ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ดีเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่บางทีคุณก็อาจอยากลดน้ำหนักนิดๆ หน่อยๆ ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะเพื่อให้ได้ตามเกณฑ์ที่ต้องการ เพื่อให้ใส่บิกินี่ได้อย่างมั่นใจขึ้น หรือเพื่อให้ใส่ชุดแต่งงานในฝันได้ มีวิธีไม่มากที่จะทำให้คุณลดน้ำหนักภายใน 3 วันได้อย่างปลอดภัย แต่คุณสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินและสัดส่วนเล็กๆ น้อยๆ ได้ในเวลาสั้นๆ โดยทำตามสูตรควบคุมอาหารแบบ fad diet (จำกัดปริมาณอาหาร) หรือใช้วิธีลดน้ำและแก๊สในท้อง แต่ถ้าจะลดแคลอรี่ เผาผลาญไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ ให้ได้ผลลัพธ์ระยะยาวจริงๆ คุณต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการกินอาหารครั้งใหญ่ทีเดียว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ควบคุมอาหารแบบ Fad Diet เพื่อผลลัพธ์ระยะสั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีควบคุมอาหารแบบ 3-Day Diet บางทีก็เรียกว่า Military Diet (การคุมอาหารสูตรทหาร) เป็นแผนการควบคุมอาหารแบบสามวัน โดยมีแผนการกินมื้อเช้า กลางวัน เย็น แบบเคร่งครัด ผู้เสนอวิธีนี้แนะนำให้กินอาหารให้ได้ใกล้เคียงตามแผนที่สุดเท่าที่ทำได้ และวันที่เหลือในสัปดาห์ก็กลับไปกินแบบแผนควบคุมอาหาร 1,500 แคลอรี่ตามปกติ [1]
    • มื้อเช้า วันที่ 1 ประกอบด้วย:
      • กาแฟดำหรือชาดำไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย (0.25 ลิตร)
      • ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ควรเป็นแบบโฮลวีท
      • เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร)
      • เกรปฟรุต 1/2 ลูก
    • มื้อกลางวัน วันที่ 1 ประกอบด้วย:
      • กาแฟดำหรือชาดำไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย (0.25 ลิตร)
      • ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ควรเป็นแบบโฮลวีท
      • ทูน่า 1/2 กระป๋อง
    • มื้อเย็น วันที่ 1 ประกอบด้วย:
      • เนื้อสัตว์อะไรก็ได้ 3 ออนซ์ (85 กรัม – ขนาดประมาณไพ่หนึ่งสำรับ)
      • ถั่วแขกนึ่งหรือสด 1 ถ้วย (340 กรัม)
      • กล้วย 1/2 ลูก
      • แอปเปิล 1 ลูกเล็ก
      • ไอศกรีมวานิลลา 1 ถ้วย (0.25 ลิตร) (เย้ ของหวาน!)
    • มื้อเช้า วันที่ 2 ประกอบด้วย:
      • ไข่ 1 ฟอง ปรุงแบบไหนก็ได้
      • ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ควรเป็นแบบโฮลวีท
      • กล้วย 1/2 ลูก
    • มื้อกลางวัน วันที่ 2 ประกอบด้วย:
      • ไข่ต้ม 1 ฟอง
      • คอทเทจชีส 1 ถ้วย (0.25 ลิตร)
      • มันเทศอบกรอบ 0.7 ออนซ์ (20 กรัม)
    • มื้อเย็น วันที่ 2 ประกอบด้วย:
      • ฮ็อทด็อก 2 ชิ้น (ไม่ต้องมีขนมปัง)
      • บร็อกโคลี 1 ถ้วย (340 กรัม)
      • แครอท 1/2 ถ้วย (170 กรัม)
      • กล้วย 1/2 ลูก
      • ไอศกรีมวานิลลา 1/2 ถ้วย (0.12 ลิตร) (ของหวานอีกแล้ว เย้!)
    • มื้อเช้า วันที่ 3 ประกอบด้วย:
      • แอปเปิล 1 ลูกเล็ก
      • เชดด้าชีส 1 แผ่น
      • มันเทศอบกรอบ 0.7 ออนซ์ (20 กรัม)
    • มื้อกลางวัน วันที่ 3 ประกอบด้วย:
      • ไข่ 1 ฟอง ปรุงแบบไหนก็ได้
      • ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ควรเป็นแบบโฮลวีท
    • มื้อเย็น วันที่ 3 ประกอบด้วย:
      • ทูน่า 1 ถ้วย (340 กรัม)
      • กล้วย 1/2 ลูก
      • ไอศกรีมวานิลลา 1 ถ้วย (0.25 ลิตร) (ของหวานสามวันเลย!)
  2. งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าการดื่มแต่น้ำเปล่าและกินอาหารให้ไม่เกินวันละ 200 แคลอรี่เป็นเวลาสามวันจะช่วยเปิดระบบภูมิคุ้มกันใหม่และลดน้ำหนักได้เล็กน้อยอย่างรวดเร็ว [2]
    • การอดอาหารแบบฝืนนี้จะไปสลายพลังงานที่เก็บสะสมไว้ (ในรูปของไกลโคเจน) ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายรีไซเคิลและสร้างเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันใหม่เมื่อเลิกอดอาหาร [3]
    • คำเตือน! การอดอาหารอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อายุน้อยหรือผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ถ้าคุณคิดจะลองวิธีอดอาหารสามวันจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ขจัดน้ำในร่างกายเพื่อผลลัพธ์ระยะสั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โซเดียมจะช่วยกักเก็บน้ำในร่างกาย การจำกัดปริมาณการบริโภคเกลือและอาหารโซเดียมสูงอื่นๆ จะช่วยขจัดสัดส่วนส่วนเกินที่มาจากการบวมน้ำได้ [4]
    • จำกัดปริมาณโซเดียมที่กินให้อยู่ที่ 1-1.5 กรัม (0.04-0.05 ออนซ์) ต่อวัน (ปริมาณทางการแพทย์ที่แนะนำสำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 50 คือไม่เกิน 2.3 กรัม หรือ 0.09 ออนซ์) [5]
    • หลีกเลี่ยงการกินอาหารกระป๋องและอาหารสำเร็จรูป รวมถึงพวกซอสและน้ำสลัดต่างๆ ด้วย อาหารที่เก็บได้นานพวกนี้มักจะใช้เกลือเป็นวัตถุกันเสียจึงมีโซเดียมสูง
    • งดอาหารจำพวกเนื้อตัดเย็น (ชีส หรือเนื้อที่ทำสุกแล้ว เช่น แฮม ไส้กรอก) เพราะเต็มไปด้วยโซเดียมเช่นกัน [6]
    • ใส่เกลือแค่นิดเดียวเวลาทำอาหาร
    • ลดการกินชีส เพราะมีปริมาณเกลือสูง
  2. การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ
    • ดื่มน้ำให้เยอะๆ มันอาจจะดูขัดแย้งกัน แต่การดื่มน้ำเยอะๆ นั้นสำคัญกับการขจัดน้ำหนักส่วนเกินจากน้ำมากทีเดียว การดื่มน้ำวันละประมาณ 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้เป็นปกติและควบคุมระดับน้ำในร่างกายให้สมดุล [7]
    • บีบมะนาวลงไปในน้ำ มะนาวเป็นตัวช่วยย่อยและขับปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยทั้งเรื่องบวมน้ำและท้องอืด
    • ดื่มกาแฟหรือชา เครื่องดื่มสองอย่างนี้สามารถเป็นตัวช่วยขับปัสสาวะได้ ซึ่งหมายความว่ามันจะกระตุ้นให้ร่างกายกำจัดน้ำออกไปมากขึ้น
  3. นอกจากโซเดียมแล้ว ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) ในร่างกายก็ส่งผลต่อการบวมน้ำเช่นกัน [8]
    • คุมระดับคอร์ติซอลในร่างกายให้เหมาะสมโดยนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมง
    • ลดการออกกำลังกายลงสัก 3 วัน เพราะการออกกำลังกายจะไปเพิ่มระดับคอร์ติซอลได้ [9]
    • ทำตัวให้สบายๆ และไม่เครียด โดยดื่มชาที่ทำให้ผ่อนคลาย ฟังเพลงสบายๆ นั่งสมาธิ และฝึกการหายใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสงบและลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

แก้อาการท้องอืดตัวบวม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การลดน้ำหนักแบบขจัดน้ำหรือกินยาลดน้ำหนักเป็นวิธีที่ ไม่ แนะนำ แต่คุณสามารถซื้อยาลดแก๊สในกระเพาะมากินเพื่อขับลม แก๊ส หรืออื่นๆ ที่ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อได้อย่างปลอดภัยเพื่อให้ผอมอย่างรวดเร็วได้
  2. ถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ลองกินอาหารเสริมแมกนีเซียมเพื่อช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ [10]
  3. มันจะช่วยยืดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณท้องได้ [11]
    • นอนหงายและงอเข่าทั้งสองข้างขึ้นมาหาตัว ท่านี้สามารถช่วยเรื่องการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้ชั่วคราวสำหรับบางคน
    • ปรับเปลี่ยนท่าทาง พยายามนั่งและยืนหลังตรง ไม่ทำหลังค่อมหรือตัวงอ มันจะทำให้ปวดท้องได้
  4. การเปลี่ยนอาหารที่กินและเวลาที่กินจะช่วยให้หายท้องอืดท้องบวม [12]
    • งดการกินถั่ว อาหารที่โด่งดังเรื่องทำให้ผายลม
    • กินอาหารมื้อเล็กลง กินช้าๆ และเพิ่มจำนวนมื้อระหว่างวันเพื่อไม่ให้แน่นท้องเมื่อกิน
    • เลือกกินโปรตีนสมูทตี้ โยเกิร์ต และซุปโซเดียมต่ำแทนอาหารแข็งทั่วไป ของเหลวจะย่อยง่ายกว่าและไม่ทำให้พุงออกมากเท่าอาหารแข็ง ใส่ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงกับโยเกิร์ตลงในสมูทตี้เพื่อให้ช่วยลำเลียงกากอาหารภายในลำไส้ (และออกมาข้างนอกด้วย) [13]
    • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมและการเคี้ยวหมากฝรั่ง แก๊สในน้ำอัดลมจะทำให้ท้องอืด และเวลาเคี้ยวหมากฝรั่งก็เหมือนได้กินลมเข้าไปมากเกินด้วย [14]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้นเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวัน ถึงแม้คุณจะอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ควรเน้นกินโปรตีนไร้ไขมัน (ไข่ หรือกรีกโยเกิร์ตไขมันต่ำ) เป็นอาหารเช้า เพื่อเริ่มกระตุ้นระบบเผาผลาญ ทำให้อิ่มนานขึ้น และช่วยเผาผลาญพลังงานระหว่างวัน
  2. การกินผักสดที่มีใยอาหารสูงร่วมกับมื้ออาหารและเป็นของว่างจะช่วยควบคุมความหิวและช่วยให้กินน้อยลงระหว่างวัน
  3. อย่าไปดื่มพวกน้ำหวานที่มีแต่น้ำตาล ดื่มแต่น้ำเปล่าดีกว่า [15]
    • ดื่มน้ำเปล่า 8 ออนซ์ (0.25 ลิตร) ก่อนอาหารทุกมื้อเพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มก่อนที่จะเริ่มกิน และน้ำยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและช่วยในการย่อยด้วย
    • ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 64 ออนซ์ (1.9 ลิตร) ทุกวัน
    • ลองเพิ่มรสชาติให้น้ำเปล่าแบบไม่ใช้น้ำตาลด้วยการใส่ใบมินต์สด ใบเบซิล (โหระพาฝรั่ง) หรือแตงกวาฝานลงไป เพื่อทำให้น้ำของคุณน่าดื่มมากขึ้น
  4. เครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูงอาจเป็นอันตรายได้เพราะคุณจะเผลอดื่มเยอะจนได้รับพลังงานมากเกินโดยไม่รู้ตัว พยายามงดเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาลเยอะๆ กาแฟหรือชาใส่น้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ [16]
  5. อาหารที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ที่สุด ได้แก่ ไขมันแข็ง น้ำตาลปรุงแต่ง เกลือ และแป้ง พวกนี้มีพลังงานเกิน 800 ของปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน และเรามักจะกินของเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว! [17]
    • ควรอ่านฉลากอาหารและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันแข็ง ไขมันทรานส์ และไขมันอิ่มตัว รวมถึงน้ำตาลปรุงแต่งด้วย
    • งดอาหารฟาสต์ฟู้ดและธัญพืชขัดสีต่างๆ (เช่น ขนมปังขาว เป็นต้น) ซึ่งเต็มไปด้วยไขมันและมักจะใส่น้ำตาลเพิ่มจนเกินจำเป็น
    • การจำกัดปริมาณการบริโภคเกลือและแป้งจะช่วยลดการบวมน้ำและขจัดน้ำส่วนเกินในร่างกายออก ซึ่งจะดีมากสำหรับการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว [18]
  6. นอกจากจะต้องเลือกประเภทอาหารที่กินแล้ว การคิดถึงปริมาณอาหารที่กินก็สำคัญเช่นกัน [19] พยายามลดปริมาณลงเพื่อลดแคลอรี่ และทำตามคำแนะนำพื้นฐานสำหรับการควบคุมปริมาณอาหาร ดังนี้ [20]
    • กินโปรตีนไร้มันอย่างเนื้อไก่ ถั่ว และปลา 5-6.5 ออนซ์ (142-184 กรัม)
    • กินธัญพืช 5-8 ออนซ์ (142-227 กรัม) และให้เป็นธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสีครึ่งหนึ่ง
    • กินผลไม้ 1.5-2 ถ้วย (0.35-0.5 ลิตร)
    • กินผัก 2.5-3.5 ถ้วย (0.6-0.8 ลิตร)
    • ดื่มนมแบบไม่มีไขมันหรือไขมันต่ำ 3 ถ้วย (0.7 ลิตร)
    • กินน้ำมัน ไม่เกิน 5-7 ช้อนชา (25-35 มิลลิลิตร) (กินทั้งน้ำมันจากพืชและจากสัตว์)
    • กินไขมันแข็งและน้ำตาลปรุงแต่ง ไม่เกิน 121 แคลอรี่
  7. แทนที่ในหนึ่งวันจะกินมื้อใหญ่ๆ สองสามมื้อ ให้คุณแบ่งเป็นมื้อเล็กลงแต่หลายมื้อแทน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการเผาผลาญ และลดความอยากกินจุกจิกระหว่างมื้อ [21]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ออกกำลังกายให้มากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกกำลังกายแบบเน้นการขยับร่างกายเพื่อให้หัวใจเต้นเร็ว (Cardiovascular exercises) เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ หรือเต้นแอโรบิกจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า ซึ่งเหมาะกับการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว [22]
    • ปรึกษาแพทย์ก่อนจะเริ่มออกกำลังกาย (หรือควบคุมอาหาร) ด้วยวิธีใหม่เสมอ
    • หลังวอร์มร่างกายแล้วต้องออกกำลังกายให้เหงื่อออก และทำคาร์ดิโอให้หนักต่อเนื่องถึงหนึ่งชั่วโมง
    • ออกกำลังกายแบบสลับความหนัก-เบา คือให้มีช่วงที่ออกอย่างหนักสั้นๆ ด้วย
    • ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอให้ได้วันละ 70 นาที เป็นเวลา 3 วัน เพื่อสลายไขมัน [23]
  2. การยกน้ำหนักแบบไม่หนักมากและการฝึกกล้ามเนื้อจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมัน
    • กล้ามเนื้อจะช่วยเผาผลาญไขมันและพลังงาน แม้กระทั่งเวลาพักผ่อน [24]
    • อย่าหักโหมมากไปถ้าเพิ่งเริ่มยกน้ำหนัก คุณคงไม่อยากเจ็บตัวหรอกนะ เริ่มจากเทคนิคการยกเวทพื้นฐานก่อนดีกว่า [25]
  3. ถ้าคุณเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าที่กินเข้าไปวันละ 500 แคลอรี่ ในเวลาหนึ่งสัปดาห์ คุณจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 1-2 ปอนด์ (0.5-0.9 กิโลกรัม) ถ้าคุณกินวันละ 1,000-1,200 แคลอรี่ และออกกำลังกายวันละชั่วโมง คุณจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 3-5 ปอนด์ (1.4-2.3 กิโลกรัม) [26]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เอาขนมและอาหารขยะล่อใจต่างๆ ออกจากบ้านไปซะ ถ้าไม่มีมันอยู่ คุณก็จะไม่ได้กิน
  • จดบันทึกการกินอาหาร เขียนทุกอย่างที่กินลงไปในแต่ละวัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้แหล่งที่มาของพลังงาน และระวังไม่กินของจุกจิกได้
  • ควบคุมปริมาณอาหารที่กินโดยใช้จานสลัดใบเล็กแทนจานใหญ่ๆ
  • ถ้าคุณไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ลองแบ่งจานหลักกินกับเพื่อน หรือห่อกลับบ้านครึ่งหนึ่งเพื่อเก็บไว้กินมื้ออื่นแทน
  • กินวิตามินซีและแคลเซียมให้มากขึ้น ทั้งสองอย่างนี้เป็นตัวเผาผลาญไขมัน และผลวิจัยพบว่าคนที่มีระดับวิตามินซีและแคลเซียมในร่างกายต่ำจะเผาผลาญไขมันได้น้อยกว่าคนที่มีสารทั้งสองในระดับปกติ ปริมาณวิตามินซีขั้นต่ำที่ควรบริโภคต่อวันคือ 75 มิลลิกรัม สำหรับผู้หญิง (อายุน้อยกว่า 50 ปี) และ 90 มิลลิกรัม สำหรับผู้ชาย (อายุน้อยกว่า 50 ปี) แต่สามารถบริโภคได้ถึง 400 มิลลิกรัม โดยไม่เป็นอันตราย
  • วิตามินซีพบได้ในสตรอว์เบอร์รี บร็อกโคลี และมะเขือเทศ และแน่นอนว่าคุณสามารถกินวิตามินหรืออาหารเสริมได้เช่นกัน [27] สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย (อายุน้อยกว่า 50 ปี) แนะนำให้บริโภคแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัม
  • แคลเซียมพบได้ในผลิตภัณฑ์นมและอาหารเสริม [28] แหล่งแคลเซียมที่ดีอื่นๆ ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอนกระป๋อง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ถั่วขาว ผักเครส และบร็อกโคลี [29]
  • การบริโภคโปรตีนให้เพียงพอก็สำคัญต่อการลดน้ำหนัก (เช่นเดียวกับการสร้างกล้ามเนื้อและการมีสุขภาพที่ดี) เพราะมันจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น และช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึมให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น ควรเปลี่ยนจากของว่างที่เน้นคาร์โบไฮเดรต (อย่างมันฝรั่งทอดและขนมปัง) มากินของว่างโปรตีนสูง (อย่างเนื้ออบแห้ง ถั่วเปลือกแข็ง หรือกรีกโยเกิร์ต) [30]
  • คุณสามารถระงับความอยากกินของหวานหรือของว่างหลังมื้ออาหารได้ด้วยการแปรงฟันหลังกินข้าวเสร็จ โอกาสที่คุณจะกินอะไรต่อหลังจากเพิ่งแปรงฟันจนขาวสะอาดจะลดน้อยลง
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าทำได้ควรหลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักแบบอดอาหารในช่วงสั้นๆ และตั้งใจเปลี่ยนวิถีการกินและการออกกำลังกายด้วยวิธีที่ยั่งยืนแทน นี่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้และคงน้ำหนักไว้ได้นานกว่า 3 วัน
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนวิธีการกิน การออกกำลังกาย หรือการกินอาหารเสริม ทุกครั้ง
โฆษณา
  1. http://www.redbookmag.com/body/healthy-eating/advice/g554/beat-bloat/?thumbnails
  2. http://www.redbookmag.com/body/healthy-eating/advice/g554/beat-bloat/?thumbnails
  3. http://www.webmd.com/diet/10-flat-belly-tips?page=3
  4. http://www.fitnessmagazine.com/weight-loss/tips/advice/get-rid-of-belly-bloat/
  5. http://www.webmd.com/diet/10-flat-belly-tips?page=3
  6. http://www.medicaldaily.com/7-ways-lose-weight-drinking-more-water-your-diet-247471
  7. http://www.health.com/health/gallery/0,,20639818_8,00.html
  8. http://www.webmd.com/diet/ss/slideshow-serving-sizes
  9. http://www.webmd.com/diet/lose-weight-fast-how-to-do-it-safely
  10. http://www.health.com/health/gallery/0,,20639818,00.html
  11. http://www.webmd.com/diet/ss/slideshow-serving-sizes
  12. http://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=56254
  13. http://www.webmd.com/diet/lose-weight-fast-how-to-do-it-safely?page=2
  14. http://healthyliving.azcentral.com/quickest-way-lose-weight-3-days-11133.html
  15. http://www.womenshealthmag.com/fitness/weight-exercises-women
  16. http://stronglifts.com/weight-lifting-101-the-definitive-guide-to-weight-lifting
  17. http://www.webmd.com/diet/lose-weight-fast-how-to-do-it-safely
  18. http://www.webmd.com/vitamins-and-supplements/lifestyle-guide-11/supplement-guide-vitamin-c
  19. http://nof.org/calcium#CALCIUM
  20. https://www.iofbonehealth.org/osteoporosis-musculoskeletal-disorders/osteoporosis/prevention/calcium/calcium-content-common-foods
  21. http://www.webmd.com/diet/guide/high-protein-diet-weight-loss

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,658 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา