PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

น้ำเกลือแร่ เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เกลือ และน้ำสะอาด น้ำเกลือแร่สามารถลดอาการขาดน้ำจากการอาเจียนหรือท้องร่วง จากการศึกษาพบว่า น้ำเกลือแร่นั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการให้น้ำเกลือเพื่อรักษาอาการขาดน้ำได้ [1] วิธีการทำน้ำเกลือแร่ สามารถทำได้จากซองผงเกลือแร่เอง เช่นยี่ห้อ Pedialyte®, Infalyte®, และ Naturalyte® หรือจะลองทำน้ำเกลือแร่ที่บ้านโดยมีส่วนประกอบคือ น้ำดื่มสะอาด เกลือ และน้ำตาล

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

วิธีทำน้ำเกลือด้วยตัวคุณเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างมือของคุณทุกซอกทุกมุมด้วยสบู่และน้ำสะอาดก่อนปรุงน้ำเกลือแร่ และต้องมั่นใจว่ามีขวดหรืออ่างผสมที่สะอาดพร้อมใช้แล้ว [2]
  2. ในส่วนของการทำน้ำเกลือแร่ในแบบของคุณเอง คุณจะต้องมีส่วนผสมดังต่อไปนี้:
    • เกลือ (เช่น เกลือปรุงอาหาร, เกลือไอโอดีน หรือ เกลือทะเล)
    • น้ำสะอาด
    • น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลผง
  3. ใส่เกลือครึ่งช้อนชา และน้ำตาลอีกสองช้อนชาลงในชามสะอาด จะใช้น้ำตาลแบบใดก็ได้
    • ถ้าไม่มีช้อนชาคอยวัดตวง, คุณสามารถกะเอาน้ำตาลหนึ่งกำมือ และเกลืออีกสามหยิบมือเล็กๆ แต่การกะเอาแบบนี้จะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่วัดตามที่กำหนด และเป็นทางที่เราไม่แนะนำให้ใช้ [3]
  4. ถ้าไม่มีอุปกรณ์ตวงน้ำ ให้เติมน้ำเข้าไป 5 ถ้วย (1 ถ้วยจะมีความจุประมาณ 200 มิลลิลิตร) ใช้น้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น น้ำสามารถใช้จากขวดได้เลย หรือจะเป็นน้ำต้มสุกและปล่อยให้เย็นก็ได้
    • ใช้แค่น้ำเปล่าเท่านั้น นม, ซุป, น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมไม่สามารถใช้ได้ เพราะไม่อาจนำมาทำเป็นน้ำเกลือแร่ที่ให้ประสิทธิภาพได้ [4] อย่าเพิ่มน้ำตาลลงไปในส่วนผสม
  5. ใช้ช้อนหรือไม้คนเพื่อผสมส่วนผสมแห้งให้เข้ากับน้ำ หลังจากคนไปหนึ่งนาที หรือมั่นใจว่าส่วนผสมละลายเข้าหากันดีแล้ว ก็หมดขั้นตอนวิธีทำ และถึงขั้นตอนการดื่ม [5]
    • น้ำเกลือแร่สามารถแช่ตู้เย็นค้างได้ 24 ชั่วโมงเท่านั้น ห้ามเก็บไว้นานกว่านี้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

มาทำความเข้าใจกับคุณสมบัติของน้ำเกลือแร่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในกรณีที่คุณอยู่ในสภาวะท้องเสียหรืออาเจียน ร่างกายของคุณจะสูญเสียน้ำ และสามารถนำไปสู่สภาวะขาดน้ำ หรือถ้าคุณมีอาการกระหายน้ำ ปากแห้ง ง่วงซึม ปัสสาวะน้อยครั้งกว่าปกติ สีปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม ปวดศีรษะ ผิวแห้ง และวิงเวียน ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาหมอ และคุณควรได้รับคำแนะนำให้ดื่มน้ำเกลือแร่ถ้าอาการดังกล่าวมีความรุนแรง
    • ถ้าหากไม่รักษาอาการขาดน้ำ อาการจะแย่ลง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ปากและผิวหนังจะแห้งมาก ปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้มไปจนถึงน้ำตาล ผิวหนังจะดูเหี่ยวย่นไม่ยืดหยุ่น ชีพจรจะเต้นช้าลง ดวงตาบวม ชัก ร่างกายอ่อนแอลง และอาจจะแย่ถึงขนาดโคม่า ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการดังกล่าว ควรหาความเชื่อเหลืออย่างเร็วที่สุด
  2. น้ำเกลือแร่มีส่วนผสมที่สามารถทดแทนการขาดเกลือและช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้ดีขึ้น ควรดื่มน้ำเกลือแร่ตั้งแต่มีอาการแรกของสภาวะขาดน้ำ การดื่มน้ำเกลือแร่จะช่วยแค่เรื่องการขาดน้ำเท่านั้น และถ้าดื่มกันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดอาการขาดน้ำได้ดีกว่าใช้น้ำเกลือแร่ในขั้นตอนการรักษา
    • อาการขาดน้ำที่รุนแรงนั้น ควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือ แต่ถ้าเป็นอาการเริ่มต้น การเตรียมน้ำเกลือที่บ้านก็สามารถช่วยได้ในเบื้องต้น
  3. จิบน้ำเกลือแร่ตลอดวัน ดื่มพร้อมมื้ออาหารได้ แต่ถ้าอาเจียน ควรหยุดดื่มน้ำเกลือแร่เสียก่อนสักประมาณสิบนาที แล้วจึงเริ่มดื่มอีกครั้ง ในกรณีของเด็กทารก ควรให้นมควบคู่กับการให้น้ำเกลือแร่ สามารถดื่มน้ำเกลือแร่ได้จนกว่าสภาวะท้องเสียจะหยุดไป ปริมาณการให้น้ำเกลือแร่มีดังต่อไปนี้: [6]
    • ทารกและเด็กเล็ก: น้ำเกลือแร่ 0.5 ลิตร ทุกๆ 24 ชั่วโมง
    • เด็กเล็ก (2 ถึง 9 ปี): น้ำเกลือแร่ 1 ลิตร ทุกๆ 24 ชั่วโมง
    • เด็กโต (10 ปีขึ้นไป) และผู้ใหญ่: น้ำเกลือแร่ 3 ลิตร ทุกๆ 24 ชั่วโมง
  4. อาการท้องเสียควรหมดไปหลังจากดื่มน้ำเกลือแร่แล้วไม่กี่ชั่วโมง คุณควรเริ่มปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น และสีของปัสสาวะควรมีสีอ่อนถึงสีใส ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรืออาการดังต่อไปนี้ปรากฎ ควรเข้ารับการรักษาโดยด่วน: [7]
    • อุจจาระเหลว อุจจาระเป็นสีเข้มหรือมีเลือด
    • อาเจียนบ่อยครั้ง
    • มีไข้สูง
    • มีอาการขาดน้ำรุนแรง (วิงเวียน, เซื่องซึม, ตาบวม, ไม่ปัสสาวะติดกัน 12 ชั่วโมง)
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อาการท้องเสียมักจะหยุดภายในสามถึงสี่วัน ความเสี่ยงในเด็กคือภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหารที่มีความอันตรายมาก
  • ควรบอกให้เด็กหมั่นดื่มน้ำ
  • สามารถซื้อเกลือแร่แบบซองได้จากร้านขายยาทั่วไป ในทุกซองจะชงได้หนึ่งแก้ว และในหนึ่งซองจะมีแป้ง 22 กรัม ควรชงด้วยน้ำในปริมาณที่กำหนดไว้บนซอง
  • การคุมอาหารแบบ BRAT diet (กล้วย, ข้าว, แอปเปิ้ลซอส และขนมปังปิ้ง) สามารถทำให้อาการท้องเสียดีขึ้นได้ และในบางกรณีก็ทำให้อาการขาดน้ำทุเลาลง เพราะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย
  • ถ้ามีอาการท้องเสีย ลองทานซิงค์ 10 มิลลิกรัม ถึง 20 มิลลิกรัมต่อวัน 10–14 วันติดกันหลังมีอาการท้องเสีย [8] การเพิ่มซิงค์ในร่างกายจะช่วยต่อต้านอาการและเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย ซิงค์มักจะพบในอาหารทะเล เช่น หอยนางรมและปู เนื้อวัว อาหารเช้าซีเรียลที่เสริมวิตามิน และถั่วอบ [9] อาหารดังกล่าวมีส่วนช่วย แต่ควรตระเตรียมอาหารเสริมซิงค์เพื่อแก้ปัญหาการขาดซิงค์ในร่างกายในช่วงเวลาที่มีอาการป่วย
โฆษณา

คำเตือน

  • ต้องตรวจให้มั่นใจว่าน้ำดื่มที่ใช้ไม่มีสารปนเปื้อน
  • ถ้าอาการท้องร่วงไม่ดีขึ้นในหนึ่งอาทิตย์ ควรติดต่อขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์
  • เด็กที่ป่วย มีอาการท้องร่วง ไม่ควรกินยาเม็ด หรือยาปฏิชีวนะ ยกเว้นเป็นยาที่สั่งจ่ายจากหมอหรือเภสัชกร และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://emedicine.medscape.com/article/906999-treatment
  2. http://rehydrate.org/ors/made-at-home.htm
  3. Wilcox WD, Miller JJ. Inaccuracy of three-finger pinch method of determining salt content in homemade sugar salt solutions. Wilderness Environ Med, 1996;7(2):122-126.
  4. te Loo DM, van der Graaf F, Ten WT. The effect of flavoring oral rehydration solution on its composition and palatability. J Pediatr Gastroenterol Nutr, 2004;39(5):545-548.
  5. http://rehydrate.org/ors/made-at-home.htm
  6. http://www.cdc.gov/cholera/pdf/posters/2013/ORS_SEAsia_508.pdf
  7. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/dehydration-adults
  8. http://whqlibdoc.who.int/hq/2004/WHO_FCH_CAH_04.7.pdf
  9. http://ods.od.nih.gov/factsheets/Zinc-HealthProfessional

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 50,629 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา