสร้างมุมมองความคิดที่เขามีต่อโลกใบนี้
    • สำหรับเลโอนาร์โด ความอยากรู้อยากเห็นหมายถึงทั้งการมองไปในอนาคตและการมองย้อนกลับไปในอดีต เขามองไปไกลกว่าคำสั่งสอนในพระคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป และย้อนกลับไปพูดคุยกับผู้คนในอดีต ผ่านการศึกษาตำรากรีกและโรมัน และคิดอย่างนักปรัชญา โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะ
    • แบบฝึกหัด : ลองใคร่ครวญเกี่ยวกับมุมใดมุมหนึ่งของปัญหา แนวคิด หรือประเด็นหนึ่งๆ ที่คุณสนใจมากเป็นพิเศษ โดยให้มองจากมุมที่ตรงข้ามกับความคิดของคุณโดยสิ้นเชิง เช่น แม้คุณจะมั่นใจว่าตัวเอง "เข้าใจ" เป็นอย่างดีว่าคุณสมบัติของภาพวาดชั้นเลิศนั้นคืออะไร รู้ว่าวงดนตรีเครื่องสายแบบ 4 ชิ้นนั้นเขาจัดกันอย่างไร หรือรู้ทุกซอกทุกมุมเกี่ยวกับสภาวะของน้ำแข็งขั้วโลก แต่จงทำให้มันเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องคิดต่างและสร้างแนวความคิดใหม่ๆ สร้างข้อคิดเห็นที่ตรงข้ามกับสิ่งที่คุณเชื่อ และหันมารับบทเป็นฝ่ายสนับสนุนปีศาจ
  2. นักคิดผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จะไม่หลบซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนุ่มๆ และมัวแต่คิดแบบเน้นปลอดภัยไว้ก่อน แต่พวกเขาจะออกไปไล่ล่าหาความจริงอย่างไม่ลดละ แม้ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาคิดอาจผิดโดยสิ้นเชิง จงปล่อยให้ความกระตือรือร้นใคร่อยากรู้ครอบครองจิตใจของคุณแทนความกลัวการผิดพลาด และฝึกมองความผิดพลาดเป็นโอกาสในการพบเจอสิ่งใหม่ๆ จงคิดและทำตามความเชื่อที่จะทำให้คุณกล้าเสี่ยงกับความผิดพลาด เพราะถ้าอยากยิ่งใหญ่ เราต้องกล้าที่จะล้มเหลว
    • เลโอนาร์โด ดาวินชีศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับศาสตร์แห่งโหงวเฮ้ง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่อ้างว่ารูปหน้ามีความเชื่อมโยงกับลักษณะนิสัยของคนเรา แม้ในปัจจุบันจะมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความเชื่อแบบผิดๆ แต่แนวคิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยของเลโอนาร์โด และดูเหมือนจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิดเห็นใหม่ๆ ของเขาเกี่ยวกับลักษณะทางกายวิภาคของมนุษย์ แม้เราอาจมองว่าเลโอนาร์โดคิด "ผิด" แต่จะดีกว่านะถ้าเราจะมองว่านี่เป็นเหมือนหินในหนองน้ำให้เราเหยียบข้ามไปหาความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า
    • แบบฝึกหัด : ลองหาความเชื่อแบบเก่าๆ ที่ถูกหักล้างไปแล้ว หรือแนวคิดที่มีการถกเถียงกันอยู่ และพยายามศึกษาทุกๆ ด้านที่คุณสามารถทำได้เกี่ยวกับสิ่งนี้ พิจารณาดูว่าการมองโลกในมุมต่างนั้นหมายถึงอะไร เช่น ลองพิจารณาความเชื่อเกี่ยวกับนรก สวรรค์ หรือการทำบุญ และศึกษามุมมองความคิดเหล่านี้ รวมถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดความเชื่อเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อพิจารณาว่าความเชื่อเหล่านี้ผิดอย่างไร หรือ "ผิด" จริงหรือไม่?
  3. นักคิดที่มีความอยากรู้อยากเห็นจะไม่เกรงกลัวต่อสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก สิ่งลี้ลับ หรือสิ่งที่น่าหวาดกลัว เพื่อศึกษากายวิภาคศาสตร์ เลโอนาร์โดทุ่มเทเวลาจำนวนมากให้กับการศึกษาศพ ภายในห้องที่แทบไม่มีการฆ่าเชื้อเมื่อเทียบกับห้องแล็บที่เราใช้ศึกษาศพกันในปัจจุบัน ความกระหายใคร่รู้ของเขามีอำนาจเหนือกว่าความรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน และทำให้เขาสามารถบุกเบิกศาสตร์แห่งการศึกษาร่างกายของมนุษย์ได้สำเร็จ ก่อเกิดเป็นภาพวาดที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา [1]
    • แบบฝึกหัด : ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณหวาดกลัว เช่น หากคุณหวาดกลัวการมาถึงของวันสิ้นโลก ให้ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวันโลกาวินาศและคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ หรือหากคุณกลัวแวมไพร์ ให้ลองขุดคุ้ยข้อมูลเกี่ยวกับวลาด จอมเสียบ (Vlad the Impaler) หรือหากคุณฝันร้ายถึงสงครามนิวเคลียร์บ่อยๆ ให้ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ และโครงการแมนฮัตตัน
  4. การคิดด้วยความอยากรู้ หมายถึงการมองหารูปแบบที่สอดคล้องกันในแนวคิดหรือภาพของสิ่งต่างๆ เพื่อค้นหาความคล้ายคลึงที่สามารถเชื่อมโยงแนวคิดที่แตกต่างเข้าด้วยกัน แทนที่จะพยายามมองหาแต่ความแตกต่าง เลโอนาร์โด ดาวินชีคงไม่สามารถประดิษฐ์ "ม้ากล" ที่กลายมาเป็นจักรยานของเขาในเวลาต่อมาได้ หากไม่ลองเชื่อมโยงความคิดที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างการขี่ม้ากับเฟืองแบบธรรมดา คุณจึงควรฝึกมองหาจุดเหมือนในความคิดเห็นของคุณกับคนอื่นๆ และมองหาสิ่งต่างๆ ที่คุณสามารถเชื่อมโยงเข้ากับแนวคิดหรือประเด็นนั้นๆ ได้ หรือสิ่งที่คุณสามารถหยิบเอามาใช้ประโยชน์ได้ มากกว่าที่จะมัวแต่มองว่าความคิดของอื่นเป็นสิ่งที่ "ผิด"
    • แบบฝึกหัด : ปิดตา แล้ววาดเส้นหยักหรือเส้นตรงไปมั่วๆ บนหน้ากระดาษ จากนั้นให้เปิดตาแล้ววาดภาพของคุณต่อจนเสร็จ มองลงไปยังภาพที่ไร้ความหมาย แล้วแต่งเติมความหมายให้กับมัน หรือเขียนรายการคำใดๆ ก็ตาม "ที่คุณนึกขึ้นมาได้ในขณะนั้น" แล้วนำมาแต่งเป็นกลอนหรือเรื่องราวหนึ่งเรื่อง เพื่อฝึกมองหาความเชื่อมโยงจากสิ่งที่ดูขัดแย้งกัน
  5. นักคิดผู้อยากรู้อยากเห็นจะไม่พึงพอใจกับความรู้ที่ได้รับและคำตอบที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป แต่จะเลือกที่จะตรวจสอบคำตอบของผู้อื่น โดยอาศัยการสังเกตดูสิ่งต่างๆ ในชีวิตจริง หรือสร้างแนวคิดใหม่ขึ้นมาบนรากฐานของประสบการณ์ที่พวกเขามีต่อโลกใบนี้
    • แน่นอน สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าประเทศออสเตรเลียมีอยู่จริง เพราะคุณไม่เคยเห็นมันด้วยตาของตัวเอง แต่หมายถึงการที่คุณเลือกที่จะไม่เชื่อในความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับประเทศออสเตรเลีย จนกว่าคุณจะได้ศึกษาข้อมูลให้มากที่สุดและพิสูจน์ความรู้นั้นด้วยตัวของคุณเอง
    • แบบฝึกหัด : ลองคิดถึงช่วงเวลาที่ใครบางคนหรือสิ่งของบางอย่างทำให้ความคิดของคุณไขว้เขว โดยอาจเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเช่น ความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่คุณชอบเปลี่ยนไปเพราะเพื่อนของคุณมองไปในทางตรงกันข้าม และคุณก็เลือกที่จะคิดเหมือนๆ พวกเขา ให้คุณลองมองย้อนไปและใคร่ครวญเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนั้นอีกครั้งผ่านสายตาดวงใหม่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การคิดบนรากฐานของวิทยาศาสตร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้ง คำถามง่ายๆ กลับกลายเป็นคำถามที่ซับซ้อนที่สุด เช่น นกบินได้อย่างไร? เหตุใดท้องฟ้าจึงมีสีฟ้า? นี่เป็นลักษณะของคำถามที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้เลโอนาร์โด ดาวินชีศึกษาเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์จนกลายเป็นอัจฉริยะผู้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ สำหรับดาวินชี คำตอบที่ว่า "เพราะนั่นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า" นั้นไม่เพียงพอ เมื่อคำตอบที่แท้จริงนั้นซับซ้อนกว่ามากและยังจับต้องได้มากกว่า ให้คุณฝึกตั้งคำถามที่ต้องอาศัยการสืบสวนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ และทำการทดสอบเพื่อหาคำตอบของสิ่งนั้น
    • แบบฝึกหัด : เขียนคำถามอย่างน้อย 5 คำถามเกี่ยวกับประเด็นที่คุณสนใจและอยากเพิ่มพูนความรู้ แต่แทนที่จะค้นหาข้อมูลคร่าวๆ จากวิกิพีเดีย ซึ่งจะทำให้คุณลืมข้อมูลทุกอย่างในไม่ช้า ให้คุณเลือกคำถามใดคำถามหนึ่งจากรายการที่คุณเขียนขึ้น แล้วใช้เวลาเรียนรู้และหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งนั้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ อาจเป็นคำถามที่ว่า เห็ดเกิดขึ้นได้อย่างไร? ปะการังคืออะไร? จิตวิญญาณคืออะไร? โดยให้ค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด จดบันทึก วาดภาพ และคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับสิ่งนี้อย่างละเอียด
  2. ทดสอบสมมติฐานของคุณโดยอาศัยการสังเกตด้วยตนเอง. เมื่อคุณเริ่มมีความคิดเห็นของตัวเองต่อประเด็นหรือคำถามหนึ่งๆ หรือเมื่อคุณคิดว่าคุณกำลังเข้าใกล้คำตอบที่คุณต้องการ ให้ลองคิดหาเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับตัดสินว่าคำตอบของคุณควรได้รับการยอมรับหรือถูกปฏิเสธ สิ่งใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณคิดถูก? สิ่งใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าคุณคิดผิด? คุณจะทดสอบความถูกต้องของสิ่งที่คุณคิดได้อย่างไร?
    • แบบฝึกหัด : ลองตั้งทฤษฎีที่สามารถตรวจสอบได้เกี่ยวกับคำถามของคุณ แล้วทดสอบทฤษฎีโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เช่น เตรียมสารตั้งต้นเพื่อเพาะเห็ดของคุณเอง เพื่อเรียนรู้วิธีการ เทคนิค และรูปแบบการเพาะในลักษณะต่างๆ ให้มากขึ้น
  3. ดูความคิดเห็นของคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการทดสอบ. นักคิดเชิงวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบความคิดเห็นต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาได้ส่องลงไปดูครบทุกซอกซอยแห่งความคิดนั้นๆ และได้ยอมรับหรือปฏิเสธความคิดบางอย่างแล้ว จนไม่เหลือซอกซอยใดๆ ที่ยังไม่ได้ทำการสำรวจ แต่นักคิดโดยทั่วไปมักยึดติดกับทางเลือกหรือคำตอบแรกที่ทำให้พวกเขาพอใจ และละเลยคำถามอื่นๆ ที่ซับซ้อนหรือน่าสนใจกว่า ซึ่งอาจให้พวกเขาได้คำตอบที่เที่ยงตรงกว่า หากคุณอยากคิดให้ได้อย่างเลโอนาร์โด ดาวินชีแล้วล่ะก็ เมื่อคุณกำลังค้นหาความจริงบางอย่าง อย่าปล่อยให้มีพื้นที่ที่ไม่ได้รับการสำรวจหลงเหลืออยู่เป็นอันขาด
    • แบบฝึกหัด : ฝึกทำแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถรวมการใช้ตรรกะและจินตนาการเข้าไว้ในงานและชีวิตของคุณได้ โดยแผนที่ความคิดที่ได้ควรมีลักษณะเหมือนใยแมงมุมที่แตกใยออกไปเป็นคำและความคิดเห็นต่างๆ ที่คุณมองว่ามีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจดจำทุกซอกซอยความคิดของคุณได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวหรือความสำเร็จ นอกจากนี้ แผนที่ความคิดยังช่วยพัฒนาความจำ ช่วยกักเก็บความคิดอ่านและความคิดสร้างสรรค์ของคุณ
  4. นักวิทยาศาสตร์จะยอมรับการทดสอบที่ล้มเหลว เหมือนๆ กับที่พวกเขายอมรับในการทดสอบที่ประสบผลสำเร็จ เพราะความล้มเหลวทำให้คุณสามารถตัดตัวเลือกหนึ่งออกจากความเป็นไปได้ ทำให้คุณเข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น เราจึงควรฝึกเรียนรู้จากสมมติฐานที่คุณค้นพบว่าเป็นความคิดที่ผิด ดังนั้น หากคุณมั่นใจว่าวิธีการใหม่ที่คุณนำมาใช้ในการจัดแบ่งเวลาทำงาน เขียนหนังสือ หรือประกอบเครื่องยนต์ใหม่นั้นจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ก็จงฉลอง! เพราะคุณได้เสร็จสิ้นการทดสอบ และค้นพบแล้วว่ามีวิธีการหนึ่งที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในครั้งหน้า
    • แบบฝึกหัด : ลองมองย้อนดูความผิดพลาดบางอย่างในอดีต จดทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากสิ่งนั้น รวมถึงสิ่งที่คุณสามารถทำได้ดียิ่งขึ้นเพราะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ฝึกการใช้ความคิดสร้างสรรค์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผลงานหลายชิ้นที่เรายกย่องกันในปัจจุบันว่าเป็นงานศิลปะที่ประเมิณราคาไม่ได้นั้น ความจริงแล้วเป็นเพียงภาพที่เลโอนาร์โด ดาวินชีร่างขึ้นในชีวิตประจำวัน และสาเหตุที่เขาบันทึกไว้ก็ไม่ใช่เพราะต้องการสร้างผลงานบรรลือโลก แต่เป็นเพราะศิลปะนั้นแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของเขาจนถึงระดับที่มันกลายเป็นวิธีการที่เขาใช้ในการถ่ายทอดความคิด เมื่อเขาจดข้อมูล จึงมักมีภาพประกอบเสมอ การเขียนเป็นการบังคับให้คุณต้องใช้วิธีคิดที่ต่างออกไป เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความคิดอันคลุมเครือของคุณให้ออกมาชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากที่สุด
    • แบบฝึกหัด : คิดหาประเด็นต่างๆ ที่คุณสามารถใช้เวลาตลอดทั้งหนึ่งวันในการจดบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด โดยควรเป็นประเด็นสำคัญๆ ที่คุณมีความคิดเห็นต่อสิ่งนั้นๆ เช่นประเด็น "โทรทัศน์" หรือ "บ็อบ ดีแลน" ซึ่งเป็นประเด็นที่ดีมาก โดยให้เริ่มต้นด้วยการเขียนหัวข้อ "เกี่ยวกับดีแลน" ด้านบนสุดของหน้ากระดาษ แล้วจึงจดบันทึก วาดภาพ และเชื่อมโยงความคิดของคุณได้อย่างอิสระผ่านการเขียน หากพบจุดที่คุณไม่มั่นใจ ให้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น
  2. คิดหาคำศัพท์สวยๆ และใช้คำที่สามารถบรรยายได้อย่างแม่นยำ ใช้การอุปมาอุปมัย เปรียบเทียบ หรือการเล่าแบบเทียบเคียงเพื่ออธิบายสิ่งที่เป็นนามธรรม และมองหาความเชื่อมโยงระหว่างความคิดต่างๆ ของคุณ รวมถึงตรวจสอบความคิดของคุณอย่างต่อเนื่อง และควรอธิบายสิ่งต่างๆ ตามการรับรู้ของประสาทสัมผัส เช่น ผิวสัมผัส กลิ่น รสชาติ ความรู้สึก ฯลฯ รวมถึงอธิบายความหมาย ความสำคัญ และสัญลักษณ์ที่สิ่งนั้นๆ ทำให้คุณนึกถึงในขณะที่คุณกำลังสัมผัสมัน
    • แบบฝึกหัด : อ่านบทกวี "Fork" ของชาร์ลส์ ซิมิค [2] ในบทกวีนี้ ซิมิคสามารถอธิบายคนเดินถนนและวัตถุต่างๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวันได้อย่างแม่นยำ ผ่านมุมมองที่แปลกที่สุดเท่าที่เราเคยได้ยิน
  3. หนึ่งในคติประจำตัวที่เลโอนาร์โดนำมาใช้ในยามที่เขาสร้างงานศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ คือ saper vedere (รู้วิธีในการมอง) ดังนั้น ในระหว่างที่คุณกำลังจดบันทึก ลองปรับสายตาของคุณให้เฉียบคมเพื่อมองดูโลก และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่สว่างสดใส เช่น เขียนถึงภาพที่คุณพบเห็นในหนึ่งวัน สิ่งน่าตื่นเต้น ภาพกราฟิตี้ต่างๆ ท่าทางของผู้คน เสื้อผ้าแปลกๆ ภาษาประหลาดๆ อะไรก็ตามที่เข้ามาในชีวิตของคุณ จงจดบันทึกสิ่งเหล่านั้นไว้ สมุดนี้จะกลายเป็นเหมือนสารานุกรมที่บันทึกช่วงเวลาเล็กๆ เหล่านั้นเอาไว้เป็นข้อความและภาพต่างๆ
    • แบบฝึกหัด : คุณไม่จำเป็นต้องจดบันทึกเหมือนอย่างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง เพราะคุณสามารถใช้กล้องในมือถือเพื่อบันทึกภาพต่างๆ ระหว่างเดินทางไปทำงานเพื่อเพิ่มสีสันให้กับการเดินทางของคุณ ทำตัวให้กระตือรือร้น คอยมองหาฉากเด็ดและถ่ายภาพให้ได้สัก 10 ภาพในระหว่างเดินทาง และระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน ให้ลองย้อนดูภาพที่ถ่ายในตอนเช้า คิดทบทวนว่าอะไรทำให้คุณสนใจสิ่งนี้ และลองมองหาความเชื่อมโยงในสิ่งที่แตกต่างกัน
  4. เลโอนาร์โด ดาวินชีเป็นคนจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่มีลักษณะตามอุดมคติของเพลโต เนื่องจากเขามีชื่อเสียงทั้งในฐานะนักวิทยาศาสตร์ นักศิลปะ และนักประดิษฐ์แบบเท่าๆ กัน เลโอนาร์โดคงรู้สึกสับสนและหงุดหงิดกับแนวคิดการมอง "อาชีพ" ในปัจจุบัน เราแทบนึกภาพไม่ออกว่าเขาจะสามารถนั่งทำงานงกๆ ไม่พูดไม่จาในออฟฟิศ ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพิมพ์งานแล้วกลับบ้านไปดู "สิงห์รถบรรทุก" ได้อย่างไร หากคุณสนใจหัวข้อหรือประเด็นที่อยู่นอกเหนือชีวิตประจำวันของคุณ ให้มองสิ่งนั้นเป็นโอกาสมากกว่าที่จะเป็นความท้าทายใหม่ๆ ใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายของชีวิตยุคใหม่ที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ทันที และใช้อิสระที่เรามีเพื่อไขว่คว้าหาประสบการณ์ใหม่ๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากความไร้ขีดจำกัดของโลกปัจจุบัน
    • แบบฝึกหัด : จดหัวข้อหรือภารกิจที่คุณต้องการทำให้สำเร็จภายใน 4-5 เดือน/ปีข้างหน้า เช่น อยากรวมเล่มนิยายที่คุณร่างไว้มานานแล้ว หรืออยากเรียนกีตาร์คลาสสิค ไม่มีเหตุผลที่คุณจะต้องรอที่จะทำสิ่งเหล่านี้ และไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณลักษณะอื่นๆ ของดาวินชีที่ควรค่าแก่การยึดถือปฏิบัติ คือ
    • มีเสน่ห์ดึงดูด
    • ใจดีมีเมตตา
    • รักธรรมชาติ
    • รักสัตว์
    • อยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ
  • อ่านหนังสือ คนแบบดาวินชีนั้นไม่มีทีวีให้ดูเพื่อความบันเทิง พวกเขาอ่านหนังสือกัน!
  • อ่านเรื่องใดก็ได้ และอ่านให้หมดทุกเล่มที่คุณสามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้ อย่ามัวแต่ดูช่องสารคดี Nat Geo เพราะรายการทีวีเหล่านี้ล้วนผลิตขึ้นเพื่อความบันเทิง
โฆษณา

คำเตือน

  • ด้วยเหตุที่เขามีความสนใจในเรื่องราวต่างๆ มากมาย บนหลุมฝังศพของเขาจึงสลักข้อความเพื่อกล่าวขอโทษ "พระเจ้าและมนุษย์ทั้งหลายที่ทิ้งภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นมากมายไว้เบื้องหลัง"


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,167 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา