ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รู้สึกเหนื่อยทีไรทุกอย่างก็แย่ไปหมด เพราะทำอะไรก็หมดสนุก แถมเหนื่อยกายแล้วพาลไปเหนื่อยใจ (หรือกลับกัน) ถ้าไม่อยากเหนื่อยระยะยาว ก็ต้องเริ่มจากเปลี่ยนชีวิตประจำวัน อดนอนไปก็ไม่ช่วยให้ทำอะไรได้มากขึ้น ถ้าอยากรู้วิธีทำยังไงไม่ให้เหนื่อย สนุกกับชีวิตมากขึ้น ก็เลื่อนลงไปอ่านบทความวิกิฮาวนี้เลย!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทุกเช้าต้องทำเหมือนเดิม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้เวลากับตัวเองเผื่อไว้มากๆ สำหรับเตรียมความพร้อมในแต่ละเช้า. แม้คุณอาจคิดว่าจะได้พักผ่อนได้เต็มอิ่มขึ้นถ้าตั้งนาฬิกาปลุกไว้สายไปสัก 15 นาทีในตอนเช้า แต่มันกลับสร้างผลลัพธ์ด้านลบถ้าเป็นการบีบบังคับให้คุณต้องรีบเร่ง หากไม่อยากรู้สึกเพลียตลอดวัน การเผื่อเวลาช่วยให้ออกจากบ้านอย่างผ่อนคลายแลัสดชื่นแทนที่จะรีบเร่ง
    • แทนที่จะตั้งเวลาปลุกเผื่อเพื่อจะนอนนานขึ้น ลองเข้านอนเร็วขึ้นแทน
    • ถ้าคุณเข้านอนตรงเวลาและนอนหลับได้อิ่มพอ คุณอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งนาฬิกาปลุกเลยก็เป็นได้! [1]
  2. ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่นและตื่นตัว นี่แหละกุญแจสำคัญของการมีวันดีๆ ต้องหาให้เจอว่ากิจวัตรยามเช้าแบบไหนที่ได้ผลที่สุด ถ้าเจอแล้วก็ทำไปตามนั้นทุกวัน จะได้ตื่นมาอารมณ์ดีพร้อมรับวันใหม่ทุกเช้า ไม่หงุดหงิดเร่งรีบ วิธีเริ่มวันใหม่ให้สดใสก็เช่น
    • อย่ากด snooze กดปิดเสียงปลุกแล้วตื่นพร้อมรับวันใหม่เลย ถ้าผัดเวลาตื่นไปเรื่อยๆ นอกจากเสียเวลาแล้วยังทำให้คุณง่วงเหงาหาวนอนต่ออีก 2 - 3 นาทีไปโดยใช่เหตุ
    • หายใจเข้าลึกๆ ให้อากาศสดชื่นเต็มปอด
    • ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมรอยยิ้ม! อย่าเสียเวลานอนเล่นมือถือหรือนอนหาวกลิ้งไปมา ยิ่งลุกจากเตียงเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งสดชื่นแจ่มใสเร็วขึ้นเท่านั้น
    • ถ้ายังง่วงตาจะปิด ให้เดินออกไปนอกห้องหรือไปที่ระเบียง เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า
    • ตื่นเช้าจะได้มีเวลาเตรียมตัวเยอะๆ บางคนอาจคิดว่าตื่นสายจะได้พักผ่อนยาวๆ แต่จริงๆ แล้วเสียมากกว่าได้ เพราะแปลว่าเสียเวลาเตรียมตัวไปอีก 10 นาที นอนหลับพักผ่อนนั้นสำคัญ แต่ถ้าได้ออกจากบ้านก่อนเวลาแบบสดชื่น สบายๆ ไม่เร่งรีบจะดีกว่า
  3. เข้าห้องน้ำแล้วก็ต้องอาบน้ำล้างหน้าพร้อมรับวันใหม่ การแปรงฟันและหวีผมเป็นด่านแรกที่ทำให้รู้สึกสดชื่นมั่นใจ ส่วนไฟสว่างไสวในห้องจะช่วยให้ตื่นเต็มตา กิจวัตรยามเช้าที่ช่วยให้หายง่วงก็เช่น
    • ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัด
    • อาบน้ำเช้า-เย็น บางคนลักไก่อาบแต่ตอนเย็น แต่จริงๆ ถ้าตื่นมาเจอน้ำเย็นๆ แต่เช้าก็ทำคุณตื่นเต็มตาได้แน่นอน น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนน่ะหลบไป เก็บไว้ผ่อนคลายตอนกลับบ้านดีกว่า
    • ฟังวิทยุในห้องน้ำ โดยเฉพาะเพลงจังหวะชวนโยกย้ายได้อารมณ์ หรือจะร้องเพลงเองระหว่างอาบน้ำก็ได้เหมือนกัน
  4. เริ่มวันใหม่ด้วยอาหารเช้าดีมีประโยชน์ แล้วจะสดชื่นแข็งแรงไปทั้งวัน ถ้ากินอะไรก็ไม่รู้ หรือไม่กินเลย ระวังจะเหนื่อยและเฉื่อยชา อยากหลับทั้งที่ควรตื่น ขอให้ตื่นเช้าหน่อย แบ่งเวลามาทำและกินอาหารดีมีประโยชน์ เช่น
    • ผลไม้ โยเกิร์ต และกราโนล่า
    • ผักใบเขียว เช่น ปวยเล้ง เคล หรือขึ้นฉ่ายฝรั่ง สะดวกสุดคือปั่นรวมกันทำสมูธตี้ซะเลย
    • ไข่กับแฮมหรือไก่งวงไม่ติดมัน เพื่อให้ได้โปรตีนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเซลล์ที่สึกหรอ ตลอดวันสมองจะตื่นตัวว่องไวขึ้นอีกเยอะ
    • โจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลเกรน หรือซีเรียลเพื่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงซีเรียลหวานๆ เพราะจะตื่นตัวแค่ช่วงเช้าแล้วเฉาตอนบ่ายๆ
  5. ตราบเท่าที่ไม่ใส่น้ำตาลมากเกินไป กาแฟสักแก้วก็อ่จมีผลดีต่อสุขภาพ คาเฟอีนจะช่วยให้ตื่นตัว อย่างไรก็ตาม คุณจะได้รับแรงเสริมของคาเฟอีนถ้ารออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงหลังตื่นนอนก่อนจะดื่มกาแฟ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้: [2]
    • คอร์ติซอล หรือ “ฮอร์โมนสร้างความตื่นตัว” ระดับของมันในร่างกายจะพุ่งขึ้นวันละ 3 ครั้ง โดยมักจะอยู่ในช่วง 2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน แล้วก็ตอนเที่ยง และอีกทีช่วงเย็น
    • การบริโภคคาเฟอีนในขณะที่ระดับคอร์ติซอลสูงจะเป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายลดการสร้างคอร์ติซอลโดยธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าเดิม
    • เลื่อนการดื่มกาแฟในตอนเช้าออกไปสักหน่อย จะได้มีคาเฟอีนมาเป็นตัวเสริมให้ระดับคอร์ติซอลที่สูงของคุณ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทำตัวกระฉับกระเฉงตลอดวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าไม่กระตุ้นประสาทสัมผัส สมองก็จะไม่ตื่นตัว แป๊บเดียวก็ทำท่าจะงีบอีก ถ้าอยากตื่นตัวก็ต้องกระตุ้นทั้งตา หู กระทั่งจมูกตลอดวัน ทำได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน/โรงเรียน โดย
    • อย่าให้ปากว่าง โดยอมลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง ถือเป็นเทคนิคที่น่าลอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ง่วงซึมตอนเช้าๆ หรือเหนื่อยตอนกลับบ้าน
    • เปิดไฟสว่างเข้าไว้ เรียกว่าไฟมีกี่ดวงก็เปิดให้หมด (ถ้าเปิดได้) หรืออีกทีคือย้ายไปนั่งข้างหน้าต่าง รับแสงแดดยามเช้า ถ้าอยู่กลางแจ้งหรือตากแดดตรงๆ บางทีก็ทำเอาเพลีย แต่ถ้ารับแดดอ่อนๆ สว่างๆ จะทำให้ตื่นเต็มตา
    • กระตุ้นประสาทสัมผัสการดมกลิ่นด้วยน้ำมันเปปเปอร์มินต์ พกยาดมจิ๋วๆ ติดไปด้วยก็สะดวกดี
    • กระตุ้นสายตาโดยพักสายตาไปมองอย่างอื่นหลังจ้องอะไรที่เดิมนานๆ จนล้า
    • ฟังเพลง จะเพลงแจ๊ส ร็อค หรือ EDM ก็ทำคุณตื่นเต็มตาได้ทั้งนั้น อีกทีคือรายการวิทยุแบบพูดคุยกัน ลองจับใจความตามให้ทันว่าเขาคุยกันเรื่องอะไร ก็ทำให้สมองตื่นดี
  2. กระตุ้นร่างกายก็สำคัญพอๆ กับประสาทสัมผัส ถ้าร่างกายกระฉับกระเฉง สมองก็ตื่นตัวตาม เพราะงั้นอย่าอยู่เฉย ไม่ว่าสถานการณ์ไหน กระทั่งนั่งทำงานที่โต๊ะทั้งวันก็ต้องยืดเส้นยืดสาย เช่น
    • ดึงติ่งหูเบาๆ
    • หยิกตัวเองบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก หรือบริเวณที่ไม่ค่อยมีไขมัน เช่น ท่อนแขน หรือข้อพับเข่า
    • ยืดเหยียดข้อมือโดยดัดมือไปด้านหลัง
    • บริหารไหล่และคอ
    • ถ้ารู้ตัวว่าใกล้สัปหงกเต็มที ให้กัดลิ้นเบาๆ
  3. หลายคนประท้วงว่ายิ่งออกกำลังกายก็ยิ่งเหนื่อย แต่จริงๆ แล้วส่งผลตรงกันข้าม ถ้าออกกำลังกายแต่พอดี เพราะการออกกำลังกายช่วยเติมพลังให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัว ออกกำลังกายช่วงเช้ากับบ่ายจะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังต้องการพลังงาน ถ้าไปออกกำลังกายตอนค่ำๆ อะดรีนาลีนจะพุ่ง ทำให้หลับไม่ค่อยลง แนวทางในการออกกำลังกายก็เช่น
    • จ็อกกิ้งแถวบ้านทุกเช้า ไม่มีอะไรจะทำคุณตื่นตัวดีไปกว่าอัดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอด
    • เล่นโยคะตอนเช้า เป็นอีกกิจกรรมช่วยดีท็อกซ์ความคิดและจิตใจ ได้ฝึกหายใจ พร้อมรับวันใหม่ด้วยความสดชื่น
    • เล่นกีฬาเป็นทีม เช่น เตะบอล วอลเล่ย์ หรือบาส จะสดชื่นแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจเลย
    • เดิน 20 นาทีอย่างน้อย 2 - 3 ครั้งต่ออาทิตย์ทุกครั้งที่มีโอกาส
  4. ถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ก็ยืดเส้นยืดสายเบาๆ. ถึงจะออกกำลังกายเต็มที่ไม่ได้ ก็ยังทำให้ร่างกายตื่นตัวได้โดยหาเวลาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายตลอดวัน [3] แค่ยืดเส้นยืดสาย 5 - 10 นาทีระหว่างวัน ร่างกายก็พอรู้แกวแล้วว่า "ตื่นๆ มีเรื่อง (ต้องทำ) แล้ว!" วิธีออกกำลังกายเบาๆ ง่ายๆ ก็เช่น
    • เดินไปทุกที่ที่ไปได้ เช่น ถ้าบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ก็เดินไปแทนนั่งรถเมล์ หรือไปทางอ้อมแทนทางลัด ถ้ามีเวลามากพอ ถ้าอยู่ที่ออฟฟิศก็เดินไปมาตามโถงทางเดิน หรือข้ามถนนไปซื้อกาแฟไปกินข้าวกลางวันแทนร้านในตึก
    • อย่าขึ้นลิฟต์ ให้เดินขึ้นบันไดแทน เพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
    • ถ้าต้องนั่งทำงานที่โต๊ะทั้งวัน ให้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้างเป็นระยะ
  5. อาหารเช้าดีๆ จะทำให้เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสแข็งแรง แต่ก็ต้องตามด้วยมื้อกลางวันและเย็นที่มีประโยชน์เช่นกัน [4] อาหารดีมีประโยชน์เติมพลังและให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ถ้ากินอาหารไม่มีประโยชน์ ร่างกายจะไม่สดชื่น ง่วงเหงาหาวนอน หลักการกินอาหารที่แนะนำก็เช่น
    • เพลียหรือหิวเมื่อไหร่ให้หาอะไรกิน พกของว่างที่มีประโยชน์ติดตัวไปด้วย จะได้ไม่ต้องแวะเข้าร้านสะดวกซื้อหาขนมกรุบกรอบกิน ของว่างที่แนะนำก็เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ก้านขึ้นฉ่ายฝรั่ง และเนยถั่ว เป็นต้น ผลไม้ก็มีประโยชน์ดีแถมพกไปกินสะดวก
    • กินอาหาร 5 หมู่ให้ครบ 3 มื้อ ระหว่างมื้อก็เป็นของว่างเบาๆ พอถึงมื้อหลักจะได้ไม่จัดเต็มเกินไป
    • มื้อหลักอย่ากินเยอะ หลีกเลี่ยงพวกแป้งๆ มันๆ และแอลกอฮอล์ พวกนี้จะทำคุณเหนื่อยกว่าเดิม แถมเป็นภาระให้ระบบย่อยอาหาร
    • ถ้าอยาก จะดื่มคาเฟอีนบ้างก็ได้ เพราะช่วยให้ตาสว่าง เช่น ชาหรือกาแฟสักแก้ว แต่อย่าจัดหนักเกินไปเพราะจะเฉาทีหลัง
    • ดื่มน้ำตลอดวัน จะทำให้สดชื่น ไม่ขาดน้ำ
  6. ถ้าได้ใช้สมอง คิดคำนวณ เจอเรื่องท้าทาย หรือต้องสร้างสรรค์คิดอะไรใหม่ๆ จะทำให้ลืมเหนื่อยไปเลย วิธีทำให้มีสมาธิจดจ่อก็คือสนใจอะไรที่ทำอยู่ อย่าใจลอย มัวฝันกลางวัน มีหลายวิธีช่วยให้จดจ่อมีสมาธิ เช่น
    • สลับงานที่ทำอยู่บ้าง ถ้าเบื่อเพราะต้องทำอะไรซ้ำๆ หลายชั่วโมงติดกัน ก็พักกินขนม (ที่มีประโยชน์) บ้าง หรือเดินไปดูวิวที่หน้าต่าง ไม่ก็แชทกับเพื่อนพอกรุบกริบ
    • ถ้าอยู่ที่ออฟฟิศ ก็ชวนเพื่อนร่วมงานคุยในห้องส่วนกลางซะเลย จะได้ตื่นตัว ดีไม่ดีจะคุยกันถูกคอ สนุกสนานเพลินไปอีก
    • ถ้าอยู่ที่โรงเรียน ก็เพ่งสมาธิตั้งใจฟังครูสอน ตรงไหนสงสัยก็ถาม เรื่องไหนรู้ก็ตอบ มีส่วนร่วมในการเรียนการสอนหน่อย เวลาจดเลคเชอร์ก็ให้ใช้ปากกาหลายๆ สี จะได้ไม่น่าเบื่อชวนหลับ
  7. เครื่องดื่มชูกำลังมักจะมีระดับคาเฟอีนมากกว่ากาแฟราวสองเท่า แถมยังมีน้ำตาลกับส่วนผสมที่ไม่อยู่ในกฎบังคับมากมายที่อาจส่งผลด้านลบต่อร่างกายได้ จึงควรพึ่งการนอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และทำตัวกระฉับกระเฉงระหว่างวันเพื่อไม่ให้รู้สึกเหนื่อยจะดีกว่า [5]
    • เครื่องดื่มชูกำลังจะทำให้ตื่นตัวชั่วครั้งชั่วคราว จึงควรดื่มเพียงเล็กน้อยและในยามจำเป็น
    • เครื่องดื่มชูกำลังสามารถทำให้เกิดอาการทางหัวใจและหลอดเลือดในคนบางคน ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนลองดื่ม โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัญหาเส้นเลือดอุดตันอยู่ก่อนแล้ว
    • อย่าผสมเครื่องดื่มชูกำลังกับแอลกอฮอล์ มันจะยิ่งทำให้คุณดื่มเยอะขึ้นโดยไม่ทันได้รับรู้ผลกระทบที่ตามมา
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

นอนยังไงให้หลับสนิท

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำกิจวัตรต่างๆ เพื่อเตรียมตัวเข้านอน ก็สำคัญพอๆ กับการเตรียมตัวก่อนออกจากบ้านตอนเช้า ถ้าเข้านอนถูกวิธี เช้ามาก็ไม่เหนื่อยแน่นอน ถ้าหาเจอแล้วว่ากิจกรรมไหนช่วยให้นอนเร็วหลับสนิท ก็ให้ทำเป็นประจำทุกคืน ร่างกายจะได้เคยชิน [6]
    • เน้นกิจกรรมที่สงบและผ่อนคลาย อย่างแช่น้ำอุ่น ฟังเพลงคลาสสิก อ่านหนังสือผ่อนคลาย หรือทำสมาธิ
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในตอนค่ำ และปิดเครื่องใช้ที่มีหน้าจออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน
    • หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดๆ แอลกอฮอล์ ช็อคโกแลต และคาเฟอีนไม่กี่ชั่วโมงก่อนนอน ไม่งั้นตาแข็งนอนไม่หลับแน่ จริงๆ แล้วต้องเริ่มงดคาเฟอีนตั้งแต่หลังเที่ยงเป็นต้นมา ถ้าอยากหลับง่ายหลับสนิท
    • อะไรเตรียมได้ให้เตรียมไว้ตั้งแต่กลางคืน ตื่นมาจะได้สบายๆ เช่น ตั้งเครื่องทำกาแฟไว้ หรือเตรียมชุดที่จะใส่พรุ่งนี้
  2. เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน อาจจะยากหน่อยสำหรับคนที่งานรัดตัว แต่ก็เป็นวิธีง่ายที่สุดถ้าอยากหายเหนื่อยระยะยาว พยายามนอนให้ได้ 7 ชั่วโมงทุกวัน จะดีกว่าวันนี้นอน 5 - 6 ชั่วโมง แล้วพรุ่งนี้นอนชดเชย 10 ชั่วโมงซะงั้น แบบนี้ร่างกายจะสับสนได้ [7]
    • ผู้ใหญ่ปกติควรนอนได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ส่วนวัยรุ่นก็ประมาณ 8-10 ชั่วโมง [8]
  3. ถ้าวันรุ่งขึ้นอยากตื่นมาสดชื่นแจ่มใส ก็ต้องเข้านอนโดยไม่มีเรื่องแย่ๆ ติดค้างในความคิด และกระตือรือร้นพร้อมรับวันใหม่ที่จะมาถึง ถ้าหงุดหงิดหรือโมโหตอนจะนอน ก็ยากที่จะหลับลง [9]
    • อย่าเข้านอนทั้งที่ยังโกรธ ถ้าโกรธเพราะทะเลาะกับใครมา โดยเฉพาะคนรู้ใจ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ให้พยายามปรับความเข้าใจให้ได้มากที่สุดแล้วค่อยนอน
    • ถ้าปรับความเข้าใจก่อนนอนไม่ได้ ลองใช้กิจกรรมคลายเครียดอย่างการนั่งสมาธิหรือหายใจลึกๆ เพื่อช่วยให้สงบลง
  4. จินตนาการว่าตื่นเช้าสดใสร่าเริง อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่แนะนำให้นึกภาพตัวเองตอนกดปิดนาฬิกาปลุกทันทีที่ดัง บิดขี้เกียจ แล้วกระเด้งตัวขึ้นจากเตียง ถ้าฝึกจินตนาการแบบนี้บ่อยๆ คุณก็จะทำตามนั้นทุกเช้าแบบไม่รู้ตัว
    • คิดถึงอย่างน้อย 2 เรื่องที่คุณใจจดใจจ่ออยากให้มาถึงในวันพรุ่งนี้ ถ้าเข้านอนแบบสบายใจ ก็จะอยากตื่นมาเจอวันใหม่เร็วๆ
    • การนึกภาพเชิงบวกช่วยทำให้จิตใจและร่างกายสงบ ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นและลึกขึ้น [10]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • งดเครื่องดื่มชูกำลัง ถึงจะช่วยให้ตื่นเต็มตาได้ 1 - 2 ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นจะเฉา เหนื่อยก็เหนื่อยแต่นอนไม่ได้ซะงั้น
  • อย่างดอาหารมื้อไหน เพราะจะทำให้เหนื่อยกว่าเดิมแน่นอน
  • ถ้าระหว่างวันเหนื่อยจนทนไม่ไหว ให้งีบสั้นๆ แบบจริงจัง ถ้าโชคดีหลับสนิทก็จะทำให้ตื่นเต็มตาได้ แต่อย่างีบเพลินเกิน 20 นาที เพราะจะกลายเป็นเพลียกว่าเดิม
  • อย่านอนดึก!
  • เหนื่อยมากก็จดจ่อรอเลิกงาน/เลิกเรียนซะ จะได้ตื่นตัว มีกำลังใจ
  • ถ้านอนเยอะหรือน้อยกว่าปกติ ร่างกายจะสับสน ทำเอาเพลียได้
  • ทำตัวกระฉับกระเฉงตลอดวัน
  • อาบน้ำเย็น รับรองตาสว่างทันที
  • อย่าเล่นมือถือหรือคอมก่อนนอน 1 ชั่วโมง เพราะจะทำสมองตื่นตัว เปลี่ยนมาอ่านหนังสือสักชั่วโมงดีกว่า
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้ารู้ตัวว่าใกล้สัปหงกเต็มที อย่าขับรถ
  • นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,238 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา