ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

วิกฤตการดำรงอยู่จะเกิดขึ้นเมื่อคำตอบของสิ่งที่คุณเคยถามถึงความหมายของชีวิต รวมทั้งจุดในชีวิตที่คุณอยู่ไม่สามารถให้ความพึงพอใจ ทิศทาง หรือความสงบทางใจได้อีกต่อไป การรับมือกับวิกฤตการดำรงอยู่ทำให้คุณต้องตระหนักถึงสภาวะจิตใจอย่างที่มันเป็น จากนั้นจึงค่อยนิยามความหมายของชีวิตอีกครั้งด้วยการยึดมั่นในสิ่งที่คุณเชื่อ ใช้พลังงานไปกับงานที่มีประสิทธิภาพหรือสร้างสรรค์ และใคร่ครวญถึงบทเรียนชีวิตที่คุณได้เรียนรู้มาจนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน

  1. ถ้าคุณกำลังตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิตหรือเหตุผลของการดำรงอยู่ หรือถ้ารากฐานของชีวิตคุณดูท่าจะสั่นคลอนและเลื่อนลอย คุณก็อาจจะกำลังเจอวิกฤต (มักจะเรียกว่าวิกฤต "การดำรงอยู่" เพราะเกี่ยวเนื่องกับแนวคิดที่ถกกันในปรัชญาสาขาอัตถิภาวนิยม) ซึ่งอาจเป็นผลมาจาก :
    • ความรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวและแยกตัวอย่างโดดเดี่ยวในโลก
    • ความเข้าใจหรือความซาบซึ้งถึงความตายที่เพิ่งเกิดขึ้น
    • การเชื่อว่าชีวิตคนเรานั้นไม่ได้มีเหตุผลหรือความหมายภายนอกใดๆ
    • การตระหนักถึงเสรีภาพและผลของการยอมรับหรือปฏิเสธเสรีภาพนั้น
    • ประสบการณ์ที่สร้างความพึงพอใจหรือความเจ็บปวดสุดขีดจนเราต้องค้นหาความหมาย [1]
  2. อัตถิภาวนิยมเชื่อว่า ปัจเจกบุคคลมีอำนาจในการที่จะเลือกสิ่งที่มากำหนดการดำรงอยู่ของเขาหรือเธอเองได้ การเลือกที่จะสร้างความหมายของชีวิต ด้วยตัวคุณเอง โดยไม่อาศัยความช่วยเหลือจากใครจะทำให้คุณผ่านพ้นวิกฤตการดำรงอยู่ไปได้ในที่สุด ด้านล่างนี้เป็นวิธีที่อาจช่วยคุณได้
    โฆษณา
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

วิธี พระผู้ช่วยให้รอดองค์สุดท้าย

ดาวน์โหลดบทความ

Peter Wessel Zapffe นักปรัชญาชาวนอร์เวย์กล่าวว่า จิตสำนึกของมนุษย์นั้นเกี่ยวพันอยู่ใน "การอดกลั้นของจิตสำนึกที่มีมากเกินไปจนเป็นบ่อนทำลาย" อย่างชัดเจน และเสนอแนวทางปฏิบัติไว้ 4 แนวทางด้วยกัน ได้แก่

  1. กำจัดความคิดและความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจหรือเป็นลบออกไปจากจิตสำนึกให้หมด และปฏิเสธสิ่งเหล่านี้อย่างแข็งขัน
  2. ต่อสู้กับความรู้สึกโดดเดี่ยวด้วยการ "ยึดเหนี่ยว" จิตสำนึกของคุณไว้กับค่านิยมที่ตายตัวหรืออุดมคติ เช่น " พระเจ้า โบสถ์ รัฐ ศีลธรรม โชคชะตา กฏแห่งชีวิต ผู้คน อนาคต" การหันเหความสนใจไปที่สิ่งเหล่านี้ (ไม่ว่าคุณจะสนับสนุนหรือต่อต้านมันก็ตาม) ช่วยให้คุณรู้สึกว่าจิตสำนึกของคุณไม่ได้เลื่อนลอยไปไหน หรืออย่างที่ Zapffe กล่าวว่าเป็นการสร้าง "กำแพงโอบล้อมไม่ให้จิตสำนึกเลื่อนลอย"
  3. ระวังไม่ให้ความคิดของคุณกลายเป็นความคิดที่ทำให้คุณไม่มีความสุขด้วยการเติมเต็มชีวิตด้วยสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับงานอดิเรก โปรเจกต์ งาน หรือวิธีการระบายอารมณ์และความรู้สึกในแบบอื่นๆ ที่ทำให้ใจของคุณไม่คิดเรื่องอื่น
  4. การทดแทนเปลี่ยนแรงผลักดันภายในจิตใจไปสู่การกระทำที่สังคมยอมรับ: เปลี่ยนไปทุ่มเทพลังงานให้กับการแสดงอารมณ์และความรู้สึกเชิงบวกที่สร้างสรรค์ เช่น ดนตรี ศิลปะ วรรณคดี หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่คุณรู้สึกว่าช่วยให้คุณได้แสดงความเป็นตัวเองออกมา
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

วิธีการอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความคิดของคุณ แต่คือความผูกพันทางอารมณ์ที่มีต่อความคิด ความคิด (และภาษาที่ใช้ในการรับรู้ความคิดเหล่านั้น) เป็นผลมาจากการเรียนรู้ สังคม และปฏิกิริยาของคุณที่มีต่อประสบการณ์
  2. พยายามมองชีวิตและจุดที่คุณอยู่ในชีวิตตาม ความเป็นจริง . ตั้งคำถามกับทุกสิ่งและพยายามมองผ่านการเรียนรู้และความเห็นผิดเชิงสังคม การเมือง จิตวิญญาณ และส่วนบุคคล
  3. รู้ว่ามนุษย์เรามักรู้สึกเหมือนติดอยู่ในเกมที่คนอื่นเป็นผู้ออกแบบและควบคุม โดยที่คนๆ นั้นไม่ได้นึกประโยชน์ของคุณหรือมนุษยชาติเป็นอันดับแรก เวลาที่คุณเจอวิกฤต มันอาจจะเหมือนว่าคนอื่นประสบความสำเร็จโดยการอาศัยความไม่รู้ ความกลัว และความสามารถในการจูงจมูกคุณ ศึกษาประวัติศาสตร์อารยธรรมและศึกษาว่าสนามแข่งหนูนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คงอยู่ได้อย่างไร จากนั้นก็เริ่มสร้างความเข้าใจของตัวเองเพื่อคาดเดาว่ามันอาจจะนำไปสู่อะไร
  4. พิจารณาว่าชีวิตดูเหมือนจะร้อยเรียงได้อย่างเป็นระเบียบแค่ไหน. ความสม่ำเสมอบางอย่างดูเหมือนจะมีอยู่จริง อย่างน้อยก็ในระดับจุลภาค
  5. ความสามารถในการรับรู้ความเบิกบานของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากคุณเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หรือถ้าจะต้องเปรียบเทียบจริงๆ ก็ให้เปรียบเทียบตัวเองกับตัวเองเท่านั้น ด้วยความย้อนแย้งของโชคชะตา คุณจะเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นได้มากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณยึดมั่นในอัตวิสัยของการไม่ยินดียินร้าย
  6. จำไว้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณปล่อยวางคำว่า "ควร" ได้ คุณก็คุมบังเหียนชีวิตตัวเองได้เมื่อนั้น (ข้อความนี้ก็พูดว่า "ควร" ทำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้ฟังหูไว้หู) คุณคือสายฟ้าแห่งค่านิยมของคุณเอง และอย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วค่านิยมก็เป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายของเราตามกลไกพันธุกรรม แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นเรื่องของอารมณ์ก็ตาม ถ้าคุณรู้สึกวิตกกังวลถึง "สิ่งที่จะทำ" ตอนนี้ไม่มีใครมาบอกให้คุณทำอะไรอีกแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการเดินทาง...จำเรื่องราวตอนเด็กๆ ได้ไหม ความลึกลับ การผจญภัย ได้ดมกลิ่นใหม่ๆ และได้สัมผัสผ้าแบบใหม่ อาหารใหม่ๆ ลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คุณประสบกับความเบิกบานมากขึ้น
  7. บางคนเขียนเป็นประโยคยาวๆ เพื่อช่วยระบุว่าปัญหาของพวกเขาคืออะไร ในขณะที่คนอื่นๆ เริ่มจากการเขียนกลอนเพื่อให้ความคิดและอารมณ์ลื่นไหล จากนั้นคุณค่อยขยายความออกมาเป็นร้อยแก้วก็ได้
  8. จินตนาการถึงหลายๆ คนที่คุณชอบหรือเคารพเวลาที่เขาให้คำแนะนำแก่คุณ. อย่าเลือกใครที่หยาบคาย ลองนึกถึงคุณครูรดิศที่เป็นครูตอนป.1 หรือคนที่คุณเคยแอบชอบตอนม.3 พวกเขาไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่หรอก แต่ได้คุยกับพวกเขาก็สนุกดี
  9. จินตนาการว่าตัวเองให้คำแนะนำแก่คนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคุณ. คุณยังคงคิดว่ามันใหญ่โตจนเป็นปัญหาอยู่หรือเปล่า
  10. ถ้าคุณระบุปัญหาของตัวเองไม่ได้ ก็แปลว่ามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าวิธีแก้ปัญหาของคุณต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ให้ใช้เวลาคิดสัก 2 - 3 วัน
    • ถ้าคุณไม่สามารถทำอะไรกับปัญหาได้ในตอนนี้ ให้ยอมรับมัน ถ้าดึกแล้ว ก็ไปนอน ถ้านอนไม่หลับ หาอะไรทำที่ไม่ใช่ดูโทรทัศน์หรืออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ (แสงสีฟ้าทำให้นอนไม่หลับ) แล้วเดี๋ยวคุณก็จะง่วงนอนเอง ถ้าเป็นช่วงกลางวัน ให้ออกกำลังกายหรือทำงานให้เสร็จ คุณต้องเป็นมืออาชีพ ความสำเร็จสัก 2 – 3 อย่างไม่เคยทำร้ายใครอยู่แล้ว
  11. ถ้าหลังจากที่ค้นคว้ามาอย่างหนักหน่วงแล้วก็ยังรู้สึกไม่พอใจ คุณก็ยังได้ทำความเข้าใจหลักความจริงของสถานการณ์มากขึ้น ตอนนี้คุณต้องรู้แล้วว่าการตั้งมั่นที่จะเข้าใจความจริงเป็นเรื่องไร้สาระ (ในการที่จะใช้ศัพท์เฉพาะทางต่างๆ) เนื่องจากเราไม่รู้จริงๆ ว่า การดำรงอยู่นั้นมีความหมายจริงๆ หรือเปล่า เราจึงพึ่งพาการประเมินความเสี่ยงได้เสมอ
  12. ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน อย่าทำร้ายตัวเองและผู้อื่น แม้ว่าบางครั้งมันอาจจะเจ็บปวด แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป หาความหมายในความสุขเรียบง่ายของชีวิตผ่านประสาทสัมผัส หยุดเพื่อดมดอกกุหลาบ สัมผัสแสงแดด ลิ้มรสอาหาร มองดูความงามและฟังเสียงที่หัวใจเรียกร้อง คุณสามารถสร้างความหมายให้กับตัวเองและชีวิตของคุณเองได้ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นชีวิตของคุณ เกมของคุณ การทดลองของคุณ เล่นเกมอย่างเคารพผู้อื่น รับมือกับสถานการณ์ของตัวเองให้ดีที่สุด ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นด้วยความเคารพเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
  13. วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจพลังของตัวเองที่มีต่อโลกใบนี้ และทำให้คุณได้แก้ปัญหาพื้นฐานสักพัก อย่าแค่จัดของให้เป็นระเบียบ แต่ให้ลงมือ ทำความสะอาด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดด้วย
  14. เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่คุณจะได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเพื่อแสวงหาความสุขและการเติมเต็มตนเอง อำนาจนี้เป็นของคุณ ใช้ซะ
  15. ถ้าคุณไม่ได้สนใจปัญหาทางปรัชญาเรื่องความสิ้นหวังในการดำรงอยู่ คุณก็คงไม่ประสบกับวิกฤตการดำรงอยู่ เพราะการที่ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้อย่างชัดเจนจะต้องทำให้คุณเบื่อหน่ายแน่นอน ถ้าคุณกำลังอ่านหน้านี้อยู่ แสดงว่าคุณต้องไม่พอใจ เพราะฉะนั้นคุณต้องสนใจปัญหาทางปรัชญาแน่นอน ทำไมน่ะเหรอ เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอ คุณต้องพิจารณาแรงกระตุ้นเหมือนทุกอย่างที่คุณทำ คำถามที่มีประโยชน์ในการพิจารณาครั้งนี้คือ "ถ้าฉันค้นพบสัจธรรมและความหมายของชีวิต ฉันจะทำ คิด และรู้สึกอย่างไร" คุณอาจจะค้นพบความจริงของชีวิตที่สดใหม่หรืออาจจะแค่รู้เป้าหมายก่อนหน้าของตัวเองและจบแค่นั้น แต่ถ้าหากการจบแบบใหม่หรือแบบเดิมไม่ดีต่อตัวคุณเองแล้วล่ะก็ ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ดูแลร่างกายตัวเอง การดื่มน้ำให้มากขึ้นสามารถต่อสู้กับอาการปวดหัวและความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง การออกไปเดินเล่นก็ช่วยให้คุณได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และเพิ่มเอ็นดอร์ฟินส์ด้วย
  • อย่ากลัวความล้มเหลว ถ้าคุณเผชิญกับความล้มเหลว ให้เข้าหามันจากมุมมองที่ว่า ความล้มเหลวเป็นเพียงประสบการณ์ที่จะทำให้คุณเกิดปัญญาและโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและการเติบโต
  • ถ้าคุณแต่งงานหรืออยู่กับคนรัก กฎทั่วไปมีอยู่ว่า ถ้าเมื่อคืนคุณปลุกเขาขึ้นมา คืนนี้อย่าปลุกอีก เขารักคุณ แต่เขาก็ได้ให้คำแนะนำที่คุณต้องการไปแล้ว
  • ไม่ว่ามันจะห้ามใจได้ยากแค่ไหน ก็อย่าเอาความไม่มั่นคงของคุณไปลงกับคนอื่น ถ้าคุณคิดว่าตัวเองห่วย ก็เป็นเรื่องที่คุณต้องรับมือเอง การทำลายคนอื่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่คุณมีต่อตัวเองเปลี่ยนไป ไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
  • บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกเหมือนว่าคุณแค่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำของชีวิตมากกว่าจะใช้ชีวิตจริงๆ เพราะฉะนั้นนั่งลงแล้วตั้งสติ จริงๆ แล้วในชีวิตนี้คุณอยากประสบความสำเร็จเรื่องอะไร แล้วก็แค่ลงมือทำ
  • ยอมรับสิ่งที่ (และคนที่) คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมได้
  • หาความสำเร็จในสิ่งเล็กๆ แล้วมันจะนำคุณไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
  • อย่าปฏิเสธที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา เพราะอย่างที่คุณเคยได้ยินว่า ชีวิตจะมีความหมายมากขึ้นก็ต่อเมื่อคุณทุกข์
  • คอยช่วยเหลือผู้อื่น
  • อย่าใช้ความคิดมากนัก หลังเที่ยงคืน เพราะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นยกเว้นว่าคุณจะเป็นพวกที่ชอบทำงานตอนกลางคืนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว สำหรับคนที่กลางวันคิดอะไรไม่ค่อยออกและทำงานได้ดีเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ให้เปลี่ยนไปเป็นไม่คิดอะไรมากตอนกลางวันแทน และอย่าคิดอะไรมากมายตอนเช้าก่อนที่คุณจะตื่นเต็มตามากพอที่จะรู้สึกถึงอารมณ์อื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากความเจ็บปวดหรือความเดือดดาล
  • อย่ากลัวที่จะหัวเราะและล้อตัวเองบ้าง เพราะมันเป็นวิธีที่ดีในการที่จะค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณว่าเป็นอย่างไร วิธีนี้ทำให้คุณรู้สึกถึงอิสรภาพส่วนบุคคลอย่างแท้จริง และยังเป็นวิธีที่ดีในการที่จะทำความเข้าใจว่าอะไรที่สำคัญกับคุณจริงๆ ถ้าคุณแทบจะหัวเราะกับอะไรไม่ได้เลย นั่นหมายความว่าปัญหาของคุณใหญ่กว่าที่คุณคิดตั้งแต่แรกมากๆ
  • นักเขียนที่เขียนเกี่ยวกับประเด็นนี้ได้แก่นีทเชอ ซาทร์ และกามูว์ การอ่านผลงานของนักเขียนเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกแย่หรือดีขึ้นกว่าเดิม แล้วแต่ว่าคุณเป็นคนแบบไหน
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าหันหน้าหาแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดในการรับมือกับวิกฤตของคุณ เพราะถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจได้ชั่วคราว แต่พฤติกรรมที่ปราศจากการไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนนี้มีแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้แก่คุณในระยะยาว ทำให้คุณเติบโตและพัฒนาชีวิตตัวเองได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
  • อย่าลังเลที่จะโทรหาสายด่วนสุขภาพจิต เพราะสายด่วนสุขภาพจิตมีไว้เพื่อประโยชน์ของผู้ที่เผชิญความยากลำบากแบบเดียวกันกับคุณ ชีวิตเป็นเรื่องยาก ช่วยเหลือผู้อื่นและขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ
  • ไม่ว่าคุณจะทำอะไร อย่าฆ่า ทำร้ายร่างกาย หรือทำให้ตัวเองเจ็บปวดอย่างหนัก อย่าสร้างความเปลี่ยนแปลงถาวรเพราะปัญหาชั่วคราว การทำลายนิยายที่คุณมีแค่เล่มเดียวหรือสักที่ใบหน้าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ถ้าคุณรู้สึกอยากจะลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในลักษณะนี้ทันที ให้เปลี่ยนมาทำอะไร เช่น โกรกผมสีฟ้าแทนจะดีกว่า
  • เคารพการดำรงอยู่ของผู้อื่น ถ้ามีบางคนหรือบางสิ่งที่หยุดยั้งไม่ให้คุณทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ การกำหนดหนทางปฏิบัติที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พูดอีกอย่างก็คือการฆ่า ทำร้าย หรือทำอันตรายผู้อื่นนั้นเป็นการกระทำร้ายแรงที่อาจนำไปสู่หายนะของตัวคุณเอง จงใช้ชีวิตและให้ผู้อื่นได้ใช้ชีวิตด้วย ถ้าคุณคิดว่าชีวิตมันห่วยแตก แต่จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่เคยติดคุก ถ้าคุณรู้สึกจริงๆ ว่าชีวิตมีความหมายมากกว่าเมื่อเจอความทุกข์ ก็ไม่ต้องใส่ใจคำแนะนำนี้และอยู่กับความคิดนี้ต่อไป แล้วคุณจะได้พบความหมายของการรับผิดชอบที่หนักหน่วงจากข้างในอย่างแน่นอน
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,986 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา