ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณเคยอยู่ใกล้คนที่มองเห็นแง่มุมดีๆ ในทุกๆ เรื่องหรือเปล่า ถ้าคุณอยากให้ตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากขึ้น รู้ไว้เลยว่าแค่ก้าวเล็กๆ คุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองของตัวเองได้มากมายมหาศาล แค่ตั้งเป้าหมายและปรับความคิดแง่ลบของคุณที่มีต่อตัวเองเสียใหม่ ก็ถือว่าคุณกำลังจะสร้างทัศนคติที่เป็นบวกขึ้นมาแล้ว ทัศนคติที่ดีนี้จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ที่เจ็บปวดหรือเลวร้ายได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เปลี่ยนทัศนคติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทุกวัน ให้นึกถึงสิ่งที่คุณชื่นชอบและเคารพเกี่ยวกับตัวคุณเอง พอเวลาผ่านไปคุณก็จะเริ่มรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น เพราะคำพูดยืนยันตัวเองและคำพูดดีๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมีกำลังใจ นอกจากนี้การยืนยันตนเองยังทำให้คุณมีเมตตาและห่วงใยตัวเองมากขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยต่อสู้กับความคิดแง่ลบที่คุณมีต่อตัวเองได้ [1] ตัวอย่างคำพูดดีๆ ก็เช่น:
    • ฉันมีความสามารถและพร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จภายในวันนี้
    • ฉันมีพลังที่จะเอาชนะสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้และเปลี่ยนมันให้เป็นสถานการณ์ที่ดีได้
    • ฉันเป็นคนเข้มแข็งและจัดการปัญหาได้ดี และฉันจะสู้ต่อไป
  2. ใช้คำพูดดีๆ มาเขียนรายการคุณสมบัติที่คุณชื่นชอบในตัวเอง ถามตัวเองว่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองที่คุณชอบมากที่สุดและเขียนลงไป [2] คุณสามารถเพิ่มทักษะและความสำเร็จที่คุณภาคภูมิใจลงไปได้ด้วย [3] เช่น คุณอาจจะเขียนลงไปว่า "แก้ไขปัญหาได้ดี" "มีความสามารถ" หรือ "เรียนจบ"
    • ใช้รายการนี้ย้ำเตือนถึงคุณสมบัติที่ดีของตัวเอง คุณอาจจะอยากอ่านรายการนี้ทุกวันเพื่อให้ความคิดดีๆ เกี่ยวกับตัวเองซึมซาบเข้าไปในใจของคุณ
  3. เรามักจะตกหลุมพรางการคิดลบได้ง่ายๆ เวลาที่เราไม่ชอบในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ บางทีคุณอาจจะเจองานหรือชีวิตที่บ้านถาโถมมากจนเกินไป หาเวลาในแต่ละวันมาทำในสิ่งที่คุณมีความสุข มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการพักดื่มกาแฟกับเพื่อนสักคน หรือแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำในช่วงท้ายของวัน
    • จากการศึกษาพบว่า การทำในสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มได้สามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้จริงๆ [4]
  4. ตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นใจและความรู้สึกขอบคุณ. การสร้างความมั่นใจและการเคารพตนเองนั้นถือเป็นความคิดต่อตนเองในแง่บวกรูปแบบหนึ่ง จากการศึกษาพบว่า ความรู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆ นั้นสามารถสร้างความรู้สึกอยู่ดีมีสุขและเพิ่มความรู้สึกเคารพตนเองมากขึ้นได้ [5] นอกจากนี้ ความรู้สึกขอบคุณยังสร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่น [6] และช่วยให้คุณนึกถึงด้านดีๆ ของชีวิตด้วย [7]
    • ความรู้สึกขอบคุณยังเกี่ยวข้องกับความเมตตาในระดับที่สูงขึ้นไป ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่นได้มากขึ้น [8]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ดำเนินชีวิตในแบบที่ดีต่อสุขภาพใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แทนที่จะทำสมาธิเพื่อให้จิตใจผ่องใส ให้เอาใจมาอยู่กับปัจจุบันและมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น [9] หาที่เงียบๆ สบายๆ และใช้เวลาจดจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง วิธีนี้จะช่วยให้คุณฝึกจิตให้เฉียบแหลมและทำให้คุณรู้สึกพร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณมองโลกในแง่บวกมากขึ้น [10] บอกให้จิตอยู่นิ่งๆ และไม่ต้องทำอะไรนอกจากคิดไปเรื่อยๆ จากช่วงเวลาหนึ่งไปยังอีกช่วงเวลาหนึ่ง [11]
    • นักวิจัยพบว่า การมีสติรู้ตัวอยู่กับปัจจุบันช่วยลดความเครียดได้ วิธีนี้เป็นการเพิ่มความคิดแง่บวกด้วยการลดความวิตกกังวล ความเฉื่อยชา และความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่มาพร้อมกับความเครียด [12]
  2. เริ่มกำหนดจิตไปที่ลมหายใจ สังเกตว่าตัวเองมีความรู้สึกทางใจและทางกายอย่างไรขณะที่หายใจเข้าหายใจออก เอาใจจดจ่อไปที่สิ่งรอบข้าง [13] ขณะที่กำลังกำหนดจิตไปที่ลมหายใจนั้น ให้ใช้ประสาทสัมผัสสังเกตสิ่งที่เห็น ได้ยิน และรู้สึกในห้องหรือในพื้นที่นั้น [14] ถามตัวเองว่าร่างกายรู้สึกเหนื่อย ผ่อนคลาย หรือเกร็ง จดจ่อไปที่ความคิดและความรู้สึกของตัวเอง
    • การหายใจเข้าออกลึกๆ นั้นเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยให้คุณได้กลับไปสำรวจว่า อะไรที่ครอบงำความคิดของคุณมากที่สุดและมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของคุณตลอดทั้งวัน
  3. ลองเข้ารับการบำบัดกับนักบำบัดที่เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความคิดและพฤติกรรม การบำบัดด้วยวิธีนี้สามารถช่วยให้คุณเปลี่ยนวิธีคิดในปัจจุบันได้ [15] เนื่องจากความคิดมีอิทธิพลต่อทัศนคติของคุณเป็นอย่างมาก คุณจึงต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดแง่ลบให้กลายเป็นความคิดแง่บวกเสียก่อน และการจะทำเช่นนี้ได้ คุณต้องเริ่มจากการสังเกตความคิดตัวเองก่อน หยุดตัวเองเวลาที่เริ่มคิดเรื่องไม่ดีและเปลี่ยนมามองสิ่งนั้นในแง่มุมที่เป็นบวก [16] เช่น ถ้าคุณติดแหง็กอยู่กับการรอรถเมล์ ให้เห็นคุณค่าของเวลาที่คุณได้ผ่อนคลายหรือได้คุยกับคนอื่นที่รอรถเมล์เหมือนกัน
    • การเขียนความคิดเหล่านี้ลงไปในกระดาษก็มีประโยชน์ต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองให้เป็นบวกมากขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น คุณอาจจะเขียนความคิดลบ (อย่างเกลียดการขับรถตอนฝนตก) และทำให้มันเป็นบวกมากขึ้น (อย่างได้ฝึกขับรถขณะฝนตกมากขึ้น)
  4. ส่วนหนึ่งของการมองโลกในแง่ดีก็คือการมีความหวังกับวันข้างหน้า การตั้งเป้าหมายเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้คุณตั้งมั่นกับอนาคตมากขึ้น นอกจากนี้การที่คุณไปถึงเป้าหมายยังช่วยเพิ่มความเคารพในตัวเองให้กับคุณด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ เป้าหมายของคุณจะต้อง: [17]
    • ถูกเขียนลงไป (งานวิจัยพบว่า การเขียนลงไปเพิ่มรายละเอียดได้มากกว่าและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จมากกว่า) [18]
    • บอกรายละเอียด
    • เป็นไปได้จริง
    • มีช่วงเวลาหรือกำหนดเวลาในใจ
    • เขียนด้วยถ้อยคำที่เป็นบวก
  5. แม้ว่าการเป็นคนมองโลกในแง่ดีตลอดเวลาจะดูเป็นความคิดที่ดี แต่คุณก็ต้องมองทุกอย่างตามความเป็นจริงด้วย ในชีวิตคุณจะต้องมีช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถมองโลกในแง่บวกได้เลย แท้จริงแล้วสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้คุณรู้สึกเศร้าหรือโกรธจริงๆ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้ทัศนคติที่เป็นบวกรับมือกับอารมณ์ที่เจ็บปวด และสร้างความหวังหรือการยอมรับกับตัวเองได้
    • เช่น ถ้าคุณเพิ่งเสียสัตว์เลี้ยงที่รักไป คุณอาจจะรู้สึกเศร้าหรือไม่พอใจ แต่คุณก็ยังสามารถใช้ความคิดแง่บวกเตือนตัวเองได้ว่าคุณได้เห็นคุณค่าของอะไรบ้าง เช่น เวลาที่คุณมีร่วมกับสัตว์เลี้ยง หรือคุณอาจจะใช้การมองโลกในแง่บวกเตือนตัวเองว่า เดี๋ยวช่วงเวลาที่เจ็บปวดนี้มันก็ผ่านไป
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,535 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา