ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เวลาอากาศข้างนอกร้อนจัด บอกเลยว่าในรถจะร้อนระอุยิ่งกว่า...โดยเฉพาะรถใครไม่มีแอร์นี่อย่าให้พูด จะเป็นลม! แต่วันนี้เรามีวิธีทำให้คุณนั่งในรถได้แบบเย็นสบายมาฝากกัน ทั้งใช้เจลเย็นหรือ ice pack แช่แข็ง สวมใส่เสื้อผ้าบางเบา และระบายอากาศในรถให้ถ่ายเท ไปจนถึงเลือกเส้นทางใหม่ หรือเดินทางเวลาอื่นที่แดดร่มลมตก เท่านี้ก็คลายร้อนได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้น้ำหรือน้ำแข็ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ จะระบายความร้อนได้ดีมีประสิทธิภาพ ให้หมั่นจิบน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็นอื่นๆ เช่น ชาหรือกาแฟเย็น [1]
    • ให้ดื่มน้ำเรื่อยๆ ตลอดวัน พยายามดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน (แก้วละ 8 ออนซ์ (230 กรัม)) ถ้ารอจนหิวน้ำ คอแห้งผาก แสดงว่าร่างกายขาดน้ำแล้ว
    • ให้หาแก้วมัคแบบพกพา หรือกระติกบุฉนวนเก็บความเย็น แล้วใส่น้ำเย็นไว้ให้เต็ม จะได้พร้อมดื่มตลอดวัน
  2. ใช้น้ำเย็น เจลแพ็ค หรือน้ำแข็ง ประคบตามข้อมือและต้นคอ. พวกนี้เป็นจุดชีพจร ที่เชื่อมต่อไปยังสมองส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ถ้าประคบเย็นตามจุดที่ว่า จะช่วยคลายร้อนได้อย่างรวดเร็ว [2]
    • จุดชีพจรอื่นๆ ก็เช่น ขมับ และข้อพับใต้เข่า
    • ใช้ขวดสเปรย์ฉีดพ่นน้ำเย็นใส่จุดชีพจรต่างๆ ก็เห็นผลแบบเดียวกัน
    • ให้เอาผ้าชุบน้ำเย็นพันตามจุดชีพจรแทน ถ้าไม่มีเจลแพ็คหรือน้ำแข็ง

    ทำเจลเย็นใช้เอง

    เติมน้ำใส่ขวดพลาสติกแล้วเอาไปแช่ช่องฟรีซ 3 ชั่วโมงขึ้นไป หรือจนกว่าจะแข็งโป๊ก จากนั้นก็เอาออกมาประคบเย็นในรถแทนเจลแพ็คหรือเจลเย็นได้เลย พอน้ำแข็งในขวดละลายเมื่อไหร่ ก็ดื่มน้ำเย็นๆ คลายร้อนให้ร่างกายไม่ขาดน้ำได้เลย เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อ!

  3. เอาผ้าชุบน้ำโปะช่องแอร์ตรงกลางรถ ถ้ายังมีลม. ถ้ายังมีลมเป่าออกมาจากช่องแอร์ ถึงจะเป็นลมอุ่นๆ ก็เถอะ ให้สร้างความเย็นโดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเปียกหมาด แล้วใช้ไม้หนีบหรือคีม/ที่คีบเล็กๆ ยึดผ้าไว้กับช่องแอร์ [3]
    • เตรียมผ้าขนหนูชุบน้ำไว้อีก 2 - 3 ผืน เอาไว้เปลี่ยน เพราะบอกเลยว่าผ้าจะแห้งค่อนข้างเร็ว
    • เอาผ้าแช่ช่องฟรีซเตรียมไว้เลย จะได้เย็นเป็นพิเศษ เวลาแช่ผ้าในช่องฟรีซให้ปูราบไป พอเอามาแขวนหรือโปะไว้จะได้เป็นแผ่น บังช่องแอร์พอดี
    • ถ้าจะจอดรถทิ้งไว้แล้วไปไหน อย่าเอาผ้าโปะช่องแอร์ทิ้งไว้ ไม่งั้นราขึ้นแน่
  4. เอาถาดอบขนมใส่น้ำแข็งก้อนวางไว้แถวช่องแอร์ตรงพื้นรถ. พอลมจากช่องแอร์ด้านล่างไหลผ่านน้ำแข็ง อุณหภูมิของลมอุ่นๆ ก็จะเย็นลง ถ้ากลัวน้ำแข็งละลายแล้วน้ำหยดหรือหกเลอะเทอะในรถ ให้วางก้อนน้ำแข็งในถาดอบขนมสังกะสีหรือพลาสติก [4]
    • จะเอาน้ำแข็งก้อนใส่ภาชนะที่ทำจาก polystyrene หรือ thermocol ก็ได้ จากนั้นเปิดฝาทิ้งไว้แล้ววางที่พื้นรถ
    • ถ้าต้องขับรถทางไกล ให้เตรียมน้ำแข็งสำรองใส่กระติกเก็บความเย็นไปด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

แต่งตัวให้เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เนื้อผ้าบางเบา เช่น ลินิน หรือคอตตอน. ถ้าใส่เสื้อผ้ารัดรูป จะกักเก็บความร้อนไว้กับตัว แต่ถ้าเป็นเสื้อผ้าหลวมๆ ไม่แนบเนื้อ อากาศร้อนๆ ก็จะระบายออก ในขณะที่ลมเย็นถ่ายเทเข้ามา พยายามเลือกเนื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ใส่แล้วโปร่งโล่งสบาย [5]
    • ผ้าที่ระบายอากาศได้ดี นอกจากลินินและคอตตอน (ผ้าฝ้าย) แล้ว ก็มีผ้าไหม ผ้าแชมเบรย์ (chambray) และผ้าเรยอน (rayon)
    • ถ้าเป็นผู้หญิง ก็ให้ใส่เดรสผ้าเรยอนพลิ้วๆ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็ให้ใส่เสื้อยืดผ้าคอตตอนโคร่งๆ หน่อย เป็นต้น
  2. 2
    ใส่เสื้อผ้าสีอ่อนช่วยสะท้อนแสงแดด. เสื้อผ้าโทนสีอ่อนจะใส่แล้วเย็นกว่า เพราะไม่ดูดซับความร้อนจากแดดมากเท่าเสื้อผ้าสีเข้ม ถ้าเป็นเสื้อผ้าสีขาวจะใส่แล้วเย็นสบายที่สุด เพราะสะท้อนแสงทุกความยาวคลื่น แต่จะใส่สีแดงหรือเหลืองอ่อนก็ได้ผลเช่นกัน [6]
    • อย่าใส่เสื้อผ้าสีเข้ม เช่น ดำ หรือกรมท่า เพราะจะดูดซับแสงแดดและความร้อน ทำให้ร้อนหนักกว่าเดิม
    • เตรียมชุดสำรองไว้ในรถ เผื่อเหงื่อออกจนชุ่มโชกจะได้หยิบมาเปลี่ยน
  3. เพราะเท้าก็เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ถ้าใส่รองเท้าปิดมิดชิด แถมใส่ถุงเท้า ก็อาจทำให้ overheat หรือร่างกายร้อนเกินได้ ลองถอดทั้งถุงเท้ารองเท้า เหลือแต่เท้าเปล่า จะช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ดี
    • แต่ก็ต้องศึกษากฎหมายจราจรให้ดีก่อน ว่าขับรถเท้าเปล่านั้นผิดกฎหมายข้อไหนหรือเปล่า
    • ถ้าไม่อยากหรือไม่สะดวกจะขับรถเท้าเปล่า ลองใส่รองเท้าสานหรือรองเท้าที่เปิดนิ้วเท้าดู ก็ช่วยให้เย็นสบายขึ้นได้เหมือนกัน
    • ระวังอย่าให้มีอะไรแหลมๆ คมๆ ที่พื้น เช่น สกรู หรือเศษแก้ว ไม่งั้นจะบาดเท้าได้
  4. 4
    ถ้าผมยาวให้มัดรวบขึ้น อย่าปรกระต้นคอ. อย่างที่บอกว่าต้นคอด้านหลังบริเวณท้ายทอยเป็นจุดชีพจร ถ้ามีอะไรไปพันหรือปิดบัง จะทำให้ตัวร้อนเร็วมาก ถ้าใครเป็นหนุ่ม/สาวผมยาวคลุมคอ ตอนขับรถแนะนำให้มัดหางม้าหรือมุ่นเป็นมวย/บันไว้ [7]
    • ถักเปียตะขาบคู่ หรือทำผมทรง French twist จะช่วยให้ผมไม่ระต้นคอ คลายร้อนได้ดี
    • อาจจะทำให้ผมเปียกก่อนแล้วค่อยรวบก็ได้ เพราะพอผมเปียกแล้วช่วยระบายความร้อนให้หนังศีรษะตอนลมตีจนผมแห้งระหว่างขับรถ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

รักษาความเย็นในรถ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดกระจกอย่างน้อย 2 บาน อากาศในรถจะได้ถ่ายเทสะดวก. ถ้าเปิดหน้าต่างแค่บานเดียว นอกจากอากาศไหลเวียนไม่สะดวกแล้ว ยังรำคาญเสียง "ก้องๆ ตื้อๆ" ที่เกิดจากแรงสั่นสะเทือนตอนขับรถทำความเร็วระดับหนึ่งด้วย ส่วนจะลดกระจกลงแค่ไหนก็แล้วแต่ว่าอยากให้ลมพัดเข้ามามากเท่าไหร่
    • ถ้ามีช่องอากาศแบบใช้พัดลม ก็เปิดช่องแล้วเปิดพัดลม. จากนั้นเปิดหน้าต่างด้านหลังของรถ ให้กว้างพอจะดูดลมให้ไหลเวียนไปทั่วทั้งคัน
    • เปิดซันรูฟ (หลังคาด้านบน) หรือหน้าต่างหลังรถรับอากาศบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น ถ้าแดดจัดแล้วเปิดซันรูฟก็อย่าลืมใส่หมวกด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะร้อนหนักกว่าเดิม!
  2. ซื้อพัดลมแบบเสียบกับที่จุดบุหรี่ได้ ถ้าอยากให้อากาศในรถยิ่งถ่ายเท. ให้ซื้อพัดลมแบบ 12 โวลต์ ที่ไม่แพงมาก จากพวกร้านขายอะไหล่ ประดับยนต์ หรือออนไลน์ จากนั้นหนีบไว้กับที่บังแดดหรือกระจกมองหลัง ไม่ก็ตั้งไว้ที่แผงหน้าปัดตอนขับรถ จะช่วยให้ลมไหลเวียนดี เย็นสบายแน่นอน
    • จะเอาผ้าเปียกหมาดมาโปะพัดลมไว้เหมือนขั้นตอนก่อนๆ ก็ยิ่งเย็นดี
    • อีกตัวเลือกคือใช้พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ เหมาะสำหรับเมืองร้อนแดดแรงอย่างบ้านเรา
  3. ติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกหน้าและหน้าต่างรอบคัน แต่อย่าให้เข้มเกินที่กฎหมายกำหนด. ฟิล์มกรองแสงช่วยลดแสงแดดและความร้อนที่แผ่เข้ามาในรถตรงๆ แต่ต้องเช็คให้ดีว่ากฎหมายห้ามอะไรบ้าง เช่น ติดฟิล์มดำได้ไม่เกินเท่าไหร่ ติดฟิล์มที่กระจกหน้าได้ไหม เป็นต้น [8]
    • ปกติความเข้มของฟิล์มกรองแสงจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ ว่าแสงส่องผ่านได้มากแค่ไหน เช่น ฟิล์ม 35% ก็คือแสงส่องผ่านเข้ามาในรถได้ 35% จากทั้งหมด
    • ยิ่งเลขเปอร์เซ็นต์ต่ำ ฟิล์มก็ยิ่งดำ
    • จะติดฟิล์มเอง หรือเอารถไปให้ร้านที่เขารับติดฟิล์มโดยเฉพาะก็ได้
    • ติดฟิล์มแล้วช่วยปกป้องภายในรถ โดยเฉพาะผ้า/หนังหุ้มเบาะกับแผงหน้าปัด จากรังสียูวีได้ด้วย
  4. จอดรถแล้วลดกระจกลงสัก 1/2 นิ้ว (1 เซนติเมตรกว่าๆ) ถ้าแถวนั้นดูปลอดภัย. อากาศร้อนจะได้ไหลออก ภายในรถจะเย็นขึ้น แต่ให้แง้มกระจกเฉพาะตอนจอดรถในที่ปลอดภัยเท่านั้น ยังไงลองสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบด้านดู ว่าน่าจะเปิดกระจกได้หรือเปล่า
    • เช็คสภาพอากาศก่อนแง้มกระจก ถ้าฝนตกก็ต้องปิดหน้าต่างให้สนิท เว้นแต่จอดในร่ม แง้มได้
    • ถ้าจอดในโรงรถตัวเอง ก็เปิดกระจกลงได้เต็มที่เลย
    • ห้ามทิ้งเด็กและสัตว์เลี้ยงไว้ในรถร้อนๆ ที่จอดอยู่เด็ดขาด
  5. บอกเลยว่าตอนกลับมาขึ้นรถ ในรถจะเย็นกว่าจอดทิ้งไว้กลางแจ้งเยอะเลย ให้ลองมองหาต้นไม้ ลานจอดรถ หรือบริเวณที่เงาตึกหรือสิ่งก่อสร้างสูงๆ ทาบทับก็ได้ แต่ถ้าจอดในชั้นล่างสุดของอาคารจอดรถได้จะดีที่สุด
    • ถ้าจะจอดรถทิ้งไว้ในลานจอดรถกลางแจ้งนานๆ ก็ต้องกะทิศทางของแดดให้ดีๆ ว่าพอสายหรือบ่าย ตรงไหนแดดจะจัดเป็นพิเศษ
    • ถ้าหาที่ร่มๆ ไม่ได้ก็สร้างเองซะเลย โดยใช้ที่บังแดดปิดหน้าต่างให้หมดทุกบานที่แดดส่องเข้ามา
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เปลี่ยนลักษณะการเดินทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเลือกได้ให้ออกเดินทางช่วงที่แดดร่มลมตกที่สุดของวัน เช่น เช้าตรู่หรือหัวค่ำ. ถ้าสะดวกและเวลาเอื้ออำนวย ก็พยายามเลือกเดินทางเฉพาะตอนที่ขับรถแล้วร้อนน้อยที่สุด หรือแดดไม่ค่อยส่องตรงๆ พยายามอย่าขับรถช่วงเที่ยงไปจนถึงบ่าย [9]
    • ช่วงเช้ามืดนี่แหละเย็นที่สุดของวัน.
    • วันที่ฟ้าครึ้มก็เหมาะจะเดินทาง แต่ระวังอย่าเลือกวันที่ฝนตก เพราะแปลว่าจะแง้มกระจกรถไว้ไม่ได้
  2. อย่าพยายามขับรถช่วงการจราจรหนาแน่นจนอากาศไม่ถ่ายเท. ถ้ารถติดจนกันชนแทบจะชิดกันทั้งคันหน้าและคันหลัง แสดงว่าการจราจรติดขัดน่าดู เปิดกระจกไปก็มีแต่กลิ่นท่อไอเสีย อากาศไม่ค่อยถ่ายเทแน่นอน เป็นช่วงเวลาที่ขับรถแล้วทรมานร่างกายและจิตใจที่สุด
    • ช่วงชั่วโมงเร่งด่วน (rush hour) ก็เป็นอีกช่วงที่การจราจรเข้าขั้นหายนะ ปกติ rush hour ช่วงเช้าคือประมาณ 7 - 9 โมง ส่วนตอนเย็นคือประมาณ 4 - 6 โมง
    • ช่วงอื่นหรือจุดอื่นที่รถหนาแน่นก็เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงเทศกาล เขตก่อสร้าง หรือบ้านใครอยู่แถวเมืองทองช่วงแข่งบอลหรือมีคอนเสิร์ต เป็นต้น
  3. ถ้าต้องขับรถเส้นทางเดิมทุกวัน พยายามเลือกเส้นที่ร่มๆ หน่อย. ยิ่งคุณขับรถหลบแดดได้นานแค่ไหน ทั้งรถและตัวคุณก็ยิ่งเย็นสบายได้นานขึ้นเท่านั้น เช่น ถนนที่มีต้นไม้ขนาบ 2 ข้างทาง หรือถนนทั่วไป ก็จะมีร่มเงาเยอะกว่าทางด่วนแดดเปรี้ยงแน่นอน เอาเป็นว่าทั้งไปธุระหรือเดินทางไป-กลับประจำวัน ก็ขอให้เลือกถนนเส้นที่ร่มรื่นที่สุดแล้วกัน
    • ข้อเสียของการเลือกถนนเส้นเล็กที่ร่มรื่นกว่า หรือขับลัดเลาะหน่อย คือทำให้เสียเวลาเดินทางมากขึ้น แบบนี้ก็ต้องจัดตารางเวลาให้ดี
    โฆษณา

คำเตือน

  • แดดจัดๆ ว่าร้อนแล้ว ในรถจะร้อนกว่าหลายเท่า เพราะงั้นห้ามทิ้งเด็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถเด็ดขาด อันตรายมาก!
  • ห้ามใช้น้ำแข็งแห้งในรถ เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะระเหิดออกมาแทนที่ออกซิเจน ทำให้คนในรถแคบๆ ปิดสนิท ขาดอากาศหายใจได้
  • ถ้าใส่รองเท้าแตะขับรถต้องระวังมากๆ เพราะชอบเข้าไปขัดใต้คันเร่งหรือเบรค
  • กฎหมายของบางท้องที่หรือบางประเทศห้ามติดฟิล์มที่กระจกหน้า ฝั่งคนขับ และฝั่งคนนั่ง
  • อะไรเบาๆ ปลิวง่าย ก็ต้องเก็บให้ดีหรือหาอะไรทับไว้ก่อนเปิดกระจกรถ เพราะอาจจะปลิวไปบังหน้าคนขับจนเกิดอุบัติเหตุ หรืออีกทีคือปลิวออกนอกหน้าต่างไปเลย ให้หาอะไรหนักๆ มาทับไว้ เช่น รองเท้า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,292 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา