ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การจะประสบความสำเร็จในชีวิต คุณต้องรู้ซะก่อน ว่าอะไรหรือเป้าหมายไหนในชีวิตสำคัญสำหรับคุณ จากนั้นก็วางแผนแต่ละขั้นตอนที่ต้องทำ หรือกระทั่งย้อนดูอัตลักษณ์ของตัวคุณเอง การจะประสบความสำเร็จได้คุณต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และหัดให้รางวัลตัวเองบ้างจะได้มีแรงจูงใจให้ไปจนสุดทาง แต่ที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องมี "เป้าหมาย" ไว้กระตุ้นเตือนตัวเองให้ก้าวต่อไป

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ตั้งเป้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจตั้งใจเรียนต่อเพิ่มพูนความรู้ อยากเริ่มต้นครอบครัวใหม่ของตัวเอง ก่อตั้งธุรกิจพันล้าน หรือเขียนหนังสือให้จบสักเล่ม ให้คุณเริ่มจากจินตนาการเป้าหมายเหล่านี้เป็นภาพในหัว จากนั้นไปพูดคุยกับคนที่เขาประสบความสำเร็จ ว่าเขาสร้างแรงบันดาลใจกันยังไง ลองถามตัวคุณเองว่าอะไรที่ทำให้คุณมีความสุขเหลือเกิน แล้วพยายามทำสุดความสามารถให้ความสุขนั้นเป็นจริงขึ้นมา [1]
  2. เราเปล่าบอกให้คุณดำเนินชีวิตไปตามที่คนอื่นบงการ แค่อยากให้เปิดใจลองฟังคนอื่นดู เวลาเขาชี้จุดเด่นของคุณในมุมของคนนอกที่ไร้อคติ จริงๆ แล้วก็ต้องรับฟังทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนเลย ถ้ารู้แล้วก็พยายามวางเส้นทางชีวิตให้ขนานไปกับจุดแข็งที่ว่าของคุณ [2]
    • เช่น ถ้าคุณวาดรูปเก่ง ก็น่าจะลองทำงานด้าน visual design ดู แต่ถ้าคุณเก่งด้านขีดๆ เขียนๆ ก็ลองเอาไปปรับใช้ให้เกิดผลกับอาชีพของคุณ เราไม่ได้บอกให้ลาออกจากงานไปเป็นนักเขียนนิยายหรือศิลปินจ๋า เพราะน้อยคนจะเด่นดังได้ แค่อยากให้ลองมองหาอาชีพที่เปิดโอกาสให้คุณได้ใช้ทักษะพวกนี้ อย่างนักโฆษณา สถาปนิก มัณฑนากร หรือนักกฎหมาย เป็นต้น
  3. เช่น คุณอาจมีสุดยอดไอเดียธุรกิจแสนแหวกแนว แต่ดันไร้ทุนทรัพย์ซะงั้น หรือหลงใหลด้านกีฬาหรือบางอาชีพแต่ติดว่าวัยล่วงเลยมาแล้วทำไปก็ไม่รุ่ง ลองปรึกษาคนที่ประสบความสำเร็จในด้านที่คุณชอบดู จะได้พอรู้ลู่ทางว่าพอเป็นไปได้หรือเปล่า
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

วางแผน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะได้รู้แนวทางว่าคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงจะสำเร็จดังหวัง แต่อย่าลืมปรึกษาเฉพาะคนที่เขาอาบน้ำร้อนมาก่อนและทำสำเร็จแล้วนะ ลงลึกเป็นขั้นเป็นตอนเลยว่าต้องทำอะไรบ้างถึงจะประสบความสำเร็จเป็นได้แบบเขา พยายามเน้นตรงสิ่งที่เขา “ต้องแลกมา” อย่างแต่ละวันต้องฝึกฝนมากมายแค่ไหน กี่ชั่วโมง กว่าจะเก่งพอ พอรู้แล้วก็ลองวางแผนดำเนินรอยตามแต่ละขั้นตอนดู
    • แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือจัดตารางชีวิตตัวเองในแต่ละวัน ถ้าเขาเล่าว่าต้องฝึกหนักหรือทำงาน 3 ชั่วโมงต่อวัน ก็ลองปรึกษาดูว่าคุณเองจะทำแบบนั้นบ้างได้ยังไง ต้องหักดิบเลิกดูทีวีไหม หรือแค่จำกัดเวลาดูทีวีในแต่ละวันให้น้อยมากถึงมากที่สุด? ถ้าไม่ลองมาคิดพิจารณากันจริงๆ แล้ว คุณก็ไม่มีทางรู้หรอก [3]
  2. คุณจะทำตามแต่ละเป้าหมายได้ง่ายหน่อย ถ้าคุณร่ายออกมาเป็นแผนการที่ชัดเจน กำหนดเวลาไว้เลยสำหรับแต่ละเป้าหมาย พร้อมระบุขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นไว้เตือนตัวเอง เขียนออกมาให้ละเอียดสุดๆ โดยเฉพาะพวกวันที่ ขั้นตอนยิบย่อย แล้วก็เส้นชัยที่จับต้องได้ของแต่ละขั้นตอน ว่าตอนไหนที่ถือว่าทำสำเร็จ [4]
    • กำหนดแต่ละขั้นตอนที่ต้องทำถึงจะนำคุณไปสู่เป้าหมาย เช่น ถ้าอยากเข้าโรงเรียนกฎหมายชื่อดังที่เมืองนอก คุณก็ต้องจบปริญญาตรีได้ GPA เลิศๆ ซะก่อน แล้วสอบ Law School Admissions Test (LSAT) ให้ได้คะแนนสูงเข้าไว้ สุดท้ายก็คือสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมายชั้นนำตามที่ตั้งใจ
    • แตกเป้าหมายใหญ่ออกมาเป็นขั้นตอนยิบย่อย เช่น จะสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมายชื่อดังได้ คุณก็ต้องมีจดหมายรับรองหรือ reference letter ซะก่อน รวมถึงเรียงความแนะนำตัวหรือ personal statement รวมถึงระบุประสบการณ์การฝึกงานในสำนักงานกฎหมาย (ดังๆ) ด้วย การที่คุณรู้และเตรียมรับมือกับขั้นตอนเล็กๆ พวกนี้ไว้แต่เนิ่นๆ จะทำให้คุณตื่นตัว รีบสร้างคอนเนคชั่นอันดีกับอาจารย์ที่สามารถเขียนจดหมายรับรองอันน่าประทับใจให้คุณก่อนเรียนจบ รวมถึงวางแผนฝึกงานช่วงปิดเทอมตามสำนักงานกฎหมายด้วย
    • วางแผนเตรียมรับมืออุปสรรคกับข้อจำกัดต่างๆ ของตัวเอง เช่น ถ้าคุณฝันอยากแต่งงานมีครอบครัว แต่หาแฟนไม่ได้สักทีเพราะขี้อายซะเหลือเกิน ก็อาจขอให้เพื่อนช่วยแนะนำให้รู้จักกับใครสักคนดู กล้าๆ ออกงาน เข้าสังคมหน่อย หรือถ้าอาการหนักจะปรึกษามืออาชีพด้านความสัมพันธ์ดูก็ได้
  3. พอวางแผนแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเป็นระยะเวลาทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ก็อาจให้รางวัลตัวเองเป็นอาหารหรูๆ สักมื้อหรือไปดื่มสักหน่อย หรือจะแค่หยุดพักไม่ทำอะไรเลยสักวันก็ได้ แต่ถ้าคุณทำเรื่องใหญ่ได้สำเร็จ ก็พักยาวๆ ไปเลย การให้รางวัลตัวเองจะช่วยให้คุณตื่นตัวมีแรงบันดาลใจอยู่ตลอด แต่ก็ต้องแน่ใจว่าคุณกำหนดขอบเขตหรือเส้นชัยไว้ให้ชัดเจน อย่างทำยอดขายเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ หรือได้เกรดดีขึ้นแค่ไหน ถ้าไม่กำหนดให้ชัดเจนคุณอาจผลักดันตัวเองไม่มากพอ พูดง่ายๆ ว่ามาตรฐานต่ำเกินไปนั่นแหละ [5]
    • คิดดูให้ดี จริงๆ คุณต้องการอะไร นอกจากความต้องการทางร่างกาย อย่างการกินอยู่หลับนอนและสุขภาพอันดีแล้ว ต้องคำนึงถึงความต้องการด้านอารมณ์ ความคิด และจิตใจด้วยระหว่างการเดินทางไปสู่เป้าหมายของคุณ คุณอาจอยากได้ความเคารพนับถือ ชอบลับสมองด้วยความท้าทายใหม่ๆ ความตื่นเต้นเร้าใจ กระทั่งความรัก พวกนี้แหละปัจจัยสำคัญที่คอยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ แต่จะทำอะไรก็ต้องคอยนึกถึงผลลัพธ์ไว้เสมอนะ
    • แต่ละเป้าหมายควรสร้างเสริมกำลังใจให้คุณ เช่น การจะมีครอบครัวแสนสุขได้ จะง่ายและดีกว่าถ้าคุณเลือกคู่ชีวิตที่รักและให้เกียรติคุณ และคอยสนับสนุนให้คุณทำตามที่ตั้งใจ
  4. หมั่นวัดผลตัวเองว่าทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือยัง ถ้ายัง ให้ย้อนคิดพิจารณาว่าคุณได้ทุ่มเทเต็มที่แล้วหรือยัง ถ้ายัง (อีกรอบ) ให้พยายามใช้เวลาทำตามแผนที่วางไว้ให้มากขึ้นจะได้เห็นผลสักที แต่ถ้าคุณเหนื่อยแทบกระอักแต่ไม่ยักคืบหน้า คงต้องรื้อแผนกันใหม่ให้ดีกว่าเดิม หรือบางทีอาจถึงคราวต้องเปลี่ยนเป้าหมายซะแล้ว [6]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

มองต่างมุม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จุดสำคัญมากที่มักทำนายได้เสมอว่าคนคนนั้นจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ก็คือคนที่ว่าสามารถอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทนรอรางวัลที่ใหญ่กว่าในอนาคตได้หรือเปล่า ลองหาข้อเสียของตัวเอง อย่างการผัดวันประกันพรุ่ง หรือพฤติกรรมทำลายสุขภาพอย่างชอบกินอาหารขยะหรือดูแต่ทีวี แล้วพยายามอดทนอดกลั้นไม่ทำตามใจให้ได้นานที่สุดดู
    • เรื่องนี้มีคนเคยพิสูจน์มาแล้ว ในการทดลองที่เรียกว่า marshmallow experiment โดยผู้ทำการทดลองได้สัญญากับเด็กๆ ไว้ว่า ถ้าภายใน 15 นาทีนี้อดใจไม่กินมาร์ชเมลโล่ได้ สุดท้ายจะได้รางวัลเป็นมาร์ชเมลโล่ 2 ชิ้นเลย เด็กที่อดเปรี้ยวไว้กินหวาน รอจนได้รางวัลเป็นมาร์ชเมลโล่ 2 ชิ้น พอโตขึ้นไปจะสอบได้เกรดดีกว่า สุขภาพดีกว่า แถมเสี่ยงติดยาน้อยกว่าด้วย การทดลองติดตามผลในภายหลังแสดงให้เห็นว่า เด็กคนไหนที่ได้รางวัลเพราะอดทนรอ สุดท้ายก็จะมีความยับยั้งชั่งใจแบบเดียวกันในเรื่องอื่นๆ ด้วย [7]
  2. เพราะฉะนั้นก็อย่างที่บอก ว่าจะดีกว่าถ้าคุณหมั่นมุมานะพยายามเข้าไว้ อย่ามองว่าความสำเร็จในชีวิตจะมาแบบปุบปับ ให้มองว่าต้องใช้เวลาเหมือนการวิ่งมาราธอนแทน ถ้าคุณทำเต็มที่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวก็อย่าหวังประสบความสำเร็จ มันต้องตื่นตัวและขยันให้ได้ตลอด ถึงจะมองเห็นเส้นชัย [8]
    • ดาราตลกคนดังอย่าง Jerry Seinfeld เขายังเถียงเลยว่า กุญแจสู่ความสำเร็จของเขาคือการนั่งลงคิดแล้วขยันผลิตมุขฮาออกมาให้ได้ทุกวัน มันไม่ใช่การบ้าเห่อแค่ชั่วคราว หรือคลั่งไคล้เต็มที่ แต่จะประสบความสำเร็จได้คุณต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่องด้วยแรงกายแรงใจที่มี [9]
    • หลายคนเห็นว่าได้ผล ถ้าคุณจะลงมือทำเรื่องยากหรือสำคัญที่สุดของวันให้เสร็จเป็นอย่างแรก ถ้าทำแบบนั้น จะเกิด momentum หรือเกิดจังหวะลงตัวให้คุณทำอย่างอื่นต่อไปได้โดยไม่ผัดวันประกันพรุ่งเพราะกลัวว่ามีอะไรยากๆ รออยู่ [10]
  3. มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าสมัยนี้คนที่เขาประสบความสำเร็จใหญ่โตมักเป็นพวกที่ทั้งเก่งทั้งเพื่อนเยอะ ทักษะการเข้าสังคมจึงถือเป็นเรื่องสำคัญถ้าคุณคิดจะประสบความสำเร็จในโลกยุคปัจจุบัน [11] ถ้าอยากเป็นคนน่าคบก็ต้องฝึกบ่อยๆ จนชิน
    • ฝึกการเข้าสังคม แค่ทักคนอื่นก่อนว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” หรือตอบรับว่า “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ก็ถือว่าเริ่มได้สวยแล้ว คอยสังเกตว่าคนที่เขาป๊อปๆ น่ะเขาทำตัวกันยังไง จะได้ถอดรหัสได้ว่าอะไรในตัวเขาที่ทำให้คนชอบนักชอบหนา และอย่าลืมสังเกตท่าทีของคู่สนทนาของคุณด้วย จะได้รู้ว่าพฤติกรรมไหนที่คุณทำแล้วได้ผลไม่ได้ผล [12]
  4. มีงานวิจัย (อีกแล้ว) ที่ชี้ว่าความมั่นใจในตัวเองน่ะสำคัญพอๆ กับความเก่งเลยนะ [13] ลองคิดดูว่าคุณทำอะไรสำเร็จมาแล้วบ้าง ฝึกใช้ภาษากายให้มั่นใจหน่อย พอมั่นใจได้ที่แล้ว รับรองว่าเดี๋ยวความสำเร็จก็ตามมาเอง [14]
    • ท่าทางมั่นใจที่ว่า ก็คือยืนตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง พูดจาชัดถ้อยชัดคำ และสบตากับทุกคนที่คุณพูดคุย [15] อย่าลืมออกกำลังกายด้วยล่ะ รูปกายภายนอกจะได้แข็งแรงพอๆ กับจิตใจที่แข็งแกร่ง [16]
  5. หลายคนหวาดหวั่น ว่าการเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงอาจบั่นทอนตัวตนที่แท้จริงไป แต่จริงๆ แล้วคนที่เขาประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่กัน ก็คือคนที่ไม่หยุดอยู่กับที่ แต่พร้อมจะเติบโต เปลี่ยนแปลงปรับปรุงทักษะต่างๆ ของตัวเอง รวมถึงปรับตัวให้เข้ากับโลกรอบด้านด้วย [17] ให้คุณมองหาคนต้นแบบที่เขาประสบความสำเร็จ แล้วใช้เป็นแนวทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง
    • ถึงความเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใครจะเป็นจุดขายชั้นยอด แต่ก็ห้ามหยุดอยู่กับที่ พอใจกับแค่สิ่งที่มีแล้วเด็ดขาด ให้มองว่าตัวตนของคุณยังเติบโตได้ ต้องพัฒนาถึงจะไม่เหมือนใคร ไม่ใช่กลัวจะเหมือนใครก็เลยไม่ยอมพัฒนา [18]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,797 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา