ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
Cellulitis หรือโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง มีสาเหตุจากผิวฉีกขาด เป็นแผล หรือมีอาการบาดเจ็บแล้วติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมีเชื้อ streptococcus กับ staphylococcus เป็นตัวการสำคัญ อาการของโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบคือผิวหนังอุ่นร้อน มีผื่นแดงลุกลามทำให้คันและมีไข้ร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ (sepsis bone infection) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) หรือหลอดน้ำเหลืองอักเสบ (lymphangitis) เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณรู้จักสังเกตอาการผิดปกติแต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
ขั้นตอน
-
รู้จักปัจจัยเสี่ยง. โรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบเป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังที่มักเกิดกับขาท่อนล่างหรือหน้าแข้ง สาเหตุคือติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม เชื้อที่พบบ่อยคือ streptococcus กับ staphylococcus มีหลายปัจจัยเสี่ยงด้วยกันที่เปิดช่องให้แบคทีเรียพวกนี้เข้าสู่ร่างกายของคุณได้ง่ายขึ้นผ่านผิวหนัง [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- เป็นแผลหรือบาดเจ็บตรงบริเวณที่เป็น ทั้งรอยบาด รอยไหม้ หรือรอยครูดถลอกทำให้ผิวคุณฉีกขาดทั้งนั้น จนเปิดช่องให้แบคทีเรียเล็ดลอดเข้าไปได้
- โรคผิวหนังอย่างผื่นผิวหนังอักเสบ (eczema) อีสุกอีใส (chicken pox) งูสวัด (shingles) หรือผิวแห้งเป็นปื้น พอผิวชั้นนอกไม่เรียบสนิทก็ทำให้แบคทีเรียผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
- ระบบภูมิต้านทานร่างกายบกพร่อง (compromised immune system) ถ้าคุณมีเชื้อ HIV/AIDS เป็นโรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคอื่นๆ ที่กระทบต่อภูมิคุ้มกันของคุณ ก็แน่นอนว่าคงเสี่ยงผิวหนังติดเชื้อได้ง่ายๆ
- ภาวะบวมน้ำเหลือง (lymphedema) แขนหรือขาบวมเรื้อรัง ทำให้ผิวแตกจนเสี่ยงติดเชื้อ
- โรคอ้วน (obesity) ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำคุณเสี่ยงเป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบมากขึ้น
- ถ้าคุณเคยเป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบมาก่อน ก็เสี่ยงจะเป็นได้อีกในอนาคต
-
สังเกตอาการและสัญญาณอันตราย. อาการที่ชัดเจนที่สุดของโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ ก็คือมีผื่นคันแดงที่ลามไปทั่วบริเวณผิวหนังที่เป็นแผลหรือบาดเจ็บ ถ้าคุณเห็นผื่นขึ้นแถวๆ รอยบาดรอยไหม้ หรือบริเวณที่ผิวแตก โดยเฉพาะที่ขาท่อนล่าง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ อาการอื่นๆ ที่พบบ่อยก็คือ
- มีผื่นแดง ร้อน คัน ที่บวมและลุกลาม จนผิวหนังดูยืดตึง
- รู้สึกปวด กดแล้วเจ็บ หรือระบมแถวๆ บริเวณที่ติดเชื้อ
- หนาวสั่น เหนื่อยล้า และมีไข้เมื่ออาการติดเชื้อรุนแรงขึ้น
-
ไปตรวจให้แน่ใจว่าคุณเป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบจริงๆ. ถ้าคุณมีอาการของโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ ถึงผื่นคันจะยังไม่ลุกลามเท่าไหร่ ก็ต้องไปหาหมอโดยด่วน เพราะถ้าโรคเริ่มลุกลามอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ ที่สำคัญคือ โรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบอาจเป็นสัญญาณบอกว่าอาจมีอาการติดเชื้ออื่นที่ร้ายแรงกว่ากำลังแพร่กระจายอยู่เงียบๆ ก็ได้ [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ตอนไปหาหมอ ขอให้อธิบายอาการที่อาจเป็นสัญญาณบอกโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบให้ละเอียด
- นอกจากการตรวจร่างกายแล้ว คุณหมออาจทดสอบบางอย่างเพิ่มเติม เช่น การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (complete blood count หรือ CBC) และการเก็บตัวอย่างเลือดไปเพาะเชื้อ (blood culture)
โฆษณา
-
ระวังเรื่องแพร่เชื้อให้คนอื่น. เดี๋ยวนี้เชื้อดื้อยา MRSA (methicillin-resistant Staphylococcus aureus) นั้นมีเยอะแถมติดต่อง่ายจนน่ากลัว [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล เพราะงั้นห้ามใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับใคร เช่น มีดโกน ผ้าเช็ดตัว หรือกระทั่งเสื้อผ้า รวมถึงให้คนที่ดูแลพยาบาลคุณใส่ถุงมือก่อนแตะต้องบริเวณที่ติดเชื้อ และแตะต้องอะไรก็ตามที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ล้างทำความสะอาดแผล. ฟอกด้วยสบู่ธรรมดาจากนั้นล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นให้พันแผลด้วยผ้าเย็นๆ ชื้นๆ จะได้สบายตัวหน่อย นี่ถือเป็นแค่การบรรเทาอาการ ยังไงก็ต้องนัดตรวจกับคุณหมอต่อไป อย่างน้อยการล้างทำความสะอาดแผลก็ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อได้ [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ปิดแผล. จนกว่าแผลจะตกสะเก็ด คุณต้องปิดแผลไว้ให้ดี โดยใช้ผ้าพันแผลและเปลี่ยนผ้าใหม่ทุกวัน จะได้ช่วยป้องกันอีกแรงระหว่างร่างกายสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
-
ล้างมือบ่อยๆ. จะได้ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น และไม่เอาเชื้ออื่นมาติดตัวเองเพิ่ม ที่สำคัญคือไม่เสี่ยงเอาเชื้อแบคทีเรียมาแตะโดนแผลเปิดจุดอื่นบนร่างกาย ขอให้ล้างมือทั้งก่อนและหลังทำแผลเลย
-
กินยาแก้ปวดทั่วไป. ถ้าแผลปวดบวม ให้กินยาแก้ปวดทั่วไปอย่าง acetaminophen หรือ ibuprofen ก็จะช่วยลดปวดบวมระคายเคืองได้ ขอให้กินยาตามปริมาณที่แนะนำอย่างเคร่งครัด จากนั้นค่อยหยุดยาเมื่อได้ยาที่หมอสั่งหรือเมื่อคุณหมอแนะนำให้หยุดยาโฆษณา
-
กินยาปฏิชีวนะ. เป็นวิธีที่นิยมใช้รักษาโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบมากที่สุด โดยพิจารณาตามความรุนแรงของอาการติดเชื้อและความแข็งแรงของร่างกายคุณ ยาปฏิชีวนะมีด้วยกันหลายแบบ แต่ปกติคุณหมอจะนิยมจ่ายยาปฏิชีวนะให้กินเพื่อฆ่าเชื้อ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบจะบรรเทาอาการลงใน 2 - 3 วัน และหายขาดไปในที่สุดเมื่อครบ 7 - 10 วัน
- คุณหมออาจแนะนำให้กิน cephalexin ในปริมาณ 500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง ถ้าสงสัยว่าเชื้อจะดื้อยา (MRSA) คุณหมออาจจ่ายยา Bactrim, Clindamycin, Doxycycline หรือ Minocycline ให้ แต่ส่วนมากจะเป็น Bactrim
- คุณหมอมักนัดคุณมาตรวจติดตามผลใน 2 - 3 วัน เพื่อดูว่าอาการดีขึ้นหรือยัง ถ้าเริ่มทุเลาแล้วก็จะให้คุณกินยาปฏิชีวนะเต็มคอร์ส (ปกติคือ 14 วัน) เพื่อให้แน่ใจว่าหายขาดจริงๆ ระหว่างนั้นห้ามหยุดยาหรือกินยาไม่ครบเด็ดขาด เพราะจะทำให้รักษาอาการติดเชื้อได้ยากกว่าเดิม
- ถ้าคุณร่างกายแข็งแรงดีและติดเชื้ออยู่แค่ที่ผิวหนัง คุณหมออาจจ่ายยาปฏิชีวนะแบบกินให้ แต่ถ้าติดเชื้อลึกไปกว่านั้นและมีอาการอื่นร่วมด้วย แค่ยากินอาจไม่เห็นผลทันการ
-
รักษาโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบขั้นรุนแรง. ในรายที่อาการหนักมาก จนโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบลุกลามลึกเข้าไปในร่างกาย ก็ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แล้วให้ยาปฏิชีวนะทางสายน้ำเกลือหรือฉีดยาเพื่อฆ่าเชื้อให้เร็วกว่าการกินยา [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ล้างแผลอย่างระมัดระวัง. โรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบเกิดได้ง่ายมากถ้าคุณมีแผลเปิดแล้วไม่ดูแลรักษาให้ดี จนเป็นช่องทางให้แบคทีเรียเล็ดลอดเข้าไปได้ วิธีป้องกันได้ดีที่สุดคือล้างทำความสะอาดทันทีที่เกิดแผล ไม่ว่าจะเป็นแผลถลอก ถูกบาด หรือแผลไหม้ก็ตาม
- ล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นประจำทุกวันจนกว่าแผลจะหายสนิท [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าแผลใหญ่หรือลึก ให้ใช้ผ้าก๊อซปลอดเชื้อพันแผลไว้ จากนั้นเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทุกวันจนกว่าแผลจะหายดี
-
ยกขาสูง. ถ้าเลือดไหลเวียนไม่ดีอาจทำให้แผลหายช้าลง แก้ไขได้โดยยกส่วนที่เป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบสูงไว้ เช่น ถ้าเป็นที่ขาก็ให้ยกขาสูง จะช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดทำให้หายเร็วขึ้น [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ให้หาหมอนสักใบสองใบมาหนุนให้ขาสูงตอนนอน
-
เฝ้าระวังการติดเชื้อ. สำรวจแผลทุกวันตอนเปลี่ยนผ้าพันแผล จะได้แน่ใจว่าอาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าแผลเริ่มบวม แดง หรือคัน ก็น่าจะไปหาหมอเพื่อตรวจรักษาต่อไป หรือถ้าแผลฉ่ำมีหนองหรืออะไรไหลออกมา ก็เป็นสัญญาณอันตรายว่าแผลอาจติดเชื้อเช่นกัน ให้รีบนัดหมอด่วนเลย
-
บำรุงผิวให้แข็งแรง. โรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบมักเกิดกับคนที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าคุณหมั่นดูแลผิวตัวเองให้ดีๆ ก็สามารถป้องกันโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบได้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ผิวแพ้ง่ายหรือแห้งแตก หรือเป็นเบาหวาน ผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อผิว ให้ลองใช้เทคนิคข้างล่างดู ผิวหนังจะได้สุขภาพดี ไม่เสี่ยงเป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ
- หมั่นทาครีมบำรุงผิวไม่ให้แห้งแตก และดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- ใส่ถุงเท้าและรองเท้าหนาๆ หน่อยเพื่อสุขภาพเท้าที่ดี
- เวลาตัดเล็บเท้าระวังอย่าให้เป็นแผล
- โรคน้ำกัดเท้า (ฝรั่งเรียก athlete's foot ไทยเรียกฮ่องกงฟุต) ถ้าเป็นแล้วต้องรีบรักษาก่อนพัฒนาไปเป็นโรคติดเชื้อที่ร้ายแรงกว่า [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- รักษาภาวะบวมน้ำเหลือง (lymphedema) เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งแตก
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เท้าและขาคุณถลอกปอกเปิกหรือเป็นแผล (อย่างบุกป่าฝ่าพง ทำสวน และอื่นๆ)
โฆษณา
เคล็ดลับ
- คุณป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบได้โดยดูแลสุขภาพผิวให้ดี เป็นแผลเมื่อไหร่ให้ฟอกสบู่แล้วล้างน้ำจนสะอาด จากนั้นปิดแผลด้วยผ้าพันแผลทุกครั้ง
- หลังหาหมอครั้งแรกแล้วต้องติดตามผลเรื่อยๆ ถ้าอาการหนักอาจต้องหาคุณหมอเฉพาะทางไปเลย เช่น คุณหมอโรคติดเชื้อ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cellulitis/basics/risk-factors/con-20023471
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cellulitis/basics/tests-diagnosis/con-20023471
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cellulitis/basics/causes/con-20023471
- ↑ http://www.cdc.gov/mrsa/pdf/MRSA_ProviderBrochureF.pdf
- ↑ http://www.cdc.gov/mrsa/pdf/MRSA_ProviderBrochureF.pdf
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cellulitis/basics/preparing-for-your-appointment/con-20023471
- ↑ http://www.merckmanuals.com/professional/dermatologic_disorders/bacterial_skin_infections/cellulitis.html
- ↑ http://www.merckmanuals.com/professional/dermatologic_disorders/bacterial_skin_infections/cellulitis.html
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cellulitis/basics/prevention/con-20023471
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,567 ครั้ง
โฆษณา