ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ชาร้อนที่ผ่านการชงอย่างพิถีพิถันสักถ้วยเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจและจิตวิญญาณของคนรักชาอบอุ่น แต่ถ้าแช่ชาไม่ถูกต้อง มันก็อาจจะขมเกินไปหรือไร้รสชาติจนน่าผิดหวัง แต่โชคดีที่การชงชาอร่อยๆ สักถ้วยนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เลือกว่าคุณจะชงชาอะไรและเลือกว่าจะใช้ชาใบหรือชาถุง จากนั้นก็ต้มน้ำและรินใส่ชา แช่ชาตามระยะเวลาที่ถูกต้องตามประเภทของชา จากนั้นก็นำชาออก และลิ้มรสชาเดี่ยวๆ หรือจะเติมนมกับน้ำตาลก็ได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ต้มน้ำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณจะชงชาแค่ถ้วยเดียว ให้เทน้ำประมาณ 1 ½ เท่าของปริมาณน้ำในถ้วย แต่ถ้าคุณจะชงชา 1 กา ก็เติมน้ำให้เต็มกา วิธีนี้เป็นการกะปริมาณน้ำเผื่อระเหย และเพื่อให้ชาออกมารสชาติดีที่สุด ให้ใช้น้ำที่ยังไม่ผ่านการต้มมาก่อน
    • ใช้กาน้ำต้มกับเตาแก๊สที่มีเสียงหวีดเวลาที่น้ำเดือด หรือใช้กาน้ำชาที่ปิดอัตโนมัติเมื่อน้ำเดือด

    ทางเลือกอื่น: ถ้าคุณไม่มีกา ให้เทน้ำใส่กระทะท้องแบน ต้มน้ำที่ไฟแรงจนกว่าจะได้ความร้อนตามที่คุณต้องการ

  2. เนื่องจากว่าน้ำที่ร้อนเกินไปอาจทำลายรสชาติอันละเอียดอ่อนของชาได้ คุณจึงต้องต้มน้ำตามประเภทของชาที่คุณจะชง คุณจะใช้เทอร์โมสตัตหรือสังเกตน้ำเอาก็ได้เพื่อให้รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องปิดไฟ ต้มน้ำตามประเภทของชาดังต่อไปนี้: [1]
    • ชาขาว : 74 องศาเซลเซียสหรือเมื่อเอานิ้วจุ่มแล้วน้ำเริ่มร้อน
    • ชาเขียว : 77-85 องศาเซลเซียสหรือเมื่อเริ่มมีไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากกา
    • ชาดำ : 96 องศาเซลเซียสหรือหลังจากที่ทิ้งน้ำเดือดไว้ให้เย็น 1 นาที
  3. Watermark wikiHow to ชงชา
    ต้มน้ำในไมโครเวฟ ถ้าคุณไม่มีกาหรือเตาแก๊ส. แม้ว่าการต้มน้ำในกาหรือหม้อบนเตาแก๊สจะทำให้น้ำร้อนทั่วกันมากกว่า แต่คุณก็สามารถรินน้ำใส่แก้วที่ใช้กับไมโครเวฟได้ในปริมาณ ¾ ของแก้ว และใส่ไม้เสียบลูกชิ้นหรือไม้ไอศกรีมลงไป ต้มน้ำในไมโครเวฟ 1 นาทีหรือจนกว่าน้ำจะเริ่มเดือดปุดๆ [2]
    • ไม้เสียบลูกชิ้นจะป้องกันไม่ให้น้ำร้อนเกินไปจนอาจระเบิดได้
  4. Watermark wikiHow to ชงชา
    เทน้ำเล็กน้อยลงในกาน้ำชาหรือถ้วยเพื่ออุ่นให้ร้อนก่อน. ถ้าคุณเทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาหรือถ้วยที่เย็น อุณหภูมิน้ำจะลดลงอย่างรวดเร็วและชาของคุณก็จะไม่ออกรสเท่าที่ควร ในการอุ่นภาชนะนั้น ให้คุณเติมน้ำร้อนปริมาณ ¼ - ½ ของกาน้ำชาหรือถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาทีแล้วเทออก [3]
    • ถ้าคุณรีบคุณจะข้ามขั้นตอนนี้ไปก็ได้ แต่ชาจะร้อนและรสชาติดีกว่ามากถ้าคุณอุ่นภาชนะเสียก่อน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

แช่ชาในน้ำร้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ชงชา
    ถ้าคุณจะใช้ชาถุง ให้ใส่ถุงชาตามจำนวนถ้วยที่คุณตั้งใจจะชงลงในกาน้ำชา หรือใส่ถุงชา 1 ถุงลงในถ้วย แต่ถ้าใช้ชาใบ ให้ตัก 1 ช้อนโต๊ะต่อ 1 ถ้วย [4]
    • ถ้าคุณอยากให้ชาเข้มขึ้น จะใส่ชาใบเพิ่มก็ได้
  2. ค่อยๆ รินน้ำใส่กาหรือถ้วย ถ้าคุณใช้ถ้วย ให้เติมน้ำประมาณ ¾ ของถ้วยเพื่อเผื่อที่สำหรับเติมนมทีหลัง ถ้าคุณแช่ชาใบในกาน้ำชา ให้ใช้น้ำประมาณ ¾ ถ้วย (180 มล.) ต่อชา 1 ถ้วย แต่ถ้าแช่ถุงชาในกาน้ำชา ให้ใช้น้ำประมาณ 1 ถ้วย (240 มล.) ต่อชา 1 ถุง
    • ถ้าคุณแช่ชาใบในถ้วย ให้ใส่ชาไว้ในลูกบอลกรองชาหรือใส่ที่กรองชาลงไปในถ้วยก่อนใส่ใบชาและน้ำลงไป จากนั้นคุณก็สามารถยกที่กรองหรือลูกบอลเพื่อเอาใบชาออกมาได้
    • ช่วงที่ใช้กาน้ำชา 2-3 ครั้งแรกให้ตวงน้ำก่อน เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับกาน้ำชาแล้วคุณก็จะเริ่มใช้สายตากะเอาได้ว่าต้องใช้น้ำเท่าไหร่
  3. Watermark wikiHow to ชงชา
    ถ้าคุณใช้ชาใบ คุณก็จะเริ่มเห็นใบคลายตัวและบานออกระหว่างที่แช่อยู่ในน้ำ แต่ถ้าคุณใช้ชาถุง คุณจะเห็นน้ำเริ่มเปลี่ยนสี ยกเว้นว่าคุณชงชาขาว แช่ชาไว้ : [5]
    • 1-3 นาทีสำหรับชาเขียว
    • 2-5 นาทีสำหรับชาขาว
    • 2-3 นาทีสำหรับอู่หลง
    • 4 นาทีสำหรับชาดำ
    • 3-6 นาทีสำหรับชาสมุนไพร

    รู้หรือไม่ ยิ่งคุณแช่ชาไว้นานเท่าไหร่ รสชาติก็จะยิ่งเข้มข้นมากเท่านั้น ใช้ช้อนตักชิมดูเพื่อที่คุณจะได้ไม่แช่ชานานเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้ชาขมได้

  4. Watermark wikiHow to ชงชา
    ถ้าคุณใช้ถุงชา ให้ยกขึ้นแล้วให้หยดน้ำไหลกลับเข้าไปในถ้วยหรือกาน้ำชา ถ้าใช้ชาใบ ให้ยกลูกบอลกรองชาหรือถือที่กรองชาไว้เหนือถ้วยและรินน้ำชาผ่านที่กรองลงไป เก็บใบชาไว้ชงใหม่หรือจะทิ้งไปก็ได้
    • หลังจากชงชาเสร็จแล้วให้นำถุงชาหรือใบชาไปทำปุ๋ยหมัก
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เสิร์ฟชา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดื่มชาร้อนเดี่ยวๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น. ถ้าคุณชอบรสชาติของชาเดี่ยวๆ อย่าเติมน้ำตาล นม หรือเลมอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นชาขาว ชาเขียว หรือชาสมุนไพร เพราะนมอาจไปทำลายรสชาติอันละเอียดอ่อนของชา
    • ชาคุณภาพต่ำที่มักขายในรูปแบบของถุงชาอาจมีส่วนผสมของสารให้ความหวานเพิ่มเติมหรือนม
  2. Watermark wikiHow to ชงชา
    ตามธรรมเนียมดั้งเดิมเขาจะใส่นมในชาดำเท่านั้น เช่น ชาเบรกฟาสต์ และเนื่องจากว่าการดื่มชาใส่นมนั้นไม่มีผิดถูก คุณจึงสามารถเทนมลงไปในถ้วยก่อนหรือหลังจากรินชาลงไปแล้วก็ได้ จากนั้นก็ค่อยๆ คนและวางช้อนไว้บนจานรองถัดจากถ้วย [6]
    • แม้ว่าคุณอาจจะได้ยินคนถามว่าคุณจะใส่ครีมหรือไม่ แต่อย่าเติมเฮฟวีครีมหรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟลงในชา เพราะปริมาณไขมันที่สูงจะไปเพิ่มความหนักที่ไปกลบรสของชา
  3. Watermark wikiHow to ชงชา
    เติมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลลงในชาเพื่อเพิ่มความหวาน. ถ้าคุณไม่ชอบรสชาติของชาเดี่ยวๆ ให้เติมน้ำตาลทรายขาว น้ำผึ้ง หรือสารให้ความหวานที่คุณชอบลงไปเล็กน้อย เช่น เติมความหวานให้ชาด้วยสตีเวีย น้ำเชื่อมอากาเว หรือน้ำเชื่อมแต่งรส เช่น น้ำเชื่อมวานิลลา [7]
    • โดยทั่วไปชามาซาลา จายจะปรุงรสหวานด้วยน้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง
    • น้ำผึ้งเป็นตัวเลือกที่เหมาะใช้เติมความหวานให้ชาเขียวหรือชาขาว
  4. เติมเลมอน ขิง หรือมินต์ถ้าคุณอยากให้ชามีรสชาติสดชื่น. ลองบีบเลมอนหั่นสดๆ ลงในชาเล็กน้อยหรือเติมใบมินต์สดลงไปสัก 2-3 กิ่ง ถ้าคุณอยากได้รสเผ็ดเล็กน้อย ให้เติมขิงหั่นสดชิ้นบางๆ ลงในชา [8]
    • เพื่อเพิ่มความรื่นรมให้กับชารสเข้มข้น ให้ใส่แท่งอบเชยสั้นๆ ลงในถ้วยชาด้วย

    เคล็ดลับ : เนื่องจากผลไม้ตระกูลส้มทำให้นมแข็งตัว อย่าใส่เลมอนลงในชาหากคุณใส่นมอยู่แล้ว

  5. แช่ชาในตู้เย็นเพื่อทำ ชาเย็น . ถ้าคุณอยากดื่มชาเย็นมากกว่า ให้แช่ชาในตู้เย็นไว้จนกว่าชาจะเย็นสนิท จากนั้นก็เติมน้ำแข็งใส่แก้วและรินชาเย็นลงไป ดื่มชาเย็นก่อนที่น้ำแข็งจะละลาย
    • คุณจะใช้ชาอะไรทำชาเย็นก็ได้ ลองทำชาเย็นรสหวานจากชาดำหรือทำชาฮิบิคัสเย็น
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เลือกชาที่จะนำมาชง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกชาดำหากต้องการเครื่องดื่มรสชาติเข้มข้นที่สามารถเติมนมหรือสารให้ความหวานลงไปได้. ถ้าอยากได้ชาดำที่มีกลิ่นควัน ให้เลือกแลปซาง ซูชอง ถ้าคุณอยากได้ชารสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นของข้าวหมัก ให้ซื้อชาอัสสัม ถ้าคุณตั้งใจจะเติมนมหรือน้ำตาลลงในชา ให้เลือกชาเบรกฟาสต์หรือชาทั่วไป [9]
    • มองหาชาดำที่มีรสชาติ เช่น เอิร์ล เกรย์, เลดี้ เกรย์ หรือมาซาลา จายเพื่อเพิ่มกลิ่นของดอกไม้ ผลไม้ตระกูลส้ม หรือรสเผ็ด
  2. เลือกชาเขียวหากอยากได้ชารสชาติบางเบาและกลิ่นดิน. ชาเขียวมีคาเฟอีนน้อยกว่าชาดำและมีรสชาติที่ละเอียดอ่อนกว่า ถ้าคุณอยากดื่มชาโดยไม่เติมนมหรือสารให้ความหวาน ให้ลองดื่มชาเขียวเพื่อที่คุณจะได้สัมผัสรสชาติอันซับซ้อนของมันได้ [10]
    • ถ้าคุณสนใจชาเขียว ลองทำมัทฉะ มัทฉะคือชาเขียวบดด้วยหินที่ใช้ในพิธีชงชาของญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ

    เคล็ดลับ : ถ้าคุณชอบทั้งชาดำและชาเขียว ให้ลองชาอู่หลง ชาชนิดนี้ผ่านการออกซิไดซ์เหมือนชาดำแต่ไม่ผ่านกระบวนการมากนัก จึงสามารถเก็บกลิ่นหญ้าเอาไว้ได้

  3. เลือกชาขาวหากต้องการชารสอ่อนและคาเฟอีนน้อย. ชาขาวเป็นชาที่ผ่านการออกซิไดซ์น้อยที่สุดและมีคาเฟอีนน้อยมาก เลือกชาประเภทนี้หากคุณอยากได้ชาคล่องคอที่ดื่มง่ายโดยไม่ต้องเติมสารให้ความหวานหรือเพิ่มรสชาติ [11]
    • เนื่องจากว่าชาขาวผ่านกระบวนการน้อยมาก คุณจึงมักจะหาซื้อชาขาวในรูปแบบของชาใบได้มากกว่าชาถุง
  4. ถ้าคุณกำลังควบคุมปริมาณคาเฟอีนหรือแค่อยากลองชารสชาติละมุนละไม ให้เลือกชาสมุนไพรมาลองสัก 2-3 ชนิด ชาเปปเปอร์มินต์สุดคลาสสิกจะดื่มแบบร้อนหรือเย็นก็สดชื่น ในขณะที่ชาคาโมมายล์ก็เป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของชาที่ช่วยให้ผ่อนคลาย [12]
    • ชารอยบอสก็เป็นชาสมุนไพรยอดนิยมที่มักนำมาผสมกับผลไม้แห้งหรือวานิลลา
  5. ถ้าคุณอยากได้ใบชาคุณภาพดีที่สามารถแช่ได้หลายครั้ง ให้ใช้ชาใบ เพราะตอนที่ซื้อมาชาใบจะไม่ถูกตัดและผ่านการอบแห้งมาแล้ว แม้ว่ามันจะบานออกและขยายตัวขณะแช่น้ำก็ตาม แต่ถ้าอยากชงชาแบบสะดวก ให้ซื้อชาที่ตัดแบ่งใส่ถุงมาแล้ว แต่ชาแบบนี้จะแช่ได้ครั้งเดียวเท่านั้น [13]
    • ถ้าต้องการถุงชาคุณภาพดี ให้เลือกถุงสามเหลี่ยมพีระมิดที่ชาสามารถขยายตัวได้ระหว่างแช่ แต่ถ้าหาไม่ได้ ให้เลือกถุงชาทรงกลมที่มีใบชาหั่นละเอียดอยู่ข้างใน

    รู้หรือไม่ ประเภทของถุงชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นถุงชาสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีเชือกและป้าย แม้ว่าถุงชาแบบนี้จะหาง่าย แต่ก็มักจะประกอบด้วยเศษชาคุณภาพต่ำและแป้ง

    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำความสะอาดกาน้ำชาและกาบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แร่ธาตุสะสมเกาะอยู่ข้างใน
  • เก็บชาไว้ในภาชนะปิดสนิทที่สัมผัสออกซิเจน แสง หรือความชื้นน้อย เลือกภาชนะที่ไม่ทำให้รสชาติของชาเปลี่ยนไป [14]
  • ถ้าคุณอยู่ในที่สูง จุดเดือดต่ำอาจทำให้คุณแช่ชาที่ต้องใช้อุณหภูมิสูง เช่น ชาดำ ให้ถูกต้องได้ยาก อาจต้องใช้เวลานานกว่าน้ำจะเดือด
โฆษณา

คำเตือน

  • ระมัดระวังเวลาต้มและรินน้ำเสมอเพราะมันอาจจะกระเด็นลวกคุณได้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ช้อนตวงหรือเครื่องชั่งดิจิทัล
  • กาน้ำชา
  • ถ้วยชา
  • เครื่องจับเวลา
  • ช้อน
  • ที่กรองชา ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 47,883 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา