ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผู้คนกว่าล้านคนทั่วโลกล้วนเคยย่างอาหาร บางครั้งอาจจะเพราะความจำเป็น และบ่อยครั้งที่เราย่างเพราะความรัก หลายๆ คนมองว่าการย่างอาหารเป็นอีกหนึ่งวิธีการในการย้อนกลับไปสู่ยุคถ้ำของมนุษย์ เป็นวิธีการทดสอบทักษะการทำอาหาร และเป็นที่มาของความภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตาม การย่างเป็นมากกว่าการโยนๆ เบอร์เกอร์ลงบนเตาไฟ และมีเพียงประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

การเลือกเตาย่าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยคุณมี 2 ตัวเลือก คือ เตาแก๊ส หรือเตาถ่าน [1]
    • เตาแก๊ส เป็นเตาที่คนทั่วไปนิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะหลายคนพบว่าการใช้เตาแก๊สนั้นสะดวกสบายมากกว่าการใช้เตาถ่าน เพราะสามารถเริ่มต้นย่างได้ทันที และไม่จำเป็นต้องหาซื้อเชื้อเพลิงบ่อยครั้งเหมือนอย่างการใช้เตาถ่าน แต่หากคุณเลือกใช้เตาแก๊ส โปรดระวังความร้อนที่เกิดจากแก๊ส (BTU) และสารที่เกิดขึ้น
    • เตาถ่าน นั้นยังคงได้รับความนิยม และยังเป็นประเภทเตาที่เหล่าผู้ที่รักความพิถีพิถันเลือกใช้ เพราะการใช้ถ่านทำให้เราสามารถควบคุมความร้อนได้มากกว่า (นั่นหมายความว่าเตาถ่านใช้งานได้หลากหลายกว่า) และหลายๆ คนยังพบว่าการใช้ถ่านคุณภาพดีจะทำให้รสชาติที่ได้จากการ "ย่าง" เอร็ดอร่อยมากกว่าอีกด้วย โดยให้คุณมองหาเตาถ่านที่ควบคุมความร้อนได้ดี ได้รสชาติปรุงแต่งเพิ่มเติม และมีรูปแบบน่าสนใจ เตาถ่านแบบไม่สามารถพกพาได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ 2 สไตล์ คือ เตาถ่านทรงกาต้มน้ำ และเตาถ่านแบบดั้งเดิม เตาถ่านทรงกาต้มน้ำนั้นเหมาะสำหรับการย่างแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ควันมาก ในขณะที่เตาถ่านทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมนั้นสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายกว่า โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการจัดแบ่งพื้นที่ตามความร้อนและปริมาณควัน เพื่อย่างอาหารชิ้นใหญ่ๆ แต่ก็มักต้องใช้พื้นที่มากกว่าเช่นเดียวกัน
      • คุณไม่จำเป็นต้องมีเตาปิ้งย่างเป็นของตัวเอง เพราะการใช้เตาย่างสาธารณะจะช่วยให้บ้านของคุณไม่เลอะเทอะ ลดค่าใช้จ่าย และยังช่วยลดอันตรายจากการเกิดไฟไหม้อีกด้วย แต่เตาย่างสาธารณะส่วนใหญ่มักมีรูปแบบธรรมดา ไม่มีตะแกรงรองถ่าน ช่องระบายอากาศ และถาดรองเถ้าถ่าน ถาดรองถ่านแบบใช้งานง่าย ที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า หรือตะแกรงเล็กๆ สำหรับวางถ่าน (ที่ต้องทำความสะอาดเถ้าถ่านด้านใต้ออกเสียก่อน) เป็นภาพของเตาประเภทนี้ โดยคุณสามารถติดเครื่องเป่าเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ถ่านติดไฟได้เร็วขึ้นและร้อนแดงอยู่ตลอดเวลา
  2. อัตราการให้ความร้อนถือเป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพของเตาย่าง เพราะคุณคงต้องการเตาย่างที่สามารถให้ความร้อนได้เพียงพอเพื่อลนไฟชิ้นเนื้อฟิเลมิยองของคุณแบบเร็วๆ และสามารถควบคุมไฟให้ร้อนต่ำ เพื่อย่างเนื้อให้สุกเท่าๆ กัน [2]
    • อัตราการให้ความร้อนของเตาแก๊ส : เนื่องจากในเตาส่วนใหญ่นั้น เราสามารถปรับอัตราการไหลของแก๊สได้ วิธีที่ดีที่สุดจึงเป็นการใช้ไฟแรงที่สุดเท่าที่สามารถปรับได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้วิธีการลนไฟแบบเร็วๆ เมื่อย่างอาหารที่คุณไม่ต้องการให้สุกทั่วทั้งชิ้น (ลองนึกถึงภาพของสเต็กเนื้อวัว สเต็กทูน่า หรือหอยเชลล์ชั้นเลิศ)
    • อัตราการให้ความร้อนของเตาถ่าน : คุณสามารถควบคุมความร้อนของเตาได้จากปริมาณถ่านที่ใช้ การจัดวาง การระบายอากาศ และระดับการจัดวาง วิธีที่ดีที่สุดคือการหาเตาย่างที่สามารถปรับความสูงของถาดวางถ่านได้ เตาที่ใช้การปรับแบบหมุนนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่แบบใช้ตะขอเกี่ยวและคันงัดก็ใช้ได้ดีเช่นเดียวกัน และให้มองหาเตาที่มีช่องระบายอากาศอย่างน้อย 2 ช่อง เพราะการเปิดช่องให้ออกซิเจนไหลเข้ามาในเตาได้มากขึ้นจะช่วยให้คุณได้ไฟที่ร้อนขึ้น ในขณะที่การปิดช่องทางระบายอากาศจะทำให้ไฟในเตาเย็นลงในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยลดเปลวไฟจากแก๊สออกซิเจน ทำให้ไฟไม่ปะทุขึ้นแบบกะทันหัน
  3. คุณจะทำอาหารเลี้ยงคน "ทั้งกองทัพ" หรือทำให้ครอบครัวที่อยู่ด้วยกันสองคนทาน? การทำอาหารมื้อเล็กๆ บนเตาขนาดใหญ่นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เมื่อเทียบกับการทำอาหารเลี้ยงคนจำนวนมากโดยใช้เตาเล็กๆ นอกจากนี้ ให้ลองพิจารณาดูว่า "พื้นที่ทำอาหาร" ของคุณจะกว้างประมาณใด เตาย่างทั่วไปมีขนาดประมาณ 600 ตารางนิ้ว ซึ่งสามารถใช้ย่างเพื่อเสิร์ฟอาหารในงานปาร์ตี้เล็กๆ ได้สบาย และหากคุณมีพื้นที่ขนาดกว้างสำหรับทำอาหารนอกบ้าน ให้เลือกเตาที่มีขนาดอย่างน้อย 800 ตารางนิ้ว แต่หากคุณเพียงต้องการหาซื้อเตาไว้ย่างเบอร์เกอร์ 2-3 ชิ้นบ้างเป็นครั้งคราว เตาขนาดเล็กที่สุดที่คุณสามารถหาซื้อได้ และไม่ใช่เตาสไตล์ "ฮิบาชิ" น่าจะมีขนาดประมาณ 400 ตารางนิ้ว
  4. โดยให้พิจารณาตะแกรงย่างมากเป็นพิเศษ ตะแกรงย่างส่วนใหญ่มักทำจากเหล็กหล่อ เซรามิคเคลือบ หรือเหล็กสแตนเลส
    • เหล็กหล่อเป็นวัสดุที่สามารถนำความร้อนได้ดีที่สุด แต่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
    • ตะแกรงที่ทำจากโลหะ (เหล็กหรือเหล็กหล่อ) เคลือบเซรามิคนั้นสามารถนำความร้อนได้ดี แต่ควรใช้วัสดุอื่นที่ไม่ใช่เหล็กในการทำความสะอาด (โดยทั่วไป มักใช้แปรงลวดทองเหลือง) เพื่อป้องกันไม่ให้เซรามิคเสียหาย ซึ่งจะทำให้โลหะภายในเกิดสนิมได้
    • ตะแกรงที่ทำจากเหล็กสแตนเลสนั้นสามารถทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่ต้องกังวลใจเหมือนการใช้เหล็กหล่อหรือเซรามิคเคลือบ แต่เหล็กสแตนเลสจะสึกหรอเร็วกว่าเหล็กหล่อหรือเซรามิคที่ได้รับการดูแลอย่างดี
  5. คุณอยากให้เตาของคุณมีแกนหมุนปิ้งย่างหรือไม่? หรืออยากให้มีกล่องรมควัน? ที่ย่างด้านนอกเตา? หรือระบบย่างแบบอินฟาเรด?
    • ให้ความสำคัญกับจำนวนเครื่องย่างในเตาให้มาก เพราะยิ่งมีที่ย่างมาก ก็ยิ่งใช้งานได้หลากหลายมากกว่า
    • มองหาเตาที่มีล้อเลื่อนคุณภาพดี และล้อยิ่งใหญ่ยิ่งดี (ไม่ใช้ล้อเล็กๆ แบบล้อเก้าอี้) หากคุณคิดว่าน่าจะต้องเคลื่อนย้ายเตาบ่อยๆ
    • คุณลักษณะพิเศษที่พบได้ในเตาแก๊ส : เตาแก๊สส่วนใหญ่จะมีเทอร์โมมิเตอร์ติดมาในตัว ในขณะที่เตาถ่านจะไม่มี เทอร์โมมิเตอร์มีประโยชน์อย่างมากในการรมควันและย่างอาหาร อย่างไรก็ตาม หากเตาของคุณไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ติดมาด้วย คุณสามารถหาซื้อแยกต่างหากและติดตั้งได้เอง
    • คุณลักษณะพิเศษที่พบได้ในเตาถ่าน : คุณลักษณะที่เป็นประโยชน์ของตัวเตาถ่านคือ คุณสามารถจัดการกับเถ้าถ่านได้ง่าย เพราะมีถาดรองแบบดึงออกได้หรือกลไกกำจัดเถ้าถ่าน
  6. ควรเว้นช่องว่างอย่างน้อย 2 ฟุต ระหว่างเตาย่างและวัตถุใดๆ ก็ตามที่สามารถติดไฟได้ โดยไม่ควรวางเตาย่างไว้ใต้ต้นไม้ที่มีกิ่งห้อยลงมาต่ำหรือหลังคาที่อยู่ต่ำ และไม่ควรพิงเตากับราวระเบียง เพราะวัตถุทั้งหมดนี้สามารถติดไฟได้
    • วางถังดับเพลิงหรือสายฉีดน้ำไว้ใกล้กับเตาของคุณ เผื่อในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ เก็บวัตถุที่สามารถติดไฟให้ห่างจากเปลวไฟ และอย่าวางเตาย่างทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแล
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การเริ่มต้นใช้งานเตาย่าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณคงไม่อยากมานั่งรอเตาร้อน เมื่อคนอื่นๆ พร้อมที่จะรับประทานอาหารและเครื่องเคียงก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยให้จำไว้ว่า เราต้องใช้เวลาในการทำให้ถ่านร้อนนานกว่าการใช้แก๊ส คุณควรเปิดเตาแก๊สให้ร้อนก่อนเริ่มทำอาหาร 10 นาที และ 20 ถึง 25 นาทีสำหรับเตาถ่าน
  2. หากคุณมีเตาถ่าน คุณสามารถเริ่มต้นติดไฟได้หลากหลายวิธี โดยให้จำไว้ว่าเมื่อถ่านเริ่มกลายเป็นเถ้าและมีสีเทาเล็กน้อย คุณก็สามารถเริ่มย่างอาหารได้เลย
    • การใช้น้ำมันจุดไฟที่นิยมใช้กันทั่วไปก็เป็นวิธีการที่ดี แต่คุณจำเป็นต้องรอให้น้ำมันเผาไหม้จนหมดก่อนที่จะเริ่มทำอาหาร เว้นเสียแต่ว่าคุณจะชื่นชอบรสชาติของน้ำมันปิโตรเลียม
    • คุณสามารถหาซื้ออุปกรณ์จุดไฟแบบไฟฟ้า ซึ่งอาศัยวัสดุทำความร้อนแบบคอยล์ได้เช่นเดียวกัน อุปกรณ์จุดไฟชนิดนี้ใช้งานได้ดี แต่ต้องอาศัยแหล่งจ่ายไฟ และสายไฟอาจทำให้คุณสะดุดหรือเกิดเพลิงไหม้ได้หากไม่ระมัดระวัง
    • ปล่องจุดไฟมีลักษณะเป็นกระบอกโลหะมีรู โดยคุณสามารถวางถ่านไว้ด้านบน และใส่หนังสือพิมพ์ 2-3 แผ่นไว้ด้านล่าง สามารถติดไฟได้เร็ว และราคาไม่แพง โดยให้คุณจุดกระดาษหนังสือพิมพ์ จากนั้นเปลวไฟจะก่อตัวขึ้น ทำให้ถ่านติดไฟ และควรเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับวางปล่องจุดไฟหลังใช้งานเสร็จ เพราะปล่องจะร้อนมาก ประโยชน์อีกอย่างของปล่องจุดไฟคือ คุณสามารถใช้ปล่องเพื่อติดถ่านเตรียมไว้เผื่อต้องการเปลี่ยนถ่านในเตา เพียงแต่ต้องวางปล่องไว้บนพื้นผิวที่ทนไฟสูง เช่น บนอิฐคอนกรีต หรือก้นถังชุบโลหะที่คว่ำลง
  3. รอให้ตะแกรงร้อนประมาณ 1 นาที เพื่อให้ได้ลายตะแกรงสวยๆ บนอาหารที่คุณย่าง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

การใช้เตาย่าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หมักเนื้อของคุณด้วยน้ำเกลือหรือซอสก่อนนำมาย่าง. โดยคุณสามารถหมักหรือไม่ก็ได้ แต่การหมักเนื้อด้วยน้ำเกลือหรือซอสก่อนนำไปย่างบนเตาจะทำให้เนื้อของคุณมีรสชาติที่หลากหลาย [3]
    • การหมักด้วยน้ำเกลือจะช่วยให้เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือไก่งวงของคุณชุ่มฉ่ำมากขึ้นเป็นพิเศษ สำหรับน้ำเกลือทั่วไปนั้น เราจะใช้เกลือทะเล 1/8 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำ 1 ลิตร และต้องแน่ใจว่ามีน้ำเกลือเพียงพอสำหรับหมักเนื้อทั้งชิ้น โดยคุณสามารถใช้น้ำซุปแทนน้ำเปล่าได้ (ปรับปริมาณเกลือ) และสามารถเติมน้ำตาล (น้ำผึ้ง, น้ำตาลทรายแดง, กากน้ำตาล) เล็กน้อยหากต้องการ และยังสามารถเติมเครื่องปรุง (เกือบทุกชนิด) เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อของคุณ
    • หากหมักด้วยซอส ซอสหมักของคุณต้องไม่มีน้ำตาลมากเกินไป มิเช่นนั้นเนื้อจะไหม้เมื่อนำไปย่าง
  2. การจัดวางถือเป็นกุญแจสำคัญในการย่างอาหาร โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องทำอาหารสำหรับเลี้ยงในงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ หากทำอาหารสำหรับคนจำนวนมาก คุณควรจัดวางอาหารบนเตาให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถย่างอาหารได้มากที่สุดในคราวเดียว แต่ถึงอย่างนั้น คุณก็ไม่ควรวางอาหารรวมๆ กันจนแน่น เพราะเราต้องอาศัยระยะห่างเพื่อให้ย่างได้ดีขึ้น และเพื่อให้คุณสามารถหยิบอาหารขึ้นมาหรือกลับด้านได้สะดวก
  3. เตาย่างบางเตาจะมีจุดที่ร้อนกว่าจุดอื่นๆ ให้จำไว้เสมอว่า เมื่อคุณย่างอาหาร โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่คุณกำลังทำอาหารให้ทานนั้นมีลักษณะอาหารที่เขาหรือเธอชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เช่น เขา/เธอชอบทานอาหารที่สุกประมาณใด เมื่อวางอาหารลงบนเตาแล้ว อย่าพลิกหรือเคลื่อนย้ายมันเด็ดขาด (ยกเว้นเมื่อคุณต้องการปรับองศาของเนื้อสักเล็กน้อยเพื่อให้ได้ลายตะแกรงจากการย่าง) จนกว่าคุณจะมั่นใจว่าอาหารสุกมาครึ่งทางแล้ว [4]
    • หากมีคนที่ชอบทานเบอร์เกอร์แบบสุกน้อยหน่อย ให้วางอาหารของพวกเขาไว้ด้านที่เย็นกว่า แต่หากเตาย่างของคุณร้อนเท่าๆ กันทุกส่วน ให้คุณวางอาหารของพวกเขาลงบนเตาหลังจากชิ้นอื่นๆ สักเล็กน้อย เพื่อให้สุกน้อยกว่า
  4. การปะทุของเปลวไฟนั้นเกิดจากมีอาหารมันๆ หยดลงบนไฟ คุณสามารถหยุดการปะทุของเปลวไฟได้โดยการยกชิ้นเนื้อขึ้นจากเตาทันทีที่เกิดมันขึ้นบนผิวเนื้อ จากนั้นให้เขย่าเอามันออกจากเนื้อแล้ววางชิ้นเนื้อกลับลงไปบนเตาในบริเวณที่มีความร้อนต่ำ
  5. พยายามพลิกอาหารให้น้อยที่สุด เพราะการพลิกบ่อยครั้งจะทำให้อาหารสุกไม่สม่ำเสมอ และมีหน้าตาน่าเกลียด หรืออาจทำให้อาหารของคุณร่วงลงไปในกองไฟด้านล่าง
  6. [5] . นักย่างอาหารผู้มากประสบการณ์มักไม่จำเป็นต้องตรวจดูอาหารบ่อยๆ แต่จนกว่าคุณจะมีประสบการณ์เพียงพอ การใช้เทอร์โมมิเตอร์แตะตรงกลางชิ้นอาหารนับเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารสุกได้ที่ (สำหรับอาหารชิ้นเล็กๆ คุณสามารถอ่านค่าได้ทันที แต่หากคุณย่างอาหารชิ้นใหญ่ เช่น ไก่ทั้งตัว หรือเนื้อหมูสันใน ให้จิ้มเทอร์โมมิเตอร์ลงไปในชิ้นเนื้อ) หากไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ คุณสามารถตัดดูด้านใน แต่จำไว้ว่าการหั่น จิ้ม หรือตัดแบ่งครึ่งจะให้อาหารแห้งเร็วมาก เพราะจะทำให้ความชุ่มฉ่ำไหลออกมา
    • การย่างเบอร์เกอร์ : เบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อวัวจะปลอดภัยที่สุดเมื่อย่างแบบสุกปานกลางหรือสุกทั่วทั้งชิ้น เพราะในเนื้ออาจมีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่ แต่หากคุณบดเนื้อวัวโดยใช้ชิ้นเนื้อที่ตัดแต่งมาอย่างดี ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับสิ่งนี้ สำหรับเบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อไก่หรือไก่งวงนั้นควรย่างให้สุกเต็มที่ ส่วนเบอร์เกอร์ผักนั้นควรย่างให้ร้อนทั่วถึง
    • การย่างฮอทด็อก : ให้ย่างฮอทด็อกบนเตาที่ร้อนปานกลาง-มาก โดยย่างประมาณ 5 ถึง 7 นาทีก่อนนำขึ้นจากเตา [6]
    • การย่างสเต็ก : คนส่วนใหญ่มักทานสเต็กแบบสุกน้อยหากได้เนื้อจากแหล่งที่มั่นใจว่าปลอดภัย ให้คุณย่างสเต็กบนเตาที่มีความร้อนสูง จนได้สเต็กที่สุกในระดับที่คุณต้องการ เนื้อสเต็กแบบสุกน้อยควรมีอุณหภูมิด้านใน 130ºF (54.4ºC)
    • การย่างสัตว์ปีก : เนื้อไก่และไก่งวงนั้นควรย่างให้สุกทั่วถึงก่อนนำมารับประทาน หากเนื้อบางส่วนยังไม่กลายเป็นสีขาวขุ่น คุณควรย่างต่อเรื่อยๆ ในกรณีที่ย่างนกทั้งตัว ให้ใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบเข็มจิ้มลงไปยังบริเวณที่ลึกที่สุดของส่วนอก และค่าที่ได้ต้องบ่งชี้ว่าเนื้อสุกทั่วถึงแล้ว โดยอุณหภูมิภายในเนื้อไก่หรือไก่งวงควรเป็น 165º - 170ºF (73.8º-76.6ºC) อีกหนึ่งวิธีดั้งเดิมในการตรวจสอบความสุกของเนื้อนกคือการจิ้มลงไปในเนื้อเพื่อดูว่าน้ำที่ไหลออกมาใสแล้วหรือไม่ แต่ต้องจำไว้ว่าการจิ้มลงไปในเนื้อนั้นจะทำให้คุณสูญเสียน้ำอร่อยๆ ไป
    • การย่างเนื้อหมู : เนื้อหมูในประเทศสหรัฐนั้นไม่จำเป็นต้องย่างจนสุกทั่วถึงจึงจะปลอดภัย สีชมพูอ่อนๆ ของเนื้อเป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนต้องการ อีกทั้งยังรสชาติอร่อย หมูย่างแบบสุกปานกลางจะมีอุณหภูมิ 145ºF (62.7ºC) สำหรับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกนั้นอาจจะดีกว่าหากคุณย่างจนได้เนื้อสีเข้ม
    • การย่างผัก : การย่างผักนับเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำเครื่องเคียงโดยไม่ต้องเตรียมเครื่องครัวให้วุ่นวาย เพราะผักส่วนใหญ่สามารถนำมาย่างได้ง่ายๆ เพียงแค่หั่นบางๆ จากนั้นจึงเหยาะน้ำมัน เกลือและพริกไทยอีกเล็กน้อย แล้วก็นำไปย่าง แต่ก็ควรจดจำระยะเวลาที่เหมาะสำหรับการย่างผักแต่ละประเภท อย่างแครอทนั้นจะใช้เวลาในการย่างมากกว่าซูกินี เป็นต้น และควรหาซื้อแผ่นลวดโลหะสำหรับวางรองบนตะแกรงย่าง หากผักของคุณมีขนาดเล็กมากจนอาจตกลงไปในตะแกรง นอกจากนี้คุณยังสามารถห่อผักด้วยแผ่นฟอยล์แล้วนำมาวางบนตะแกรง (เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้เกิดรอยย่างเพราะแผ่นฟอยล์)
    • การย่างโดยใช้ซอส : ซอสส่วนใหญ่ โดยเฉพาะซอสที่มีน้ำตาลผสมอยู่มาก เช่น ซอสบาร์บีคิวนั้นควรใส่ลงไปช่วงนาทีสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้ซอสไหม้ โดยให้ทาลงไป กลับด้านชิ้นเนื้อ แล้วจึงทาอีกด้าน หากต้องการให้น้ำตาลละลาย ให้รออีกประมาณ 1 นาที แต่อย่าย่างต่อนานเกินไป เพราะรสชาติของน้ำตาลไหม้นั้นไม่อร่อยเอาเสียเลย
  7. วางอาหารลงบนจาน จานก้นตื้นใบใหญ่ หรือภาชนะอื่นๆ จากนั้นให้คลุมด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ทนความร้อน (ถ้าคุณไม่มีแขกผู้หิวโหยรออยู่นะ) อีกอย่างน้อย 5 นาที การทำเช่นนี้จะช่วยให้ความฉ่ำในเนื้อกระจายออก และน้ำจะไม่ไหลออกมาทันทีที่เราหั่นหรือกัดมัน
    • ในกรณีที่ย่างอาหารชิ้นใหญ่ คุณควรนำอาหารขึ้นจากเตาเมื่อเทอร์โมมิเตอร์แสดงค่าว่าอาหารของคุณมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิที่แนะนำหรืออุณหภูมิที่คุณต้องการ 5 องศา (10 องศาหากอาหารชิ้นใหญ่เป็นพิเศษ) เพราะการพักไว้จะทำให้ "อาหารสุกขึ้นหลังยกออกจากเตาแล้ว" จนได้อุณหภูมิที่คุณต้องการ เนื้อของคุณจะสุกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังยกลงจากเตา เนื่องจากยังร้อนอยู่มาก ดังนั้น เนื้อชิ้นใหญ่ที่ย่างจนได้ที่ตั้งแต่บนเตาจึงสุกมากเกินไปเมื่อนำไปเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร
  8. แน่นอนว่ามื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบจะต้องมีเครื่องเคียงและเครื่องดื่มที่คุณเตรียมไว้ล่วงหน้าหรือในระหว่างที่ทำอาหารจานหลัก และอย่าลืมเครื่องปรุงรสเป็นอันขาด
  9. และอย่าลืมปิดแก๊สโพรเพน มิฉะนั้นถังแก๊สจะปล่อยโพรเพนออกมาอย่างต่อเนื่อง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การทำความสะอาดเตา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยใช้แปรงลวดขัดบริเวณหน้าเตา
  2. ใช้ผ้าชุบน้ำหรือน้ำมันและที่คีบเพื่อขัดให้สะอาดเอี่ยม. หากใช้ผ้าเปียก ไม่ใช่ผ้าชุบน้ำมัน ควรฉีดสเปรย์ทำอาหารลงบนตะแกรงด้วยในภายหลัง
  3. การดูแลเตาและบริเวณรอบๆ เตาให้สะอาด แห้ง และไม่มีข้าวของวางเกะกะนั้นนอกจากจะทำให้ดูสวยงามแล้ว ยังปลอดภัยกว่าและทำให้เราใช้ประโยชน์จากเตาได้คุ้มค่าที่สุดอีกด้วย เตาของคุณจะสึกหรออย่างรวดเร็วหากปล่อยทิ้งให้เปียกหรือทิ้งไว้กลางสายฝน โดยเฉพาะเตาถ่าน (เพราะถ่านไม้เปียกจะกัดกร่อนและทำให้เตาของคุณเป็นสนิมได้เร็วมาก)
  4. เข็นเตาเข้าไปด้านในทันทีที่เตาเย็นลง หรือหาซื้อวัสดุคลุมเตา
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • การย่างพิซซ่า : คุณสามารถทำพิซซ่าบนเตาย่างได้ โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการยืดแป้งโดว์เป็นแผ่นแล้ววางลงบนเตา (ที่สะอาดเอี่ยมและทาน้ำมันแล้ว) ย่างแป้งทิ้งไว้เป็นเวลา 1 นาที จากนั้นจึงกลับด้าน (ไม้พายตักพิซซ่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับขั้นตอนนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหาซื้อหากคุณใช้มือกลับด้านได้คล่อง) จากนั้นให้รีบใส่เครื่องโรยหน้าแล้วปิดฝาครอบเตาทันที หมั่นตรวจดูไม่ให้แป้งด้านล่างไหม้เกรียม และยกขึ้นจากเตาเมื่อเครื่องโรยหน้าสุกทั่วถึงและเนื้อแป้งกลายเป็นสีน้ำตาลทอง หากเครื่องโรยหน้ายังไม่สุกได้ที่ ให้วางพิซซ่าในบริเวณที่ไม่โดนไฟโดยตรง (เช่นจัดเตาไฟหรือถ่านติดไฟเพียงหนึ่งชิ้นไว้ด้านหนึ่ง และวางพิซซ่าไว้อีกด้าน) เพื่อไม่ให้ก้นพิซซ่าไหม้เกรียม อีกวิธีหนึ่งคือการใส่พิซซ่าลงในกระทะทอดพิซซ่าแบบไม่หุ้มฉนวนหรือถาดทำคุ้กกี้ ใส่เครื่องโรยหน้า แล้ววางลงบนเตาย่าง และหากปิดฝาครอบเตาจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้เราจะไม่ได้รสชาติจากถ่านไม้มากนัก (หากใช้เตาถ่าน)
  • การรมควันบนเตาย่าง : การรมควันอาหารบนเตาย่างนั้นจะไม่ใช้ความร้อนจากไฟโดยตรง เพื่อให้เนื้อที่มีขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเนื้อซี่โครงหรือเนื้อไก่งวงค่อยๆ สุกอย่างช้าๆ ในการรมควันนั้น ให้นำแผ่นไม้บางๆ ไปแช่น้ำเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แล้ววางลงในกระดาษฟอยล์ทนความร้อนที่เราทำขึ้นเป็นทรง "เรือ" แล้ววางไว้บนถ่านหรือเตาไฟ หมั่นเติมแผ่นไม้และฉีดน้ำลงไปหากแผ่นไม้ลุกติดไฟ หมั่นหมุนเนื้อทุกๆ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้เนื้อสุกเท่าๆ กัน กระบวนการนี้จะใช้เวลา 6+ ชั่วโมงหากทำอย่างถูกวิธี แต่เนื้อที่ได้จะอร่อยเลิศเลยเชียว เพียงแต่ต้องแน่ใจว่าไฟของคุณร้อนเพียงพอ เพื่อให้เนื้อด้านในมีอุณหภูมิ 200 องศา มิฉะนั้น อาหารของคุณอาจยังมีสารปนเปื้อน
  • ถ่านมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ ถ่านก้อนและถ่านไม้เนื้อหนา ถ่านก้อนเป็นถ่านที่ได้จากการอัดเศษไม้ชิ้นเล็กๆ เช่น ขี้เลื่อย เป็นก้อน ในขณะที่ถ่านไม้เนื้อหนาทำจากไม้เนื้อหนาจริงๆ โดยอาศัยวิธีการตามธรรมชาติ จนทำให้สารเกือบทุกชนิดเผาไหม้หายไปจากเนื้อไม้ ยกเว้นสารคาร์บอน ถ่านทั้งสองประเภทมีประโยชน์แตกต่างกันไป ถ่านก้อนนั้นเผาไม้ได้นานกว่า (จึงน่าจะตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับการย่างอาหารมื้อใหญ่) ในขณะที่ถ่านไม้เนื้อหนานั้นให้ความร้อนได้มากกว่า (จึงย่างได้เร็วกว่า และลนไฟได้ดีกว่า) ในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องของความชอบของแต่ละบุคคล แต่เราขอแนะนำว่า หากจะใช้ถ่านก้อน คุณควรใช้ถ่านที่ทำขึ้นจากไม้ธรรมชาติทั้งก้อน เพราะจะทำให้ได้รสชาติที่ดีกว่า และทำให้อาหารของคุณปนเปื้อนสารเคมีน้อยกว่า
  • เคล็ดลับการย่างบนเตาแก๊ส
  • ใช้หินลาวาเพื่อกระจายความร้อน เพราะความร้อนส่วนใหญ่จะกระจายขึ้นด้านบน การกระจายความร้อนบนเตาแก๊สจึงมักไม่สม่ำเสมอ (เพราะเตาไฟติดตั้งอยู่เพียงบางส่วนของก้นเตา) แต่ชั้นหินลาวาจะซึมซับความร้อน แล้วกระจายออกอีกครั้ง ทำให้พื้นผิวเตาร้อนเท่าๆ กันมากยิ่งขึ้น
  • การย่างอาหารมื้อพิเศษ
  • เคล็ดลับการย่างบนเตาถ่าน
  • หาซื้อถังโพรเพนมือสองเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเมื่อแก๊สหมดโดยไม่รู้ตัว ลืมเติมแก๊ส หรือลืมปิดเตา นี่ถือเป็นการลงทุนเล็กๆ ที่คุ้มค่ากับการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • การทำอาหารเช้าบนเตาย่าง : วางกระทะแบนที่ทำจากโลหะเนื้อหนาลงบนเตาย่างของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็มีพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทำอาหารเช้าแล้ว เบคอน, ไข่, ไส้กรอก, แพนเค้ก, ขนมปังฝรั่งเศส ... คุณสามารถทำอาหารทั้งหมดนี้ได้ง่ายๆ บนเตาย่าง โดยอาศัยกระทะแบนดีๆ สักใบ แต่อย่าตั้งกระทะแบนเคลือบเทฟลอนทิ้งไว้บนเตาโดยไม่มีอาหารเป็นเวลานาน เพราะเทฟลอนสามารถก่อให้เกิดแก๊สพิษหากมีอุณหภูมิสูงเกิน 600 องศาฟาเรนไฮต์ (315.5 องศาเซลเซียส)
โฆษณา

คำเตือน

  • การย่างทำให้เกิดเปลวไฟและความร้อนสูง จึงควรเก็บตัวเร่งปฏิกิริยาและวัตถุที่สามารถติดไฟให้ห่างจากเตาของคุณ เช่น อุปกรณ์จุดไฟ และน้ำมันจุดไฟ และควรวางสายฉีดน้ำและ/หรือถังดับเพลิงไว้ใกล้ๆ ด้วยเช่นกัน
  • ในขณะที่เด็กๆ กำลังเล่นสนุก ไม่ควรให้พวกเขาเข้าใกล้เตาย่าง คุณควรเตือนพวกเขา และเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากเด็กๆ ใช้เตาย่าง (เพื่อย่างมาชเมลโล่ เป็นต้น) ควรมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ไม้พายสำหรับย่างอาหาร
  • ที่คีบด้ามยาวแบบมีสปริง
  • แปรงลวดสำหรับขัดเตา
  • สเปรย์ป้องกันอาหารติดกระทะ
  • ถุงมือกันความร้อน
  • เทอร์โมมิเตอร์แบบอ่านค่าได้ทันที
  • เทอร์โมมิเตอร์แบบเข็ม
  • ถังดับเพลิงและ/หรือสายฉีดน้ำ
  • ขวดฉีดน้ำ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,730 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา