ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนมีความสุขนั้นให้ประโยชน์อยู่หลายอย่าง มันจะทำให้คุณรู้สึกเครียดน้อยลง จิตใจปลอดโปร่ง และรู้สึกยินดีในชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ความสุขก็ยังส่งผลดีต่อร่างกายอีกด้วย อย่างเช่น ช่วยลดระดับความดันโลหิต และช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น และแม้บางคนอาจจะดูเป็นคนที่มีความสุขโดยธรรมชาติมากกว่าคนอื่นๆ อยู่แล้ว แต่ทุกคนก็สามารถเพิ่มพูนความสุขให้กับชีวิตตัวเองได้เหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอยู่ หรือแค่หวังว่าตัวเองจะยิ้มได้เยอะกว่าเก่า จริงๆ ก็ยังมีหลายวิธีที่คุณสามารถนำมาใช้เพื่อจะได้มั่นใจว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของแต่ละวัน คุณได้ทำให้ตัวเองมีความสุขแล้วจริงๆ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำความรู้จักกับตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การมีความสุขในทุกๆ วันนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมีความสุขอยู่ตลอดเวลา เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้และไม่สมเหตุสมผลเท่าไร ดังนั้น ให้คุณมุ่งเป้าไปที่การทำให้ตัวเองเป็นคนมีอารมณ์มั่นคงแทนจะดีกว่า เมื่อคุณมีรู้สึกว่าระดับอารมณ์ต่างๆ ของตัวเองมีความสมดุลแล้ว คุณก็จะสามารถพาตัวเองเข้าสู่หนทางแห่งความสุขได้ [1]
    • การพิจารณาตัวเองคือวิธีในการยอมรับความรู้สึกและปฏิกิริยาต่างๆ ของตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ดีถ้าคุณจะทำความเข้าใจว่าเราทุกคนย่อมมีระดับอารมณ์เป็นของตัวเอง และมันก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมา
    • อย่ากดดันตัวเองให้รู้สึกมีความสุขตลอดเวลา หากคุณรู้สึกท้อเพราะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ให้คุณระลึกเอาไว้ว่านั่นคือปฏิกิริยาตอบโต้แบบปกติ ดังนั้น ปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึกในแบบที่อยากรู้สึกไปก่อน จากนั้นก็ดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง
  2. บางครั้งหลายๆ สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขนั้นก็มองเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรู้ว่าตัวเองรู้สึกดีใจเวลาที่ถึงวันหยุดงาน แต่จริงๆ คุณอาจจะต้องมองให้ลึกลงไปกว่านั้นอีกว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขจริงๆ ดังนั้น ให้คุณใช้เวลาสักพักหนึ่งเพื่อพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขจริงๆ [2]
    • วิธีหนึ่งที่จะทำแบบนี้ได้ก็คือให้คิดถึงจุดมุ่งหมายที่ตัวเองมีก่อน เพราะว่าคนที่ได้เติมเต็มเป้าหมายของตัวเองมักจะเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าคนอื่นๆ
    • ถามตัวเองด้วยคำถามอย่างเช่น “อะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นได้? เราหลงใหลอะไร? เราอยากจะได้รับการจดจำแบบไหน?”
  3. คล้ายๆ กับวิธีก่อนหน้านี้ แนวทางในการทำความรู้จักตัวเองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมก็ควรจะเป็นการใช้เวลาพิจารณาถึงสิ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุข ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บางอย่างมันก็อาจจะมองเห็นได้ง่ายและชัดเจนอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น ไม่มีใครชอบให้รถติด แต่จริงๆ คุณก็ควรใช้เวลาสักช่วงหนึ่งเพื่อพิจารณาถึงส่วนสำคัญต่างๆ ในชีวิตที่อาจจะมีผลกระทบต่อความสุขของคุณด้วย [3]
    • ให้ทำลิสต์เกี่ยวกับสิ่งที่สร้างความเครียดให้กับชีวิตคุณ เพราะบ่อยครั้ง การเขียนสิ่งต่างๆ ลงกระดาษช่วยทำให้เราสามารถมองอะไรบางอย่างในสถานการณ์ที่เจอได้ชัดเจนขึ้น
    • งานที่คุณทำมันสร้างความเครียดให้คุณหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น ให้ลองเขียนถึงบางสิ่งบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง เช่น “ฉันรู้สึกเครียดเพราะว่าหัวหน้าเหมือนจะไม่เห็นค่าในตัวฉันเลย?”
  4. การเขียนไดอารี่คือวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะทำให้คุณรู้จักตัวเองและรับรู้ความรู้สึกของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ให้คุณพยายามเขียนไดอารี่ให้ได้ทุกวัน อาจจะไม่ใช่แค่เขียนถึงกิจกรรมต่างๆ ที่คุณทำ แต่อาจจะเขียนถึงความคิดหรือความรู้สึกต่างๆ ของคุณลงไปด้วยก็ได้ [4]
    • ให้คุณใช้เวลาสักช่วงหนึ่งเพื่ออ่านสิ่งที่คุณเขียนไว้ในไดอารี่และพิจารณาตามไปด้วยอาทิตย์ละครั้ง นี่อาจจะทำให้คุณเริ่มเห็นแนวทางของสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้คุณมีความสุขขึ้นกว่าเดิมได้
    • การเขียนไดอารี่นั้นช่วยลดความเครียดและความกังวลใจได้ แค่วิธีนี้วิธีเดียวก็สามารถทำให้ชีวิตคุณในแต่ละวันมีความสุขมากขึ้นได้แล้ว
  5. โอกาสที่คนเราจะไปโฟกัสอยู่กับภาระหน้าที่ต่างๆ ที่ต้องทำให้เสร็จในแต่ละวันนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการที่เราจะไปโฟกัสกับตัวเองและความรู้สึกที่ตัวเองมี ดังนั้น ให้คุณพยายามหาช่วงเวลาสั้นๆ หลายๆ รอบในตลอดทั้งวันเพื่อพักสมองบ้าง เพราะการหยุดพักจากการทำงานจะทำให้คุณมีเวลาอยู่กับตัวเองและรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงอยู่ [5]
    • ในทุกๆ ชั่วโมง ให้คุณหยุดพักสักประมาณ 5 นาที คุณอาจจะพักดื่มน้ำ ยืดเส้นยืดสาย หรือไม่ก็นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปสักพักก็ได้
    • การหยุดพักนั้นดีต่อทั้งจิตใจและร่างกาย ดังนั้น ในขณะที่คุณกำลังพักยืดเส้นยืดสาย ให้คุณลองนึกถึงเรื่องสนุกๆ ที่คุณอยากจะทำหลังจากเสร็จงาน ซึ่งนี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมอารมณ์ของคุณได้อย่างดีเยี่ยม
  6. กุญแจสำคัญในการเป็นคนมีความสุขก็คือการฝึกยอมรับในตัวเอง ในขณะที่เราทุกคนต่างก็อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในตัวเอง มันก็สำคัญที่เราจะจำไว้ว่าเราควรยินดีในสิ่งที่ตัวเองเป็น [6]
    • รับรู้ไว้ว่าการยอมรับไม่ได้หมายถึงว่าให้เรายอมแพ้ เพราะคุณสามารถเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งต่างๆ ที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยที่ไม่ต้องล้มเลิกเป้าหมายที่ตัวเองได้ตั้งไว้เลยก็ได้
    • ในแต่ละวัน ให้คุณตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมองเห็นคุณค่าบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองให้ได้ โดยคุณอาจจะให้ส่วนหนึ่งของการเขียนไดอารี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งดีๆ ในตัวคุณ อย่างเช่น จรรยาบรรณในการทำงานของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่มีความสุขหรือไม่? หรือบางทีทุกอย่างก็กำลังจะโอเคอยู่แล้ว แต่คุณก็ยังหวังว่าอารมณ์ของคุณจะดีขึ้นได้เรื่อยๆ ในแต่ละวันหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น คุณอาจจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เพราะถ้าหากคุณปรับเปลี่ยนสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ อารมณ์ของคุณก็อาจจะเปลี่ยนตามด้วยก็ได้ จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเสมอไป [7]
    • การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมบางอย่างอาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็น ตัวอย่างเช่น หากคุณและแฟนคุณชอบเถียงกันอยู่เรื่อยๆ เรื่องพื้นที่ที่ใช้เก็บเสื้อผ้า ห้องพักที่ใหญ่กว่าเดิมอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยนำไปสู่มุมมองที่ดีขึ้นได้
    • คุณอาจจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบๆ แค่แบบเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ โดยในแต่ละอาทิตย์ คุณอาจจะหาดอกไม้สดสักสองสามดอกมาตกแต่งห้องนั่งเล่น การได้มองไปที่ดอกไม้พวกนั้นทุกวันอาจจะทำให้คุณได้รับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในแบบที่ตัวเองกำลังค้นหาอยู่ก็เป็นได้
  2. มีงานวิจัยพบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของคนทำงานชาวอเมริกันนั้นกินมื้อเที่ยงที่โต๊ะทำงานของพวกเขา หรือที่แย่กว่านั้น บางคนก็เลือกที่จะไม่กินข้าวกลางวันเลย ซึ่งจริงๆ การทำงานในช่วงเวลาที่ต้องกินข้าวมื้อเที่ยงนั้นจะทำให้คุณมีความเครียดในระดับสูง และมีประสิทธิผลในการทำงานต่ำ ดังนั้น ลุกออกมาจากโต๊ะทำงานและออกไปหาอะไรกินจะดีกว่า [8]
    • คุณไม่จำเป็นต้องออกไปร้านอาหารหรือโรงอาหารเพื่อที่จะได้ขึ้นชื่อว่า “ออก” ไปกินข้าวข้างนอก แต่แค่ให้คุณเปลี่ยนสถานที่กิน คุณอาจจะกินมื้อกลางวันในห้องพักผ่อน หรือถ้าวันนั้นอากาศดี คุณก็อาจจะเอาข้าวออกไปนั่งกินนอกอาคารก็ได้
    • ให้คุณทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณรู้สึกเอ็นจอย เพราะในช่วงพักกลางวันของคุณควรจะต้องเป็นเวลาพักจริงๆ หากคุณกำลังกินข้าวกลางวันกับเพื่อนร่วมงาน ให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องงาน และให้คุยเกี่ยวกับแพลนในวันหยุดสุดสัปดาห์แทน หรือไม่ก็เปิดแมกกาซีนอ่านแบบผ่านๆ ไปก็ได้
  3. อารมณ์ที่ดีนั้นก็เหมือนกับโรคติดต่อ ซึ่งอารมณ์ด้านลบก็เป็นได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ถ้าหากคุณอยากจะมีความสุขมากกว่านี้ ให้คุณใช้เวลาอยู่กับคนที่ดูร่าเริงให้มากขึ้น โดยให้ลองมองหาคนในครอบครัว เพื่อนๆ หรือเพื่อนร่วมงานที่มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ และพยายามใช้เวลาอยู่กับคนเหล่านั้นให้มากขึ้น [9]
    • ใช้เวลาอยู่กับคนที่มีชีวิตชีวา คิดบวก และเพิ่มคุณค่าในชีวิตคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเพื่อนที่ชอบให้กำลังใจคุณในการทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ให้คุณพยายามใช้เวลาอยู่กับคนๆ นั้นให้มากขึ้น
    • พยายามเพิ่มคนเหล่านี้เข้ามาในชีวิตประจำวันให้ได้ ตัวอย่างเช่น หากมีร้านกาแฟอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน 2 ร้าน ให้คุณเลือกไปร้านที่มีบาริสต้าที่ดูเฟรนด์ลีกว่าให้บ่อยกว่าอีกร้านหนึ่ง
  4. สำหรับหลายๆ คนแล้ว งานของพวกเขากินเวลาชีวิตของพวกเขาไปเยอะ และหลายคนก็ยอมรับว่าพวกเขาไม่มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ บางครั้ง คุณอาจจะรู้สึกว่างานของคุณมันน่าเบื่อ ตึงเครียด หรือน่าเหนื่อยหน่าย ถ้าเป็นไปได้ ให้คุณพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนงาน หากคุณรู้สึกว่างานของคุณมันไปขัดขวางความสุขของคุณจริงๆ [10]
    • ทำลิสต์ลำดับความสำคัญของตัวเอง ถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานของคุณ? เงินเดือน? ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น? หรือสภาพแวดล้อมเชิงบวกของทีมที่ทำงานด้วยกัน?
    • ใช้เวลาบางช่วงเพื่อค้นหาสิ่งที่คุณอยากจะทำ จากนั้นก็วางแผนปฏิบัติ การที่คุณรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังบริหารจัดการกับส่วนนี้ในชีวิตของตัวเองให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้นั้น จะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขในทุกๆ วันได้
  5. มันเป็นไปได้ที่คุณจะไม่มีความสุขหากคุณรู้สึกเซ็งอยู่หน่อยๆ เพราะเมื่อคนเรารู้สึกเซ็ง เราก็มักจะไม่ค่อยรู้สึกร่าเริงสักเท่าไร แต่ถ้าหากคุณได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เป็นประจำ คุณก็จะสามารถลดอาการเบื่อหน่ายและทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าเดิมได้ นอกจากนี้ การได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ยังช่วยสร้างโอกาสให้คุณได้พบกับสิ่งใหม่ๆ ที่คุณทำแล้วมีความสุขอีกด้วย [11]
    • คุณคิดอยากจะเรียนเทนนิสมาตลอดเลยหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นก็สมัครเรียนเลย เพราะไม่ใช่แค่ว่าคุณจะได้ทำกิจกรรมใหม่ๆ แต่คุณยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตามไปด้วย ซึ่งก็มีงานวิจัยพบว่าการเรียนรู้สามารถเพิ่มความสุขได้
    • หากคุณชอบอ่านหนังสือ ให้คุณลองเข้าร่วมชมรมหนังสือดู โอกาสที่คุณจะได้อ่านหนังสือที่คุณไม่น่าจะเคยเลือกมาอ่านก็จะมีมากขึ้น นอกจากนี้คุณยังจะได้พบกับผู้คนที่มีความสนใจคล้ายๆ กับตัวคุณอีกด้วย
  6. สุขภาพร่างกายนั้นมีผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต และเพื่อที่จะเพิ่มพูนความสุขให้ตัวเอง คุณควรจะนำพฤติกรรมสุขภาพที่ดีมาปรับใช้กับไลฟ์สไตล์ของคุณด้วย เช่น การออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายสามารถเป็นตัวยกระดับอารมณ์ได้อย่างดี [12]
    • เวลาที่คุณออกกำลังกาย ร่างกายจะปล่อยสารเอนดอร์ฟินออกมา ซึ่งจะช่วยยกระดับอารมณ์ของคุณได้ ดังนั้น ในแต่ละสัปดาห์ให้คุณพยายามออกกำลังกายให้ได้ 30 นาทีทุกวัน
    • คุณอาจจะแบ่งการออกกำลังกายเป็นส่วนเล็กๆ ก็ได้ เพราะแม้แต่การออกกำลังกายแค่ 10 นาทีก็สามารถทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้แล้ว ดังนั้น ให้คุณลองเดินเร็วรอบๆ บริเวณที่คุณอยู่ในช่วงกลางวันดู
    • พักผ่อนให้มากๆ เพราะหลายคนมักจะอารมณ์เสียหรือรู้สึกเอื่อยเฉื่อยหากพวกเขาไม่ค่อยได้นอนพักผ่อน ดังนั้น ตั้งเป้าให้ตัวเองไว้ว่าจะต้องนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงในหนึ่งคืน
  7. ข่าวดี! ช็อกโกแลตสามารถช่วยยกระดับอารมณ์ของคุณได้ เพราะมีงานวิจัยพบว่าในช็อกโกแลตมีสารประกอบทางเคมีหลายๆ อย่างที่ไปกระตุ้นศูนย์กลางความพึงพอใจของสมองได้ ตัวอย่างเช่น สารฟีนิลเอทิลเอมีน (phenylethylamine) ที่อยู่ในช็อกโกแลตนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ “ยาแห่งความรัก” เพราะมันส่งผลลัพธ์แบบเดียวกับตอนที่คุณอยู่ใกล้ๆ กับใครบางคนที่คุณรัก [13]
    • พยายามกินดาร์กช็อกโกแลตให้ได้วันละเล็กน้อย สัก 28 กรัมต่อวันก็น่าจะเป็นปริมาณที่เหมาะสมแล้ว
    • กินหอย เพราะหอยนั้นมีวิตามิน B12 สูง ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยต่อสู้กับความซึมเศร้า ส่วนอาหารอย่างอื่นที่มี B12 สูงเหมือนกันก็คือ แซลมอนและเนื้อวัว [14]
    • ลองกินถั่ววอลนัท เพราะถั่วประเภทนี้มีกรดแอลฟาไลโนเลนิก (Alpha-linolenic acid) ซึ่งช่วยต้านอาการซึมเศร้าได้ ดังนั้น ให้คุณเพิ่มวอลนัทเข้าไปในโอ๊ตมีลมื้อเช้าของคุณ หรือไม่ก็ลองเอามาเป็นทำเนยถั่วเองก็ได้
  8. การสัมผัสและอารมณ์นั้นมีความสัมพันธ์ที่สำคัญบางอย่างอยู่ระหว่างสองสิ่งนี้ ยิ่งคุณสัมผัส (หรือถูกสัมผัส) กับคนอื่นมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งรู้สึกสุขใจและปลอดภัยมากขึ้น หากคุณกำลังคบใครสักคนอยู่ ให้คุณกอดเขาให้มากขึ้น กอดให้ได้สักวันละ 10 หน แล้วคุณทั้งคู่ก็จะมีความสุขขึ้นเอง [15]
    • มีเซ็กส์ให้มากขึ้น การมีเซ็กส์ก็เหมือนกับกิจกรรมออกกำลังกายอื่นๆ เพราะมันจะช่วยทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา และยังช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคนรักแน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย
    • หากคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใคร คุณก็ยังสามารถเพิ่มการสัมผัสทางร่างกายให้กับตัวเองได้ ดังนั้น อย่าลืมที่จะจับมือเพื่อทักทายเมื่อเจอกับคนใหม่ๆ หรือเมื่อคุณแสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานที่ทำโปรเจ็คออกมาได้ดีล่ะ
  9. การเลี้ยงสุนัขหรือแมวไว้เป็นเพื่อนคุณจะช่วยทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ซึ่งคนที่มีสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ได้ค่อยมีแนวโน้มที่จะทุกข์ทรมานจากความเศร้าหรือความกังวลเท่าไร นอกจากนี้ การมีสัตว์เลี้ยงยังทำให้คุณมีความสนุกสนานและเสียงหัวเราะในชีวิตมากขึ้นได้อีกด้วย [16]
    • เลือกสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในห้องพักเล็กๆ ให้คุณเลือกเลี้ยงแมวหรือสุนัขตัวเล็กๆ แทน
    • รับเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ แล้วคุณจะรู้สึกดีเพราะคุณรู้ว่าตัวเองกำลังช่วยสัตว์ที่ยากไร้อยู่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

มีทัศนคติเชิงบวก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การดูแลตัวเองหมายถึงการทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อสนับสนุนตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้ตัวเองได้พักผ่อนกายหรือให้ตัวเองได้พักจิตใจ และก็มีการพิสูจน์แล้วว่าการดูแลตัวเองนั้นทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้น มีความเครียดน้อยลง และทำอะไรได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น [17]
    • ในแต่ละวัน ให้คุณใช้เวลาสัก 2-3 นาทีเพื่อดูแลตัวเอง คุณอาจจะใช้บางช่วงเวลาเพื่อผ่อนคลายในอ่างฟองสบู่ หรือไม่ก็อ่านหนังสือดีๆ สักหนึ่งบทก็ได้
    • ตรวจสอบตัวเอง โดยให้ถามตัวเองว่า “ฉันทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า? ฉันควรจะหยุดพักหรือไม่? หากคำตอบที่ได้คือ ใช่ ให้คุณปล่อยให้ตัวเองได้มีเวลาว่างเพื่อทำอะไรที่เป็นการพักผ่อนบ้าง
  2. การตำหนิตัวเองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ และเมื่อสมองของคุณกำลังหยุดพักอยู่ (หรือเครียดอยู่) คุณก็จะเริ่มคิดถึงปัญหาต่างๆ ที่คุณต้องการจะแก้ไขหรือภาระหน้าที่ที่คุณต้องทำให้เสร็จโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากคุณสามารถเรียนรู้ที่จะตำหนิตัวเองให้น้อยลงได้ โอกาสที่คุณจะมีความสุขก็จะมีมากขึ้น [18]
    • ฝึกการให้กำลังใจตัวเอง โดยในแต่ละวันให้คุณใช้เวลาสักช่วงหนึ่งเพื่อสำรวจตัวเองในกระจกและพูดบางสิ่งบางอย่างที่เป็นด้านบวกกับตัวเอง เช่นพูดว่า “วันนี้เธอต้องยิ้มนะ เธอมีรอยยิ้มที่สวยงาม และมันก็จะทำให้คนอื่นยิ้มตามไปด้วย”
    • ทำลิสต์เกี่ยวกับคุณลักษณะเชิงบวกที่คุณมี เมื่อคุณรู้สึกแย่ ให้คุณอ่านลิสต์นั้นเพื่อยกระดับอารมณ์ของตัวเอง
  3. ทำความสัมพันธ์ส่วนตัวที่คุณมีให้มีความสำคัญซะ เพราะความสัมพันธ์ของคุณคือกุญแจสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของอารมณ์ของตัวคุณ ดังนั้น พยายามใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ หรือครอบครัวของคุณและพูดคุยอย่างเปิดเผยกับคนที่คุณรัก [19]
    • กำหนดเวลาให้เพื่อนๆ และครอบครัวแบบเดียวกับที่คุณกำหนดเวลานัดหมายอื่นๆ เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณมั่นใจว่าตัวเองกำลังทำให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่ รวมถึงมีเวลาเอ็นจอยกับชีวิตตัวเองด้วย
  4. ใช้เวลาสักช่วงหนึ่งของวันเพื่อชื่นชมสิ่งดีๆ ในชีวิตคุณโดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสิ่งเดียวกันทุกๆ วัน คุณอาจจะเลือกบางสิ่งบางอย่างที่มีความสำคัญมากหรือไม่ก็มีความสำคัญรองลงมาจากนั้นก็ได้ ซึ่งการเพิ่มความรู้สึกยินดีให้กับชีวิตนั้นเป็นกุญแจสำคัญอีกอันหนึ่งในการสร้างความสุขให้ตัวเอง [20]
    • ในแต่ละวันให้คุณพยายามฝึกยินดีกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตสักหนึ่งอย่างและสิ่งเล็กๆ อีกสักหนึ่งอย่าง โดยคุณอาจจะพูดว่า “ฉันดีใจที่ลูกๆ ของฉันสุขภาพแข็งแรง” หลังจากนั้น คุณอาจจะพูดว่า “ฉันดีใจที่วันนี้ฉันได้กินไอติม” ก็ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าคิดเล็กคิดน้อย
  • เป็นคนสุภาพเข้าไว้ การเป็นคนหยาบคายไม่ได้ทำให้คุณมีความสุข เพราะถ้าหากคุณเป็นคนแบบนั้น คุณอาจจะได้รับคำติเตียนแย่ๆ จากคนอื่น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
  • อย่าลืมที่จะดูแลตัวเองให้ดีๆ ล่ะ! เพราะคุณคงจะไม่รู้สึกแฮปปี้เท่าไรถ้าคุณไม่หวีผมตัวเองหรือไม่ยอมอาบน้ำ
  • เป็นตัวของตัวเอง เพราะการที่คุณพยายามเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของคุณไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขแต่อย่างใด


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,266 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา