ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

Paleolithic Diet หรือ Paleo Diet (บางครั้งอาจเรียกว่า Caveman Diet) มีแนวคิดที่ว่าร่างกายของคนเราเหมาะที่จะกินอาหารแบบบรรพบุรุษในยุคดึกดำบรรพ์มากกว่า แม้ในปัจจุบันเราจะไม่ต้องต่อสู้กับนักล่า อาศัยอยู่ในถ้ำ หรือมีอายุขัยสั้นอย่างมนุษย์ถ้ำ แต่ในความเป็นจริงนั้น อาหารที่เราบริโภคกันในทุกวันนี้เป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกายมากนัก การกลับไปกินอาหารแบบมนุษย์ถ้ำเป็นวิธีหนึ่งในการปรับสมดุลในร่างกาย ซึ่งหากปฏิบัติตามได้ การทานอาหารแบบ Paleo Diet จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการดำเนินชีวิตได้ โดยช่วยให้คุณได้ลดน้ำหนักและมีความคล่องแคล่วเพิ่มมากขึ้น

ลองดู ควรเริ่มต้นเมื่อไหร่ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมว่าควรเริ่มต้นวิธี Paleo Diet เมื่อไหร่จึงจะได้ผลดีที่สุด

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมพร้อม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผู้ที่ใช้วิธี Paleo Diet เชื่อกันว่าการกินอาหารแบบเดียวกับมนุษย์ยุคหินจะทำให้พวกเขาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีสุขภาพดี การปฏิบัติตามวิธี Paleo Diet จะช่วยลดน้ำหนัก ควบคุมความดันโลหิต และลดความอยากอาหารได้ [1] ดังนั้น หากคุณมีรูปแบบการทานอาหารที่แตกต่างหรือมีปัญหาด้านสุขภาพ Paleo Diet อาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมกับคุณ
    • การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต แม้จะเป็นสิ่งง่ายๆ อย่างอาหารที่คุณทาน สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณได้ การรับรู้เป้าหมายที่ต้องการให้สำเร็จจะเป็นแรงกระตุ้นให้คุณและทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ
  2. Paleo Diet จะเน้นการทานเนื้อสัตว์และผักสด คุณจึงจำเป็นต้องเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับเก็บเนื้อสัตว์และผักเหล่านี้ ควรแน่ใจว่ามีที่ว่างในช่องแช่แข็งพอสำหรับเก็บเนื้อ และมีตู้เย็นสำหรับเก็บผักให้เย็นเสมอ
    • การทำอาหารแบบ Paleo Diet ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษใดๆ จึงไม่จำเป็นต้องหาซื้อหม้อ กระทะ หรืออุปกรณ์เพิ่มเติมอื่นๆ นอกเหนือจากที่คุณมี
  3. คุณสามารถเลือกทานเนื้อแดง เนื้อหมู เนื้อกวาง ไข่ หรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ได้ตามต้องการ โดยเนื้อสัตว์ที่นำมาทำอาหารแบบ Paleo Diet ควรเป็นแบบเลี้ยงด้วยหญ้า (grass-fed) และไม่ควรเลือกแบบเลี้ยงด้วยข้าวโพด (corn-fed) ซึ่งความแตกต่างนี้มีความสำคัญมากกว่าประเภทของเนื้อสัตว์ที่คุณเลือกเสียอีก คุณควรเลือกรับประทานอาหารแบบเดียวกับที่มนุษย์ถ้ำสามารถหาได้ และหลีกเลี่ยงน้ำตาลที่พบได้ในอาหารสัตว์ในยุคปัจจุบัน
    • คุณสามารถเลือกทานปลาและอาหารทะเลอื่นๆ ได้เช่นกัน โดยปลาและอาหารทะเลนั้นประกอบด้วยน้ำมันโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสุขภาพ ควรเลือกใช้ปลาจากธรรมชาติแทนปลาจากฟาร์มเลี้ยงในการทำอาหารแบบ Paleo Diet [2]
    • สัดส่วนของโปรตีนในแต่ละมื้ออาหารควรมีปริมาณ 4-8 ออนซ์ หรือประมาณ 1-2 ฝ่ามือ คุณสามารถทานมากกว่าหรือน้อยกว่านี้เล็กน้อยได้โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักตัวหรือระดับความหิว แต่ในมื้ออาหารโดยส่วนใหญ่ควรมีปริมาณโปรตีนอยู่ในระดับนี้ [3]
  4. ผักเป็นแหล่งสำคัญของไฟเบอร์และคาร์โบไฮเดรตในการทานแบบ Paleo Diet ส่วนผลไม้เป็นแหล่งสำคัญของน้ำตาลจากธรรมชาติที่ร่างกายต้องการ โดยควรเลือกทานผลไม้สดแทนผลไม้อบแห้ง ผลไม้ที่เหมาะกับ Paleo Diet (ผลไม้ที่มนุษย์ถ้ำทาน) จะมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้โดยส่วนใหญ่ที่ทานกันในปัจจุบัน [4]
    • หากคุณเป็นโรคเบาหวานต้องควบคุมปริมาณน้ำตาล ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวาน เช่น องุ่น กล้วย มะม่วง เชอร์รี่หวาน แอปเปิ้ล สับปะรด ลูกแพร์ และกีวี่ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เริ่มทานแบบ Paleo Diet
    • ปริมาณผักและผลไม้ที่ควรทานในแต่ละวันคืออย่างน้อย 9 ส่วน (ประมาณ 4½ ถ้วย) [5] คุณสามารถแบ่งทานร่วมกับมื้ออาหารแต่ละมื้อโดยปรับให้เข้ากับความอยากอาหารและเมนูอาหารของคุณ
  5. เตรียมถั่วหรือเมล็ดพืชสำหรับเป็นขนมหรือตกแต่งอาหาร. จำไว้ว่าถั่วลิสงแท้จริงแล้วไม่ใช่ถั่ว (เป็นพืชมีฝัก) ดังนั้น คุณจึงควรเลือกทานถั่วจริงๆ อย่างอัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ เมล็ดสน พีแคน และวอลนัท หรืออาจทานเมล็ดฟักทองหรือเมล็ดทานตะวันแบบไม่มีเกลือแทนก็ได้เช่นกัน ถั่วและเมล็ดพืชเหล่านี้เหมาะที่จะทานเป็นขนม แต่ควรหลีกเลี่ยงที่ผสมเกลือหรือที่ผ่านกรรมวิธีมาแล้ว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงขนมทุกชนิดโดยเลือกทานเป็นถั่วแทน [6] [7]
    • คุณยังสามารถใช้แป้งอัลมอนด์หรือแป้งมะพร้าวในการทำอาหารได้อีกด้วย
  6. น้ำมันที่เลือกใช้ควรเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ แมคคาเดเมีย อะโวคาโด และมะพร้าว ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของไขมันดี น้ำมันเหล่านี้เหมาะสำหรับการหมักเนื้อหรือทอดผักและเนื้อสัตว์ [8]
    • ในแต่ละมื้ออาหารควรมีสัดส่วนของไขมันประมาณ 1-2 ขนาดนิ้วโป้ง ซึ่งน้ำมันถือเป็นแหล่งที่สำคัญของไขมัน [9]
  7. ผลิตภัณฑ์นมอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ทานแบบ Paleo Diet มากนัก เนื่องจาก Paleo Diet จะหลีกเลี่ยงการทานผลิตภัณฑ์นมโดยเด็ดขาด โดยกล่าวกันว่าผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มีขึ้นหลังสมัยประวัติศาสตร์มนุษย์ และการบริโภคผลิตภัณฑ์นมจะทำให้ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตในรูปแบบแลคโตสในปริมาณมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์นมในปัจจุบันมาจากวัวที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดและฮอร์โมน และผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อลดปริมาณไขมันอีกด้วย หากคุณต้องการบริโภคอาหารแบบยุคดีกดำบรรพ์ ให้เลือกทานผลิตภัณฑ์นมที่เป็นนมครบส่วน เช่น โยเกิร์ตและเนยที่ได้จากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า [10] [11]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

อยู่อย่างมนุษย์หิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Paleo Diet ไม่จำเป็นต้องทานมื้ออาหารตามกำหนดการ แต่ให้ทานเมื่อคุณรู้สึกหิว คุณสามารถทานอาหารวันละ 3 มื้อได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากคุณยังไม่รู้สึกหิว ก็ไม่จำเป็นต้องทานเพียงเพราะถึงเวลาทานมื้ออาหาร [12]
    • ผู้ที่ใช้วิธี Paleo Diet บางส่วนมักจำกัดอาหารเพื่อยืดระยะเวลาระหว่างมื้อ เพื่อเลียนแบบช่วงเวลาการทานที่ไม่แน่นอนของมนุษย์ในยุคหิน ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ใช่ส่วนที่จำเป็นของ Paleo Diet และการทานแบบ Paleo Diet ไม่ได้หมายถึงการจำกัดอาหาร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทานอาหารอย่างเหมาะสม [13]
  2. เมื่อเริ่มต้นในช่วงแรกๆ คุณอาจใช้ตำราอาหารสำหรับเมนูพื้นฐานอย่างสลัดและอาหารปิ้งย่าง อย่างไรก็ตาม ในไม่นานคุณจะพบว่าเครื่องปรุงใดบ้างที่ไม่สามารถใช้ได้ เช่น เกลือและอาหารที่ผ่านการแปรรูปแล้ว คุณสามารถเพิ่มรายการอาหารแบบมนุษย์ถ้ำและทดลองความเป็นไปได้ต่างๆ ได้โดยการเริ่มต้นจากพื้นฐาน
    • ดูตำราอาหารที่คุณมีและลองดัดแปลงสูตรอาหารเหล่านั้น คุณอาจนำสูตรอาหารจากหนังสือแต่ละเล่มมารวบรวมไว้ในแฟ้มเดียวหรือเก็บในรูปแบบดิจิตอลเพื่อให้หาได้ง่ายยิ่งขึ้น
    • คุณสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารแบบมนุษย์ถ้ำได้จากเว็บไซต์และบล็อกต่างๆ หรือหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ลองไปร้านหนังสือใกล้บ้านหรือเข้าเว็บไซต์เหล่านี้ Nom Nom Paleo PaleoOMG และ RobbWolf.com
  3. การเลิกทานธัญพืชและอาหารที่ผ่านการแปรรูปดูจะเป็นเรื่องยากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นแรกๆ การทานขนมปังสักแผ่นไม่ได้เป็นการทำลายแผนการทานอาหารของคุณและทำให้คุณล้มเหลว กล่าวกันว่า หากคุณยังไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ คุณควรประเมินพฤติกรรมการทานอาหารของคุณซ้ำอีกครั้ง และดูว่าคุณมีมื้อโกงบ่อยเกินไปหรือไม่
    • ผู้ที่ใช้วิธี Paleo Diet บางคนจะกำหนดให้ 1 วันในแต่ละสัปดาห์ที่สามารถทานอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณบังคับตัวเองให้ทำตามกฎได้ตลอดทั้งสัปดาห์ [14]
    • หากคุณต้องการทานขนมเป็นครั้งคราว ให้เลือกทานขนมที่ทำให้รู้สึกอิ่มและมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น เนยถั่วหนึ่งช้อนชาทาลงบนกล้วย แทนการทานคุกกี้หนึ่งหยิบมือ
  4. น้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียวที่สามารถทานได้ในวิธี Paleo Diet ซึ่งน้ำเปล่านั้นมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาระบบการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณทานโปรตีนในปริมาณที่มากขึ้น หากน้ำเปล่าไม่เพียงพอสำหรับคุณ คุณสามารถดื่มชาสมุนไพรหรือน้ำผลไม้คั้นสดสักแก้วเพิ่มเติมได้เป็นครั้งคราว ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ที่ผ่านการแปรรูป [15]
  5. แม้ว่าการทานแบบ Paleo diet ในยุคปัจจุบันจะทำให้คุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นมากมาย แต่ในบางครั้งก็อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมอย่างครบถ้วน ลองมองหาอาหารเสริมเพิ่มเติมมาทานดู [16]
    • วิตามินดี - หากคุณไม่ได้ทานปลาในปริมาณมาก หรือได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ คุณอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริมวิตามินดี
    • น้ำมันปลาโอเมก้า-3 - โดยทั่วไป คุณจำเป็นต้องรักษาความสมดุลระหว่างน้ำมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 หากคุณไม่ได้ทำตามวิธี Paleo Diet อย่างเคร่งครัด ให้เลือกทานอาหารเสริมน้ำมันปลาคุณภาพสูงที่ประกอบด้วยน้ำมันโอเมก้า-3 วันละ 1-2 กรัม
    • โปรไบโอติกส์ - ในบางครั้ง อาหารตะวันตกหรืออาหารมังสวิรัติจะไปทำลายแบคทีเรียที่จำเป็นในกระเพาะอาหาร เมื่อเริ่มใช้วิธี Paleo Diet คุณอาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริมที่ประกอบด้วยแลกโตบาซิลลัสและไบฟิโดแบคทีเรียม
  6. จุดประสงค์ของ Paleo Diet คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตของคุณ ไม่ใช่แค่เพียงมื้ออาหารเท่านั้น แม้แต่สิ่งที่ง่ายๆ อย่างการเดินให้มากที่สุดก็สามารถช่วยในการลดน้ำหนักและได้ใช้ประโยชน์จากอาหารที่คุณทานอย่างเต็มที่ การออกกำลังกายแบบ Paleo จะเน้นการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ (ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายมากนัก) และการฝึกกล้ามเนื้อเป็นครั้งคราว [17]
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เพราะจะไปเพิ่มแรงดันในร่างกาย และทำให้ร่างกายต้องการคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น
    • Crossfit เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายที่เป็นที่นิยมของผู้ที่ใช้วิธี Paleo Diet และมีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังหาการออกกำลังกายที่หนักขึ้น นอกจากนี้ การเล่น Crossfit ที่ยิมยังเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้พบกับผู้ที่ใช้วิธี Paleo Diet คนอื่นๆ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ควรเริ่มต้นเมื่อไหร่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Paleo Diet นั้นไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพมากนักและมีความปลอดภัยต่อผู้คนโดยส่วนใหญ่ Paleo Diet จะเน้นการทานอาหารที่เป็นแหล่งสำคัญของสารอาหาร ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่มีมัน ผัก ผลไม้ และถั่วเปลือกแข็ง [18]
    • การหลีกเลี่ยงการทานธัญพืชเต็มเมล็ด พืชมีฝัก และผลิตภัณฑ์นมจะทำให้คุณขาดแคลนสารอาหารบางชนิดที่มักพบในอาหารสมส่วน Paleo Diet จึงอาจไม่เหมาะกับคุณหากคุณต้องการไฟเบอร์ แคลเซียม หรือวิตามินและเกลือแร่อื่นๆ เป็นพิเศษ
    • นอกจากนี้ Paleo Diet อาจไม่ปลอดภัยหากคุณทานอาหารมังสวิรัติ เนื่องจากคุณไม่สามารถทานถั่วเหลืองและพืชมีฝักซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของโปรตีนสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติได้
    • หากคุณมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนเริ่มใช้วิธี Paleo Diet หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทานอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคไต โรคตับ หรือโรคตับอ่อนอาจมีอาการแย่ลงหากปฏิบัติตามวิธี Paleo Diet [19]
  2. ลองใช้วิธี Paleo Diet หลังปรึกษาแพทย์เรียบร้อยแล้ว. แม้ว่า Paleo Diet จะปลอดภัยต่อผู้คนโดยส่วนใหญ่ที่ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการทานอาหารเช่นนี้ [20]
    • แพทย์ของคุณสามารถพิจารณาได้ว่า Paleo Diet เหมาะกับความต้องการทางการแพทย์-ของคุณหรือไม่ นอกจากนี้ แพทย์และนักโภชนาการยังช่วยติดตามกระบวนการของคุณในระหว่างปฏิบัติตามวิธี Paleo Diet
  3. ทำตามวิธี Paleo Diet สำหรับการควบคุมน้ำหนักในระยะสั้น. การทดลองทางคลินิกกว่า 12 สัปดาห์หรือน้อยกว่านั้นจำนวนมากพบว่า Paleo Diet อาจทำให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องง่ายขึ้น และช่วยคงน้ำหนักปกติไว้ได้ นอกจากนี้ การทดลองเหล่านี้ยังพบว่า Paleo Diet จะทำให้ความทนทานต่อน้ำตาลในระยะสั้นและการควบคุมความดันเลือดดีขึ้นอีกด้วย [21]
    • จำไว้ว่าการทดลองทางคลินิกที่ยาวนานขึ้นยังจำเป็นต้องมีการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ในระยะยาวเช่นกัน
    • มีความกังวลว่าการปฏิบัติตามวิธี Paleo Diet เป็นเวลานานอาจส่งผลให้ระดับของคอเลสเตอรอล LDL สูงขึ้น นอกจากนี้ การขาดแคลเซียมอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน และการขาดคาร์โบไฮเดรตก็อาจส่งผลให้เกิดโรคคีโตซิส (Ketosis) ได้อีกด้วย [22]
    • นอกจากนี้ การทานอาหารอย่างเคร่งครัดอย่าง Paleo Diet อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก
  4. แม้ว่า Paleo Diet จะเป็นวิธีที่มีประโยชน์ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก Paleo Diet จะเน้นการทานเนื้อสัตว์ออร์แกนิคที่เลี้ยงด้วยหญ้าและอาหารอื่นๆ ที่หาได้ยาก หากคุณวางแผนจะปฏิบัติตามวิธี Paleo Diet คุณควรมีงบคงที่และเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเหล่านี้ [23]
  5. ประชาคมวิทยาศาสตร์ยังคงมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับความเชื่อของ Paleo Diet แม้ว่าอาหารหลายชนิดที่ถูกจำกัดใน Paleo Diet นี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ แต่นักวิจัยจำนวนมากยังคงไม่เห็นด้วยว่า Paleo Diet จะสามารถแก้ปัญหาความต้องการสารอาหารได้มากนัก [24]
    • ลองใช้วิธี Paleo Diet ติดต่อกันหลายๆ เดือนและประเมินสุขภาพของทั้งระหว่างและหลังปฏิบัติตาม หากสุขภาพของคุณดีขึ้นและแพทย์ให้ข้อสรุปว่ามีความปลอดภัยต่อคุณ คุณก็สามารถทำตามวิธีนี้ต่อไปได้ ในทางกลับกัน หากมีปัญหาสุขภาพเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติตามวิธี Paleo Diet ให้คุณลองปรับเปลี่ยนหรือหยุดทำและมองหาวิธีอื่นที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากกว่า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ลองวิธี Paleo Diet ประมาณ 1-2 เดือนเพื่อดูว่าเหมาะกับคุณหรือไม่
  • หากคุณมีโรคประจำตัวมาก่อน ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทานอาหารของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิธีการที่เข้มงวดเช่นนี้
  • คุณไม่สามารถทำตามวิธี Paleo Diet ได้หากคุณเป็นคนทานอาหารมังสวิรัติ เนื่องจากส่วนที่สำคัญของวิธีการนี้คือการบริโภคเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งทั่วไปของโปรตีนที่ผู้ทานมังสวิรัติ (ถั่วเหลืองและพืชมีฝัก) ไม่สามารถทานได้
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ลดน้ำหนัก 20 กิโลกรัมภายใน 2 เดือน
ผอมด้วยวิธีธรรมชาติ
จดไดอารี่อาหาร
ยับยั้งอาการอยากของหวาน
รับประทานอาหารแบบแบรทไดเอท (BRAT Diet)
คำนวณแคลอรี่จากโปรตีน
ลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมภายใน 1 เดือน
ลดน้ำหนักใน 1 อาทิตย์
เก็บกล้วยไม่ให้สุกเร็วเกินไป
ลดน้ำหนัก 7 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์
เผาผลาญไขมันและมีสุขภาพดี
รักษาหุ่นโดยที่ยังดื่มแอลกอฮอล์ได้
วิธีทานอาหารเสริมจากส้มแขก: ความเสี่ยง, คุณประโยชน์ และข้อมูลด้านความปลอดภัย
ทำให้หน้าท้องแบนเรียบในหนึ่งสัปดาห์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,769 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา