ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การคิดวิเคราะห์เป็นศิลปะการใช้เหตุผลเพื่อวิเคราะห์ความคิดและคิดให้ลึกลงไปเพื่อให้พบศักยภาพที่แท้จริงของเรา การคิดวิเคราะห์ไม่ใช่การคิดมากกว่าหรือคิดยากกว่า แต่เป็นการคิดให้ ดีกว่า การลับคมทักษะการคิดวิเคราะห์สามารถนำคุณไปสู่ช่วงชีวิตแห่งความสงสัยที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา แต่เส้นทางสู่ทักษะการคิดวิเคราะห์ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ การคิดวิเคราะห์ต้องอาศัยวินัยเป็นอย่างมาก การเดินทางไปสู่การคิดวิเคราะห์ต้องมีทั้งส่วนผสมของการเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ แรงกระตุ้น และความสามารถในการมองตนเองได้อย่างซื่อสัตย์แม้ว่าจะต้องเจอกับข้อเท็จจริงที่ทำให้อึดอัดใจก็ตาม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ลับคมทักษะการตั้งคำถาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เราตั้งสมมติฐานมากมายเกือบจะทุกเรื่อง เพราะนั่นเป็นวิธีที่สมองของเราประมวลข้อมูลต่างๆ และเป็นวิธีที่เราใช้ดำเนินชีวิตในแต่ละวัน คุณอาจจะบอกว่ามันเป็นรากฐานของกรอบการวิเคราะห์ แต่ถ้าสมมติฐานเหล่านั้นมันผิดหรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกทั้งหมดล่ะ เพราะฉะนั้นรากฐานทั้งหมดจึงจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาใหม่จากล่างขึ้นบน
    • แล้วการตั้งคำถามต่อสมมติฐานมันเป็นอย่างไรล่ะ ไอสไตน์ตั้งคำถามต่อสมมติฐานที่ว่ากฎการเคลื่อนที่ของนิวตันสามารถอธิบายโลกได้อย่างถูกต้อง [1] เขาพัฒนากรอบความคิดว่าด้วยการมองโลกขึ้นมาใหม่ทั้งหมดด้วยการอธิบาย ใหม่ ว่าเขาคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่แรกเลย
    • เราอาจจะตั้งคำถามต่อสมมติฐานด้วยวิธีการเดียวกันนี้ ทำไมเราถึงต้องรับประทานอาหารเช้าแม้ว่าเราจะยังไม่หิว ทำไมเราถึงคิดว่าเราจะล้มเหลวทั้งที่ยังไม่ได้ลอง
    • สมมติฐานอื่นๆ อะไรอีกที่เรามองข้ามไปที่อาจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หากเราวิเคราะห์ให้มากขึ้น
  2. อย่าเชื่อข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจนกว่าคุณจะได้วิเคราะห์ด้วยตัวเอง. เช่นเดียวกับสมมติฐาน การรับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญก็อาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แทนที่จะเช็กข้อมูลทุกครั้งที่ใครพูดอะไร เรามักจะแปะป้ายข้อมูลว่ามาจากคนที่เชื่อถือได้หรือแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ ซึ่งทำให้เราไม่ต้องเช็กข้อมูลทุกอย่างที่เข้ามาหาเรา เป็นการประหยัดพลังงานและเวลา แต่มันก็ปิดกั้นไม่ให้เราลงลึกไปถึงต้นตอของสิ่งที่เรารับรู้ว่ามันมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ แม้ว่าที่จริงแล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ตาม แค่เพราะมันเผยแพร่ในนิตยสารหรือถ่ายทอดทางโทรทัศน์ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจริงเสมอไป
    • สร้างนิสัยการใช้สัญชาตญาณตรวจสอบข้อมูลที่น่าสงสัยต่างๆ ถ้าใจคุณยังไม่พอใจกับคำอธิบาย ขอให้อีกฝ่ายอธิบายเพิ่มเติม ถ้าคุณไม่ได้ตั้งคำถามกับข้อเท็จจริง ให้อ่านเกี่ยวกับข้อมูลนั้นหรือทดสอบด้วยตัวเอง ไม่นานนักคุณก็จะได้สร้างความสามารถในการรับรู้ว่าอะไรที่ต้องค้นคว้าเพิ่มเติมและอะไรที่คุณคิดว่าจริงจากวิจารณญาณของตัวเองได้ค่อนข้างดี
  3. คุณได้อ่านเกี่ยวกับการตั้งคำถามต่อสมมติฐานและตั้งคำถามต่อผู้เชี่ยวชาญแล้ว ตอนนี้คุณกลับถูกบอกให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับ...ทุกอย่างเลยเหรอ การตั้งคำถามเป็นสิ่งสำคัญต่อการแสดงออกถึงการคิดวิเคราะห์ ถ้าคุณไม่รู้จะถามอะไร หรือไม่ถามเลยตั้งแต่แรก คุณก็อาจจะไม่ได้คำตอบเช่นเดียวกัน การหาคำตอบและการหาคำตอบอย่างชาญฉลาดคือทั้งหมดของการคิดวิเคราะห์
    • ลูกไฟในอากาศทำงานอย่างไร
    • ปลาตกลงมาจากฟ้าใจกลางประเทศออสเตรเลียได้อย่างไร [2]
    • เราจะทำตามขั้นตอนที่มีความหมายเพื่อต่อสู้กับความยากจนทั่วโลกได้อย่างไร
    • เราจะรื้อการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกได้อย่างไร
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ปรับมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การตัดสินของมนุษย์เป็นความคิดส่วนบุคคล เปราะบาง และมุ่งร้าย งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่า พ่อแม่ที่มีความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนที่ถูกต้องมีแนวโน้มที่จะให้ลูกฉีดวัคซีน น้อยกว่า [3] ทำไมน่ะเหรอ สมมติฐานคือพ่อแม่ที่รู้ข้อมูลนี้ยอมรับว่าข้อมูลเป็นความจริง แต่ต่อต้านคนอื่นเพราะว่ามันทำลายความภูมิใจในตนเองไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคนส่วนใหญ่ การเข้าใจว่าอคติของตัวเองคืออะไรและอยู่ที่ไหนอาจมีผลต่อวิธีจัดการกับข้อมูลของคุณ
  2. อย่าคิดแค่ 1 หรือ 2 ก้าวข้างหน้า แต่ให้คิดไปอีกหลายๆ ก้าว จินตนาการว่าตัวเองเป็นเซียนหมากกระดานที่กำลังดวลกับคนที่มีความสามารถในการคิดได้ถึงหลายสิบก้าวข้างหน้าและมีวิธีเรียงสับเปลี่ยนอีกหลายร้อยวิธี คุณต้องให้สติปัญญาของคุณเทียบเท่าของเขาให้ได้ พยายามจินตนาการถึงอนาคตที่เป็นไปได้ว่าปัญหาที่คุณกำลังรับมืออยู่นี้จะเป็นอย่างไร
    • Jeff Bezos CEO แห่ง Amazon.com เล็งเห็นประโยชน์ของการคิดไกลไปหลายก้าว โดยเขาบอกกับ Wired Magazine ในปี 2011 ว่า "ถ้าทุกสิ่งที่คุณทำต้องใช้เวลา 3 ปีติดต่อกัน ก็แสดงว่าคุณกำลังแข่งกับคนมากมาย แต่ถ้าคุณเต็มใจที่จะลงทุนไปกับเวลา 7 ปีติดต่อกัน ตอนนี้คุณก็จะแข่งกับคนจากกลุ่มนั้นเพียงไม่เท่าไหร่ เพราะมีไม่กี่บริษัทที่เต็มใจทำแบบนั้น" [4] ตอนที่ Kindle วางขายครั้งแรกในปี 2007 ต้องใช้เวลากว่า 3 ปีในการพัฒนา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครคิดถึงเครื่องอ่านแบบอิเล็กทรอนิกส์มาก่อนเลย [5]
  3. ไม่มีอะไรเอาชนะการเปลี่ยนแปลงของหนังสือดีๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โมบิดิก หรือ ฟิลิป เค. ดิก งานเขียนที่ยิ่งใหญ่มีพลังในการวางเค้าโครงการถกเถียง (วรรณกรรม) ให้ความกระจ่าง (สารคดี) หรือปลดปล่อยอารมณ์ (กวีนิพนธ์) และการอ่านหนังสือก็ไม่ใช่สำหรับหนอนหนังสือเท่านั้น Elon Musk ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีได้กล่าวไว้ว่า เขาสามารถสร้างจรวดอวกาศได้โดยมากเพราะเขา "อ่านหนังสือและตั้งคำถาม" [6]
  4. การเข้าอกเข้าใจผู้อื่นช่วยให้คุณได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากลยุทธ์การเจรจาหรือการเข้าใจวรรณกรรมได้ดียิ่งขึ้น การเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทบาทของผู้อื่นยังช่วยให้คุณสามารถจินตนาการได้ถึงแรงจูงใจ แรงบันดาลใจ และความสับสนในใจ คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการได้มาซึ่งผลประโยชน์ โน้มน้าวใจคนอื่น หรือแค่เป็นคนที่ดีขึ้น การเข้าอกเข้าใจไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องไร้หัวใจไปเลย
  5. แบ่งเวลาไว้อย่างน้อยวันละ 30 นาทีเพื่อพัฒนาการทำงานของสมอง. เจียดเวลา 30 นาทีจากวันอันแสนยุ่งของคุณมาลับสมองให้แหลมคมและทรงพลังมากยิ่งขึ้น มีวิธีต่างๆ มากมายหลายสิบวิธีที่คุณสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาการทำงานของสมอง ตัวอย่าง 2-3 วิธีที่ว่านี้ได้แก่ :
    • แก้ปัญหาวันละ 1 ปัญหา ใช้เวลาสักเล็กน้อยในการคิดค้นปัญหาและพยายามแก้ไขมันให้ได้ [7] ปัญหาที่ว่านี้อาจเป็นปัญหาในทางทฤษฎีหรือเป็นปัญหาส่วนตัวก็ได้
    • หาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30 นาทีอย่างแค่การเดินรอบๆ ละแวกบ้านสามารถช่วยพัฒนาการการทำงานของสมองได้ [8]
    • รับประทานอาหารให้ถูกต้อง อะโวคาโด บลูเบอร์รี่ แซลมอนธรรมชาติ ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช รวมถึงข้าวกล้องมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาสุขภาพสมองให้แข็งแรง [9]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

นำทุกอย่างมารวมกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณต้องการให้ทักษะการวิเคราะห์ของคุณทำงาน เพราะปรัชญาที่เกิดจากการถกกับตัวเองอาจใช้ไม่ได้การหากปล่อยไว้นานเกินไป การรู้ว่าตัวเองมีตัวเลือกอะไรบ้างนั้นช่วยคุณได้ วางตัวเลือกทั้งหมดไว้ตรงหน้า แล้วค่อย ชั่งน้ำหนักแต่ละตัวเลือก เรามักจะคิดเหมาเอาเองว่าเราติดอยู่แค่กับทางเลือกเดียว ทั้งๆ ที่มีทางเลือกอื่นอีกมากมาย
  2. คุณอยากจะเป็นปลาใหญ่ในบ่อน้ำเล็กๆ เพราะมันทำให้อัตตาของคุณพองโต แต่ จงโยนอัตตาทิ้งไปซะ ถ้าคุณอยากจะเรียนรู้ ทำอะไรได้ดีขึ้น และพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์จริงๆ ให้คบหากับคนที่ฉลาดกว่าคุณ ไม่เพียงแต่คุณจะมั่นใจได้เลยว่าคนฉลาด เอง ก็คบหาคนที่ฉลาดกว่าพวกเขาเช่นกัน แต่คุณยังมั่นใจได้อีกว่าสติปัญญาเหล่านั้นจะซึมผ่านเข้าสู่มุมมองของคุณอย่างแน่นอน
  3. จงกล้าหาญเมื่อเผชิญหน้ากับความกลัว ความล้มเหลวเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการค้นพบว่าอะไร ไม่ ได้ผล ใช้ความล้มเหลวเป็นข้อได้เปรียบโดยการเรียนรู้จากบทเรียนชีวิต ความเชื่อผิดๆ ทั่วไปคือคนที่ประสบความสำเร็จไม่เคยล้มเหลว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่ประสบความสำเร็จล้มเหลวจนกระทั่งพวกเขาประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นจุดที่คนเห็นแต่สิ่งที่เขาทำสำเร็จเท่านั้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ามั่นใจเกินไป แต่ก็อย่าเหนียมอายที่จะวิจารณ์ พยายามอย่าใช้คำที่ฟันธงอย่าง "ไม่เด็ดขาด" และใช้เฉพาะในกรณีที่คุณมั่นใจ 100% เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยืนหยัดในความคิดเห็นของตัวเอง ลองนึกถึงคำพูดนี้ดู เผื่อมันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจน้อยลงได้บ้าง "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาน"
  • พูดคุยอย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายของคุณไม่ใช่อีกฝ่ายโดยตรง แต่เป็นแนวคิดที่เขาถ่ายทอดออกมาต่างหาก
  • ถามความเห็นของคนอื่น พวกเขาน่าจะให้มุมมองใหม่ๆ ที่อาจเปลี่ยนวิธีการของคุณไปเลยก็ได้ ลองมองคนที่มาจากคนละกลุ่มอายุและมีอาชีพที่ต่างออกไป
  • ฝึกการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะคุณจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตว่าคนอื่นวิจารณ์คำวิจารณ์ของคุณหรือไม่
  • อ่านคำวิจารณ์ของคนอื่นในหนังสือพิมพ์และหนังสือ เรียนรู้ข้อผิดพลาดและจุดแข็งของพวกเขาเพื่อมาพัฒนาสไตล์ของตัวเอง
  • แยกให้ออกระหว่างการให้เหตุผลแบบอุปนัยกับนิรนัย ก็คือรู้ว่าการถกเถียงกันนั้นมาจากตัวอย่างเฉพาะไปหาความรู้ทั่วไป หรือมาจากความรู้ทั่วไปที่นำไปสู่บทสรุปเฉพาะ
  • ลองให้เหตุผลแบบนิรนัยเชิงสมมุติฐาน ก็คือในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ให้นำความรู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องของหลักการและข้อจำกัดมาประยุกต์ใช้ และแสดงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ในเชิงนามธรรมที่อาจเป็นผลมาจากการแปรผันต่างๆ ที่อยู่ในระบบนั้นๆ เท่าที่คุณนึกออก
  • ใช้ห้องสมุดและอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณกำลังวิจารณ์ คำวิจารณ์ที่ขาดความรู้บางครั้งก็แย่กว่าคำวิจารณ์ที่แค่นำเสนอออกมาได้ไม่ดี
  • คุณจะสามารถวิจารณ์บางสิ่งได้ดีกว่ากันมากหากเรื่องนั้นอยู่ในสาขาความเชี่ยวชาญของคุณ เช่น ใครจะวิจารณ์ภาพวาดได้ดีกว่าจิตรกร หรือใครจะวิเคราะห์งานเขียนของนักเขียนอีกคนได้เหมาะสมกว่านักเขียนด้วยกัน
โฆษณา

คำเตือน

  • หรือจะใช้ 'วิธีการแซนด์วิช' คือ คำชม คำแนะนำ คำชม คนจะรับคำวิจารณ์ได้มากกว่าหากใช้วิธีนี้ นอกจากนี้ให้เรียกชื่ออีกฝ่าย ยิ้มให้ (อย่างจริงใจ) และมองเข้าไปในดวงตาของพวกเขา
  • วิจารณ์แบบไม่ทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง เพราะคนอาจจะไม่พอใจเมื่อสิ่งที่เขาภาคภูมิใจถูกโจมตี เพราะฉะนั้นอย่าต่อต้านฝ่ายที่สนับสนุนการทำแท้งอย่างรุนแรงด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ที่ต่อต้านการทำแท้งอย่างเผ็ดร้อน เพราะมีแต่จะทำให้เขาโจมตีคุณเพื่อปกป้องความเชื่อของตัวเอง ไม่แยแสข้อโต้แย้งของคุณ และทำให้ความแน่วแน่ของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำแท้ง การเกริ่นนำคำวิจารณ์ด้วยคำชมมักจะได้ผลดีเสมอ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 31,462 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา