ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เบคอน หนึ่งในที่สุดของอาหารแห่งทศวรรษนี้ [1] ยังคงจะเป็นตัวเลือกหลักสำหรับอาหารอเมริกัน (ความสำคัญของมันมีมากกว่าที่บรรยายมากนัก)เบคอนสดเป็นอะไรที่ดีงาม เบคอนที่เก็บไม่ดีอาจเสียเร็ว ทำให้ป่วยจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา(Salmonella) และ อีโคไล (E. coli) การสังเกตว่าเบคอนมีคุณภาพดีหรือไม่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรุงและรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเองที่บ้าน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ดูว่าเบคอนเสียหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เบคอนที่อายุเลยวันที่ “บริโภคก่อน” ไม่ปลอดภัยที่จะรับประทานแล้ว ให้ทานเบคอนภายในเจ็ดวันหลังซื้อ (วันที่“วางขายถึง”) หรือรับประทานก่อนจะเลยวัน “บริโภคก่อน” ที่ผู้ผลิตกำหนดไว้เสมอ อีกทั้งคุณยังสามารถนำเบคอนแช่แข็งมาละลายและนำมาประกอบอาหารได้ภายในสี่เดือนด้วย
    • ระวังอย่าสับสนระหว่างวันที่ “วางขายถึง” และ “บริโภคก่อน” อันแรกเป็นคำแนะนำสำหรับร้านค้า ส่วนอันหลังเป็นวันหมดอายุจากผู้ผลิต วัน “วางขายถึง” เป็นตัวบอกว่าคุณจะต้องรีบบริโภคเบคอนก่อนแทนที่จะเก็บไว้จนเลยอายุแม้เบคอนจะยังไม่เสีย (ในกรณีที่ไม่มีสัญญาณอื่นให้เห็นว่าไม่ได้จัดเก็บเบคอนอย่างถูกสุขลักษณะ)
  2. หากคุณซื้อเบคอนมาสัปดาห์ที่แล้วและยังไม่ได้ทานเลย ก็เป็นไปได้ว่ามันยังไม่เสีย แต่ถ้ามีการเปิดถุง แกะซอง แล้วใส่กลับคืน นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งเลย อย่างไรก็ตาม หากเบคอนอยู่ในถุงปิดผนึกก็ยังจะเก็บได้นานอีกหน่อย
    • เบคอนอาจเก็บได้นานถึงสองสัปดาห์หลังซื้อหากคุณเก็บอย่างถูกสุขลักษณะและไม่เปิดถุงเลย [2] เปิดดูและลองทดสอบด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ หากเป็นเบคอนดีคุณก็น่าจะบอกได้โดยไม่พลาด
  3. ไม่ว่าจะวางบนจานหรืออยู่ในถุง กลิ่นเบคอนจะไม่ต่างกัน หากคุณไม่มั่นใจว่าเบคอนเสียรึยัง ลองดมกลิ่นดีๆ หากเบคอนมีกลิ่นเหมือนเนื้อสดแสดงว่ายังไม่เสีย หากมีกลิ่นตุๆ เหมือนของกำลังเสีย กลิ่นตุๆ บูดๆ หรือกลิ่นแปลกๆ แสดงว่าอาจจะเสียแล้ว
    • คุณรู้ว่ากลิ่นเบคอนเป็นยังไงใช่มั้ย? กลิ่นชวนน้ำลายสอ กลิ่นที่ล่อให้ใครต่อใครเดินเข้ามาน่ะหรอ? ใช่เลย หากดมแล้วเกิดรู้สึกว่ามีกลิ่นตุๆ แม้แต่นิดเดียวก็จงอย่าเสี่ยง ไม่คุ้มหรอกที่จะเสี่ยงกับแบคทีเรีย
  4. อยู่ในห้องที่แสงดีๆ และลองตรวจตราเบคอนดู เบคอนที่อยู่ในภาพดีจะมีสีออกชมพู ดูสดใส เบคอนประกอบด้วยส่วนเนื้อสีชมพูและส่วนมันสีขาวหรือออกเหลือง หากคุณสังเกตเห็นว่าเบคอนมีจุดเขียวๆ สีดูจืดๆ หรือส่วนเนื้อเริ่มมีสีออกเทาน้ำตาล แสดงว่าไม่สดแล้วล่ะ
    • ณ จุดนี้คุณคงกำลังคิด “นี่มันเบคอนนะ เบคอนต้องไม่เสียสิ เบคอนที่มีอยู่เป็นเบคอนดี ไม่เสีย” ไม่จริงซะเลย สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการคือประสบการณ์แย่ๆ จากเบคอน ทำให้คุณไม่อยากทานเบคอนอีกต่อไปใช่มั้ย? คิดถึงความเสี่ยงในระยะยาวด้วย
  5. สัมผัสเบคอนดู.ปกติเบคอนจะไม่เป็นเมือกลื่น หากเบคอนในมือคุณเริ่มมีเมือกลื่นๆ นั่นเป็นไปได้มากว่าเบคอนเสียแล้ว และอย่างที่บอก โยนทิ้งไปซะ
    • แล้วก็ล้างมือด้วยล่ะ การที่คุณไม่ได้ทานเบคอนไม่ได้หมายความว่าแบคทีเรียจะไม่ติดมือมาด้วย
  6. หลังทราบว่าเบคอนเสีย ให้โยนทิ้งเสีย ห่อให้เรียบร้อยแล้วทิ้งขยะนอกบ้านเสีย (เพื่อไม่ให้ขยะในบ้านมีกลิ่นเหม็น) ล้างมือให้เรียบร้อย อย่านำอาหารให้สัตว์เลี้ยงของคุณกิน – พวกมันอาจได้รับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าไปด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เลือกซื้อเบคอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อเป็นการร่นเวลาระหว่างเดินไปหยิบเบคอน (ฮัดช่า!) มายังแคชเชียร์ คุณคงไม่อยากให้เบคอนคลายความเย็นและจมอยู่ใต้กองขนมนมเนยอื่นๆ หรอกนะ เมื่อกลับถึงบ้านรีบเอาเบคอนเข้าตู้เย็นทันที เก็บเบคอนที่ความเย็น 40º ฟาเรนไฮต์/4.4º เซลเซียสหรือต่ำกว่า
    • ถ้าคุณมีกระเป๋าเก็บความเย็นสำหรับเก็บอาหารให้นำมาใช้ซะ! เก็บความเย็นอาหารไว้ระหว่างเดินทางกลับบ้าน เบคอนของคุณควรที่จะมีเวลาชีวิตเพิ่มสักสองสามวันไม่ใช่เหรอ?
  2. สมัยนี้ หากมีของกินที่ไม่ได้มาพร้อมส่วนผสมอย่างน้อยสี่อย่าง ชื่อยาวเจ็ดแปดพยางค์ เราคงต้องพูดถึงอาหารเหล่านั้นสักหน่อย โชคดีที่เทรนด์รักสุขภาพกำลังมา ดังนั้น หากคุณมีเงินเหลือพอ จงเลือกเบคอนที่มีส่วนผสมที่คุณมั่นใจว่าคุณรู้จักมัน
    • เลือกเบคอนที่มีส่วนผสมประมาณสี่อย่าง – หมู(คิดว่าไงล่ะ) น้ำ เกลือ และน้ำตาลทรายแดง ส่วนผสมอื่นๆ เป็นส่วนพื้นฐานหลักสำหรับเปลี่ยนสภาพเนื้อหมู (ให้เป็นเบคอน) ของไม่ดีในเบคอน "ทั่วไป" คือ สารกันบูดและสารเคมี
  3. สติ๊กเกอร์นั่นแค่บอกว่าไม่ได้ใช้โซเดียมไนเตรตในการทำเบคอน แต่สิ่งที่ใช้แทนก็คือผักขึ้นฉ่ายฝรั่ง ซึ่งอุดมด้วยสารไนเตรต (ผักทุกชนิดมีหมดแหละ) ดังนั้น มันก็ไม่ได้ต่างกันเลย
    • เบคอนที่ดีที่สุดต้องผลิตในท้องถิ่น (แน่ล่ะ) ใช้สารกันบูดน้อยมากๆ ต้องสดมากๆ และผลิตจากหมูที่ไม่ได้ถูกทารุนกรรม ซึ่งบางคนก็ว่าคุณเองก็สามารถผลิตเบคอนด้วยตัวเองได้เสมอ!
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เก็บรักษาเบคอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เก็บเบคอนในช่องแช่แข็งเพื่อถนอมอาหารในระยะยาว. สามารถเก็บเบคอนให้อยู่ได้นาน1-4 เดือน โดยเก็บที่อุณหภูมิ 0º ฟาเรนไฮต์/-17ºเซลเซียส [3] อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแนะนำว่าคุณภาพของเบคอนแช่แข็งจะลดลงหลังผ่านไป 1-2 เดือน [4] เนื่องจากเบคอนในช่องแข็งก็สามารถเสียได้อยู่
    • ดูวิธีแช่แข็งเบคอนเพื่อทราบเคล็ดลับในการแช่แข็งเบคอนแต่ละแผ่น แล้วคุณยังจะต้องการเว็บไซด์ไหนนอกจากเว็บไซด์นี้อีกล่ะ?
  2. หากคุณจะทำเบคอนเก็บไว้ เบคอนของคุณจะอยู่ได้นานขึ้นถ้านำไปปรุงและเก็บในตู้เย็นในถุงสุญญากาศซิปล็อก (ให้ซับน้ำมันออกก่อนด้วย) [5] เบคอนแต่ละประเภทมีระยะเวลาเก็บต่างกัน
    • เบคอนปรุงสุกสามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังปรุงเสร็จ หากไว้ในช่องแข็งจะเก็บได้นานถึง 6 เดือน [2] อย่าปรุงเบคอนให้สุกน้อยกว่าระดับที่ตั้งใจไว้สักหน่อย เพื่อว่าเวลาเอามาอุ่นทานจะได้ไม่สุกเกินไป
    • เศษเบคอนอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนในช่องแข็ง [2]
  3. หากอยู่ในช่องแข็งนานเกินไป ไขมันจะเริ่มเสีย นอกจากนี้ ส่วนปลายอาจจะแข็ง เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และรับประทานไม่ได้ สำหรับกรณีหลัง ให้เอาส่วนที่เปลี่ยนสภาพทิ้งไปและนำไปประกอบอาหารตามปกติ แต่หากเบคอนมีกลิ่นและมีลักษณะตามที่บรรยายมาก่อนหน้านี้ หรือดูแปลกไปแม้เพียงนิดเดียวก็อย่ารับประทานเลย
    • เบคอนที่มาเป็นก้อนหนาไม่เหมาะจะแช่แข็งนัก ในเบคอนจะมีเกลือเยอะเกินไป ทำให้ไขมันมีกลิ่นหืนเร็วขึ้น แช่เบคอนชิ้นเล็กๆ จะดีกว่า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เป็นสาเหตุหลักของอาการอาหารเป็นพิษเนื่องจากมันยังเติบโตได้ในเนื้อเค็มๆ ที่ผ่านการปรุงมาแล้ว ทำให้คนมั่นใจกันไปเองว่าเกลือจะทำให้อาหารไม่เสีย
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ารับประทานหรือนำเบคอนมาประกอบอาหารหากไม่มั่นใจว่าสดดี
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,008 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา