ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรามีไข้ (fever) เพราะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายที่มีต่อไวรัส อาการติดเชื้อ และโรคภัยต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศไม่พึงประสงค์ให้สิ่งแปลกปลอมในร่างกายนั้นอยู่ไม่ได้ ส่วนใหญ่สิ่งแปลกปลอมนั้นจะตายหรือสลายไปในไม่กี่วัน แต่ปัญหาคือบางทีเราก็มีไข้แบบไม่รู้สาเหตุ ซึ่งจะเป็นปัญหามากถ้ามีไข้สูงจากโรคร้ายแรงแต่เราไม่รู้ตัว หรือหาสาเหตุไม่ได้ จนทำให้รักษาได้ไม่ตรงจุด บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการสังเกตอาการให้รู้ตัวเมื่อมีไข้ รวมถึงวิธีปฏิบัติตัวเมื่อไข้สูงเพราะโรคร้ายแรง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

สังเกตอาการเมื่อมีไข้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าอุณหภูมิออกมา 103°F (39.4°C) หรือต่ำกว่า ก็ดูแลตัวเองได้เลย แต่คอยสังเกตอาการเป็นระยะ ว่าดีขึ้นหรือเปล่า [1] แต่ถ้ามีไข้สูงเกิน 104°F (40°C) ให้รีบขอความช่วยเหลือหรือไปแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลด่วน เพราะต้องได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
  2. ถ้าจะสังเกตตัวเองว่ามีไข้หรือเปล่า ก็คงยากจะบอกว่าตกลงอุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 98.7°F (37°C) หรือ 101.2°F (38.4°C) จะง่ายกว่าถ้าสังเกตจากอาการอื่นแทน (อ่านต่อข้างล่าง)
    • ถ้าจะสังเกตอาการของคนอื่น ให้ลองเอามือเราวัดอุณหภูมิร่างกายของตัวเอง แล้วรีบไปแตะตัวคนที่สงสัยว่าจะเป็นไข้ดู อย่างน้อยก็เปรียบเทียบได้ว่าเขาตัวร้อนหรือเปล่า ถ้าตัวคุณเย็นกว่ามาก แสดงว่าเขาน่าจะมีไข้
    • แล้ววิธีนี้เชื่อได้มากแค่ไหน? มีงานวิจัยหนึ่งพบว่าคนที่พยายามจะวัดไข้โดยใช้มือแตะ มัก "รู้สึกว่ามีไข้สูงเกินจริง" บางทีก็มากถึง 40% เลยทีเดียว [2]
  3. คนเรามีไข้เพราะร่างกายปรับอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเพื่อสู้กับอาการติดเชื้อ ไวรัส และโรคภัยอื่นๆ [3] ถือเป็นกลไกการป้องกันตัวตามธรรมชาติ อาการที่เห็นได้ชัดหลังร่างกายปรับอุณหภูมิสูงขึ้น ก็คือมักคอแห้งหรือขาดน้ำ
    • อาการ [4] ที่บอกได้ว่าคุณกำลังขาดน้ำก็คือ
      • ปากแห้ง
      • คอแห้ง
      • ปวดหัวและอ่อนเพลีย
      • ผิวแห้ง
      • ท้องผูก
    • อาการขาดน้ำอาจรุนแรงขึ้นได้ถ้าอาเจียนหรือท้องเสียควบคู่ [5] ถ้าคุณมีอาการดังที่ว่า ให้ดื่มน้ำชดเชยเยอะๆ
  4. หลายเคสผู้ป่วยจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อควบคู่ไปกับอาการขาดน้ำ ซึ่งจะยิ่งรุนแรงถ้ามีไข้สูง หมายเหตุ : ถ้ามีไข้แล้วกล้ามเนื้อที่หลังแข็ง ตึงเกร็ง ให้รีบไปโรงพยาบาลเพราะอาจเป็นอาการบอกโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย (bacterial meningitis) ที่ทำให้สมองเสียหายได้ [6]
  5. ถ้ามีไข้ 104°F (40°C) หรือสูงกว่า นอกจากร้อนวูบวาบ ขาดน้ำ ปวดหัว ปวดตัว และอ่อนเพลียทั่วไป อาจมีอาการดังต่อไปนี้ด้วย ถ้ามีอาการข้างล่างหรือพบว่าตัวเองมีไข้สูงกว่า 40°C ให้รีบไปหาหมอทันที [7]
    • เห็นภาพหลอน
    • สับสนหรือหงุดหงิด
    • ชักหรือกระตุกเกร็ง
  6. ถ้าเด็กเป็นไข้ หรือท่าทางจะเป็นไข้ แล้ววัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 103°F (39.4°C) ให้พาไปหาหมอ ส่วนใหญ่เวลามีไข้ต่ำๆ หรือปานกลาง ก็ดูแลกันเองที่บ้านได้ไม่มีปัญหา จะมีแค่บางเคสที่ผู้ป่วยมีไข้เพราะโรคอื่น แบบนั้นต้องหาหมอด่วน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีไข้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณหมอแนะนำว่าถ้ามีไข้ต่ำๆ (low-grade (mild) fever) ก็ไม่ต้องไปทำอะไร. เพราะเป็นการตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมตามธรรมชาติของร่างกาย ถ้าไปชิงลดไข้ก่อนร่างกายทันขับสิ่งแปลกปลอมออกจนหมด อาจทำให้ป่วยนานขึ้น หรือไปปกปิดโรคที่เป็นสาเหตุให้มีไข้แทน [8]
  2. ยาแก้ปวดตามร้านขายยาอย่าง NSAID (ไม่ใช่สเตียรอยด์) ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดตอนเป็นไข้ได้ ส่วนใหญ่ถ้ากินยา NSAID ขนานต่ำๆ ก็ได้ผลดีพอตัว
    • ห้ามให้เด็กกินยาแอสไพรินเด็ดขาด เพราะเสี่ยงเกิดโรคร้ายอย่าง Reye's Syndrome [9] เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้ใช้ยาแอสไพรินเฉพาะในผู้ใหญ่เท่านั้น
    • ยา Acetaminophen (Tylenol) หรือไอบูโพรเฟน (Advil) นั้นใช้ได้ในทุกเพศทุกวัย ถ้าคุณยังมีไข้สูงแม้กินยาตามขนานที่แนะนำ ก็อย่าไปกินเพิ่ม ให้ไปหาหมอดีกว่า
  3. [10] จำเป็นมากสำหรับคนเป็นไข้ เพราะมักเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งถือว่าอันตรายมากเวลาเป็นไข้ พยายามดื่มแต่น้ำเปล่าเข้าไว้ ดื่มน้ำอัดลมกับชาได้บ้างแต่อย่าเยอะ ท้องไส้จะได้ไม่ปั่นป่วน นอกจากนี้ให้กินซุปข้นหรือซุปใสด้วย จะได้มีเนื้อหนังบ้าง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้ามีไข้แล้วเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เป็นไปได้มากว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ก็ไม่เสมอไป
  • มีไข้แล้วร้อนวูบวาบ แก้มแดง เป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ถ้ามีเจลแพ็คเย็นๆ ก็เอามาประคบหน้า/หน้าผากได้เลย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
  • มีไข้แล้วมักหนาวสั่น แต่บางทีก็เป็นสัญญาณบอกโรคที่ร้ายแรงกว่าได้ เช่น ภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) เพราะฉะนั้นถ้ามีไข้แล้วหนาวสั่น ให้รีบหาหมอตรวจร่างกายหาโรคอันเป็นสาเหตุ ถ้าหนาวสั่นรุนแรงอาจมีผลข้างเคียงอันตรายอย่างสมองกระทบกระเทือน ขาดน้ำ ชักเกร็ง ถึงขั้นช็อคได้
  • ดื่มเครื่องดื่มร้อนเย็นสลับกันไปตลอดวัน จะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย แถมไม่ขาดน้ำ
  • กินวิตามิน ที่ช่วยต้านไข้หวัดได้ดีมากๆ ก็คือวิตามินซี ถึงไม่ป่วยก็กินได้ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
  • แนบแก้มตัวเองดู ถ้าร้อน ก็แสดงว่ามีไข้
  • ถ้าเป็นเด็กแล้วมีไข้ กินยาพาราเซตามอลจะช่วยได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้ามีไข้สูงนานเกิน 48 ชั่วโมง (โดยประมาณ) โดยไม่ลดลง ให้ไปหาหมอทันที
  • ถ้ามีเทอร์โมมิเตอร์ติดบ้าน ให้รีบวัดไข้เผื่อไข้สูงเกินไปจะได้รู้ ถ้าไข้สูงเกิน 103°F (39.4°C) นานเกิน 24 ชั่วโมงไม่ยอมลด ให้รีบไปหาหมอเช่นกัน
  • ถ้ารู้สึกวิงเวียน ยืนแล้วจะล้ม ให้รอจนรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยลุกเดินไปมา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,041 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา