ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รอยสักนั้นมักจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวอยู่หลายชั่วโมงหรือหลายวันตามที่มันควรเป็น แต่การเรียนรู้ถึงความแตกต่างของความไม่สบายเนื้อตัวปกติออกจากสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการติดเชื้อที่รุนแรงนั้นออกจะยากสักหน่อย การเรียนรู้วิธีดูจะช่วยให้คุณรักษาได้โดยไม่เกิดความเครียดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ รู้ถึงสัญญาณของการติดเชื้อ การรักษาอาการติดเชื้อ และคอยป้องกันไม่ให้ติดเชื้อหลังจากสักได้ที่นี่

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

รู้จักอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในวันที่ไปสักมา บริเวณรอบๆ จะเปลี่ยนเป็นสีแดง บวมหน่อยๆ และบอบบางได้ที่เลยล่ะ รอยสักใหม่เป็นอะไรที่เจ็บแสบเหมือนแดดไหม้ผิว ใน 48 ชั่วโมงแรกที่ไปสักมาใหม่นั้น ถือเป็นการยากที่จะดูว่ารอยสักติดเชื้อหรือไม่ ฉะนั้นอย่าเพิ่งตื่นตูมล่ะ ให้ดูแลรอยสักอย่างเหมาะสมและรอดูอาการต่อไปก่อน [1]
    • คอยสังเกตรอยแผล ถ้าเจ็บแผลรอยสักมาก และยังเจ็บอยู่นานกว่าสามวันหลังจากที่สักมา ให้กลับไปยังที่สักและให้ช่างวิเคราะห์ดู
  2. รอยสักที่มีขนาดใหญ่หรือซับซ้อนอาจใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าเส้นปกติหรือรอยสักที่เล็กกว่า แต่ถ้ารอยสักอักเสบรุนแรงนานกว่าสามวัน มันอาจเป็นสัญญาณบอกถึงการติดเชื้อได้ ย้ำอีกครั้งว่ารอยสักใหม่ก็ย่อมมีอาการอักเสบอยู่แล้ว แต่ก็ควรหายไปในไม่กี่วัน
    • ใช้มืออังตรงบริเวณรอยสักว่าอุ่นหรือไม่ ถ้ารู้สึกถึงความร้อนแผ่ออกจากบริเวณนั้น นั่นอาจเป็นสัญญาณของอาการอักเสบรุนแรงได้
    • ความคัน โดยเฉพาะอาการคันที่แผ่ไปรอบๆ บริเวณที่สัก ก็เป็นสัญญาณของอาการแพ้หรือการติดเชื้อได้เช่นกัน รอยสักก็ต้องทำให้คันบ้าง แต่ถ้ามันยังคันมากๆ และผ่านไปมากกว่าสัปดาห์หนึ่งหลังจากที่สักแล้ว ก็อาจต้องตรวจสอบกันดูหน่อย
    • รอยแดงก็เป็นสัญญาณเตือนอาการติดเชื้อได้เช่นกัน รอยสักทุกชนิดจะมีรอยแดงจางๆ บริเวณที่ลงเส้นสัก แต่ถ้ารอยแดงชัดขึ้นแทนที่จะจางลง และรู้สึกเจ็บมากขึ้นแทนที่จะลดลง ก็ถือว่าเป็นสัญญาณของการติดเชื้อเลยล่ะ [2]
  3. ถ้าบริเวณรอบๆ รอยสักมีรอยบวมขึ้นอยู่หรือขึ้นมาทันทีโดยที่รอยไม่เท่ากัน ก็อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรุนแรงได้ รอยแผลที่เป็นของเหลวหรือหนองบริเวณนั้นย่อมเป็นสัญญาณแห่งการติดเชื้ออย่างแน่ชัด และควรรักษาในทันที ถ้าหากว่ารอยสักนูนขึ้นแทนที่จะแบนราบลง ให้ไปตรวจสอบดูได้เลย
    • ถ้ามีกลิ่นเหม็นออกมา ก็ยิ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความรุนแรงมาก ควรไปห้องฉุกเฉินในทันที หรือไปพบแพทย์ผิวหนัง
    • มองหารอยเส้นแดงที่แผ่ออกมาจากเส้นสัก ถ้าคุณเห็นเส้นสีแดงแผ่ออกมาจากรอยสัก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดอาการเลือดเป็นพิษได้
  4. เมื่อใดก็ตามที่คุณกังวลเกี่ยวกับอาการติดเชื้อ ถือเป็นไอเดียที่ดีที่จะวัดไข้ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ที่แม่นยำ และดูให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้มีไข้สูง ถ้าคุณรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ มันก็อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ควรรักษาอย่างรวดเร็วแทนที่จะปล่อยเอาไว้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การรักษาการติดเชื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับรอยสักแต่ไม่แน่ใจว่าติดเชื้อหรือเปล่า คนที่จะบอกคุณได้ดีที่สุดก็คือช่างสักที่คุณไปสักมาด้วยนั่นแหละ ให้เขาดูรอยสักว่ามันเป็นอย่างไร และให้เขาประเมินดู
    • ถ้าคุณมีอาการขั้นรุนแรง เช่นมีกลิ่นเหม็นโชย หรือรู้สึกเจ็บมาก ข้ามขั้นตอนนี้ไปพบแพทย์หรือเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเพื่อรับการรักษาได้เลย
  2. ถ้าคุณไปคุยกับช่างสักมาแล้ว และได้ลองดูแลรอยสักอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยังรู้สึกถึงอาการติดเชื้ออยู่ การไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ และรับยาปฏิชีวนะมาซะ มันอาจไม่ได้รักษาเรื่องรอยสักโดยตรงมากนัก แต่ยาก็จะช่วยให้อาการติดเชื้อบรรเทาลงได้อยู่
    • กินยาตามคำแนะนำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ร่างกายได้ต่อสู้กับอาการติดเชื้อ อาการติดเชื้อเฉพาะที่นั้นยังพอง่ายต่อการรักษาอยู่ แต่การติดเชื้อในกระแสเลือดถือเป็นเรื่องรุนแรงและต้องการการรักษาอย่างรวดเร็ว
  3. แพทย์ของคุณอาจให้ครีมที่ไว้ใช้เฉพาะที่ที่มีสรรพคุณดีเท่ายาปฏิชีวนะ เพื่อเอาไว้ฟื้นฟูรักษารอยสักอย่างเหมาะสม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ให้ทาครีมเป็นประจำ และรักษารอยสักให้สะอาดที่สุด ล้างออกเบาๆ ด้วยน้ำเปล่าสองครั้งต่อวัน หรือทำตามคำแนะนำโดยเฉพาะของแพทย์
    • หลังจากที่รักษาเสร็จแล้ว ก็จำเป็นต้องใช้ผ้าพันแผลปลอดเชื้อพันเอาไว้ แต่ก็ต้องระบายอากาศเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดเชื้อลามหนักขึ้นไปอีก เพราะรอยสักต้องการอากาศสดชื่นอยู่เสมอ
  4. คอยให้รอยสักแห้งอยู่เสมอขณะที่กำลังรักษาแผลติดเชื้อ. ล้างรอยสักเป็นประจำด้วยสบู่ที่อ่อนโยนและน้ำสะอาด จากนั้นซับให้แห้งก่อนที่จะพันผ้าพันแผลใหม่ หรือจะปล่อยผึ่งลมเอาไว้ก็ได้ ห้ามปกปิดหรือทำให้รอยสักใหม่เปียกชุ่มไว้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันอาจเกิดการติดเชื้อได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การป้องกันการติดเชื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้จะไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ก็มีบางคนที่แพ้ส่วนผสมบางอย่างในหมึกสัก ซึ่งจะทำให้เกิดรอยน่าเกลียดและความเจ็บปวดได้เมื่อสัก วิธีที่ดีที่สุดคือการตรวจสอบอาการแพ้ ถ้าหากว่าคุณสนใจที่จะสักแล้วล่ะก็นะ
    • ปกติแล้วหมึกสีดำจะไม่ค่อยมีส่วนผสมอะไรที่คนเขาแพ้กัน แต่หมึกสีอื่นอาจมีอย่างอื่นผสมอยู่ด้วย ซึ่งอาจทำปฏิกิริยากับใครบางคนเข้าได้ ถ้าหากว่าคุณต้องการจะสักด้วยหมึกอินเดีย ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้ว่าจะมีผิวที่บอบบางก็ตาม
  2. ถ้าคุณกำลังจะไปสัก ให้ลองใช้เวลาค้นหาร้านและช่างสักดีๆ บริเวณใกล้บ้าน และให้แน่ใจว่าช่างสักที่คุณเลือกมีใบอนุญาต และร้านก็ขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดและความพึงพอใจของลูกค้าด้วย
    • หลีกเลี่ยงการใช้ชุดอุปกรณ์สักด้วยตนเอง แม้ว่าเพื่อนของคุณจะสักได้"โคตรของโคตรเก่ง"เพียงใดก็ตาม ให้นัดสักกับช่างสักที่เชี่ยวชาญจะดีกว่า
    • ถ้าคุณนัดกับช่างสักไปแล้ว แต่ปรากฏว่าพบกับอะไรที่น่าสงสัยหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด ให้ยกเลิกนัดแล้วเดินออกมาเลย ให้ไปหาร้านสักใหม่ที่ดีกว่าซะ
  3. ช่างสักที่ดีจะนึกถึงความสะอาดเป็นอย่างแรก และมีขั้นตอนในการแสดงให้คุณดูอย่างชัดเจนว่าใช้เข็มที่เพิ่งเปิดออกมาใหม่และสวมถุงมือก่อน ถ้าหากว่าคุณไม่เห็นขั้นตอนเหล่านี้ก็ให้ถามเสียก่อน ร้านสักที่ดีย่อมทำอะไรที่เปิดเผยและเคารพการตัดสินใจของคุณเพื่อความปลอดภัยของคุณ
  4. ดูแลรอยสักให้สะอาดตลอดเวลา . ทำตามคำแนะนำในการดูแลรอยสักใหม่ของช่างสัก และดูแลรอยสักเป็นอันดับแรก ล่างอย่างอ่อนโยนด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ และผึ่งให้แห้ง โดยเริ่มภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่สักเสร็จใหม่ได้เลย
    • ช่างสักมักจะให้หลอดที่เรียกว่าแทททูกู (Tattoo goo) หรือครีมที่ใช้ทาเฉพาะที่ ซึ่งสามารถทาบนรอยสักเพื่อให้รอยสักสะอาดและฟื้นตัวอย่างเหมาะสม ใช้อย่างน้อย 3-5 วันหลังจากที่สักเสร็จ ห้ามใช้วาสลีนหรือ Neosporin บนรอยสักใหม่เด็ดขาด
  5. สองสามวันแรกที่สักเสร็จ การทำให้รอยสักสบายที่สุด ปล่อยให้ฟื้นตัวโดยธรรมชาตินั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เลี่ยงที่จะใส่เสื้อผ้าที่อาจทำให้บริเวณที่สักระคายเคือง และอย่าให้รอยสักสัมผัสกับแสงแดดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อกันไม่ให้หมึกเยิ้มออกมา
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณไม่มั่นใจก็ให้ไปพบแพทย์ซะ กันไว้ย่อมดีกว่ามาเสียใจทีหลังแน่นอน
  • ถ้ามีสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่านี้บ่งบอกถึงรอยสักที่อาการแย่ คนๆ นั้นต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งอาการแย่ลงก็จะยิ่งเป็นอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ที่สักมากขึ้น ให้ไปพบช่างสักแทนที่จะพบแพทย์ เพราะเขามีประสบการณ์กับปัญหาเหล่านี้มากกว่า และรู้ว่าจะต้องแก้อย่างไรให้เหมาะสม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 130,726 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา