ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรักษาพรหมจรรย์ในสังคมที่หมกมุ่นกับเรื่องเพศเป็นภารกิจที่ท้าทายไม่น้อย และคุณอาจจะพบว่าการกำหนดขอบเขตส่วนบุคคลที่แข็งแกร่งและดีต่อคุณเองนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาอิสรภาพเหนือร่างกายของคุณ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือการกำหนดเงื่อนไขว่าคุณสบายใจและไม่สบายใจที่จะทำอะไรกับคนรักบ้าง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

กำหนดขอบเขตของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    พิจารณาเหตุผลของตัวเอง. การเข้าใจว่าทำไมการตัดสินใจในเรื่องนี้ถึงสำคัญกับคุณเป็นส่วนสำคัญของการรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ให้ได้ ค่อยๆ ใช้เวลาพิจารณาเหตุผลของตัวเอง อย่ารักษาพรหมจรรย์เพราะพ่อแม่ ผู้นำศาสนา คนรัก หรือบทความใน wikiHow แต่ให้รักษาพรหมจรรย์เพราะว่าคุณรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัว คุณ [1] ลองเขียนรายการความคิดลงในสมุดบันทึก เผื่อว่าเมื่อไหร่อยากหยิบขึ้นมาดูก็จะได้ดูได้ เหตุผลที่คุณอยากละเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์ก็น่าจะเป็น... [2]
    • ศาสนา ความเชื่อทางจิตวิญญาณหรือความเชื่อส่วนบุคคลที่มีเรื่องของการรอคอยหรือการละเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์
    • คุณยังไม่พร้อมหรือไม่ได้อยากจะมีเพศสัมพันธ์ [3]
    • คุณเป็นคนไม่ฝักใฝ่ทางเพศ (ก็คือคุณไม่รู้สึกถึงความปรารถนาทางเพศ และไม่ได้สนใจหรือรู้สึกรังเกียจการมีเพศสัมพันธ์) [4]
    • คุณอยากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับคนพิเศษ
    • คุณไม่สามารถเข้าถึงการคุมกำเนิด การป้องกัน หรือสุขอนามัยทางเพศ
    • คุณยังเป็นผู้เยาว์ หรือรู้สึกว่าตัวเองยังเด็กเกินไป
    • คุณกลัวเรื่องความปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะกลัวท้อง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอื่นๆ หรือครอบครัวของคุณเข้มงวด และคุณก็อาจจะเสี่ยงต่อการสูญเสียสุขภาวะทางอารมณ์หรือความปลอดภัยถ้าคุณถูกจับได้ [5]
  2. 2
    พิจารณาเรื่องกรอบเวลา. คุณอยากละเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์นานแค่ไหน คนส่วนใหญ่ไม่ได้รักษาพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิต และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสมเหตุสมผลก็เป็นเรื่องที่ดีกับตัวคุณ ลองคิดดูว่าคุณอยากรักษาพรหมจรรย์นานแค่ไหน และรู้ว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้เสมอหากมันไม่เหมาะกับคุณแล้ว [6]
    • การตัดสินใจว่าจะงดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์ไปอีกหลายปีถือเป็นเรื่องกดดันมากเกินไปสำหรับบางคน ลองกำหนดระยะเวลาที่จำกัดกับตัวเอง (เช่น "เดือนนี้ฉันจะงดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์") จากนั้นก็ทบทวนและอาจจะต่อสัญญาใหม่ในแต่ละเดือน
  3. 3
    กำจัดความเข้าใจผิดออกไป. เซ็กส์ไม่ใช่ปีศาจ และการงดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ได้ทำให้คุณ "บริสุทธิ์" หรือมีคุณธรรมสูงส่งกว่าคนอื่นๆ เซ็กส์เป็นสิ่งสวยงามระหว่างผู้ใหญ่ที่ยินยอมพร้อมใจและเตรียมพร้อม เซ็กส์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคุณในทางกายภาพ [7] หรือเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าคุณเป็นคนดี [8] อย่าให้การงดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์ของคุณเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนมาจากความกลัว แต่ให้การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นทางเลือกที่ดีต่อตัวคุณและผ่านการพิจารณามาแล้วอย่างถี่ถ้วน
    • คนส่วนใหญ่สุดท้ายก็มีเพศสัมพันธ์อยู่ดีเมื่อถึงจุดใดจุดหนึ่งในชีวิต ถ้าถึงจุดนั้นคุณตัดสินใจว่าคุณพร้อมแล้ว คุณก็ไม่ควรรู้สึกผิดกับมัน
  4. 4
    นิยามคำว่าพรหมจรรย์ของตัวเอง. “พรหมจรรย์” และ “เซ็กส์” เป็นคำที่แต่ละคนให้นิยามต่างกัน [9] [10] ก่อนที่คุณจะกำหนดขอบเขตของตัวเอง คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณให้นิยามคำเหล่านี้กับตัวเองอย่างไร [11]
    • คุณนิยามว่า “เซ็กส์” คืออะไร การสัมผัสอย่างใกล้ชิดแบบไหนที่คุณโอเค และแบบไหนที่คุณคิดว่ามันมากไป แล้วคุณนิยามคำว่า “พรหมจรรย์” อย่างไร ในเชิงสภาวะทางจิตวิญญาณ จิตใจ หรือร่างกาย หรือทั้งหมดรวมกัน
    • คุณต้องมีหลักเกณฑ์เหล่านี้ในใจให้ตัวเอง เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าอะไรโอเคสำหรับคุณและสามารถสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างชัดเจน
    • ถ้าคุณรู้จักขอบเขตของตัวเอง มั่นใจที่จะพูดมันออกมา และคาดหวังว่าคนอื่นจะต้องเคารพขอบเขตนั้น คุณก็จะยิ่งรู้สึกมีอำนาจในการยืนหยัดเพื่อตัวเองและทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องมากขึ้น [12]
  5. 5
    นิยามการเลือกของตัวเองในแง่บวก. แทนที่จะสนใจแต่ข้อเสียของการมีเซ็กส์ ลองคิดถึงข้อดีของสิ่งที่คุณกำลังจะทำบ้าง [13]
    • ถ้าคุณไม่ได้คิดจะมีคู่นอนตอนนี้ คุณจะใช้เวลาไปกับอะไร
    • ถ้าคุณอยากรักษาพรหมจรรย์ไว้จนถึงช่วงใดช่วงหนึ่ง ให้พยายามทำตามเป้าหมายนั้นให้ได้ เช่น ถ้าคุณอยากรอจนกว่าคุณจะรู้สึกมั่นใจและกล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเองมากกว่านี้ ก็ลองเข้ารับการฝึกอบรมเรื่องการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง
  6. 6
    กำหนดขอบเขต. คุณต้องกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับขอบเขตทางกายภาพ อารมณ์ และจิตใจของตัวเอง ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะมาละเมิดหรือไม่เคารพขอบเขตของคุณ [14]
    • กำหนดขอบเขตทางอารมณ์ของคุณ ความผูกพันทางอารมณ์แบบไหนที่คุณสบายใจและไม่สบายใจด้วย พฤติกรรมแบบไหนที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ คุณต้องชัดเจนกับตัวเองว่า ความรู้สึกของคนอื่นไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของคุณ [15]
    • พิจารณาขอบเขตทางจิตใจของตัวเอง คุณสบายใจกับการให้ความคิดและความเห็นของคนอื่นมามีอิทธิพลกับคุณมากแค่ไหน จุดไหนที่คุณรู้สึกว่าคนอื่นไม่เคารพความคิดหรือแนวคิดของคุณ คุณสบายใจที่จะอธิบายหรือปกป้องความเชื่อส่วนตัวกับคนอื่นมากแค่ไหน [16]
    • คิดถึงขอบเขตทางกาย คุณสบายใจที่จะถูกแตะเนื้อต้องตัวอย่างไร ที่ไหน และเมื่อไหร่ การสัมผัสทางกายแบบไหนที่ถือว่าล้ำเส้นขอบเขตส่วนตัวของคุณ กำหนดเงื่อนไขในขอบเขตของคุณให้ชัดเจนสำหรับทั้งตัวคุณและคนอื่น
    • มีเช็กลิสต์ออนไลน์เป็นภาษาอังกฤษที่ช่วยให้คุณรู้ว่า ตัวเองสบายใจและไม่สบายใจกับอะไรบ้าง [17]
  7. 7
    สบายใจและภูมิใจในตัวเองและเรือนร่างของตัวเอง. เรามักจะถูกรายล้อมไปด้วยข้อความต่างๆ ที่บอกว่าเราควรหรือไม่ควรดูเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร และทำแบบไหนอยู่เสมอ และข้อความเหล่านั้นก็ทำให้เรารู้สึกมั่นใจในสิ่งที่เราทำและรู้สึกมีอำนาจเหนือการตัดสินใจของตัวเองได้ยาก แต่ถ้าคุณมั่นใจในตัวเองและการตัดสินใจของตัวเอง คุณจะรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจในการที่จะคาดหวังให้ผู้อื่นเคารพคุณและการเลือกของคุณในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเอง [18]
    • อย่าเสียสละตัวตนหรือร่างกายของคุณเพราะความกดดันของใคร ถ้ามีใครที่ไม่ตระหนักถึงความงามและศีลธรรมของคุณหรือของร่างกายคุณ เลือกที่จะกำจัดคนๆ นั้นออกไปจากชีวิตได้เลย จำไว้ว่าพ่อแม่น่าจะเป็นผู้สนับสนุนหลักในการตัดสินใจของคุณ พวกเขาจะต้องภาคภูมิใจในตัวคุณมากแน่ๆ ขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนว่าอะไรที่คุณรับได้และอะไรที่คุณรับไม่ได้ และขอให้คนอื่นเคารพเส้นแบ่งของคุณด้วย [19]
  8. 8
    หาวิธีการที่ดีในการระบายพลังที่ถูกกดไว้. คุณอาจจะรู้สึกได้ถึงแรงปรารถนาทางเพศหากคุณไม่ได้เป็นคนไม่ฝักใฝ่ทางเพศ ดูแลความต้องการของตัวเองและปลดปล่อยพลังของคุณในแบบที่คุณรู้สึกสบายใจ
    • ออกกำลังกาย ไปเดินเล่น เล่นกีฬา หรือวิ่งเล่นกับคนในครอบครัว
    • คนที่รักษาพรหมจรรย์บางคนสบายใจที่จะช่วยตัวเอง
    • อาบน้ำหรือใช้การประคบร้อน/เย็นเมื่อเกิดการคั่งของเลือดที่อวัยวะเพศ [20]
    • สนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากเซ็กส์ [21] ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ การเขียน เพื่อนๆ ครอบครัว การเป็นอาสาสมัคร หรือการบ้าน
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พูดคุยเรื่องขอบเขตของคุณกับคนรัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    บอกคนที่คุณคบด้วยตรงๆ. สำหรับบางคน การคบกันแบบไม่มีอะไรกันนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เลิกกันได้เลย และการเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงจุดยืนในเรื่องเซ็กส์ของคุณก็เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับใครเลย [22] บอกให้เขารู้ก่อนที่จะคบกันจริงจังกันมากเกินไป เผื่อว่าถ้าเลิกกันขึ้นมาจะได้ไม่มีใครเจ็บปวด
    • แม้ว่าคุณอาจจะไม่อยากบอกคนที่คุณชอบว่าคุณตั้งใจจะรักษาพรหมจรรย์ แต่คุณก็จำเป็นต้องบอก เพราะไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องรู้อยู่ดี และถ้าเขามารู้ทีหลัง คุณสองคนก็มีแต่จะเจอความเจ็บปวดและความว้าวุ่นต่างๆ ทั้งที่สามารถเลี่ยงได้
    • ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นตรงกันและเขาก็ไม่สามารถคบกับคุณโดยไม่มีเพศสัมพันธ์ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเหมือนกัน แต่อย่าให้การตัดสินใจของเขามากดดันคุณ เคารพการตัดสินใจของกันและกัน และถ้าคุณสองคนไม่ได้เห็นตรงกัน ก็จะได้แยกทางกันไปแบบที่ไม่มีใครเจ็บปวด [23]
  2. 2
    ค่อยๆ ใช้เวลาคุยกับคนรักเรื่องขอบเขต. บอกคนรักว่าคุณสบายใจและไม่สบายใจที่จะทำอะไร และให้เขาบอกว่าขอบเขตของเขาคืออะไร คุณอาจจะใช้เวลานี้อธิบายเหตุผลให้เขาฟังด้วยเลยก็ได้ว่าทำไมการรักษาพรหมจรรย์ (ในตอนนี้หรือตลอดไป) ถึงสำคัญกับคุณถ้าคุณต้องการ พวกเขาอาจจะสับสนและมีคำถาม และคุณก็สามารถใช้โอกาสนี้อธิบายได้ถ้าคุณสบายใจที่จะทำอย่างนั้น
    • ถ้าคนรักต่อรองเรื่องขอบเขตกับคุณ ให้ยืนยันให้ชัดเจนว่าขอบเขตเหล่านี้สำคัญ และคนรักก็ต้องเคารพขอบเขตของคุณ
    • ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะอธิบายว่าทำไมคุณถึงอยากรักษาพรหมจรรย์ ก็แค่บอกไปเฉยๆ บอกไปว่า "ฉันอึดอัดที่จะพูดเรื่องนี้" ก็ได้
  3. 3
    ยืนยันเรื่องการยินยอมในความสัมพันธ์ให้ชัดเจน (สำหรับการจูบและการสัมผัส). การยินยอมเป็นเรื่องสำคัญ คุณต้องรู้ว่าจะให้การยินยอมอย่างไร เพิกถอนการยินยอมอย่างไร และประเมินได้อย่างไรว่าคุณมีสิทธิ์ในการยินยอมหรือเปล่า [24] คุณต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองชอบและไม่ชอบ ในความสัมพันธ์ที่ดีนั้น คุณกับคนรักต้องสื่อสารกันให้ชัดเจน และฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด [25]
    • บอกว่า "ไม่" หรือพูดว่าคุณอยากลดระดับลงมาทันทีที่คุณเริ่มไม่สบายใจ แค่คำพูดง่ายๆ อย่าง "ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย" "ฉันยังไม่พร้อมที่จะทำอย่างนั้น" หรือ "ยังไม่ใช่ตอนนี้" ทำให้คนรักเข้าใจชัดเจนมากขึ้น
    • ชัดเจนเวลาพูดว่า "ได้" คนรักควรรู้ตลอดเวลาว่าคุณพร้อมในระดับไหนเวลาทำอะไรด้วยกัน อาจจะบอกไปเลยว่าได้ ยิ้มให้ สบตา และเป็นฝ่ายรุกเสียเอง
    • ถ้าคุณไม่แน่ใจ ก็แค่บอกไปเลย พูดธรรมดาว่า "ฉันไม่แน่ใจ" ก็ได้ หรือจะอ่อยนิดๆ แล้วบอกว่า "ไม่รู้สิ ทำให้ฉันอยากได้มั้ยล่ะ"
    • ถามคนรักว่า "เธอชอบแบบนี้มั้ย" "แล้วถ้าฉัน...ล่ะ" "อยากนัวเนียกันหน่อยมั้ย"
  4. 4
    ใช้สิทธิ์ในการปฏิเสธ. ถ้าถึงจุดหนึ่งที่คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่แน่ใจ ให้บอกไปว่าคุณอยากพอก่อนหรือลดระดับลง คนรักที่ดีจะยึดถือคำว่า "ไม่" อย่างจริงจังและจะเคารพความรู้สึกของคุณโดยทันที
    • คุณมีสิทธิ์ที่จะพูดคำว่าไม่เมื่อไหร่ก็ได้ แม้ว่าคุณจะบอกว่าได้เมื่อ 5 นาทีที่แล้ว แม้ว่าสัปดาห์ก่อนคุณยังตกลงที่จะทำอยู่เลย หรือแม้ว่าคนอื่นจะสบายใจที่จะทำ คุณมีสิทธิ์ที่จะพูดคำว่าไม่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ [26]
    • ใช้เทคนิคแผ่นเสียงตกร่องเพื่อต่อสู้กับความกดดัน พูดซ้ำๆ ว่า "ไม่" หรือ "ฉันไม่อยาก"
    • ถ้าคุณขี้อาย ก็ให้ฝึกพูดคำว่าไม่ ลองเขียนคำพูดจากบทความนี้ลงไปแล้วฝึกพูด การพูดคำว่าไม่เป็นทักษะชีวิตที่สำคัญ
  5. 5
    เข้มแข็งเข้าไว้ถ้ามีใครมากดดันคุณ. คนรักที่ให้เกียรติคุณจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงขอบเขตของคุณ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเคารพขอบเขตของคุณ คุณมีสิทธิ์ที่จะกำหนดเงื่อนไขให้กับร่างกายของตัวเอง ถ้าคนอื่นไม่เคารพเงื่อนไขนั้น ก็เท่ากับว่าเขาไม่ให้เกียรติคุณ [27] แค่พูดว่า “ไม่” เฉยๆ ก็น่าจะพอแล้ว แต่ถ้าไม่พอ ก็เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคำโต้แย้ง [28] บางคนก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะฟังในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
    • ตอบกลับสั้นๆ ซื่อสัตย์ และให้เกียรติ (ในตอนแรก) และเตรียมพูดซ้ำถ้าจำเป็น [29] คุณสามารถใช้เทคนิคแผ่นเสียงตกร่อง ซึ่งก็คือการพูดคำเดิมซ้ำเมื่อเผชิญหน้ากับความกดดัน (เช่น "ไม่" หรือ "ฉันไม่อยาก")
    • เช่น ถ้าคนรักพูดว่า “ถ้าคุณไม่ให้ผมทำแบบนี้ ก็แสดงว่าคุณไม่รักผม” ตอบโต้ด้วยการพูดว่า “ฉันรักคุณ และฉันก็ไม่อยากให้คุณสัมผัสฉันตอนนี้/แบบนั้น”
    • ถ้าคนรักพูดว่า “เมื่อก่อนคุณยังให้ผมทำได้เลย” ให้ตอบโต้ด้วยการพูดว่า “ฉันมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจนะ” [30]
    • ถ้าคนรักพูดว่า “เธอนี่มันติ๋ม (หรือตายด้าน นางชี หรืออะไรก็แล้วแต่) ชะมัด” ให้ตอบกลับไปว่า “ฉันพอใจกับตัวเองและร่างกายของฉัน และฉันก็ขอให้คุณให้เกียรติฉันและร่างกายของฉันด้วย” [31]
    • ถ้ามีใครไม่เคารพขอบเขตของคุณหรือทำให้คุณอึดอัดใจ ก็แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้น อาจจะถึงเวลาที่คุณต้องถามตัวเองแล้วว่า คุณอยากจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้นไหม
  6. 6
    เห็นท่าไม่ดีให้เดินออกมา. ถ้ามีใครปฏิเสธที่จะเคารพขอบเขตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตทางอารมณ์ จิตใจ หรือร่างกาย ให้เดินออกมา เรียนรู้ที่จะเดินหนีออกมาอย่างสงบและมั่นใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณออกมาจากคนๆ นั้น แต่ถ้าทำได้ให้พยายามเดินออกมาจากสถานการณ์ด้วยท่าทีที่นิ่งและมั่นใจ เพื่อสื่อว่าพวกเขาจะมาบังคับคุณไม่ได้
    • ถ้าคุณอยู่ที่งานปาร์ตี้หรืองานสังคมอื่นๆ เดินหนีออกมาจากคนๆ นั้นและหาเพื่อนเพื่อเข้าไปคุยแทน ถ้าคุณอยู่คนเดียวหรือมีแค่คุณกับคนๆ นั้น ให้เดินออกมาและไปที่อื่นที่มีคนพลุกพล่าน หรือที่ที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ถ้าจำเป็น (เช่น เดินไปที่ป้ายรถเมล์ ไปที่แท็กซี่ เป็นต้น)
    • ขณะที่เดินออกมา ให้จินตนาการว่าตัวเองขยี้คำพูดของเขาแล้วโยนทิ้งไป
    • หลังจากโยนคำพูดเขาทิ้งไปแล้ว ให้พูดและยอมรับสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตัวเอง [32]
  7. 7
    ไล่เขาออกไป. ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่มีใครไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดเป็นนัยและปิดประเด็น ก็มีวิธีตอบโต้ที่คุณสามารถใช้เพื่อไล่ให้พวกเขาออกไปได้ตรงๆ
    • ถ้าคุณอยู่ที่งานปาร์ตี้ บาร์ หรือสถานการณ์อื่นๆ ที่มีใครไม่ยอมรับเมื่อคุณพูดว่าไม่ คุณไม่ได้สนใจ คุณมีสิทธิ์ที่จะสบตาเขาตรงๆ แล้วพูดว่า “ฉันบอกว่าไม่ไง ออกไปได้แล้ว”
    • ถ้าคุณอยากให้สถานการณ์มันดูขำๆ และคุณก็ไม่ได้คิดว่าคนนี้มีพิษมีภัยอะไรจริงๆ (แต่ถ้าคุณรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ให้เดินออกมาและขอความช่วยเหลือทันที) คุณอาจจะพูดว่า “ถ้าฉันมีเซ็กส์กับใคร ฉันจะเกาะติดเขาแจจจจจจเลยล่ะ” หรือ “ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกคุณเรื่องที่ฉันเป็นเริมหรอกนะ” [33]
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ต้านทานอิทธิพลของคนรอบข้าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    เข้าใจอิทธิพลของคนรอบข้างประเภทต่างๆ. เรื่องที่วัยรุ่นต้องเผชิญกับอิทธิพลของคนรอบข้างนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสักเท่าไหร่ ซึ่งอิทธิพลของคนรอบข้างที่ว่านี้ก็มีเรื่องความกดดันที่จะต้องมีเซ็กส์อยู่ด้วย ในการที่จะต้านทานอิทธิพลของคนรอบข้างให้ดีกว่าเดิมได้นั้น การรู้ว่ามันเป็นอิทธิพลทางสังคมหรือการรู้ว่ามันคืออะไรจะช่วยคุณได้ เพราะถ้าคุณรู้ว่ามีใครกำลังใช้ชั้นเชิงนี้กับคุณ คุณก็จะสามารถเตรียมตัวเพื่อต้านทานอิทธิพลได้ดีขึ้น ประเภทของอิทธิพลของคนรอบข้างหลักๆ ได้แก่ : [34]
    • อิทธิพลของคนรอบข้างแบบชัดเจน: อิทธิพลของคนรอบข้างประเภทนี้เป็นความกดดันที่โจ่งแจ้งที่สุด และมักจะเป็นการพูดออกมาตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอไม่มีเซ็กส์ ใครๆ เขาก็มีกันทั้งนั้น!”
    • อิทธิพลของคนรอบข้างแบบลับๆ: อิทธิพลประเภทนี้จะเป็นความกดดันที่ละเอียดอ่อนกว่าเล็กน้อย และมักจะใช้เพื่อทำให้คุณรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดหรือผิดปกติเกี่ยวกับตัวคุณเองที่ไม่ทำตามคนอื่น อาจจะฟังดูประมาณว่า “ช่างเถอะ เธอมันสาวบริสุทธิ์ เธอไม่เข้าใจหรอก” หรือการเรียกคุณว่าเป็น “สาวพรหมจรรย์” หรือ “แม่ชี” เป็นต้น
    • อิทธิพลของคนรอบข้างแบบควบคุม: อิทธิพลประเภทนี้เป็นความพยายามที่จะบังคับให้คุณทำบางสิ่งอย่างชัดเจน โดยขู่ว่าถ้าไม่ทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ เขาจะตัดขาดหรือเลิกคบคุณ คำพูดอาจจะประมาณว่า “ถ้าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ล่ะก็ เราก็คงเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอกนะ” หรือ “ฉันไม่อยากคบกับพวกสาวบริสุทธิ์หรอก”
  2. 2
    สงสัยไว้ก่อน. คนรอบตัวคุณอาจจะคุยโวใหญ่โต แต่เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะพูดเกินจริง หรือไม่ก็โกหกหน้าตายว่าพวกเขาทำอะไรมาบ้าง [35] [36]
    • แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดอาจจะฟังดูน่าเชื่อถือ แต่ให้ฝึกตัวเองให้แคลงใจในสิ่งที่คนอื่นอ้างว่าพวกเขาเคยทำมาแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องขอให้เขาพิสูจน์ว่าพูดจริง แต่คุณก็ควรเก็บมาคิดว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้น “อาจจะไม่จริงก็ได้”
  3. 3
    รู้คุณค่าของคำพูดที่ว่า “ไม่จริงซะหน่อย.” มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับคำพูดภายนอกที่เป็นลบ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่มาจากสื่อ วัฒนธรรมกระแสนิยม เพื่อนๆ ครอบครัว หรือแม้กระทั่งผู้มีอำนาจ
    • ถ้ามีใครพยายามที่จะทดสอบขอบเขตของคุณด้วยคำวิจารณ์หรือคำพูดเชิงลบที่คุณรู้แก่ใจว่าไม่จริง ให้ยืนหยัดในสิ่งที่คุณเชื่อ พูดซ้ำๆ ว่า “ไม่จริงซะหน่อย!” ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือกับอีกคนหนึ่งจนกว่าคำพูดนี้จะซึมเข้าหัว [37]
  4. 4
    นิยามนัยยะของการมีเซ็กส์ให้ตัวเอง. อิทธิพลทางสังคมส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของการทำให้การมีเซ็กส์มีความหมายโดยนัยอะไรบางอย่าง เช่น ถ้าคุณมีเซ็กส์แปลว่าคุณกลายเป็นผู้ใหญ่ หรือเป็นอิสระจากพ่อแม่มากขึ้น [38]
    • อย่ายอมรับการประเมินของคนอื่นที่ว่า สถานะในเรื่องเพศบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณ เรื่องนี้อาจจะสำคัญมากเป็นพิเศษหากคุณกำลังเรียนมัธยม เพราะเป็นช่วงวัยที่อิทธิพลของคนรอบข้างในเรื่องเซ็กส์เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก อย่าให้คนอื่นมาบอกคุณว่า “เธอไม่เคยมีเซ็กส์ก็แสดงว่าเธอมันไร้เสน่ห์” หรือ “เพราะเธอมันแหยเกินไป” เป็นต้น การเลือกที่จะไม่มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้หมายความถึงเรื่องเหล่านี้เลย แต่มันหมายความว่าคุณได้เลือกสิ่งที่ตัวเองเชื่อด้วยตัวเอง และไม่ยอมให้ใครมาพรากสิทธิ์นั้นไปจากคุณ
  5. 5
    อยู่ท่ามกลางคนดีๆ. วิธีลดอิทธิพลของคนรอบข้างที่ไม่ดีก็คือ อยู่ให้ห่างจากพวกที่ทำให้เกิดอิทธิพลจากคนรอบข้าง [39]
    • ถ้าคุณมีเพื่อนที่คอยเหน็บแนม ล้อเลียน หรือกดดันคุณเรื่องเซ็กส์ บอกให้เพื่อนหยุดอย่างนิ่งๆ และมั่นใจ ถ้าเพื่อนไม่เลิก ก็เลิกคบเพื่อนพวกนี้ไปเลย
    • หาและคบเพื่อนที่ยอมรับในสิ่งที่คุณเลือก และเคารพสิทธิ์ในการที่คุณจะตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวคุณเอง
  6. 6
    เดินหนีออกมา. เช่นเดียวกับการรับมือกับคนรักที่ไม่เคารพขอบเขตของคุณ คุณสามารถและควรเดินหนีออกมาจากเพื่อนที่ไม่เคารพขอบเขตเหล่านั้น
    • เดินหนีออกมาอย่างสงบและมั่นใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณออกมาจากคนๆ นั้น แต่ถ้าทำได้ให้พยายามเดินออกมาจากสถานการณ์ด้วยท่าทีที่นิ่งและมั่นใจ เพื่อสื่อว่าพวกเขาจะมาบังคับคุณไม่ได้
    • ขณะที่เดินออกมา ให้จินตนาการว่าตัวเองขยี้คำพูดของเขาแล้วโยนทิ้งไป
    • หลังจากโยนคำพูดเขาทิ้งไปแล้ว ให้พูดและยอมรับสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตัวเอง [40]
  7. 7
    เคารพสิทธ์ิในการเลือกของทุกคน และอย่าตำหนิคนที่เลือกในสิ่งที่ต่างไปจากคุณ. อย่าทำให้เซ็กส์เป็นเรื่องน่าอับอายหรือกดดันให้คนอื่นเป็นเหมือนคุณ กิจกรรมทางเพศเป็นทางเลือกส่วนบุคคลมากๆ และถ้าคุณเคารพคนที่สนุกไปกับชีวิตที่มีเซ็กส์ คนอื่นก็ควรเคารพการที่คุณเลือกจะละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน

เคล็ดลับ

  • ถ้ามีใครไม่ยอมรับคำว่า “ไม่” นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าพวกเขาไม่ได้ให้เกียรติคุณหรือความเป็นอิสระของคุณอย่างแท้จริง ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด นั่นอาจเป็นสัญญาณของคนชอบบงการคนอื่น และคุณก็ควรเข้าหาคนที่คุณไว้ใจว่าจะช่วยเหลือคุณได้ [41]
  • จำไว้ว่ามีแต่คุณและคุณเท่านั้นที่สามารถกำหนดขอบเขตให้คุณได้ ถ้าใครไม่สามารถหรือไม่ยอมเคารพขอบเขตเหล่านั้น คุณมีสิทธิ์ที่จะขอ หรือถ้าจำเป็นคือยืนยันให้พวกเขาอยู่ห่างจากคุณ
  • การข่มขืนกับเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน การข่มขืนเป็นการกระทำที่รุนแรงและเป็นในลักษณะของการบังคับ ในขณะที่เซ็กส์เป็นการกระทำที่มาจากความต้องการ คุณเป็นได้ทั้งคนที่รอดพ้นจากการถูกข่มขืนและสาวบริสุทธิ์
  1. http://www.scarleteen.com/article/advice/how_could_i_check_if_i_am_still_a_virgin
  2. http://www.pamf.org/teen/abc/sex/ethicalsex.html
  3. http://sexetc.org/info-center/post/draw-the-line-setting-healthy-relationship-boundaries/
  4. http://www.scarleteen.com/article/politics/does_abstinence_make_the_heart_grow_fonder
  5. http://psychcentral.com/lib/what-are-personal-boundaries-how-do-i-get-some/00016100
  6. http://www.essentiallifeskills.net/personalboundaries.html
  7. http://psychcentral.com/lib/what-are-personal-boundaries-how-do-i-get-some/00016100
  8. http://www.scarleteen.com/article/advice/yes_no_maybe_so_a_sexual_inventory_stocklist
  9. http://www.scarleteen.com/article/bodies/10_of_the_best_things_you_can_do_for_your_sexual_self_at_any_age
  10. http://www.scarleteen.com/article/bodies/10_of_the_best_things_you_can_do_for_your_sexual_self_at_any_age
  11. http://www.scarleteen.com/article/bodies/fbi_files_vasocongestion_aka_blue_balls
  12. http://www.scarleteen.com/article/bodies/10_of_the_best_things_you_can_do_for_your_sexual_self_at_any_age
  13. http://www.loveisrespect.org/dating-basics/healthy-relationships/sex-and-healthy-relationships
  14. http://sexetc.org/info-center/post/draw-the-line-setting-healthy-relationship-boundaries/
  15. http://www.scarleteen.com/how_can_men_know_if_someone_is_giving_consent_or_not_0
  16. http://www.scarleteen.com/article/relationships/be_a_blabbermouth_the_whys_whats_and_hows_of_talking_about_sex_with_a_partner
  17. http://www.ncshguide.org/sexual-health
  18. http://www.loveisrespect.org/dating-basics/healthy-relationships/sex-and-healthy-relationships
  19. http://www.nhs.uk/Livewell/Sexandyoungpeople/Pages/Itsoktosayno.aspx
  20. http://www.mayoclinic.org/healthy-living/stress-management/in-depth/stress-relief/art-20044494?pg=2
  21. http://www.kidpower.org/library/article/yes-means-yes-consent-and-protecting-sexual-safety/
  22. http://www.thesite.org/sex-and-relationships/having-sex/how-to-say-no-to-sex-3934.html
  23. http://www.kidpower.org/library/article/yes-means-yes-consent-and-protecting-sexual-safety/
  24. http://www.yourtango.com/200932583/precarious-position-waiting-sex
  25. http://www.nhs.uk/Livewell/Sexandyoungpeople/Pages/Peerpressure.aspx
  26. http://www.dummies.com/how-to/content/teen-life-dealing-with-peer-pressure-and-sex.html
  27. http://www.iwannaknow.org/teens/relationships/peerpressure.html
  28. http://www.kidpower.org/library/article/yes-means-yes-consent-and-protecting-sexual-safety/
  29. http://www.nhs.uk/Livewell/Sexandyoungpeople/Pages/Peerpressure.aspx
  30. http://www.iwannaknow.org/teens/relationships/peerpressure.html
  31. http://www.kidpower.org/library/article/yes-means-yes-consent-and-protecting-sexual-safety/
  32. http://www.loveisrespect.org/is-this-abuse/types-of-abuse/what-is-sexual-abuse
  33. http://www.scarleteen.com/article/politics/dont_want_to_have_sex (a guide to abstinence)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,420 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม