ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณมีเนื้ออบที่กำลังจะใส่เข้าไปในเตาอบ คุณจะทำน้ำเกรวี่แสนอร่อยด้วยวิธีใช้หยดน้ำมันจากเนื้อก็ย่อมได้ แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่มีปัญหา! คุณก็ยังทำน้ำเกรวี่ง่ายๆ จากครีมและน้ำสต็อกก็ย่อมได้ ไม่มีเวลางั้นเหรอ? แต่เราก็มีวิธีทำน้ำเกรวี่สูตรเร่งด่วนให้เหมือนกันนะ ด้วยสูตรทั้งสามนี้ในมือคุณ น้ำเกรวี่จะต้องออกมาดูดีอย่างแน่นอน!

ส่วนประกอบ

สูตรน้ำเกรวี่เร่งด่วน

  • แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • เนย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำซุป 1 ถ้วย

สูตรไม่มีหยดน้ำมันจากเนื้อ

  • เนยจืด ½ ถ้วย
  • แป้งอเนกประสงค์ ½ ถ้วย
  • น้ำสต็อกไก่ 4 ถ้วย
  • เฮฟวี่ครีม 1/3 ถ้วย (ไม่มีก็ได้)
  • เกลือและพริกไทย สำหรับรสชาติเพิ่มเติม

สูตรมีหยดน้ำมันจากเนื้อ

  • หยดน้ำมันจากเนื้อ
  • แป้งข้าวโพดหรือแป้งอเนกประสงค์ ¼ ถ้วย
  • น้ำซุป (ไม่มีก็ได้)
  • เนย (ไม่มีก็ได้)
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำน้ำเกรวี่สูตรเร่งด่วน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำสต็อกชนิดไหนน่ะเหรอ? ชนิดไหนก็ได้ที่คุณต้องการเลย! ไม่ว่าจะเป็นน้ำสต็อกไก่ เนื้อ หรือผักก็ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้น้ำเกรวี่นี้กินคู่กับอะไร (เช่น น้ำสต็อกไก่ก็ควรกินคู่กับไก่ เป็นต้น) และโดยส่วนตัวแล้วชอบกินน้ำเกรวี่แบบไหนก็ทำแบบนั้นเลย [1]
    • สูตรนี้ทำได้เพียง 2-4 ที่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้หม้อขนาดใหญ่มาก อย่างไรก็ตามคุณจะเพิ่มสูตรให้เป็นสองเท่า (หรือสามเท่า) ก็ย่อมได้ อยากทำน้ำเกรวี่มากเท่าไร ก็ต้องใช้หม้อที่ใหญ่มากเท่านั้น
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ใส่เนยและแป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะลงไปในชามเล็กๆ และคนให้เข้ากัน. ดูให้แน่ใจว่าเนยอ่อนตัวลง แต่ไม่ถึงขั้นละลาย (ไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางทำให้เป็นเนื้อครีมได้เลย) พอคนออกมาแล้วส่วนผสมจะกลายเป็นเนื้อครีมนุ่มๆ อย่างที่คนฝรั่งเศสเรียกกันว่า“beurre manié.” [2]
    • ถ้าเนยจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง ให้ปล่อยทิ้งไว้สักพักหนึ่ง และถ้ามันเย็นเกินไป ให้เอาน้ำซุปอังใต้เนยประมาณ 5-10 นาที แล้วทุกอย่างจะออกมาใช้ได้
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ใส่เนยผสมแป้งลงไปในน้ำสต็อกแล้วตีอย่างขะมักเขม้น. ตอนแรกก็จะเหมือนตอนที่ผสมเนยกับแป้งใหม่ๆ นั่นแหละ จะยังจับตัวเป็นก้อนและไม่น่าดูเท่าไรนัก แต่แล้วมันจะค่อยๆ ผสมผสานเข้ากับน้ำซุปและเข้มข้นขึ้นทีละน้อย [3]
    • ตีไปเรื่อยๆ จนกว่าส่วนที่เหลือจะเข้ากัน เพราะจะช่วยให้อากาศเข้าไปในระหว่างการตีและทำให้น้ำเกรวี่เข้มข้นขึ้นเร็วขึ้น
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ถ้าน้ำเกรวี่ร้อนเกินไปก็จะเริ่มเดือดขึ้น ซึ่งเราไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น เหมือนกับที่ไม่ต้องการให้มีฟองอากาศผุดอยู่เป็นโฟมด้วยนั่นแหละ เมื่อใช้ไฟต่ำแล้ว ให้ตีเบาๆ และคอยดูความเข้มข้นของน้ำเกรวี่ อาจต้องใช้เวลาถึง 10 นาทีโดยประมาณ อดทนเข้าไว้นะ!
    • เมื่อเห็นว่าน้ำเกรวี่เข้มข้นมากพอแล้ว ให้ลองเอาช้อนจุ่มลงไปดูแล้วยกขึ้นมา แล้วดูว่าน้ำเกรวี่ติดช้อนขึ้นมาหรือไม่? ตอนมันหยดลงนี่หยดเหมือนที่ควรจะเป็นแล้วหรือยัง?
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    โดยเฉพาะสูตรเร่งด่วนนี้ (ที่ไม่มี Pan drippings หรือครีม) คุณอาจอยากเติมเกลือหรือพริกไทยลงไปสักนิดหน่อย หรือเครื่องเทศอื่นๆ ที่คุณชอบเป็นทุนเดิม แล้วก็ลองชิมดู ระวังอย่าปรุงรสจัดเกินไปล่ะ
    • จำไว้ว่าน้ำเกรวี่เอาไว้กินพร้อมกับอาหารอย่างอื่น. ถ้าน้ำเกรวี่รสไม่จัดนัก ก็ถือว่าใช้ได้ อย่างไรก็ต้องไว้กินรวมกับรสชาติอื่นอยู่แล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำน้ำเกรวี่โดยไม่มีหยดน้ำมันจากเนื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    รูส์เป็นการปรุงผสมแป้งและเนยให้เป็นเนื้อเนียนสมบูรณ์แบบ แล้วหลังจากนั้นก็จะได้นำรูส์ไปใส่ในน้ำสต็อกเย็นๆ และอุ่นจนกว่าจะเป็นเนื้อเข้มข้นเข้ากันและกลายเป็นน้ำเกรวี่รสเลิศ มาเริ่มกันเลย: [4]
    • ตัดเนย‘’จืด’’แบ่งขนาดเป็น 8 ช้อนโต๊ะ (เนยเค็มจะทำให้น้ำเกรวี่มีรสชาติเค็มเกินไป) แล้วใส่ก้อนเนยลงไปในกระทะท้องแบน (Saucepan) ขนาดกลาง
    • ใช้ไฟต่ำละลายเนยจนเป็นเนื้อโฟม ถ้าเนยเริ่มไหม้แปลว่าไฟแรงเกินไป
    • ใส่แป้งครึ่งถ้วยลงไปในกระทะ
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ตอนแรกมันอาจดูไม่ค่อยน่ากิน ดูเยิ้มๆ แหยะๆ แต่มันจะค่อยๆ เรียบเนียนและดูเป็นเนื้อนุ่มขึ้น ตีไปเรื่อยๆ ด้วยไฟต่ำเพื่อให้อากาศได้หมุนเวียนเข้าไปและทำให้ส่วนผสมเข้มข้นขึ้น
    • ปกติแล้ว (ประมาณ 6-12 นาที) มันจะเริ่มส่งกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นพายที่อบใหม่ๆ ในเตาอบ มันไม่เกิดขึ้นทันทีหรอกนะ จากจุดนี้หมายความว่าแป้งสุกแล้ว และน้ำเกรวี่ก็จะไม่มีรสชาติเลี่ยนๆ ของแป้งอีกต่อไป
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    จะเป็นน้ำสต็อกไก่ เนื้อ หรือผักก็ได้ โดยยังคงตีส่วนผสมไปเรื่อยๆ ในขณะกำลังเติมน้ำสต็อกลงไป จนกว่าน้ำสต็อกจะถูกดูดซึมเข้าไป เมื่อน้ำสต็อกถ้วยนั้นซึมเข้าไปในส่วนผสมแล้ว ให้เติมไปอีกถ้วยหนึ่งจนกว่า ถ้วยนั้น จะถูกดูดซึมเข้าไปอีก แล้วก็เติมอีก ตีอีก เติมอีก และตีอีก จนได้น้ำเกรวี่ที่เนียนนุ่มและเบาบาง [5]
    • เตือนอีกครั้งหนึ่ง มันจะออกมาดูบางๆ ไม่ต้องกังวลไปถ้าหากมันดูเหมือนน้ำซุปในตอนที่เพิ่งเติมน้ำสต็อกลงไป มันเป็นเรื่องปกติ เป็นอะไรที่ ควรจะเป็น อยู่แล้ว
  4. น้ำเกรวี่จะถือว่าเสร็จสิ้นก็ต่อเมื่อมันติดคลุมช้อนของคุณขึ้นมาตอนที่จุ่มช้อนลงไป ไม่แข็งเกินหรือบางเกิน โดยจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
    • คนไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดไขลอยข้างบน ก้นหม้อจะได้ไม่ไหม้ และอากาศกับความร้อนจะได้ไหลเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ต้องใช้เวลานิดหน่อย อดทนไว้
    • นี่ยังไม่เสร็จนะ! อย่าเพิ่งตกใจไปถ้ามันยังดูเหมือนยังไม่น่าใช้ได้ เพราะมันยังใช้ไม่ได้ไงล่ะ!
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    พอน้ำเกรวี่เข้มข้นขึ้นแล้ว ใส่ครีมตามลงไป 1/3 ถ้วย. ตีต่ออีกประมาณ 2-3 นาที แล้วใช้ช้อนจุ่มดูอีกที มันควรติดเป็นน้ำข้นเหนียวขึ้นมากับช้อน แล้วทีนี้ก็จะได้น้ำเกรวี่แบบที่คุณคิดไว้แล้วล่ะ เรียบร้อยแล้ว!
  6. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    แม้จะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเท่าไรนักในการเพิ่มเติมรสชาติของน้ำเกรวี่ แต่ปกติก็จะใส่เกลือและพริกไทยกัน อย่างไรก็ตาม จะลองใส่เครื่องปรุงรสชาติคล้ายๆ กันพวกนี้ลงไปก็ได้นะ: [6]
    • ซอสมะเขือเทศ
    • ซอสถั่วเหลือง
    • กาแฟ
    • น้ำตาล
    • ครีมซุปเห็ด
    • ครีมเปรี้ยว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำน้ำเกรวี่ด้วยหยดน้ำมันจากเนื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ในการทำน้ำเกรวี่นั้น ขั้นตอนแรกเลยคือต้องรองเก็บน้ำมันที่หยดออกมาจากกระทะที่ใช้ในการปรุงเนื้อให้สุก ไม่ว่าจะเนื้อวัว เนื้อไก่ ไก่งวง หรือเนื้อเป็ดก็ตาม มันจะให้รสชาติแสนอร่อยที่ส่วนผสมหรือน้ำซุปใดๆ ก็ไม่สามารถเลียนแบบได้
    • ใส่ลงไปในชามปากกว้าง เพราะต้องมานั่งแยกส่วนประกอบทีหลัง ฉะนั้นยิ่งปากกว้างเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ทิ้งหยดน้ำมันไว้ประมาณ 1-2 นาทีจนกว่าไขมันจะลอยขึ้นมาบนผิว แล้วใช้ช้อนตักกวาดไขมันออกและนำไปใส่ในถ้วยตวง อย่าเพิ่งทิ้งมันนะ! แม้มันจะดูไม่น่ากินก็ตาม แต่นี่จะช่วยให้น้ำเกรวี่อร่อยขึ้นมาได้เชียวล่ะ
    • ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณได้ปริมาณไขมันที่ต้องการแล้ว เพราะคุณต้องการมันในปริมาณเท่ากับแป้งเลยล่ะ โดยอยู่ที่ ¼ ของถ้วย (แต่ถ้าคุณมีไม่ถึงจริงๆ ก็ไม่เป็นไร)
    • ทิ้งหยดน้ำมันเอาไว้ (ส่วนที่ไม่มีไขมันแล้ว) เดี๋ยวคุณก็ต้องใช้มันอีก
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    ใส่ไขมันและแป้งที่มีปริมาณเท่ากันลงในกระทะ. รินไขมันจากถ้วยตวงลงในหม้อหรือกระทะในไฟกลางจนไปถึงกลางค่อนข้างสูง แล้วค่อยตามด้วยแป้งที่มีปริมาณเท่ากัน ฉะนั้นคุณก็จะมีไขมัน ¼ ถ้วยกับแป้ง ¼ ถ้วยในกระทะตอนนี้
    • ถ้าคุณต้องการทำน้ำเกรวี่ปริมาณเยอะๆ และมีไขมันจากหยดน้ำมันไม่เพียงพอ จะใช้เนยมาแทนก็ได้ โดยการใส่เนยเข้าไปแทนปริมาณไขมันที่ต้องการ แล้วปล่อยให้เนยละลายก่อนที่จะใส่แป้งเข้าไป (แน่นอนว่าคุณก็ต้องการแป้งที่ปริมาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน)
    • ไม่มีแป้งงั้นเหรอ? ใช้แป้งข้าวโพดแทนก็ได้
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    คนไขมันและแป้งด้วยช้อนไม้จนกว่าส่วนผสมจะเริ่มข้นหนืดและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลกลางๆ คล้ายๆ กับเนยถั่ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 นาที ระวังอย่าให้ไหม้นะ! [7]
    • ถ้ามันเริ่มเกรียมๆ จากก้นกระทะ ก็แปลว่ามันกำลังจะไหม้ วิธีหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุดคือการคนส่วนผสมบ่อยๆ และปรับระดับไฟให้ลดลงเมื่อรู้สึกว่ามันร้อนเกินไป
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    คราวนี้แหละถึงเวลาได้ใช้หยดน้ำมันที่ได้มาจากการปรุงเนื้อสักที โดยการรินหยดน้ำมันลงไปในกระทะและตีให้เข้ากันกับส่วนผสมของแป้งและไขมัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดเรียบเนียนและดูคล้ายน้ำเกรวี่ที่สุด [8]
    • ถ้ามีหยดน้ำมันไม่พอที่จะทำน้ำเกรวี่ในปริมาณที่ต้องการ จะใช้เป็นน้ำสต็อกกระป๋องมาแทนก็ได้ โดยใช้น้ำสต็อกที่เข้ากับเนื้อที่คุณจะเสิร์ฟพร้อมน้ำเกรวี่ เช่น น้ำสต็อกเนื้อถ้าเสิร์ฟคู่กับเนื้อ น้ำสต็อกไก่ถ้าเสิร์ฟคู่กับสัตว์ปีก
  6. Watermark wikiHow to ทำน้ำเกรวี่
    สำหรับวิธีการใช้หยดน้ำมันนี้ เหมือนว่าน้ำเกรวี่จะมีรสชาติดีด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วนะ แต่อย่างไรก็ตาม คนบางคนก็ชอบที่จะโรยเกลือและพริกไทยลงไปเล็กน้อย และบางส่วนก็ชอบใส่ครีม (ครีมเปรี้ยวหรือครีมธรรมดาก็ได้) หรือไม่ว่าจะเป็นซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง หรือกาแฟ (แน่นอนว่าใช้กับน้ำเกรวี่เนื้อ) คุณอยากให้น้ำเกรวี่ออกมารสชาติแบบไหนล่ะ?
  7. โฆษณา


เคล็ดลับ

  • ในการใช้แป้งข้าวโพดทำน้ำเกรวี่นั้น ให้ใช้สูตรที่ติดอยู่ข้างกล่อง และคนแป้งข้าวโพดในน้ำเย็นก่อนที่จะใส่ลงไปในน้ำสต็อก (ยังคงผสมกับน้ำสีน้ำตาลเล็กน้อย และยังใช้ไขมันผสมด้วยเล็กน้อยเช่นกัน) ดูให้แน่ใจว่ามันละลายหมดแล้ว ค่อยเริ่มปรุงให้สุกได้
  • ถ้ามันใช้เวลานานเกินไปกว่าที่น้ำเกรวี่จะเริ่มเข้มข้น คุณจะลองใส่แป้งดิบและเนยลงไปอีกเพื่อทำให้กระบวนการนี้เร็วขึ้นก็ย่อมได้ มันไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแต่ก็ยังดีกว่าน้ำเกรวี่ส่วนใหญ่ที่ใช้วิธีอื่นนั่นแหละนะ
  • ถ้าคุณมีเวลาพอ จะเอากระดูกใส่เข้าไปในเตาอบและอบในอุณหภูมิ 204 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลาสั้นๆ ให้กระดูกไหม้เป็นสีน้ำตาล แล้วนำไปใส่ในน้ำสต็อกเพื่อล้างให้น้ำสีน้ำตาลออกมา มันจะช่วยให้รสชาติของน้ำเกรวี่คุณดีขึ้นมากๆ เลยล่ะ
  • ถ้าคุณจะต้องเก็บน้ำเกรวี่ไว้ ให้ใส่ลงในเหยือกปริมาณ 1 ลิตรหรือ 0.5 ลิตรแล้วใส่น้ำเปล่าหรือนมลงไปบนผิวหน้าน้ำเกรวี่ก่อนที่จะปิดฝา [9]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • หม้อ
  • ชาม
  • ถ้วยตวง
  • ช้อนไม้
  • ตะกร้อตีไข่
  • มีด
  • เครื่องปรุง (ไม่มีก็ได้)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 128,723 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา