ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจเป็นคนชอบตัดสินคนอื่นโดยไม่รู้ตัวได้ง่ายๆ เช่น คุณอาจจะคิดว่าตัวเองรู้ว่าคนอื่นควรแต่งตัวอย่างไร คิดอะไร และทำอะไร หลายครั้งที่การที่คุณคิดว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรอาจทำให้คุณรู้สึกสบายใจ แต่การเป็นคนชอบตัดสินคนอื่นอาจทำให้คุณไม่ได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ และลองทำสิ่งใหม่ แต่โชคดีที่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นคนที่ชอบตัดสินคนอื่นน้อยลงได้ด้วยการเปลี่ยนมุมมอง ขยายโลกทัศน์ของตัวเอง และเปิดใจให้กว้าง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้อมรับการคิดบวก . แนวคิดที่มีผลต่อการกระทำในเชิงลบอาจนำไปสู่การคิดแบบตัดสินได้ พยายามมองหาด้านบวกในทุกสถานการณ์แทนที่จะมองหาแต่ด้านลบ เมื่อคุณจับได้ว่าตัวเองกำลังคิดลบอยู่ ให้ท้าทายความคิดนั้น แล้วท้าให้ตัวเองดึงด้านบวกออกมาจากสถานการณ์ให้ได้ [1]
    • คุณยังมองโลกตามความเป็นจริงและคิดบวกได้พร้อมๆ กัน คุณไม่จำเป็นต้องมองข้ามด้านลบของสถานการณ์ แค่อย่าสนใจแต่ด้านลบก็พอ
    • จะเจอวันแย่ๆ บ้างก็ไม่เห็นเป็นไร ให้อภัยตัวเองในวันที่คุณรู้สึกแย่และคิดลบ
    • การมีทัศนคติที่เป็นบวกสามารถพัฒนาชีวิตของคุณได้ในหลายๆ เรื่อง!
  2. บางครั้งคนเราก็ทำในสิ่งที่คุณคิดว่ามันน่ารังเกียจมากอย่างการขโมยค่าอาหารกลางวันของคนอื่นหรือแซงแถว แม้ว่าการกระทำของเขาอาจจะผิด แต่คุณต้องไม่ตัดสินเขาจากการกระทำแค่ 1 อย่าง เพราะเขาน่าจะมีคุณสมบัติดีๆ ที่คุณยังไม่เห็น [2]
    • ลองคิดดูว่าการกระทำของเขาในชั่วขณะนั้นๆ อาจจะมีที่มาจากสถานการณ์ที่คุณไม่เข้าใจก็ได้ เช่น เขาอาจจะขโมยค่าอาหารกลางวันเพราะว่าเขาไม่ได้รับประทานอาหารมา 2 วันแล้ว
  3. ตัดไฟการตัดสินตั้งแต่ต้นลมด้วยการระบุให้ได้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มคิดเกี่ยวกับคนอื่นและคุณคิดเกี่ยวกับพวกเขาอย่างไร เวลาที่คุณจับได้ว่าตัวเองกำลังมีความคิดเชิงวิจารณ์ใครอยู่ ให้ถามตัวเองว่าคุณหรือเขาได้ประโยชน์อะไรจากความคิดเหล่านี้ จากนั้นให้กล่าวชมเชยแทน
    • เช่น คุณอาจจะจับได้ว่าตัวเองกำลังคิดว่า “ผู้หญิงคนนั้นต้องลดน้ำหนักแล้วล่ะ” ท้าทายความคิดนั้นด้วยการถามตัวเองว่าทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องของคุณไปได้ จากนั้นให้พูดอะไรดีๆ ที่คุณสังเกตเห็นแทน เช่น “เธอยิ้มสวยจัง!”
  4. แต่ละคนเป็นปัจเจกบุคคลที่มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง มีพรสวรรค์ ทักษะ บุคลิกภาพ และประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกัน นอกจากนี้คนเรายังถูกหล่อหลอมจากการเลี้ยงดูมาต่างกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานที่ที่เขาเติบโตมา การที่คนอื่นปฏิบัติต่อเขา และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ เวลาที่คุณรู้จักใคร พยายามนึกภาพตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน ถึงคุณจะยังไม่ตัดสินใจแบบเดียวกันกับเขาอยู่ดี แต่คุณก็ต้องยอมรับว่าเขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง [3]
    • เช่น คนที่คุณมองว่าติดคนอื่นแจอาจจะโตมาในสภาพที่ไม่มีพ่อแม่ที่สนับสนุน เช่นเดียวกันกับคนที่คุณมองว่าตั้งใจเรียนไม่มากพอ เขาอาจจะต้องแบกรับภาระหาเงินมาจุนเจือครอบครัวภาระก่อนก็ได้
  5. เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากจะตัดสินใครที่ไม่เหมือนคุณ ให้มองหาความเหมือนแทนที่จะเป็นความต่าง เราทุกคนต่างมีบางอย่างที่เหมือนกันเพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน! วิธีนี้จะช่วยให้คุณมองเขาในมุมมองที่เป็นบวกแทนที่จะมองจากมุมการตัดสินที่ถูกครอบงำของคุณ [4]
    • ค่อยๆ พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้แบบชิวๆ จนกว่าจะเจอเรื่องที่คุณทั้งคู่สนใจและมีเรื่องคุย วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่าจริงๆ แล้วคนอื่นก็ไม่ได้ต่างจากคุณเท่าไหร่
  6. เห็นคุณค่าของสิ่งดีๆ ในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ช่วยให้คุณมาถึงจุดนี้ในชีวิตได้ เห็นคุณค่าของเพื่อนๆ ครอบครัว สุขภาพ โอกาส ความสัมพันธ์ และสภาพที่คุณเติบโตมา ตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิ่งดีๆ เหล่านี้เหมือนที่คุณได้ เพราะฉะนั้นการตัดสินพวกเขาเพราะพวกเขาใช้ชีวิตไม่เหมือนกับคุณจึงไม่ยุติธรรมเลย
    • ถ้าคุณรู้สึกอยากจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับใคร ให้หายใจลึกๆ แล้วหวังให้เขาได้สิ่งดีๆ ในชีวิตทั้งหมดที่คุณเคยได้แทน
  7. การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการชอบตัดสินคนอื่น แทนที่จะตัดสินเขาและคิดไม่ดีเกี่ยวกับเขา ให้พยายามเข้าใจเขาและพยายามจินตนาการว่าคนๆ นี้คิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร การเปลี่ยนจากการคิดไม่ดีเกี่ยวกับเขาไปเป็นการอยากให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้เกิดขึ้นได้แน่นอน แทนที่จะหวังให้เรื่องเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับเขา ให้สังเกตว่าเขาต้องการอะไรและช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการดีกว่า [5]
    • นอกจากนี้ความเห็นใจยังเป็นกุญแจสำคัญของความสุขด้วย ถ้าคุณอยากเป็นคนที่เห็นใจคนอื่นมากขึ้น คุณก็ต้องมีความรู้สึกที่ดีกับคนอื่นและโลกก่อน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ขยายโลกทัศน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสงสัยเป็นเครื่องมือที่ดีในการก้าวข้ามทัศนคติที่ตัดสินคนอื่น เวลาที่คุณเริ่มมีความคิดตัดสินคนอื่นตามปกติ ให้สำรวจความสงสัยของตัวเองในเรื่องที่คุณไม่เข้าใจแทน ให้ตัวเองได้เห็นความเป็นไปได้ต่างๆ แทนที่จะมองสิ่งที่มันผิดหรือต่างออกไป [6]
    • เช่น ถ้าคุณเห็นคนแซงแถวซื้ออาหารกลางวันที่เคาน์เตอร์ แทนที่จะตัดสินว่าเขาเป็นคนไร้มารยาท ให้มองว่าเขาอาจจะมีนัดที่ต้องรีบไปหรือมีปัญหาสุขภาพ
  2. มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ต่างไปจากสิ่งที่คุณเคยทำเป็นปกติ แรกๆ มันอาจจะน่ากลัว แต่มันก็อาจจะสนุกมากๆ เลยก็ได้นะ! ชวนเพื่อนสัก 2-3 คนมาร่วมลองสิ่งใหม่ๆ กับคุณด้วย [7] วิธีก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยก็เช่น
    • ไปทำงานด้วยวิธีการใหม่
    • ลองอาหารที่คุณไม่เคยชิมมาก่อน
    • ดูภาพยนตร์ไทยแบบมีซับไตเติ้ล
    • ไปงานพิธีทางศาสนาอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือระบบความเชื่อของคุณ
    • ทำสิ่งที่คุณกลัว ยืดบนจุดสูงสุดของตึกสูง ไปปีนเขา หรือรับประทานปลาดิบ
  3. การพยายามคบหากับคนที่ต่างจากคุณในหลายๆ ด้านสามารถช่วยให้คุณเปิดใจมากขึ้นได้ ไม่ว่าเพื่อนๆ ของคุณจะต่างจากคุณทั้งในเรื่องเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา ความสนใจ ชนชั้น ความคิด งานอดิเรก อาชีพ หรืออะไรก็ตามแต่ การอยู่กับคนที่มาจากพื้นฐานที่หลากหลายและมีมุมมองที่หลากหลายจะช่วยให้คุณเข้าใจความคิดทุกอย่างที่อยู่ในโลกใบนี้
    • คุณไม่จำเป็นต้องเลือกคบเพื่อนที่มีภูมิหลังต่างๆ กันเท่านั้น แต่คุณควรพยายามทำความรู้จักคนที่ไม่เหมือนคุณให้มากขึ้น เพราะประสบการณ์คือสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณเติบโต
    • การเป็นเพื่อนกับคนที่คุณคิดมาเสมอว่าไม่มีอะไรเหมือนกับคุณเลยช่วยให้คุณเห็นใจคนอื่นและใจกว้างมากขึ้น
    • ถ้าเพื่อนๆ ชวนคุณไปงานก็บอกให้พวกเขารู้ว่าคุณอยากไป บอกเพื่อนๆ ว่า“เจ๋งดีเนอะที่ครอบครัวของเธอย้ายมาจากญี่ปุ่น ฉันสนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากเลย ถ้ามีจัดงานอะไรเธอช่วยบอกฉันด้วยนะ”
  4. เข้าร่วมกิจกรรมที่ปกติแล้วคุณจะไม่เข้าร่วม. เลือกกิจกรรมที่ปกติแล้วคุณมองว่ามันน่าเบื่อ งี่เง่า หรือห่วยแตก ท้าทายตัวเองให้ไปเข้าร่วม พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ไงล่ะ! การทำเช่นนี้จะทำให้คุณได้พบปะผู้คนที่หลากหลาย เข้าใจมุมที่แตกต่าง และยังช่วยให้คุณได้ทำในสิ่งที่จะช่วยเปิดใจของคุณให้กว้างขึ้นในอนาคตด้วย [8]
    • เช่น เข้าร่วมงานอ่านบทกวี คลาสเต้นซาลซ่า หรืองานรวมตัวของผู้ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองร่วมกัน
    • พูดคุยกับคนอื่นๆ ในงานและพยายามทำความรู้จักกับพวกเขา ถ้าคุณรู้สึกอยากจะตัดสินพวกเขา ให้นึกไว้ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าพวกเขาตัดสินคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปกติคุณไม่ใช่คนที่เขาจะชอบอยู่แล้ว
  5. การท่องเที่ยวช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นและยังทำให้คุณได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในมุมต่างๆ ของโลก ถ้าคุณไม่มีงบมากนัก คุณก็อาจจะไปเที่ยวจังหวัดที่ติดกันหรือไปเที่ยวอีกภาคในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้ สิ่งสำคัญคือคุณจะได้เห็นว่าคนเราสามารถใช้ชีวิตแตกต่างกันได้มากมายไม่จบไม่สิ้น และไม่มีใครพูดหรือทำอะไรถูกไปเสียหมด [9]
    • คุณสามารถประหยัดเงินในการท่องเที่ยวได้ด้วยการพักที่โฮสต์เทล
    • ตั้งเป้าไปเที่ยวให้ได้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง การทำเช่นนี้ถือเป็นการเอาตัวเองออกจากพื้นที่ปลอดภัยและจะทำให้คุณได้พบปะกับผู้คนที่หลากหลาย
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถไปเที่ยวบนเก้าอี้ได้ด้วย เลือกหนังสือท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปและดื่มด่ำไปกับเนื้อหาในหนังสือ และอาจจะเพิ่มความเข้มข้นด้วยการดูภาพยนตร์ที่ถ่ายทำจากสถานที่นั้นด้วยก็ได้
  6. วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าครอบครัวอื่นๆ มีลักษณะที่ต่างไปจากครอบครัวของคุณโดยสิ้นเชิง แม้ว่าคุณจะทำอะไรหลายอย่างเหมือนๆ กัน แต่คุณก็น่าจะมีส่วนที่ต่างกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ! [10]
    • ขอเพื่อนไปงานพิเศษ เช่น กิจกรรมทางวัฒนธรรมหรือพิธีกรรมทางศาสนา แต่ก็ไม่ต้องกดดันเพื่อนให้ชวนคุณไปด้วยถ้าเขาไม่สะดวกใจ
  7. ทุกคนที่คุณเจอล้วนมอบคุณค่าให้แก่ชีวิตของคุณ เพราะทุกคนล้วนแต่มาพร้อมกับบทเรียนที่คุณสามารถเรียนรู้จากเขาได้ ถามตัวเองว่าแต่ละคนสอนอะไรกับคุณ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ทักษะ หรือบทเรียนเกี่ยวกับตัวคุณเอง
    • เช่น คนที่มาจากอีกวัฒนธรรมหนึ่งอาจจะสามารถแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนของพวกเขาให้คุณได้ เช่นเดียวกันกับคนที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะที่อาจทำให้คุณได้เห็นทักษะใหม่ๆ
    • ตอบแทนและแบ่งปันเรื่องราวของคุณด้วยเช่นกัน จงเป็นฝ่ายที่เปิดใจและแบ่งปันก่อน
  8. วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจผู้คนและที่ที่เขาจากมามากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความเข้าใจในเรื่องภูมิหลัง วัฒนธรรม และการปฏิบัติตนต่างๆ ด้วย [11]
    • ถ้าคุณอยากจะรู้จักใครสักคนจริงๆ คุณก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นว่าเขามาจากไหน คุณอาจจะถามคำถามเช่น คุณมีพี่น้องหรือเปล่า คุณมาจากไหน คุณเรียนอะไร คุณทำงานอะไร วันหยุดชอบทำอะไร
    • อย่ากดดันให้เขาตอบคำถามของคุณ เพราะการแสดงความสนใจในตัวเขาต่างหากที่จะทำให้เขาอยากเปิดใจกับคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เปิดใจให้กว้าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แต่ละคนมีความคิดของตัวเองว่าโลกควรจะเป็นอย่างไร และหลายครั้งที่ความคิดเหล่านั้นมันก็ขัดแย้งกันเอง ไม่ว่าการกระทำของคุณจะมีพื้นฐานมาจากความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาหรือไม่ก็ตาม แต่ค่านิยมของคุณก็ยังเป็นสิ่งที่หล่อหลอมมุมมองของคุณอยู่ดี ซึ่งคนอื่นๆ เองก็อยู่ในจุดเดียวกัน เพราะฉะนั้นจงยอมรับว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นตรงกันกับคุณ [12]
    • ถ้าต้องเถียงกับใครในครั้งต่อไป ให้จำไว้ว่าคนอื่นก็อาจจะมีความคิดเห็นที่สมเหตุสมผลเหมือนกัน
    • เน้นแบ่งปันมุมมองโดยไม่พยายามเปลี่ยนใจคนอื่น
    • จำไว้ว่าสถานการณ์ส่วนใหญ่นั้นซับซ้อนและไม่สามารถตัดสินได้ว่าอะไร "ถูก" อะไร "ผิด" เพราะมีส่วนที่เป็นสีเทาในเฉดต่างๆ อยู่มาก
  2. แยกคำซุบซิบและข้อมูลที่ไม่ดีที่คุณได้ยินมาเกี่ยวกับคน วัฒนธรรม และอื่นๆ ท้าทายสมมุติฐานของตัวเองก่อนตัดสินคนหรือกลุ่มนี้ อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงเชื่อคำหลอกลวง
    • จำไว้ว่าคนเรามีแรงกระตุ้นส่วนตัวในการปล่อยข่าวซุบซิบนินทาหรือแสดงความคิดเห็นในทางลบเสมอ เช่น คนๆ นี้อาจจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับอีกคนเพราะความอิจฉา หรือเขาอาจจะแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวคิดที่ต่างออกไปเพราะความกลัว
    • ลองนึกถึงตอนที่มีคนปล่อยข่าวซุบซิบเกี่ยวกับคุณ คุณอยากให้คนอื่นตัดสินคุณจากเรื่องซุบซิบนี้ไหมล่ะ
  3. จริงอยู่ว่าการแต่งตัวของคนเรามักจะเป็นการแสดงออกว่าเราเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถรู้ทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับคนๆ นั้นได้จากเสื้อผ้า เช่นเดียวกันกับที่มีคนประเภทต่างๆ มากมายที่มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน
    • เช่น อย่าทึกทักเอาว่าคนที่สักและเจาะเต็มตัวจะไม่สามารถหางานที่มีเกียรติทำได้เหมือนคนอื่น
    • ครั้งต่อไปที่ออกจากบ้าน ให้พิจารณาตัวเองในกระจก คนอื่นคิดอย่างไรกับคุณจากรูปลักษณ์ของคุณในวันนี้ พวกเขาจะทายถูกหรือทายผิดอย่างไร
  4. ป้ายที่แปะประเภทของคนไม่ได้บอกเรื่องราวของคนๆ นั้นทั้งหมด แต่ที่จริงแล้วมันกลับจำกัดมุมมองของคุณที่มีต่อพวกเขาให้แคบลง พยายามมองทุกคนในฐานะปัจเจกบุคคล เรียนรู้ที่จะมองข้ามรูปลักษณ์หรือคนที่เขาคบหาด้วย แล้วสนใจเรื่องราวส่วนตัวของคนๆ นั้นก่อนที่จะรีบด่วนสรุป
    • เช่น อย่าเรียกคนอื่นว่าเป็นพวกประหลาด เด็กเรียน อันธพาล เป็นต้น
  5. ให้คนอื่นบอกคุณว่าเขาเป็นคนอย่างไรแทนที่จะเหมาเอาเองว่าคุณรู้อยู่แล้ว คุณเห็นแค่ด้านเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละคนที่คุณเจอ และถ้าพวกเขามองว่าคุณเป็นพวกชอบตัดสินคนอื่น นั่นก็เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเดียวเช่นกัน ให้การรับรู้ของคุณที่มีต่อคนๆ นั้นเปลี่ยนไปขณะที่คุณเริ่มรู้จักเขามากขึ้นจะดีกว่า [13]
    • ยอมรับคนอื่นในแบบที่เขาเป็น
    • มันจะยุติธรรมไหมหากคนอื่นตัดสินคุณจากการคุยกันเพียง 5 นาที คนๆ นี้จะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับคุณได้จริงๆ บ้างในช่วงเวลาอันนั้นขนาดนั้น
  6. บางครั้งก็อาจจะมีคนมาทำอะไรให้คุณไม่พอใจ แต่ก็อย่ามองเขาในแบบที่แย่ที่สุด เพราะเป็นไปได้ว่ามันก็อาจจะมีบางวันที่คุณไม่ได้พยายามทำตัวดีที่สุดเหมือนกัน หากยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดให้มองคนอื่นในแง่ดีไว้ก่อนและโยนความคิดที่ไม่ดีทิ้งไป [14]
    • เช่น คนๆ นี้อาจจะเพิ่งเจอวันแย่ๆ มาตอนที่คุณเจอเขา เช่นเดียวกับที่คนขี้อายแรกๆ อาจจะดูไว้ตัวหรือหยิ่ง
  7. คำนินทากระจายความรู้สึกไม่ดีและทำให้คนอื่นตัดสินกันและกันโดยไม่รู้ความจริง ยิ่งไปกว่านั้นคือถ้าคุณมีชื่อเสียงในฐานะคนขี้เม้า คนอื่นก็จะมาเม้าข่าวแซบๆ เรื่องคนอื่นกับคุณ แต่พวกเขาจะไม่สามารถไว้ใจคุณได้จริงๆ เลย [15]
    • ครั้งถัดไปที่คุณกำลังจะอ้าปากพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่น ให้เงียบปากทันทีแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องดีๆ แทน แทนที่จะพูดว่า "เธอรู้ไหมว่าแอนไปนอนกับแจ๊บมาเมื่อคืนนี้" ให้พูดว่า "เธอรู้ไหมว่าแอนวาดรูปสวยมากเลย เธอน่าจะลองแวะไปดูรูปที่เธอวาดบ้างนะ!" คิดดูว่าคุณจะรู้สึกดีกว่าเดิมขนาดไหนที่ได้เผยแพร่ความปรารถนาดีให้คนอื่นๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่าทุกคนล้วนแตกต่าง แล้วนั่นก็ทำให้โลกน่าสนใจขึ้น!
โฆษณา

คำเตือน

  • ใส่ใจการใช้ชีวิตของตัวเองแทนที่จะไปบงการชีวิตคนอื่น
  • การเป็นคนชอบตัดสินคนอื่นทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นได้จริงๆ เหมือนที่มันเองก็ทำร้ายความรู้สึกของคุณเหมือนกัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,523 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา