ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

จะดูได้อย่างไรว่าสับปะรดสุกพร้อมให้คุณรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว? เวลาที่สับปะรดถูกเก็บมา มันไม่สามารถสุกได้มากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นคุณต้องเลือกสับปะรดที่สุกแล้วจริงๆ เท่านั้น วิธีต่อไปนี้จะช่วยการันตีว่าคุณจะเลือกสับปะรดสุกได้ทุกครั้ง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ดมกลิ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณได้กลิ่นหอมหวาน แสดงว่าสับปะรดสุกแล้ว แต่ถ้าไม่มีกลิ่นอะไรเลย แสดงว่ามันยังไม่สุก
  2. หลีกเลี่ยงสับปะรดที่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเหมือนของหมัก. คุณต้องการสับปะรดที่มีกลิ่นหอมหวาน แต่กลิ่นหอมหวานนั้นต้องไม่เจือกลิ่นแบบกลิ่นแอลกอฮอล์ หรือกลิ่นน้ำสมสายชูหมัก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

มองดู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    สังเกตลักษณะของสับปะรดสุกจาก “ความสดและความเก่า”. คุณต้องการสับปะรดที่สดใหม่ ไม่ใช่สับปะรดเน่า ดังนั้นคุณต้องสังเกตขั้วของสับปะรด ซึ่งเป็นท่อลำเลียงน้ำตาลเข้าสู่สับปะรด หากสับปะรดเริ่มเปลี่ยนสี ขั้วจะเปลี่ยนสีก่อนเป็นอย่างแรก
  2. โดยปกติสับปะรดสุกจะมีสีเหลืองทอง แต่ถ้าสับปะรดเป็นสีเขียวก็ไม่ได้แปลว่ามันยังไม่สุกเสมอไป
    • อย่าลืมว่าสับปะรดบางสายพันธุ์เป็นสีเขียวเวลาสุก ดังนั้นให้เน้นไปที่ความสดใหม่ของสับปะรดมากกว่าสีของมัน
    • ไม่ซื้อสับปะรดที่มีผิวเหี่ยวย่น มีสีน้ำตาลแดง มีรอยแตกหรือรอยรั่ว ขึ้นรา หรือมีใบเหี่ยวเป็นสีน้ำตาล
  3. เพราะว่าลูกสับปะรดอาจเป็นสีเหลืองทองหรือเขียวก็ได้ เลือกสับปะรดที่มีใบยังไม่เหี่ยวและเป็นสีเขียว
  4. สับปะรดควรเติบโตเต็มที่ มีลักษณะกลมและมีตาที่เติบโตสมบูรณ์ ตาสับปะรดคือบริเวณแหลมๆ ตรงกลางวงกลมของสับปะรด เลือกสับปะรดที่มีตากว้างและแบน [1]
  5. 5
    เลือกสับปะรดจากฟาร์มที่อยู่ใกล้คุณมากที่สุด. อย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ไร่แคลิฟอร์เนีย สับปะรดที่มาจากฮาวายหรือเม็กซิโกน่าจะสดใหม่ที่สุด เพราะว่ามันใช้เวลาสั้นที่สุดในการเดินทางจากฟาร์มมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ต [2]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

สัมผัส

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณควรเลือกสับปะรดที่มีเนื้อแน่น แต่ก็นุ่มพอที่จะกดลงไปได้นิดหน่อย
  2. ถ้าสับปะรดหนัก แสดงว่ามันมีเนื้อชุ่มฉ่ำ สังเกตด้วยว่าสับปะรดที่หนักไม่จำเป็นต้องลูกใหญ่
  3. ประสิทธิภาพของวิธีการนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ บางคนเชื่อว่า หากสับปะรดสุก จะสามารถเด็ดใบออกมาได้โดยไม่ต้องออกแรง แต่ถ้าใบหลุดออกมาง่ายเกินไป แสดงว่าสับปะรดลูกนั้นเน่าแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

คงความสดใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทานสับปะรดที่เก็บไว้ในอุณหภูมิห้องให้หมดภายใน 2-3 วัน. แต่ถ้าหั่นสับปะรดเป็นชิ้นแล้วห้ามทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเด็ดขาด
  2. นำสับปะรดแช่ตู้เย็นเพื่อคงความสดใหม่ไว้นานขึ้น. ถ้าคุณนำสับปะรดแช่เย็นทั้งลูกโดยที่ยังไม่หั่นเป็นชิ้น สับปะรดลูกนั้นจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
  3. สับปะรดที่ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นแล้วสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์. การหั่นสับปะรดที่ถูกต้องคือ คุณต้องหั่นหัวและท้ายสับปะรดออก ตั้งสับปะรดในแนวตั้งบนเขียง แล้วปอกเปลือกโดยค่อยๆ ใช้มีดฝานเปลือกออกจากบนลงล่าง อย่าลืมปอกเปลือกแหลมๆ ออกให้หมด
  4. คุณสามารถนำสับปะรดที่เพิ่งหั่นเสร็จใหม่ๆ แช่แข็งในช่องฟรีซเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือน. เทคนิคคือคุณต้องหั่นสับปะรดเป็นชิ้นใหญ่ๆ เพื่อคงรสชาติมันเอาไว้ เพราะการแช่แข็งทำให้สับปะรดจืดลงได้ [3]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ห่อสับปะรดที่ปอกเปลือกแล้วด้วยพลาสติกใส่เวลาแช่ตู้เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้สับปะรดดูดกลิ่นต่างๆ ในตู้เย็น
  • ซื้อสับปะรดสุกในวันที่คุณจะทาน สับปะรดจะได้สดใหม่และไม่เหี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 69,367 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา