โรคหนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล และเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากที่สุดในอเมริกา ตามปกติแล้วโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะแพร่สู่ผู้ชายและผู้หญิงผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล แม้แต่แม่ที่ติดเชื้อก็อาจจะแพร่โรคหนองในเทียมให้กับทารกน้อยในระหว่างคลอดบุตรได้ [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล การติดเชื้อโรคหนองในเทียมที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะมีบุตรยาก ความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อ HIV การติดเชื้อที่ต่อมลูกหมาก หรือโรคข้ออักเสบรีแอคทีฟ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล โรคหนองในเทียมรักษาได้ไม่ยาก แต่หากปล่อยไว้ก็อาจเกิดอันตรายถาวรแก่ร่างกายได้ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการรักษาโรคหนองในเทียม [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
ขั้นตอน
-
สังเกตอาการและสัญญาณของโรคหนองในเทียม. แม้ว่าโรคหนองในเทียมมักจะแสดงอาการบางอย่างตั้งแต่เริ่มแรก แต่ก็ต้องสังเกตอาการอื่นๆ ที่คุณเป็นด้วย ปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอย่างแน่ชัด ถ้าคุณสังเกตได้ถึงสัญญาณของโรคหนองในเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
- โรคหนองในเทียมเป็นได้ทั้งชายและหญิง และเป็นเรื่องปกติถ้าจะกลับมาเป็นใหม่ [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- การติดเชื้อโรคหนองในเทียมในระยะแรกๆ จะแสดงอาการเพียงเล็กน้อย และถึงจะมีสัญญาณเตือน แต่อาการที่แสดงหลังจากได้รับเชื้อมา 1–3 สัปดาห์ก็จะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงนัก [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- อาการทั่วไปของโรคหนองในเทียมได้แก่ ปัสสาวะเจ็บ ปวดท้องน้อย มีของเหลวออกจากช่องคลอดในผู้หญิง มีของเหลวออกจากองคชาติในเพศชาย รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดในช่วงที่ไม่มีประจำเดือนและหลังจากมีเพศสัมพันธ์ในผู้หญิง หรือปวดอัณฑะในผู้ชาย [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ปรึกษาแพทย์. ถ้าคุณมีอาการของโรคหนองในเทียม ได้แก่ มีของเหลวออกจากอวัยวะเพศ หรือคู่นอนเปิดเผยว่าเขาเป็นโรคหนองในเทียม ให้นัดพบแพทย์เพื่อทดสอบและยืนยันผลการวินิจฉัย เพื่อหาวิธีรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- บอกแพทย์ถึงอาการที่คุณเป็น สัญญาณของโรคหนองในเทียมที่คุณสังเกตได้ รวมทั้งถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันด้วย
- ถ้าคุณเคยเป็นโรคหนองในเทียมมาก่อนและกลับมาเป็นอีก ให้ติดต่อแพทย์เพื่อขอใบสั่งยา [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
เข้ารับการตรวจ. ถ้าแพทย์สงสัยว่าคุณอาจเป็นโรคหนองในเทียม แพทย์อาจสั่งตรวจหรือทดสอบเพิ่มเติม การตรวจด้วยวิธีทั่วไปเหล่านี้สามารถวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำ และทำให้แพทย์สามารถหาวิธีรักษาได้ง่ายขึ้นด้วย
- ถ้าคุณเป็นผู้หญิง แพทย์อาจจะนำของเหลวจากปากมดลูกหรือช่องคลอด และส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณเป็นผู้ชาย แพทย์อาจจะสอดสำลีก้านเล็กๆ เข้าไปในปลายองคชาติและเก็บของเหลวออกมาจากท่อปัสสาวะ จากนั้นแพทย์ก็จะส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวารหนัก แพทย์จะเก็บตัวอย่างจากปากหรือทวารหนักเพื่อตรวจหาโรคหนองในเทียม [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ในบางกรณีปัสสาวะก็อาจใช้ตรวจสอบการติดเชื้อหนองในเทียมได้ [14] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
-
เข้ารับการรักษาโรคหนองในเทียม. ถ้าแพทย์วินิจฉัยว่าคุณเป็นโรคหนองในเทียม แพทย์จะสั่งชุดยาปฏิชีวนะให้คุณ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาโรคนี้ได้นอกจากการป้องกัน ปกติแล้วการติดเชื้อจะหายไปภายใน 1 หรือ 2 สัปดาห์ [15] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การรักษาในช่วงแรกจะเป็นยา Azithromycin (1 ก. รับประทานครั้งเดียว) หรือ Doxycycline (100 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง 7 วัน) [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ยาของคุณอาจจะรับประทานแค่ครั้งเดียว หรือคุณอาจจะต้องรับประทานทุกวันหรือวันละหลายครั้งเป็นเวลา 5 - 10 วัน [17] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- คู่นอนของคุณก็ต้องได้รับการรักษาด้วยแม้ว่าเขาจะไม่มีอาการของโรคหนองในเทียมก็ตาม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้คุณกับคู่นอนแพร่โรคกันกลับไปกลับมา [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- อย่าแบ่งยารักษาโรคหนองในเทียมของคุณกับใคร [19] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ตรวจและรักษาทารกเพิ่งคลอด. ถ้าคุณตั้งครรภ์และเป็นโรคหนองในเทียม แพทย์อาจจะสั่งยา Azithromycin ในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของการตั้งครรภ์เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่โรคไปยังลูกน้อย การติดเชื้อหนองในเทียมของคุณจะได้รับการรักษาระหว่างตั้งครรภ์ และเมื่อพบว่าเป็นโรคคุณก็จะต้องเข้ารับการตรวจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อแล้ว [20] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล หลังคลอดแพทย์ก็จะตรวจอาการทารกที่เพิ่งคลอดและรักษาตามอาการ [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณคลอดแล้วแพร่โรคหนองในเทียมไปยังทารก แพทย์จะรักษาโรคด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบหรือการติดเชื้อที่ดวงตาอย่างรุนแรง [22] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- แพทย์ส่วนใหญ่จะให้ยาหยอดตา Erythromycin Eye Ointment เพื่อป้องกันไม่ให้การติดเชื้อที่ดวงตาอันเกิดจากเชื้อหนองในเทียมมีผลต่อดวงตาของทารก [23] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณและแพทย์ควรเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อหนองในเทียมอย่างน้อยช่วง 3 เดือนแรกของทารก [24] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าทารกเป็นโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อหนองในเทียม แพทย์น่าจะสั่ง Erythromycin หรือ Azithromycin [25] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
งดกิจกรรมทางเพศทุกชนิด. ระหว่างการรักษาโรคหนองในเทียม คุณต้องงดเว้นกิจกรรมทางเพศทุกชนิด รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางปากและทางทวารหนักด้วย [26] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล วิธีนี้อาจช่วยให้คุณไม่แพร่โรคไปสู่คู่นอนและลดความเสี่ยงที่จะกลับมาติดเชื้ออีก [27] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณรับประทานยาแค่ครั้งเดียว ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศเป็นเวลา 7 วันหลังจากรับประทานยา [28] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณรับประทานยาเป็นเวลา 7 วัน ให้งดกิจกรรมทางเพศตลอดระยะเวลาที่รักษา [29] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
พบแพทย์หากอาการยังอยู่หลังเข้ารับการรักษาแล้ว. ถ้าอาการของหนองในเทียมยังอยู่แม้ว่าจะรักษาครบตามเวลาแล้ว คุณต้องพบแพทย์ให้เร็วที่สุด การจัดการและการรักษาอาการโรคหนองในเทียมจะช่วยให้คุณแน่ใจได้ว่า คุณจะไม่กลับมาเป็นอีก ติดโรค หรือเจอปัญหาที่ร้ายแรงกว่าเดิม [30] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- การไม่บอกแพทย์ว่าคุณมีอาการหรือกลับมาเป็นหนองในเทียมอีกครั้งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านระบบสืบพันธุ์ เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ที่อาจจะไปทำลายอวัยวะสืบพันธุ์ถาวร และการตั้งครรภ์นอกมดลูก [31] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
-
เข้ารับการตรวจหนองในเทียมเป็นประจำ. ถ้าแพทย์รักษาอาการติดเชื้อหนองในเทียมระยะแรกให้คุณแล้ว ให้เข้ารับการตรวจโรคนี้อีกครั้งในอีกประมาณ 3 เดือนและตรวจเป็นประจำทุก 3 เดือนหลังจากนั้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า โรคนี้หายไปจากร่างกายของคุณแล้วและคุณก็จะไม่ติดเชื้ออีก [32] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- เข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อไปเมื่อเปลี่ยนคู่นอนใหม่
- การกลับมาเป็นหนองในเทียมอีกครั้งนั้นเป็นเรื่องปกติมากๆ และมักจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะชุดเดียวกัน ถ้ามีการติดเชื้ออีกครั้งหลังจากตรวจพบว่าหายแล้ว ก็แสดงว่าเป็นการติดเชื้อครั้งใหม่ [33] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างช่องคลอด. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างช่องคลอดถ้าคุณเป็นหรือเคยเป็นโรคหนองในเทียม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปฆ่าแบคทีเรียที่ดีและเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อหรือการกลับมาติดเชื้ออีกครั้ง [34] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย. วิธีรักษาโรคหนองในเทียมที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันไม่ให้เป็นตั้งแต่แรก การใช้ถุงยางอนามัยและจำกัดจำนวนคู่นอนของคุณจะช่วยลดโอกาสติดเชื้อหนองในเทียมหรือป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก [35] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าถุงยางอนามัยจะไม่สามารถกำจัดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหนองในเทียมได้ทั้งหมด แต่มันก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ [36] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ระหว่างการรักษาให้งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมทางเพศทุกชนิด รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักและทางปากด้วย การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยไม่ให้คุณกลับมาติดเชื้ออีกครั้งหรือแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไปยังคู่นอนของคุณได้ [37] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ยิ่งคุณมีคู่นอนมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเสี่ยงที่จะเป็นโรคหนองในเทียมมากขึ้นเท่านั้น พยายามจำกัดจำนวนคู่นอนเพื่อลดความเสี่ยง และใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเสมอ [38] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยง. ปัจจัยบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหนองในเทียมได้ การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงจะช่วยลดโอกาสที่คุณจะติดเชื้อได้ [39] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณอายุต่ำกว่า 24 ปี คุณก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากกว่า [40] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าในช่วงปีที่ผ่านมานี้คุณมีคู่นอนหลายคน คุณก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคหนองในเทียมมากขึ้น [41] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การไม่ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหนองในเทียม [42] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าคุณมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อนรวมทั้งโรคหนองในเทียมด้วย คุณก็มีความเสี่ยงที่จะติดโรคมากขึ้น [43] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/causes/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/symptoms/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/symptoms/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/symptoms/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/treatment/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/treatment/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/treatment/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/std/chlamydia/treatment.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/tests-diagnosis/con-20020807
- ↑ http://www.cdc.gov/std/tg2015/chlamydia.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/prevention/con-20020807
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chlamydia/basics/risk-factors/con-20020807